ขอมาแชร์ประสบการณ์ตรง เป็นอุทาหรณ์ให้ทุกคน โดยเฉพาะคนที่คิดจะสั่งของชิ้นใหญ่ ของแพง ๆ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Lazada
เรื่องนี้ผมเจอกับตัวเอง และต่อให้วันนี้ผมจะได้เงินคืนเรียบร้อยแล้ว แต่ผมไม่มีวันลืมว่าผมต้องแลกกับอะไรบ้าง กว่าจะได้มันกลับมา
ผมสั่ง iPhone 15 (256GB) ราคา 29,990 บาท จาก Lazada
หลังจากได้รับของได้เพียง “วันเดียว” เท่านั้น ก็มีเหตุจำเป็นต้องใช้เงินด่วน
เลยตัดสินใจ “ขอคืนสินค้า” ซึ่ง เป็นสิทธิ์ตามเงื่อนไขของ Lazada ที่อนุญาตให้คืนสินค้าได้ภายใน 30 วัน หากยังไม่ถูกเปิดหรือใช้งาน
จริง ๆ แล้ว ผมตั้งใจจะ “ปฏิเสธรับพัสดุ” ตั้งแต่แรก
แต่พนักงานจาก Flash Express ไม่ได้โทรมาก่อนตามที่ควรทำ และวางพัสดุไว้หน้าบ้านเลยโดยไม่แจ้ง
ผมมาเจอภายหลังถึงรู้ว่าได้รับของเรียบร้อยแล้ว และเนื่องจากยังไม่ได้แกะอะไรเลย จึงดำเนินการคืนตามสิทธิ์ที่ลาซาด้าระบุไว้ชัดเจน
• ผมยังไม่ได้แกะกล่องสินค้าเลยแม้แต่นิดเดียว
• กล่องพัสดุก็ยังไม่ได้เปิด — ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมตอนที่ได้รับมา
• ผมถ่ายรูปและวิดีโอก่อนส่งคืนไว้ทั้งหมด เพื่อเป็นหลักฐานว่าของยังอยู่ครบ สภาพเดิม
• เลือกให้ Flash Express มารับสินค้าถึงหน้าบ้าน
ตอนแรกยังลังเลจะปฏิเสธรับของเลย เพราะตอนที่พนักงานมาส่ง เขาไม่ได้โทรมาก่อน และ เอาพัสดุตั้งไว้หน้าบ้าน
แต่สุดท้ายก็เอามาเก็บไว้ เพราะไม่ได้แกะ และตั้งใจจะคืนอย่างถูกต้อง
ปัญหาเริ่มขึ้นตอนที่ Lazada ได้รับพัสดุคืนไปแล้ว
Lazada แจ้งผมว่า “ไม่สามารถคืนเงินได้ เพราะกล่องสินค้าเสียหาย (กล่องบุบ)”
ทั้งที่ผมส่งคืนด้วยกล่องที่อยู่ในสภาพดี และมีหลักฐานวิดีโอ+ภาพชัดเจน
ผมแจ้งไปพร้อมแนบหลักฐาน แต่คำตอบจากลาซาด้าคือปฏิเสธเช่นเดิม และจะส่งสินค้ากลับคืนให้ผม
ระหว่างรอพัสดุตีกลับ ผมติดต่อคอลเซ็นเตอร์ของ Lazada พนักงานแนะนำว่า
“หากอยากได้เงินคืน ให้ปฏิเสธรับพัสดุจากขนส่ง เพื่อให้พัสดุตีกลับไปยังคลัง และเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบอีกครั้ง”
ผมทำตามนั้นเป๊ะ — ปฏิเสธรับพัสดุ และพัสดุก็ถูกส่งกลับไปยังคลัง Lazada อีกรอบ
ใช้เวลาหลายวันมาก จนในที่สุด Lazada แจ้งผลตรวจสอบเหมือนเดิมว่า “ไม่สามารถคืนเงินได้ เพราะกล่องบุบ”
ผมยังไม่ยอมแพ้ และเตรียมหลักฐานแน่นกว่าเดิม คราวนี้ Lazada ส่งของกลับมาให้ผมอีกครั้ง
แต่รอบนี้เปลี่ยนมาใช้ขนส่ง Kerry
สิ่งที่ผมเจอครั้งนี้คือจุดที่ทำให้ผมช็อกและหัวใจจะวาย — ผมเปิดกล่องพัสดุต่อหน้ากล้องทันที แล้วพบว่า “ของหาย”
ในกล่องไม่มีสินค้าอะไรอยู่เลย เหลือแต่กล่องเปล่า!
