[๒๒๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
นายโคบาลผู้ประกอบด้วยองค์ ๑๑ ประการเป็นผู้ไม่สามารถจะเลี้ยงฝูงโคให้เจริญแพร่หลายได้
องค์ ๑๑ ประการเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นายโคบาลในโลกนี้
ย่อมไม่รู้จักรูป ๑
ไม่ฉลาดในลักษณะ ๑
ไม่กำจัดไข่ขัง ๑
ไม่ปกปิดแผล ๑
ไม่สุมไฟ ๑
ไม่รู้ท่าน้ำ ๑
ไม่รู้ว่าโคดื่มน้ำแล้วหรือยัง ๑
ไม่รู้ทาง ๑
ไม่ฉลาดในที่หากิน ๑
รีดนมไม่ให้มีเหลือ ๑
ไม่บูชาโคผู้ทั้งหลายที่เป็นพ่อฝูงโค เป็นผู้นำฝูงโคด้วยการบูชาอย่างยิ่ง ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
นายโคบาลผู้ประกอบด้วยองค์ ๑๑ ประการนี้แล เป็นผู้ไม่สามารถจะเลี้ยงฝูงโคให้เจริญแพร่หลายได้ ฉันใด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุผู้ประกอบด้วย ธรรม ๑๑ ประการ
ก็เป็นผู้
ไม่สามารถพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงในจักษุ ฯลฯ
เป็นผู้
ไม่สามารถพิจารณาเห็นความเป็นทุกข์ในจักษุ
เป็นผู้
ไม่สามารถพิจารณาเห็นความเป็นอนัตตาในจักษุ
เป็นผู้
ไม่สามารถพิจารณาเห็นความสิ้นไปในจักษุ
เป็นผู้
ไม่สามารถพิจารณาเห็นความเสื่อมไปในจักษุ
เป็นผู้
ไม่สามารถพิจารณาเห็นความคลายไปในจักษุ
เป็นผู้
ไม่สามารถพิจารณาเห็นความดับในจักษุ
เป็นผู้
ไม่สามารถพิจารณาเห็นความสละคืนในจักษุ
เป็นผู้ไม่สามารถพิจารณาเห็นความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความเป็นอนัตตา ความสิ้นไป ความเสื่อมไป
ความคลายไป ความดับความสละคืนในหู ... ในจมูก ... ในลิ้น ... ในกาย ... ในใจ ... ในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส
ในโผฏฐัพพะ ในธรรมารมณ์ ในจักขุวิญญาณ ในโสตวิญญาณ ในฆานวิญญาณ ในชิวหาวิญญาณ ในกายวิญญาณ ในมโนวิญญาณ
ในจักขุสัมผัส ในโสตสัมผัส ในฆานสัมผัส ในชิวหาสัมผัส ในกายสัมผัส ในมโนสัมผัส ในเวทนาอันเกิดแต่จักขุสัมผัส
ในเวทนาอันเกิดแต่โสตสัมผัส ในเวทนาอันเกิดแต่ฆานสัมผัส ในเวทนาอันเกิดแต่ชิวหาสัมผัส ในเวทนาอันเกิดแต่กายสัมผัส
ในเวทนาอันเกิดแต่มโนสัมผัส ในรูปสัญญา ในสัททสัญญา ในคันธสัญญา ในรสสัญญา ในโผฏฐัพพสัญญา ในธรรมสัญญา
ในรูปสัญเจตนา ในสัททสัญเจตนา ในคันธสัญเจตนา ในรสสัญเจตนา ในโผฏฐัพพสัญเจตนา ในธรรมสัญเจตนา ในรูปตัณหา
ในสัททตัณหา ในคันธตัณหา ในรสตัณหา ในโผฏฐัพพตัณหา ในธรรมตัณหา ในรูปวิตก ในสัททวิตก ในคันธวิตก ในรสวิตก
ในโผฏฐัพพวิตก ในธรรมวิตก ในรูปวิจาร ในสัททวิจาร ในคันธวิจารในรสวิจาร ในโผฏฐัพพวิจาร ในธรรมวิจาร ฉันนั้นเหมือนกัน ฯ
.........................................................
