259 ใน มหากุศลจิตดวงที่ 1 จะมีเจตสิกประกอบตามภาพครับ
260
261 เจตสิกที่ประกอบ ตาม
262
26.33
ยัง ยัง วา ปะนารัพภะ
ก็หรือว่าจิตดวงนี้ปรารภแล้วซึ่งอารมณ์ใดๆเกิดขึ้น
ตัสมิง สะมะเย
ในขณะนั้นนั่นเอง ในวาระเดียวกัน เงื่อนไขเหตุเดียวกัน ความสมบูรณ์พร้อมเดียวกันนั่นเอง ในขณะที่จิตดวงนี้เกิดขึ้นจะมีสภาวะต่างๆเกิดขึ้น พระพุทธองค์ตรัสไว้ในที่นี้ 56 ชื่อด้วยกัน มี ผัสโส เป็นต้น
เวลาฟังพระสวดท่านก็จะสวดมาถึง ตัสมิง สะมะเย โหติ แล้วท่านก็จะมาลงตอนท้ายๆนะ27.12
ตอนกลางท่านก็ตัดไว้ก่อน ละไว้ในฐานที่เข้าใจนะ แต่พวกเราไม่เข้าใจตั้งแต่ต้นก็เลยจะละหรือไม่ละก็งงตั้งแต่ต้น
พระท่านตรัสไว้ในฐานที่เข้าใจจะได้ไม่ต้องสวดเยอะนะ
ผัสโส โหติ อวิกเขโป โหติ เยวา ปะนะ ตัสมิง สะมะเย อัญเญปิ อัตถุ ปฏิจจะสมุปปันนา อะรูปิโน ธัมมา อิเมธัมมา กุสะลา
พระท่านก็จะสวดประมาณนี้ นะ ตรงกลางๆก็จะหายไป27.44
ทีนี้ท่านบอกว่า นับเจตสิกได้ตั้งแต่ ผัสโส โหติ ไล่มา ในกามาวะจะระกุศลจิตดวงที่ 1 เนี่ย จนถึง อวิกเขโป โหติ ตรงนี้ 29 เจตสิก
และเยวาปะนะกะอีก 4 + 5 ก็หรือว่า ธรรมทั้งหลายที่ไม่ใช่รูป อิงอาศัยซึ่งกันและกันเกิดขึ้นแม้อันใดมีอยู่ในขณะนั้นนั่นแหละ
ตรงนี้ เยวาปะนะกะ ตรงนี้ มี 9 ตรงนี้นะ ทีนี้ใน 9 ก็จะมี 4 + 5 นั่นแหละที่ท่านอธิบายออกมาตรงนี้ นะครับนะ 28.37
แต่ว่าท่านบอกไว้อย่างนั้นนะ ถ้าเรามาดูแล้วนับไปนับมามันก็ไม่ใช่ 29 เพราะนับไปมันจะเป็น 56 ก่อน นะครับ ทุกท่านลองนับดูใส่ตัวเลขดูนะ
1.ผัสโส
2.เวทนา
3.สัญญา
4.เจตนา
5.จิต
6.วิตักโก
7.วิจาโร
8.ปีติ
9.สุขัง
10.จิตตัสเสกัคคะตา
11.สัทธินทะริยัง
12.วิริยินทะริยัง
13.สะตินทะริยัง
14.สะมาธินทะริยัง
15.ปัญญินทะริยัง
16.มนินทะริยัง
17.โสมมนัสสินทะริยัง
18.ชีวิตตินทะริยัง
19.สัมมาทิฎฐิ
20.สัมมาสังกัปโป
21.สัมมาวายาโม
22.สัมมาสติ
23.สัมมาสมาธิ
24.สัทธาพะลัง
25.วิระยะพะลัง
26.สะติพะลัง
27.สะมาธิพะลัง
28.ปัญญาพะลัง
29.หิรีพะลัง
30.โอตตัปปะพะลัง
31.อะโลโภ
32.อะโทโส
33.อะโมโห
34.อะนะภิชฌา
35.อะพะยาปาโด
36.สัมมาทิฎฐิ
37.หิรี
38.โอตตัปปัง
39.กายัปปัสสัทธิ
40.จิตตัปปัสสัทธิ
41.กายะละหุตา
42.จิตตะละหุตา
43.กายะมุทุตา
44.จิตตะมุทุตา
45.กายะกัมมัญญะตา
46.จิตตะกัมมัญญะตา
47.กายะปาคุญญะตา
48.จิตตะปาคุญญะตา
49.กายุชุกะตา
50.จิตตุชุกะตา
51.สติ
52.สัมปะชัญญัง
53.สะมะโถ
54.วิปัสสะนา
55.ปัคคาโห
56.อวิคเขโป
31.03
จิตกับเจตสิกต้องอยู่ด้วยกันตลอดอย่างนี้