ของที่ผมคืนคือ iPhone 15 แต่สิ่งที่ได้คืนมาคือ “อากาศ”
ผมรีบแจ้ง Lazada พร้อมแนบวิดีโอหลักฐานการเปิดกล่อง
แต่คำตอบที่ได้ก็ยังวนลูปเหมือนเดิม ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีคำขอโทษ ไม่มีการรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น
⸻
หลังจากนั้น ผมเข้าสู่โหมดตามทวงแบบไม่มีวันยอมแพ้
• เปิดคำร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าในระบบแชทของ Lazada
ทุกครั้งที่พนักงานปิดคำร้อง ผมก็เปิดใหม่แนบหลักฐานใหม่อีกครั้ง
• โทรศัพท์หา Call Center วันละ 2-3 รอบ ทุกวัน ไม่มีวันเว้น
• กดดันจนผมเครียดถึงขั้นร้องไห้ เพราะรู้สึกว่าเราทำทุกอย่างถูกต้องหมด แต่ไม่มีใครแสดงความรับผิดชอบเลย
• ผมถึงขั้น จะยื่นฟ้องศาลออนไลน์ (มีหลักฐานครบ) และได้ ฟ้อง สคบ. ไป 2 ครั้ง — แต่เงียบสนิท
• ผมลงเรื่องราวทั้งหมดใน TikTok เพื่อบอกให้คนอื่นรู้
และพบว่ามีหลายคนเจอ “ปัญหาแบบเดียวกัน” กับผม — โดยเฉพาะเรื่องของหายตอนส่งคืน หรือถูกปฏิเสธเพราะกล่องบุบ
⸻
สุดท้าย… หลังจากการต่อสู้กว่า 1 เดือนครึ่ง ผมได้รับเงินคืน 29,990 บาท “ครบทุกบาท”
แต่ผมไม่รู้จะเรียกมันว่าชนะหรือเปล่า
เพราะกว่าจะได้มันคืน ต้องเสียทั้งแรงกาย แรงใจ เวลา ความเครียด ความกลัว และน้ำตาไปเยอะมาก
⸻
บทเรียนจากเรื่องนี้คือ… ต่อให้คุณทำถูกทุกขั้นตอน มีหลักฐานแน่นแค่ไหน ถ้าระบบบริการหลังการขายไม่แข็งแรงพอ ผู้บริโภคก็ยังต้องต่อสู้ลำพังอยู่ดี
และถ้าไม่ดันสุดทาง — โอกาสที่คุณจะเสียเงินฟรีก็มีสูงมาก
ฝากเตือนทุกคนครับ
ก่อนจะซื้อของแพง ๆ บนแพลตฟอร์มออนไลน์ คิดให้รอบคอบ ตรวจให้แน่น และต้องรู้สิทธิ์ของตัวเองอย่างแท้จริง
ซื้อ iPhone 15 ราคาเกือบ 30,000 จาก Lazada — ส่งคืนตามกฎ สุดท้ายของหาย กว่าจะได้เงินคืน เหนื่อยแทบขาดใจ
เรื่องนี้ผมเจอกับตัวเอง และต่อให้วันนี้ผมจะได้เงินคืนเรียบร้อยแล้ว แต่ผมไม่มีวันลืมว่าผมต้องแลกกับอะไรบ้าง กว่าจะได้มันกลับมา
ผมสั่ง iPhone 15 (256GB) ราคา 29,990 บาท จาก Lazada
หลังจากได้รับของได้เพียง “วันเดียว” เท่านั้น ก็มีเหตุจำเป็นต้องใช้เงินด่วน
เลยตัดสินใจ “ขอคืนสินค้า” ซึ่ง เป็นสิทธิ์ตามเงื่อนไขของ Lazada ที่อนุญาตให้คืนสินค้าได้ภายใน 30 วัน หากยังไม่ถูกเปิดหรือใช้งาน
จริง ๆ แล้ว ผมตั้งใจจะ “ปฏิเสธรับพัสดุ” ตั้งแต่แรก
แต่พนักงานจาก Flash Express ไม่ได้โทรมาก่อนตามที่ควรทำ และวางพัสดุไว้หน้าบ้านเลยโดยไม่แจ้ง
ผมมาเจอภายหลังถึงรู้ว่าได้รับของเรียบร้อยแล้ว และเนื่องจากยังไม่ได้แกะอะไรเลย จึงดำเนินการคืนตามสิทธิ์ที่ลาซาด้าระบุไว้ชัดเจน
• ผมยังไม่ได้แกะกล่องสินค้าเลยแม้แต่นิดเดียว
• กล่องพัสดุก็ยังไม่ได้เปิด — ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมตอนที่ได้รับมา
• ผมถ่ายรูปและวิดีโอก่อนส่งคืนไว้ทั้งหมด เพื่อเป็นหลักฐานว่าของยังอยู่ครบ สภาพเดิม
• เลือกให้ Flash Express มารับสินค้าถึงหน้าบ้าน