[๒๓๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
นายโคบาลผู้ประกอบด้วยองค์ ๑๑ ประการ เป็นผู้สามารถเลี้ยงฝูงโคให้เจริญแพร่หลาย
องค์ ๑๑ ประการเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นายโคบาลในโลกนี้
ย่อมรู้จักรูป ฯลฯ ย่อมบูชาโคผู้ทั้งหลายที่เป็นพ่อฝูงโค เป็นผู้นำฝูงโค ด้วยการบูชาอย่างยิ่ง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
นายโคบาลผู้ประกอบด้วยองค์ ๑๑ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้สามารถเลี้ยงฝูงโคให้เจริญแพร่หลายได้ ฉันใด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๑ ประการ ย่อมเป็นผู้สามารถพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงในจักษุ ฯลฯ ย่อมเป็นผู้สามารถพิจารณาเห็น
ความสละคืนในธรรมวิจาร ฉันนั้นเหมือนกัน ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ธรรม ๑๑ ประการ ควรเจริญเพื่อความรู้ยิ่งซึ่งราคะ
ธรรม ๑๑ ประการเป็นไฉน คือ ปฐมฌาน ๑ ทุติยฌาน ๑ ตติยฌาน ๑ จตุตถฌาน ๑
เมตตาเจโตวิมุติ ๑ กรุณาเจโตวิมุติ ๑ มุทิตาเจโตวิมุติ ๑ อุเบกขาเจโตวิมุติ ๑
อากาสานัญจายตนฌาน ๑ วิญญาณัญจายตนฌาน ๑ อากิญจัญญายตนฌาน ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๑๑ ประการนี้ ควรเจริญเพื่อความรู้ยิ่งซึ่งราคะ ฯ
[๒๓๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ธรรม ๑๑ ประการควรเจริญเพื่อความรู้ยิ่งเพื่อกำหนดรู้ เพื่อความหมดสิ้นไป เพื่อละ เพื่อความสิ้นไป
เพื่อความเสื่อมไป เพื่อความคลายไป เพื่อดับ เพื่อสละ เพื่อสละคืนซึ่งราคะ
ธรรม ๑๑ ประการ เป็นไฉน คือ
ปฐมฌาน ๑ ทุติยฌาน ๑ ตติยฌาน ๑ จตุตถฌาน ๑ เมตตา
เจโตวิมุติ ๑ กรุณาเจโตวิมุติ ๑ มุทิตาเจโตวิมุติ ๑ อุเบกขาเจโตวิมุติ ๑ อากาสานัญจายตยฌาน ๑
วิญญาณัญจายตนฌาน ๑ อากิญจัญญายตนฌาน ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๑๑ ประการนี้ ควรเจริญเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อกำหนดรู้ ... เพื่อสละเพื่อสละคืนซึ่งราคะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ธรรม ๑๑ ประการควรเจริญเพื่อความรู้ยิ่งเพื่อกำหนดรู้ ... เพื่อสละ เพื่อสละคืนซึ่งโทสะ โมหะ โกธะ อุปนาหะ
มักขะ ปฬาสะ อิสสา มัจฉริยะ มายา สาเฐยยะ ถัมภะ สารัมภะ มานะ มทะ ปมาทะ
ธรรม ๑๑ ประการเป็นไฉน คือ ปฐมฌาน ๑ ทุติยฌาน ๑ ... วิญญาณัญจายตนฌาน ๑ อากิญจัญญายตนฌาน ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๑๑ ประการนี้ ควรเจริญเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อกำหนดรู้
... เพื่อสละ เพื่อสละคืนซึ่งโทสะ โมหะ ... มทะ ปมาทะ ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้จบลงแล้ว ภิกษุเหล่านั้นปลื้มใจ ชื่นชมพระภาษิตของพระผู้มีพระภาค ฉะนี้แล ฯ
พระสูตรที่รวมอยู่ในอังคุตตรนิกายมี ๙,๕๕๗ สูตรฉะนี้แล ฯ
-----------------------------
