หากกล่าวถึงเทศกาลแห่งความสนุกสนานที่เต็มไปด้วยสีสันและเสียงหัวเราะในยุโรป "Fasnacht" (ฟาสนัคท์) หรือ "carneval" ในเยอรมนีถือเป็นหนึ่งในงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฤดูหนาว เทศกาลนี้จัดขึ้นก่อนการเข้าสู่เทศกาลถือศีลอด (Lent) เป็นเทศกาลที่เต็มไปด้วยขบวนพาเหรด และขนม Fasnacht แสนอร่อย
แต่ก่อนจะไปทำความรู้จัก "วันฟาสนัคท์" ประเทศเยอรมนีนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ ทั้งตำนาน เรื่องลึกลับ นิทานพื้นบ้านมากมาย และหนึ่งในเรื่องที่ Lookat จะมาเล่าให้ฟัง คือ "Die Weiße Frau" (ดี ไวเซอะ เฟรา) หรือ "White Lady" (สตรีในชุดขาว)
...
ค่ำคืนแห่งฤดูหนาวทอดเงาทับปราสาทพลาสเซนเบิร์ก อากาศเย็นยะเยือกจนดูเหมือนความตายล่องลอยอยู่ในสายลม บนยอดปราสาท หญิงสาวผู้หนึ่งยืนอยู่ ดวงตาของเธอจับจ้องไปยังขอบฟ้าอันมืดมิด ลมพัดรุนแรงจนเส้นผมสีดำขลับของเธอปลิวสะบัด เธอคือ เคาน์เตส Kunigunde von Orlamünde (คูนิกุนเดอะ ฟอน ออร์ลามึนเดอะ) หญิงผู้เต็มไปด้วยความรัก และความสิ้นหวัง
เธอเคยเป็นภรรยาของ Otto von Orlamünde (อ็อตโท ฟอน ออร์ลามึนเดอะ) แต่หลังจากการจากไปของสามี หัวใจของเธอกลับถูกแรงปรารถนาใหม่เข้าครอบงำ บุรุษที่เธอหมายปองมิใช่ใครอื่น นอกจาก Albrecht the Fair (อัลเบรคท์ เดอะ แฟร์) แห่งตระกูล Hohenzollern (โฮเฮนซอลเลิร์น) ผู้สูงศักดิ์
แต่ Kunigunde รู้ว่าเส้นทางสู่หัวใจของ Albrecht นั้นเต็มไปด้วยขวากหนาม อุปสรรคที่ขวางกั้นเธอไว้ไม่ใช่ฐานะหรือชนชั้น แต่เป็นเลือดเนื้อของเธอเอง บุตรทั้งสองที่เกิดจาก Otto
.
คืนหนึ่งเธอนั่งอยู่ในห้องบรรทมใต้แสงเทียนริบหรี่ เธอได้ยินเสียงกระซิบจากเงามืด หรืออาจเป็นเสียงของความบ้าคลั่งที่กรีดร้องอยู่ในจิตใจเธอเอง
"หากไม่มีพวกมัน เจ้าจะได้ครอบครองเขา" เสียงที่ดังก้องอยู่ในหัวของเธอ
ดวงตาของเธอ สั่นไหว ความคิดอันน่ากลัวที่มีต่อลูกทั้งสองของเธอ ก็เกิดขึ้น ลูกที่พันธนาการและกักขังเธอไว้ ภายในหัววนเวียนไปด้วยประโยคหนึ่ง "หากไม่มีพวกเขา Albrecht ก็จะต้องเลือกเธออย่างแน่นอน"
ในคืนถัดมา เสียงร้องแหลมของเด็กน้อยดังก้องในโถงปราสาท เลือดไหลรินลงสู่พื้นหินสีเทา เมื่อความเงียบเข้าปกคลุม เธอยืนมองร่างของเด็กน้อยทั้งสองคนที่ไร้วิญาณ แล้วรอยยิ้มอันบ้าคลั่งก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
.
ในวันต่อมาเมื่อเธอเดินทางไปพบ Albrecht ด้วยความหวังอันเต็มเปี่ยม ว่าเขาจะโอบกอดเธอไว้ด้วยรักแท้ เมื่อเธอได้เจอกับเขาแล้ว ก็ได้กล่าวออกมาว่า ตอนนี้เธอนั้นไม่มีพันธนาการใดๆ ฉันได้จัดการส่งลูกๆ ไปยังที่ที่พวกเขาจากมาแล้ว
แต่แล้ว Albrecht กลับมองเธอด้วยสายตารังเกียจพร้อมกับหวาดกลัวในตัวเธอ
"เจ้าเป็นปีศาจ เจ้านั้นใช่มนุษย์" เขาตะโกนออกมา ก่อนจะหันหลังให้เธออย่างเย็นชา พร้อมท่าทางที่สิ้นหวัง
เมื่อเธอได้ยินคำพูดนี้ หัวใจของนั้นแตกสลายในทันที เธอทำทุกอย่างเพื่อเขา แต่เขากลับทอดทิ้งเธอราวกับสิ่งไร้ค่า ร่างของเธอสั่นสะท้าน ไม่ใช่เพราะความหนาว แต่เป็นเพราะความแค้นที่พวยพุ่งออกมาจากขั้วหัวใจ
"ข้าสาบานว่า ตระกูล Hohenzollern จะต้องล่มสลาย ข้าจะปรากฏตัวในคืนก่อนที่ความตายจะมาเยือน ให้พวกเจ้าทุกคนได้รับรู้ว่า ข้าจะเป็นผู้นำพวกเจ้าไปสู่เส้นทางแห่งความตาย"
.
