---
มันเป็นช่วงชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ฉันได้เผชิญกับปัญหาหลายอย่างที่มาพร้อมกับความสูญเสียค่ะ
หลังจากที่แม่จากไปเพียง 20 วัน สถานการณ์ทางการเงินก็ย่ำแย่ ฉันต้องหางานใหม่เพื่อเริ่มต้นชีวิต แม้จะเศร้าและอ่อนแอลงจากการสูญเสีย แต่ก็พยายามที่จะเดินหน้าต่อไปค่ะ
ฉันได้เริ่มต้นทำงานบริษัทใหม่ เป็นบริษัทใหญ่ ฉันถูกส่งไปไซส์งานในจังหวัดใกล้กรุงเทพฯ ฉันได้พบกับเพื่อนร่วมงานที่บางคนนอกจากจะไม่เห็นใจแล้วบางคนกลับสร้างปัญหาหลายอย่างให้กับฉัน เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่เป็นหลานของผู้บริหารมักกลั่นแกล้ง ฉันถูกจับผิดและถูกวิจารณ์อย่างต่อเนื่องจากงานที่ฉันทำ บางครั้งเขาจงใจทำให้ฉันรู้สึกไร้ความสามารถต่อหน้าลูกค้าและเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ บางครั้งพวกเขายังบูลลี่หน้าตาและสำเนียงของฉันอีกด้วย ส่วนผู้จัดการก็เมินเฉย
ท่ามกลางความกดดันนั้น มีเพียงหัวหน้าช่างคนหนึ่งที่ยังคอยเป็นกำลังใจให้ฉัน เเต่ต่อมาไม่นานเขากลับย้ายช่างในทีมของเขาออก เพื่อนำเพื่อนของเขาเข้ามาแทนที่ เขาพยายามสร้างความสัมพันธ์ของเพื่อนเขากับฉันโดยการแนะนำเพื่อนที่อายุห่างจากฉันมากถึง 20 ปีให้ฉัน แต่ในขณะที่ฉันยังไม่พร้อมที่จะมีความสัมพันธ์แบบนั้น พวกเขาก็ยังพยายามผลักดันจนเกิดความไม่สบายใจ
แม้ว่าหลังจากนั้นหลานผู้บริหารจะเริ่มมีท่าทีที่ดีขึ้นกับฉัน และเพื่อนร่วมงานบางคนเริ่มให้ความสนใจน้อยลง ผู้จัดการก็เริ่มช่วยฉันมาขึ้น แต่สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้นมากนัก เมื่อเพื่อนหัวหน้าเริ่มส่งข้อความส่วนตัวมาหาฉัน แต่ฉันไม่อยากตอบกลับจึงตอบกลับตัดประโยคอย่าง ฝันดีนะคะ หรือ 555 เพื่อให้หยุดส่ง พอมาคิดตอนนี้มันเป็นการกระทำที่โง่มาก ฉันแค่ไม่ชอบ แต่ไม่อยากถูกพวกเขาเกลียดอีก ฉันพึ่งสูญเสียทุกอย่าง
"
และที่แห่งนั้นคือโลกทั้งใบของฉัน ฉันไม่อยากเสียมันไป คิดโง่ๆว่าถ้ายอมเอาใจอาจจะมีที่ยืนเล็กๆให้ฉันบ้าง"
ฉันทนมาตลอด แต่ในขณะเดียวกัน ฉันเริ่มรู้สึกว่าความเครียดและความกดดันจากการทำงานมีมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ฉันทำงานพลาดบ่อยครั้ง
ระหว่างนั้น เพื่อนหัวหน้าช่างเริ่มแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เขาจับตัวฉันบ่อยครั้ง ทั้งที่ฉันพยายามจะหลีกเลี่ยง และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เขามักจะพยายามส่งข้อความที่ลามกมาให้ ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกตกใจและไม่รู้ว่าควรตอบกลับอย่างไรนอกจาก 55 เขายังพยายามทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจ ฉันไม่กล้าปฎิเสธ แต่กลับกันฉันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะกลัวจะตกงานเหมือนช่างคนก่อนที่ถูกย้ายไป