ตอนแรกยังลังเลจะปฏิเสธรับของเลย เพราะตอนที่พนักงานมาส่ง เขาไม่ได้โทรมาก่อน และ เอาพัสดุตั้งไว้หน้าบ้าน
แต่สุดท้ายก็เอามาเก็บไว้ เพราะไม่ได้แกะ และตั้งใจจะคืนอย่างถูกต้อง
ปัญหาเริ่มขึ้นตอนที่ Lazada ได้รับพัสดุคืนไปแล้ว
Lazada แจ้งผมว่า “ไม่สามารถคืนเงินได้ เพราะกล่องสินค้าเสียหาย (กล่องบุบ)”
ทั้งที่ผมส่งคืนด้วยกล่องที่อยู่ในสภาพดี และมีหลักฐานวิดีโอ+ภาพชัดเจน
ผมแจ้งไปพร้อมแนบหลักฐาน แต่คำตอบจากลาซาด้าคือปฏิเสธเช่นเดิม และจะส่งสินค้ากลับคืนให้ผม
ระหว่างรอพัสดุตีกลับ ผมติดต่อคอลเซ็นเตอร์ของ Lazada พนักงานแนะนำว่า
“หากอยากได้เงินคืน ให้ปฏิเสธรับพัสดุจากขนส่ง เพื่อให้พัสดุตีกลับไปยังคลัง และเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบอีกครั้ง”
ผมทำตามนั้นเป๊ะ — ปฏิเสธรับพัสดุ และพัสดุก็ถูกส่งกลับไปยังคลัง Lazada อีกรอบ
ใช้เวลาหลายวันมาก จนในที่สุด Lazada แจ้งผลตรวจสอบเหมือนเดิมว่า “ไม่สามารถคืนเงินได้ เพราะกล่องบุบ”
ผมยังไม่ยอมแพ้ และเตรียมหลักฐานแน่นกว่าเดิม คราวนี้ Lazada ส่งของกลับมาให้ผมอีกครั้ง
แต่รอบนี้เปลี่ยนมาใช้ขนส่ง Kerry
สิ่งที่ผมเจอครั้งนี้คือจุดที่ทำให้ผมช็อกและหัวใจจะวาย — ผมเปิดกล่องพัสดุต่อหน้ากล้องทันที แล้วพบว่า “ของหาย”
ในกล่องไม่มีสินค้าอะไรอยู่เลย เหลือแต่กล่องเปล่า!
ของที่ผมคืนคือ iPhone 15 แต่สิ่งที่ได้คืนมาคือ “อากาศ”
ผมรีบแจ้ง Lazada พร้อมแนบวิดีโอหลักฐานการเปิดกล่อง
แต่คำตอบที่ได้ก็ยังวนลูปเหมือนเดิม ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีคำขอโทษ ไม่มีการรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น
⸻
หลังจากนั้น ผมเข้าสู่โหมดตามทวงแบบไม่มีวันยอมแพ้
• เปิดคำร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าในระบบแชทของ Lazada
ทุกครั้งที่พนักงานปิดคำร้อง ผมก็เปิดใหม่แนบหลักฐานใหม่อีกครั้ง
• โทรศัพท์หา Call Center วันละ 2-3 รอบ ทุกวัน ไม่มีวันเว้น
• กดดันจนผมเครียดถึงขั้นร้องไห้ เพราะรู้สึกว่าเราทำทุกอย่างถูกต้องหมด แต่ไม่มีใครแสดงความรับผิดชอบเลย
• ผมถึงขั้น จะยื่นฟ้องศาลออนไลน์ (มีหลักฐานครบ) และได้ ฟ้อง สคบ. ไป 2 ครั้ง — แต่เงียบสนิท
• ผมลงเรื่องราวทั้งหมดใน TikTok เพื่อบอกให้คนอื่นรู้
และพบว่ามีหลายคนเจอ “ปัญหาแบบเดียวกัน” กับผม — โดยเฉพาะเรื่องของหายตอนส่งคืน หรือถูกปฏิเสธเพราะกล่องบุบ
⸻
สุดท้าย… หลังจากการต่อสู้กว่า 1 เดือนครึ่ง ผมได้รับเงินคืน 29,990 บาท “ครบทุกบาท”
แต่ผมไม่รู้จะเรียกมันว่าชนะหรือเปล่า
เพราะกว่าจะได้มันคืน ต้องเสียทั้งแรงกาย แรงใจ เวลา ความเครียด ความกลัว และน้ำตาไปเยอะมาก
⸻
บทเรียนจากเรื่องนี้คือ… ต่อให้คุณทำถูกทุกขั้นตอน มีหลักฐานแน่นแค่ไหน ถ้าระบบบริการหลังการขายไม่แข็งแรงพอ ผู้บริโภคก็ยังต้องต่อสู้ลำพังอยู่ดี
และถ้าไม่ดันสุดทาง — โอกาสที่คุณจะเสียเงินฟรีก็มีสูงมาก
ฝากเตือนทุกคนครับ
ก่อนจะซื้อของแพง ๆ บนแพลตฟอร์มออนไลน์ คิดให้รอบคอบ ตรวจให้แน่น และต้องรู้สิทธิ์ของตัวเองอย่างแท้จริง