จิตกับเจตสิกต้องอยู่ด้วยกันตลอดอย่างนี้ -- พระไตรปิฎกเล่มที่ 34 ธรรมสังคณีย์
260
261 เจตสิกที่ประกอบ ตาม
262
26.33
ยัง ยัง วา ปะนารัพภะ
ก็หรือว่าจิตดวงนี้ปรารภแล้วซึ่งอารมณ์ใดๆเกิดขึ้น
ตัสมิง สะมะเย
ในขณะนั้นนั่นเอง ในวาระเดียวกัน เงื่อนไขเหตุเดียวกัน ความสมบูรณ์พร้อมเดียวกันนั่นเอง ในขณะที่จิตดวงนี้เกิดขึ้นจะมีสภาวะต่างๆเกิดขึ้น พระพุทธองค์ตรัสไว้ในที่นี้ 56 ชื่อด้วยกัน มี ผัสโส เป็นต้น
เวลาฟังพระสวดท่านก็จะสวดมาถึง ตัสมิง สะมะเย โหติ แล้วท่านก็จะมาลงตอนท้ายๆนะ27.12
ตอนกลางท่านก็ตัดไว้ก่อน ละไว้ในฐานที่เข้าใจนะ แต่พวกเราไม่เข้าใจตั้งแต่ต้นก็เลยจะละหรือไม่ละก็งงตั้งแต่ต้น
พระท่านตรัสไว้ในฐานที่เข้าใจจะได้ไม่ต้องสวดเยอะนะ
ผัสโส โหติ อวิกเขโป โหติ เยวา ปะนะ ตัสมิง สะมะเย อัญเญปิ อัตถุ ปฏิจจะสมุปปันนา อะรูปิโน ธัมมา อิเมธัมมา กุสะลา
พระท่านก็จะสวดประมาณนี้ นะ ตรงกลางๆก็จะหายไป27.44
ทีนี้ท่านบอกว่า นับเจตสิกได้ตั้งแต่ ผัสโส โหติ ไล่มา ในกามาวะจะระกุศลจิตดวงที่ 1 เนี่ย จนถึง อวิกเขโป โหติ ตรงนี้ 29 เจตสิก
และเยวาปะนะกะอีก 4 + 5 ก็หรือว่า ธรรมทั้งหลายที่ไม่ใช่รูป อิงอาศัยซึ่งกันและกันเกิดขึ้นแม้อันใดมีอยู่ในขณะนั้นนั่นแหละ
ตรงนี้ เยวาปะนะกะ ตรงนี้ มี 9 ตรงนี้นะ ทีนี้ใน 9 ก็จะมี 4 + 5 นั่นแหละที่ท่านอธิบายออกมาตรงนี้ นะครับนะ 28.37
แต่ว่าท่านบอกไว้อย่างนั้นนะ ถ้าเรามาดูแล้วนับไปนับมามันก็ไม่ใช่ 29 เพราะนับไปมันจะเป็น 56 ก่อน นะครับ ทุกท่านลองนับดูใส่ตัวเลขดูนะ
1.ผัสโส
2.เวทนา
3.สัญญา
4.เจตนา
5.จิต
6.วิตักโก
7.วิจาโร
8.ปีติ
9.สุขัง
10.จิตตัสเสกัคคะตา
11.สัทธินทะริยัง
12.วิริยินทะริยัง
13.สะตินทะริยัง
14.สะมาธินทะริยัง
15.ปัญญินทะริยัง
16.มนินทะริยัง
17.โสมมนัสสินทะริยัง
18.ชีวิตตินทะริยัง
19.สัมมาทิฎฐิ
20.สัมมาสังกัปโป
21.สัมมาวายาโม
22.สัมมาสติ
23.สัมมาสมาธิ
24.สัทธาพะลัง
25.วิระยะพะลัง
26.สะติพะลัง
27.สะมาธิพะลัง
28.ปัญญาพะลัง
29.หิรีพะลัง
30.โอตตัปปะพะลัง
31.อะโลโภ
32.อะโทโส
33.อะโมโห
34.อะนะภิชฌา
35.อะพะยาปาโด
36.สัมมาทิฎฐิ
37.หิรี
38.โอตตัปปัง
39.กายัปปัสสัทธิ
40.จิตตัปปัสสัทธิ
41.กายะละหุตา
42.จิตตะละหุตา
43.กายะมุทุตา
44.จิตตะมุทุตา
45.กายะกัมมัญญะตา
46.จิตตะกัมมัญญะตา
47.กายะปาคุญญะตา
48.จิตตะปาคุญญะตา
49.กายุชุกะตา
50.จิตตุชุกะตา
51.สติ
52.สัมปะชัญญัง
53.สะมะโถ
54.วิปัสสะนา
55.ปัคคาโห
56.อวิคเขโป
31.03
จิตกับเจตสิกต้องอยู่ด้วยกันตลอดอย่างนี้