ความเครียดและการป่วยกายเริ่มเพิ่มขึ้นตามลำดับ วันหนึ่งฉันเริ่มมีอาการปวดหัวและอาเจียนในที่ทำงาน ฉันรู้สึกไม่ดีจนต้องขออนุญาต ผจก. ไปพัก โดยพวกเขาบอกให้ฉันตามเพื่อนหัวหน้าช่างไปเพราะเขาเสนอตัวและฉันไม่กล้าปฎิเสธ เขาจับมือฉันตลอดทาง ฉันพยายามเดินออกแค่ไม่โวยวาย เพราะกลัวเขาไม่พอใจ ฉันรู้สึกยิ่งเครียดและไม่มั่นคงมากขึ้น ถึงห้องพักฉัน ฉันล้มตัวนอนทันทีเพราะปวดหัวมาก และตาก็มองอะไรไม่เห็นเลย แต่เพื่อนหัวหน้าช่างเขากลับฉวยโอกาสก้มตัวลงมาล็อคตัวจูบไซ้คอฉัน ฉันเอามือกันเเละบอกให้หยุด เขาหยุดและเดินออกไป ฉันร้องไห้จนหลับไป ตื่นมาเดินกลับไปทำงานต่อ เขาตามมาดักรอหน้าห้อง ฉันยังคุยกับเขาเหมือนปกติ ฉันไม่รู้ทำไมฉันทำแบบนี้ ทำไมต้องพยายามเอาใจคนที่ฉันเกลียดๆๆๆๆๆมากๆๆๆๆ ทุกคน
((((((ความรู้สึกผิดหวังและความกลัวยังคงตามหลอกหลอนฉัน)))))))
เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้น ฉันพยายามขอความช่วยเหลือจากผจก. และแจ้งว่าไม่ชอบพฤติกรรมของเพื่อนร่วมงาน แต่กลับได้รับการเมินจากผจก. ซึ่งบอกเพียงแค่เขาชอบฉันเท่านั้น ฉันรู้สึกว่าไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก และชีวิตการทำงานก็กลับมาทุกข์ทรมานเหมือนเดิม
เรื่องราวเหล่านี้ทำให้ฉันรู้สึกท้อแท้และหมดกำลังใจคิดจะ ฆตต ทุกวันๆ ฉันพยายามดิ้นรนร้องเรียนถึงผู้ใหญ่เพื่อขอย้ายไซส์งาน เหล่านี้ฉันโดนพวกเขาลากไปต่อว่าท่ามกลางผู้คน เพราะฉันไม่ปฎิเสธแต่แรก ฉันพัง ฉันเคารพเธอมาตลอด แต่รู้สึกตัวเองเป็นแค่เครื่องมือที่พอใช้งานไม่ได้แล้วก็โยนทิ้งได้ทุกเมื่อ เป็นเหมือนถังขยะที่ใครจะทิ้งอะไรก็ต้องรับไว้ ถ้ารับไม่ได้เมื่อไรก็ไร้ประโยชน์ ทุกอย่างเหมือนฉันสมยอมเองไปหมด ทั้งที่ฉันไม่ได้อะไรจากเขาเลย ฉันไม่เคยเรียกร้อง แม้แต่ชื่อเขานอกจากนั้นฉันยังไม่รู้ และไม่อยากรู้อะไรด้วยซ้ำ เขาแก่คราวพ่อของฉัน ทำไมไม่มีใครเชื่อฉันเลย ฉันทำอะไรผิดถึงได้โกธนเกลียดฉันถึงขนาดนั้น จนกระทั่งจุดหนึ่งที่ฉันต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่าต้องลาออก
เเต่เวลาผ่านมา 3 เดือน ฉันฝันร้ายทุกครั้ง มันผิดพลาดไปตรงไหน ชีวิตของฉันพังลง ทำไมต้องเป็นฉัน? ฉันไม่เข้าใจทำไมพวกเขาถึงเกลียดฉันนัก? ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะสามารถมีชีวิตต่อไปอย่างไร.
