085🌟 การเจริญอินทรีย์ในพระพุทธศาสนา 🌟
🔎 ปัญหา:
ในลัทธิอื่นบางลัทธิ เช่น ลัทธิของปาราสิริยพราหมณ์
สอนให้สำรวมอินทรีย์อย่างเคร่งครัด เช่น
🚫 ไม่ให้เห็นรูปด้วยจักษุ
🚫 ไม่ให้ฟังเสียงด้วยโสต เป็นต้น
📌 พระผู้มีพระภาคทรงมีทรรศนะอย่างไร?
🟡 พุทธดำรัสตอบ:
👁️ "ดูก่อนอุตตระ..."
ถ้าหากการเจริญอินทรีย์เป็นเช่นนั้นจริง
ผู้ที่เจริญอินทรีย์แล้ว ต้องกลายเป็นคนตาบอด
และ ต้องเป็นคนหูหนวก
🔹 เพราะ "คนตาบอดไม่เห็นรูปด้วยจักษุ"
🔹 และ "คนหูหนวกไม่ได้ยินเสียงด้วยโสต"
💡 "เจริญอินทรีย์" อย่างแท้จริงต้องเป็นอย่างไร?
👂 พระพุทธองค์ตรัสกับพระอานนท์ว่า:
✅ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เมื่อเห็นรูป ได้ยินเสียง ดมกลิ่น ลิ้มรส สัมผัส หรือรับรู้ธรรมารมณ์
✅ หากเกิด "ความชอบใจ" หรือ "ความไม่ชอบใจ" ขึ้น
✅ เธอรู้ชัดว่า... สิ่งเหล่านี้เป็นของหยาบ เป็นสิ่งที่อาศัยกันเกิดขึ้น
✅ ยังมีสิ่งที่ละเอียดและประณีตกว่า นั่นคือ "อุเบกขา"
🔥 ดังนั้น เธอจึงดับความชอบใจและไม่ชอบใจนั้นเสีย
🔥 และ ดำรงอยู่ในอุเบกขา
🌿 การเจริญอินทรีย์ที่แท้จริง เป็นอย่างไร?
🧘♂️ ภิกษุผู้ฝึกฝนตนอย่างดี
✅ สามารถ ดับความชอบใจและไม่ชอบใจได้อย่างรวดเร็ว
✅ เปรียบเสมือนบุรุษผู้มีตาดี กะพริบตาได้โดยไม่ลำบาก
✅ อุเบกขาจึง ดำรงมั่นอยู่ในจิตของเธอ
💎 นี่คือการเจริญอินทรีย์ที่ประณีตที่สุด
💎 เป็นวิธีที่ ไม่มีวิธีอื่นยิ่งกว่าในวินัยของพระอริยะ
🌸 สรุป:
✅ พระพุทธศาสนา ไม่สอนให้ปิดกั้นอินทรีย์
✅ แต่สอนให้ "รู้เท่าทัน" และ "ไม่ยึดติด"
✅ ไม่ใช่ปิดตา ปิดหู แต่ รู้จักปล่อยวางด้วยปัญญา
✅ จิตที่ตั้งมั่นใน "อุเบกขา" คือการเจริญอินทรีย์อย่างแท้จริง
📖 อินทริยภาวนาสูตร (อุ. ม. ๘๕๖)
📚 ตบ. ๑๔ : ๕๔๒ / ตท. ๑๔ : ๔๖๔-๔๖๗
📘 MLS. III : ๓๔๗-๓๔๙
🙏 ขอให้ทุกท่านเจริญในอินทรีย์ ด้วยปัญญาและอุเบกขา 🙏
พระพุทธเจ้าแก้ธรรมพวกให้สำรวมอินทรีย์อย่างคร่ง
🔎 ปัญหา:
ในลัทธิอื่นบางลัทธิ เช่น ลัทธิของปาราสิริยพราหมณ์
สอนให้สำรวมอินทรีย์อย่างเคร่งครัด เช่น
🚫 ไม่ให้เห็นรูปด้วยจักษุ
🚫 ไม่ให้ฟังเสียงด้วยโสต เป็นต้น
📌 พระผู้มีพระภาคทรงมีทรรศนะอย่างไร?
🟡 พุทธดำรัสตอบ:
👁️ "ดูก่อนอุตตระ..."
ถ้าหากการเจริญอินทรีย์เป็นเช่นนั้นจริง
ผู้ที่เจริญอินทรีย์แล้ว ต้องกลายเป็นคนตาบอด
และ ต้องเป็นคนหูหนวก
🔹 เพราะ "คนตาบอดไม่เห็นรูปด้วยจักษุ"
🔹 และ "คนหูหนวกไม่ได้ยินเสียงด้วยโสต"
💡 "เจริญอินทรีย์" อย่างแท้จริงต้องเป็นอย่างไร?
👂 พระพุทธองค์ตรัสกับพระอานนท์ว่า:
✅ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เมื่อเห็นรูป ได้ยินเสียง ดมกลิ่น ลิ้มรส สัมผัส หรือรับรู้ธรรมารมณ์
✅ หากเกิด "ความชอบใจ" หรือ "ความไม่ชอบใจ" ขึ้น
✅ เธอรู้ชัดว่า... สิ่งเหล่านี้เป็นของหยาบ เป็นสิ่งที่อาศัยกันเกิดขึ้น
✅ ยังมีสิ่งที่ละเอียดและประณีตกว่า นั่นคือ "อุเบกขา"
🔥 ดังนั้น เธอจึงดับความชอบใจและไม่ชอบใจนั้นเสีย
🔥 และ ดำรงอยู่ในอุเบกขา
🌿 การเจริญอินทรีย์ที่แท้จริง เป็นอย่างไร?
🧘♂️ ภิกษุผู้ฝึกฝนตนอย่างดี
✅ สามารถ ดับความชอบใจและไม่ชอบใจได้อย่างรวดเร็ว
✅ เปรียบเสมือนบุรุษผู้มีตาดี กะพริบตาได้โดยไม่ลำบาก
✅ อุเบกขาจึง ดำรงมั่นอยู่ในจิตของเธอ
💎 นี่คือการเจริญอินทรีย์ที่ประณีตที่สุด
💎 เป็นวิธีที่ ไม่มีวิธีอื่นยิ่งกว่าในวินัยของพระอริยะ
🌸 สรุป:
✅ พระพุทธศาสนา ไม่สอนให้ปิดกั้นอินทรีย์
✅ แต่สอนให้ "รู้เท่าทัน" และ "ไม่ยึดติด"
✅ ไม่ใช่ปิดตา ปิดหู แต่ รู้จักปล่อยวางด้วยปัญญา
✅ จิตที่ตั้งมั่นใน "อุเบกขา" คือการเจริญอินทรีย์อย่างแท้จริง
📖 อินทริยภาวนาสูตร (อุ. ม. ๘๕๖)
📚 ตบ. ๑๔ : ๕๔๒ / ตท. ๑๔ : ๔๖๔-๔๖๗
📘 MLS. III : ๓๔๗-๓๔๙
🙏 ขอให้ทุกท่านเจริญในอินทรีย์ ด้วยปัญญาและอุเบกขา 🙏