เรื่องสั้น "ลม"

กระทู้สนทนา
แต๋ม สาวแว่น ร่างบาง อ้อนแอ้นเพรียวลม เรียนกับผมมาตั้งแต่มัธยมปลาย เราเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน สนิทกันแบบเย้าหยอกเล่นหัวกันได้ จนเพื่อนๆ ต่างลุ้นให้เราสองคนเป็นแฟนกัน แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ไม่รู้จักสะพานหรือประตูแห่งความรักสักที รู้จักแต่ประตูฟุตบอล และสะพานข้ามคลองหน้าโรงเรียนเท่านั้น ผมไม่ประสากับเรื่องพวกนี้ วงเวียนชีวิตของผมคือ เรียน เย็นซ้อมบอลเหนื่อยก็หลับเป็นตาย และตาลีตาเหลือกตอนเช้ามาลอกการบ้านแต๋มส่งครู ไม่เคยรู้ว่าแต๋มมารอผมที่โรงอาหารแต่เช้าทุกวันเพื่อการนี้

สิ่งเดียวผมรับรู้อย่างหนึ่งการเป็นแฟนกับเพื่อนมันคงต้องมีหน้าที่อะไรเพิ่มเติมขึ้นมา และคงต้องมีการสูญเสียความเป็นเพื่อนไป แต่จะให้แจกแจงตอนนั้น คร้านจะชั่งใจ เพราะผมก็ไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง แต่ที่รู้แน่ชัด...มันจะไม่มีวันเหมือนเดิม

ก๊วนเราแยกย้ายกันไปเมื่อก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต๋มเข้าเรียนคณะบัญชีมหาวิทยาลัยชื่อดัง และมีผมคนเดียวที่เอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ ผมไปเรียนรามคำแหงตามคาด แต่ที่เกินคาดคือแต๋มกับผมเรายังพบเจอกันเสมอ ๆ ในวาระโอกาสที่ไม่ต้องมีเหตุผลอะไร ไม่มีเพื่อนคนอื่นในก๊วนคอยจับจ้องหรือให้กำลังใจเหมือนก่อน ผมจะพกตัวบทไปอ่านขณะรอแต๋มที่คณะเสมอ ในขณะที่เธอพยายามเกลี้ยกล่อมให้ผมลงสอบใหม่อีกครั้ง และอาสาเป็นติวเตอร์คนแรกให้ ชีวิตผมเข้ารูปเข้ารอยได้เพราะเธอ ความรักที่ผมเคยกลัว กลายเป็นลูกแมวตัวเล็กเชื่อง ๆ ไปแล้ว

ใครไม่รู้เคยบอกว่า ถ้ารักใคร เราก็อยากทำอะไรเพื่อเขา แล้วไอ้สิ่งที่ผมทำเนี่ย มันเป็นผลดีกับตัวผมมากกว่าด้วยซ้ำไป แต่ผมจะปั้นคำบอกว่าผมตั้งใจทำมันให้สำเร็จเพื่อแต๋ม ผมอยากให้เธอดีใจ ไม่กี่เดือนต่อมาผมก็สอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกับแต๋มได้อย่างไม่มีใครเชื่อ
ผมมุมานะ ตั้งใจเรียนอย่างไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต จนเรียนจบก่อนกำหนดปีเศษ เราสองคนได้เข้ารับพระราชทานปริญญา และฉลองความสำเร็จพร้อมกัน สายลมแห่งรักดูจะเกื้อหนุนเราทั้งคู่จนเราได้ใช้ชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อม

ครอบครัวจะสมดุล เราต้องเป็นลมใต้ปีกของกันและกัน เราสร้างฐานะได้รวดเร็ว และหน้าที่การงานก็มีเกียรติ แต่อุปสรรคหรือโชคร้ายบางอย่างแม้ไม่ได้พัดพาเราจนปลิดปลิวหรือล้มคว่ำ แต่มันเป็นบาดแผลที่กัดกินความหวังในชีวิตให้ริบหรี่ ผมเรียกมันว่าอะไรดี โชคชะตา หรือ แต้มบุญ เราสองคนอาจใช้โชคดีไปจนหมดแล้วก็ได้ หลังจากแต๋มคลอดลูกสาวคนเดียวของเรา เธอก็ป่วยด้วยโรคภูมิแพ้ ร่างบอบบางอยู่แล้ว ยิ่งบอบบางไปอีก

                                                                                       

เธอต่อสู้ด้วยการออกกำลังกายทุกอย่างตามที่หมอบอก และลาออกมาดูแลลูกและตัวเองอยู่ที่บ้านตอนแอมมี่จะเข้า ป.1 แต๋มเป็นนักสู้และทำให้ผมและแอมมี่เป็นนักสู้ไปด้วย ราวลมแรงกว่าสิบปีที่คอยพัดให้เทียนแห่งความหวังของผมอ่อนแรงแผ่ว แสงแห่งหวังจึงโชนมามีพลังอีกครั้ง แต๋มแข็งแรงขึ้นมากในสี่ปีแรกของการดูแลตัวเองและหมอก็ยกเคสของเธอเป็นตัวอย่างในการดูแลตัวเองให้กับคนไข้คนอื่นได้ทำตาม จากคนป่วยกลายมาเป็นนักวิ่งอาชีพ

ผมถามแอมมี่ว่าอยากมีน้องไหม และนั่นทำให้ผมและแต๋ม เริ่มกิจกรรมกลางแจ้งอย่างขี่จักรยานทางไกล ว่ายน้ำ ร่วมด้วย เราวางแผนว่าจะลงแข่งไตรกีฬาด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูกที่ ภูเก็ตในอีกสองปีข้างหน้า แต๋มบอกว่ารู้สึกไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว เมื่อเห็นผมและแอมมี่ดูแลตัวเองได้ดี
แต่อย่างที่บอก แต้มบุญที่เราสะสมของหมดลงแล้วจริง ๆ ถึงวันนี้ แอมมี่ก็ยังเป็นลูกสาวคนเดียวของเรา แต๋มเสียลูกคนที่สองไปตอนอายุครรภ์สี่เดือนเศษ จากนั้นไม่นานเธอก็จากพวกเราไปต่อหน้าตอนซ้อมจักรยานที่เขาใหญ่ รถบรรทุกอ้อยวิ่งมาจากสระแก้ว แซงพวกเราไปยกเว้นร่างเล็กที่ถูกลมดูดเข้าไปใต้ท้องรถ

วันนี้ลมเย็นมาก ผมลงน้ำไปพร้อม ๆ กับแอมมี่ในชุดบอดี้สูท และปั่นจักรยานขึ้นเนินเขาประคองกันไป ในไลน์มองไปทางไหนก็คล้ายแต๋มคร่อมจักรยานสีชมพูฟ้าคันโปรดปั่นอยู่ไม่ไกล ยังมีระยะวิ่งอีกสิบกิโลเมตร ผมไม่เหนื่อยเหมือนที่คาดการณ์ไว้
โฆษกประกาศว่าคู่พ่อลูกวิ่งเข้าเส้นชัยไปไล่เลี่ยกัน เราโผเข้ากอดกันร้องไห้อีกครั้ง แอมมี่และผมรู้ว่าแต๋มอยู่กับเราสองคน ในทุกสายลมที่ผัดผ่านเราไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่