ขอใครสักคน...
มันเป็นช่วงชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ฉันได้เผชิญกับปัญหาหลายอย่างที่มาพร้อมกับความสูญเสียค่ะ
หลังจากที่แม่จากไปเพียง 20 วัน สถานการณ์ทางการเงินก็ย่ำแย่ ฉันต้องหางานใหม่เพื่อเริ่มต้นชีวิต แม้จะเศร้าและอ่อนแอลงจากการสูญเสีย แต่ก็พยายามที่จะเดินหน้าต่อไปค่ะ
ฉันได้เริ่มต้นทำงานบริษัทใหม่ เป็นบริษัทใหญ่ ฉันถูกส่งไปไซส์งานในจังหวัดใกล้กรุงเทพฯ ฉันได้พบกับเพื่อนร่วมงานที่บางคนนอกจากจะไม่เห็นใจแล้วบางคนกลับสร้างปัญหาหลายอย่างให้กับฉัน เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่เป็นหลานของผู้บริหารมักกลั่นแกล้ง ฉันถูกจับผิดและถูกวิจารณ์อย่างต่อเนื่องจากงานที่ฉันทำ บางครั้งเขาจงใจทำให้ฉันรู้สึกไร้ความสามารถต่อหน้าลูกค้าและเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ บางครั้งพวกเขายังบูลลี่หน้าตาและสำเนียงของฉันอีกด้วย ส่วนผู้จัดการก็เมินเฉย
ท่ามกลางความกดดันนั้น มีเพียงหัวหน้าช่างคนหนึ่งที่ยังคอยเป็นกำลังใจให้ฉัน เเต่ต่อมาไม่นานเขากลับย้ายช่างในทีมของเขาออก เพื่อนำเพื่อนของเขาเข้ามาแทนที่ เขาพยายามสร้างความสัมพันธ์ของเพื่อนเขากับฉันโดยการแนะนำเพื่อนที่อายุห่างจากฉันมากถึง 20 ปีให้ฉัน แต่ในขณะที่ฉันยังไม่พร้อมที่จะมีความสัมพันธ์แบบนั้น พวกเขาก็ยังพยายามผลักดันจนเกิดความไม่สบายใจ
แม้ว่าหลังจากนั้นหลานผู้บริหารจะเริ่มมีท่าทีที่ดีขึ้นกับฉัน และเพื่อนร่วมงานบางคนเริ่มให้ความสนใจน้อยลง ผู้จัดการก็เริ่มช่วยฉันมาขึ้น แต่สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้นมากนัก เมื่อเพื่อนหัวหน้าเริ่มส่งข้อความส่วนตัวมาหาฉัน แต่ฉันไม่อยากตอบกลับจึงตอบกลับตัดประโยคอย่าง ฝันดีนะคะ หรือ 555 เพื่อให้หยุดส่ง พอมาคิดตอนนี้มันเป็นการกระทำที่โง่มาก ฉันแค่ไม่ชอบ แต่ไม่อยากถูกพวกเขาเกลียดอีก ฉันพึ่งสูญเสียทุกอย่าง
" และที่แห่งนั้นคือโลกทั้งใบของฉัน ฉันไม่อยากเสียมันไป คิดโง่ๆว่าถ้ายอมเอาใจอาจจะมีที่ยืนเล็กๆให้ฉันบ้าง"
ฉันทนมาตลอด แต่ในขณะเดียวกัน ฉันเริ่มรู้สึกว่าความเครียดและความกดดันจากการทำงานมีมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ฉันทำงานพลาดบ่อยครั้ง
ระหว่างนั้น เพื่อนหัวหน้าช่างเริ่มแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เขาจับตัวฉันบ่อยครั้ง ทั้งที่ฉันพยายามจะหลีกเลี่ยง และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เขามักจะพยายามส่งข้อความที่ลามกมาให้ ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกตกใจและไม่รู้ว่าควรตอบกลับอย่างไรนอกจาก 55 เขายังพยายามทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจ ฉันไม่กล้าปฎิเสธ แต่กลับกันฉันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะกลัวจะตกงานเหมือนช่างคนก่อนที่ถูกย้ายไป