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔ บรรทัดที่ ๘๗๒๑ - ๘๗๘๑. หน้าที่ ๓๗๙ - ๓๘๑.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=24&A=8721&Z=8781&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=24&i=229
ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๑ ประการ ย่อมเป็นผู้สามารถพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงในจักษุ ฯลฯ
นายโคบาลผู้ประกอบด้วยองค์ ๑๑ ประการเป็นผู้ไม่สามารถจะเลี้ยงฝูงโคให้เจริญแพร่หลายได้
องค์ ๑๑ ประการเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นายโคบาลในโลกนี้
ย่อมไม่รู้จักรูป ๑
ไม่ฉลาดในลักษณะ ๑
ไม่กำจัดไข่ขัง ๑
ไม่ปกปิดแผล ๑
ไม่สุมไฟ ๑
ไม่รู้ท่าน้ำ ๑
ไม่รู้ว่าโคดื่มน้ำแล้วหรือยัง ๑
ไม่รู้ทาง ๑
ไม่ฉลาดในที่หากิน ๑
รีดนมไม่ให้มีเหลือ ๑
ไม่บูชาโคผู้ทั้งหลายที่เป็นพ่อฝูงโค เป็นผู้นำฝูงโคด้วยการบูชาอย่างยิ่ง ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
นายโคบาลผู้ประกอบด้วยองค์ ๑๑ ประการนี้แล เป็นผู้ไม่สามารถจะเลี้ยงฝูงโคให้เจริญแพร่หลายได้ ฉันใด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุผู้ประกอบด้วย ธรรม ๑๑ ประการ
ก็เป็นผู้ไม่สามารถพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงในจักษุ ฯลฯ
เป็นผู้ไม่สามารถพิจารณาเห็นความเป็นทุกข์ในจักษุ
เป็นผู้ไม่สามารถพิจารณาเห็นความเป็นอนัตตาในจักษุ
เป็นผู้ไม่สามารถพิจารณาเห็นความสิ้นไปในจักษุ
เป็นผู้ไม่สามารถพิจารณาเห็นความเสื่อมไปในจักษุ
เป็นผู้ไม่สามารถพิจารณาเห็นความคลายไปในจักษุ
เป็นผู้ไม่สามารถพิจารณาเห็นความดับในจักษุ
เป็นผู้ไม่สามารถพิจารณาเห็นความสละคืนในจักษุ
เป็นผู้ไม่สามารถพิจารณาเห็นความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความเป็นอนัตตา ความสิ้นไป ความเสื่อมไป
ความคลายไป ความดับความสละคืนในหู ... ในจมูก ... ในลิ้น ... ในกาย ... ในใจ ... ในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส
ในโผฏฐัพพะ ในธรรมารมณ์ ในจักขุวิญญาณ ในโสตวิญญาณ ในฆานวิญญาณ ในชิวหาวิญญาณ ในกายวิญญาณ ในมโนวิญญาณ
ในจักขุสัมผัส ในโสตสัมผัส ในฆานสัมผัส ในชิวหาสัมผัส ในกายสัมผัส ในมโนสัมผัส ในเวทนาอันเกิดแต่จักขุสัมผัส
ในเวทนาอันเกิดแต่โสตสัมผัส ในเวทนาอันเกิดแต่ฆานสัมผัส ในเวทนาอันเกิดแต่ชิวหาสัมผัส ในเวทนาอันเกิดแต่กายสัมผัส
ในเวทนาอันเกิดแต่มโนสัมผัส ในรูปสัญญา ในสัททสัญญา ในคันธสัญญา ในรสสัญญา ในโผฏฐัพพสัญญา ในธรรมสัญญา
ในรูปสัญเจตนา ในสัททสัญเจตนา ในคันธสัญเจตนา ในรสสัญเจตนา ในโผฏฐัพพสัญเจตนา ในธรรมสัญเจตนา ในรูปตัณหา
ในสัททตัณหา ในคันธตัณหา ในรสตัณหา ในโผฏฐัพพตัณหา ในธรรมตัณหา ในรูปวิตก ในสัททวิตก ในคันธวิตก ในรสวิตก
ในโผฏฐัพพวิตก ในธรรมวิตก ในรูปวิจาร ในสัททวิจาร ในคันธวิจารในรสวิจาร ในโผฏฐัพพวิจาร ในธรรมวิจาร ฉันนั้นเหมือนกัน ฯ
.........................................................