ความเครียดและการป่วยกายเริ่มเพิ่มขึ้นตามลำดับ วันหนึ่งฉันเริ่มมีอาการปวดหัวและอาเจียนในที่ทำงาน ฉันรู้สึกไม่ดีจนต้องขออนุญาต ผจก. ไปพัก โดยพวกเขาบอกให้ฉันตามเพื่อนหัวหน้าช่างไปเพราะเขาเสนอตัวและฉันไม่กล้าปฎิเสธ เขาจับมือฉันตลอดทาง ฉันพยายามเดินออกแค่ไม่โวยวาย เพราะกลัวเขาไม่พอใจ ฉันรู้สึกยิ่งเครียดและไม่มั่นคงมากขึ้น ถึงห้องพักฉัน ฉันล้มตัวนอนทันทีเพราะปวดหัวมาก และตาก็มองอะไรไม่เห็นเลย แต่เพื่อนหัวหน้าช่างเขากลับฉวยโอกาสก้มตัวลงมาล็อคตัวจูบไซ้คอฉัน ฉันเอามือกันเเละบอกให้หยุด เขาหยุดและเดินออกไป ฉันร้องไห้จนหลับไป ตื่นมาเดินกลับไปทำงานต่อ เขาตามมาดักรอหน้าห้อง ฉันยังคุยกับเขาเหมือนปกติ ฉันไม่รู้ทำไมฉันทำแบบนี้ ทำไมต้องพยายามเอาใจคนที่ฉันเกลียดๆๆๆๆๆมากๆๆๆๆ ทุกคน
((((((ความรู้สึกผิดหวังและความกลัวยังคงตามหลอกหลอนฉัน)))))))
เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้น ฉันพยายามขอความช่วยเหลือจากผจก. และแจ้งว่าไม่ชอบพฤติกรรมของเพื่อนร่วมงาน แต่กลับได้รับการเมินจากผจก. ซึ่งบอกเพียงแค่เขาชอบฉันเท่านั้น ฉันรู้สึกว่าไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก และชีวิตการทำงานก็กลับมาทุกข์ทรมานเหมือนเดิม
เรื่องราวเหล่านี้ทำให้ฉันรู้สึกท้อแท้และหมดกำลังใจคิดจะ ฆตต ทุกวันๆ ฉันพยายามดิ้นรนร้องเรียนถึงผู้ใหญ่เพื่อขอย้ายไซส์งาน เหล่านี้ฉันโดนพวกเขาลากไปต่อว่าท่ามกลางผู้คน เพราะฉันไม่ปฎิเสธแต่แรก ฉันพัง ฉันเคารพเธอมาตลอด แต่รู้สึกตัวเองเป็นแค่เครื่องมือที่พอใช้งานไม่ได้แล้วก็โยนทิ้งได้ทุกเมื่อ เป็นเหมือนถังขยะที่ใครจะทิ้งอะไรก็ต้องรับไว้ ถ้ารับไม่ได้เมื่อไรก็ไร้ประโยชน์ ทุกอย่างเหมือนฉันสมยอมเองไปหมด ทั้งที่ฉันไม่ได้อะไรจากเขาเลย ฉันไม่เคยเรียกร้อง แม้แต่ชื่อเขานอกจากนั้นฉันยังไม่รู้ และไม่อยากรู้อะไรด้วยซ้ำ เขาแก่คราวพ่อของฉัน ทำไมไม่มีใครเชื่อฉันเลย ฉันทำอะไรผิดถึงได้โกธนเกลียดฉันถึงขนาดนั้น จนกระทั่งจุดหนึ่งที่ฉันต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่าต้องลาออก
เเต่เวลาผ่านมา 3 เดือน ฉันฝันร้ายทุกครั้ง มันผิดพลาดไปตรงไหน ชีวิตของฉันพังลง ทำไมต้องเป็นฉัน? ฉันไม่เข้าใจทำไมพวกเขาถึงเกลียดฉันนัก? ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะสามารถมีชีวิตต่อไปอย่างไร.