[๒๓๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
นายโคบาลผู้ประกอบด้วยองค์ ๑๑ ประการ เป็นผู้สามารถเลี้ยงฝูงโคให้เจริญแพร่หลาย
องค์ ๑๑ ประการเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นายโคบาลในโลกนี้
ย่อมรู้จักรูป ฯลฯ ย่อมบูชาโคผู้ทั้งหลายที่เป็นพ่อฝูงโค เป็นผู้นำฝูงโค ด้วยการบูชาอย่างยิ่ง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
นายโคบาลผู้ประกอบด้วยองค์ ๑๑ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้สามารถเลี้ยงฝูงโคให้เจริญแพร่หลายได้ ฉันใด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๑ ประการ ย่อมเป็นผู้สามารถพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงในจักษุ ฯลฯ ย่อมเป็นผู้สามารถพิจารณาเห็น
ความสละคืนในธรรมวิจาร ฉันนั้นเหมือนกัน ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ธรรม ๑๑ ประการ ควรเจริญเพื่อความรู้ยิ่งซึ่งราคะ
ธรรม ๑๑ ประการเป็นไฉน คือ ปฐมฌาน ๑ ทุติยฌาน ๑ ตติยฌาน ๑ จตุตถฌาน ๑
เมตตาเจโตวิมุติ ๑ กรุณาเจโตวิมุติ ๑ มุทิตาเจโตวิมุติ ๑ อุเบกขาเจโตวิมุติ ๑
อากาสานัญจายตนฌาน ๑ วิญญาณัญจายตนฌาน ๑ อากิญจัญญายตนฌาน ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๑๑ ประการนี้ ควรเจริญเพื่อความรู้ยิ่งซึ่งราคะ ฯ
[๒๓๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ธรรม ๑๑ ประการควรเจริญเพื่อความรู้ยิ่งเพื่อกำหนดรู้ เพื่อความหมดสิ้นไป เพื่อละ เพื่อความสิ้นไป
เพื่อความเสื่อมไป เพื่อความคลายไป เพื่อดับ เพื่อสละ เพื่อสละคืนซึ่งราคะ
ธรรม ๑๑ ประการ เป็นไฉน คือ ปฐมฌาน ๑ ทุติยฌาน ๑ ตติยฌาน ๑ จตุตถฌาน ๑ เมตตา
เจโตวิมุติ ๑ กรุณาเจโตวิมุติ ๑ มุทิตาเจโตวิมุติ ๑ อุเบกขาเจโตวิมุติ ๑ อากาสานัญจายตยฌาน ๑
วิญญาณัญจายตนฌาน ๑ อากิญจัญญายตนฌาน ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๑๑ ประการนี้ ควรเจริญเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อกำหนดรู้ ... เพื่อสละเพื่อสละคืนซึ่งราคะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ธรรม ๑๑ ประการควรเจริญเพื่อความรู้ยิ่งเพื่อกำหนดรู้ ... เพื่อสละ เพื่อสละคืนซึ่งโทสะ โมหะ โกธะ อุปนาหะ
มักขะ ปฬาสะ อิสสา มัจฉริยะ มายา สาเฐยยะ ถัมภะ สารัมภะ มานะ มทะ ปมาทะ
ธรรม ๑๑ ประการเป็นไฉน คือ ปฐมฌาน ๑ ทุติยฌาน ๑ ... วิญญาณัญจายตนฌาน ๑ อากิญจัญญายตนฌาน ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๑๑ ประการนี้ ควรเจริญเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อกำหนดรู้
... เพื่อสละ เพื่อสละคืนซึ่งโทสะ โมหะ ... มทะ ปมาทะ ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้จบลงแล้ว ภิกษุเหล่านั้นปลื้มใจ ชื่นชมพระภาษิตของพระผู้มีพระภาค ฉะนี้แล ฯ
พระสูตรที่รวมอยู่ในอังคุตตรนิกายมี ๙,๕๕๗ สูตรฉะนี้แล ฯ
-----------------------------
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔ บรรทัดที่ ๘๗๒๑ - ๘๗๘๑. หน้าที่ ๓๗๙ - ๓๘๑.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=24&A=8721&Z=8781&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=24&i=229