หลังจากนั้นไม่นานเธอหายตัวไป ไม่มีใครพบศพของเธอ แต่เสียงลือเริ่มแพร่สะพัดว่ามีใครบางคนเห็น "สตรีในชุดขาว" เดินอยู่ในโถงของปราสาท เสียงสะอื้นแผ่วเบาล่องลอยไปตามสายลม บ้างว่าเธอเดินไปตามห้องของเด็กๆ ก้มลงกระซิบข้างหูพวกเขา ราวกับเสียใจในสิ่งที่เธอทำ บ้างก็ว่าเธอจะปรากฏตัวเมื่อใกล้ถึงวันตายของผู้สืบทอดตระกูล Hohenzollern
สตรีชุดขาวจะมาเยือน.. ก่อนที่ความตายจะพรากเจ้าจากโลกนี้!
...
เรื่องราวนี้ถูกแต่งเพิ่มเติมขึ้นมา จากเรื่องเล่าซึ่งในรายละเอียดของเรื่องนี้ไม่สามารถพิสูจน์ได้ทางประวิติศาตร์ แต่เค้าโครงเรื่องราวนี้เกิดขึ้นในช่วงปีคริสต์ศักราช 1303 ถึง 1382 ตามตำนานว่า หลังจากการเสียชีวิตของ "อ็อตโท" เธอได้ตกหลุมรัก "อัลเบรคท์" ผู้ปกครองแห่งนูเนมเบิร์ก เป็นส่วนหนึ่งของตระกูล Hohenzollern ผู้สูงศักดิ์ เธอคิดว่าลูกของเธอเป็นพันธนาการ ทำให้ "อัลเบรคท์" นั้นไม่สนใจเธอ เธอจึงฆ่าลูกสองคนของเธอ แต่สิ่งนี้กลับทำให้เธอถูกรังเกียจ และเรื่องราวยิ่งแย่ลง เธอจึงสาบานว่าจะแก้แค้น และจะเป็นผีเพื่อทำนายความตายและนำพวกเขาทั้งตระกูลไปสู่เส้นทางแห่งความตาย
.
มีการกล่าวถึงเรื่องราวนี้เกี่ยวกับนโปเลียนว่า เขาหวาดกลัวในเรื่องนี้ขณะเยือนเยอรมนีในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 มีการเล่าว่า เธอปรากฏตัวขึ้นต่อหน้านโปเลียน โดยก้าวออกจากภาพวาดของเธอที่แขวนอยู่ในห้องของเขา และทำนายหายนะที่กำลังจะมาถึง

...
.
มาต่อกันที่ วันฟาสนัคท์ ซึ่งในปีคริสต์ศักราช 2025 นี้ตรงกับวันที่ 4 มีนาคม
และในปีนี้มีการจัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 2-4
.
ย้อนกลับไปในอดีต งานเฉลิมฉลองก่อนการถือศีลอดมีรากฐานมาจากเทศกาลโรมันโบราณ เช่น Saturnalia (แซทเทอร์เนเลีย) และ Lupercalia (ลูเพอร์คาเลีย) ซึ่งเป็นการส่งท้ายฤดูหนาวและต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ ในยุคกลาง คริสตจักรได้นำเทศกาลนี้มาปรับเปลี่ยนให้เข้ากับพิธีกรรมทางศาสนา ในช่วงศตวรรษที่ 13 ทำให้เกิดเทศกาลคาร์นิวัลที่เราเห็นในปัจจุบัน
หนึ่งในองค์ประกอบที่โดดเด่นของ Fasnacht หรือเทศกาลคาร์นิวัล คือการสวมหน้ากากแม่มด หน้ากากปีศาจต่างๆ และหน้ากากไม้ พร้อมทั้งแต่งตัวแบบแฟนซี ที่เป็นหัวใจหลัก ซึ่งวิธีนี้นั้น ในอดีตถูกใช้เป็นวิธีให้ประชาชนสามารถล้อเลียนชนชั้นสูงได้โดยไม่ถูกลงโทษ การปลดปล่อยจากกฎระเบียบและข้อห้ามทางสังคมทำให้เทศกาลนี้กลายเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานและอิสรภาพ
และในคืนสุดท้ายของเทศกาลก่อนการถือศีลอด โดยบางพื้นที่มีพิธี "Burning of the Nubbel" ซึ่งเป็นการเผาหุ่นฟางเพื่อชำระบาปในปีที่ผ่านมา
...
ในหนึ่งปีจะมีผู้คนสามารถเพลิดเพลินกับโดนัทแบบดั้งเดิมนี้ ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานนับหลายร้อยปี เรากำลังพูดถึง "วันฟาสนัคท์" (ภาษาเยอรมัน) อาจเรียกอีกอย่างได้ว่า "วันก่อนการถือศีลอดของชาวคาทอลิกและโปรเตสแตนต์" จัดเป็นช่วงเทศกาลขนมหวานที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม พร้อมรสชาติแสนอร่อย
ฟาสนัคท์นั้นไม่ใช่แค่โดนัทธรรมดา พวกมันมีหลายรูปแบบบางชนิดมีรูตรงกลางแบบโดนัททั่วไปที่เราเห็น บางชนิดเป็นสี่เหลี่ยมหรือสามเหลี่ยม แป้งที่ใช้ทำอาจมีส่วนผสมของมันฝรั่ง ซึ่งมีข้อมูลกล่าวว่าแป้งมันฝรั่งนี้ถูกพัฒนาขึ้นในเพนซิลเวเนีย เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่แน่นและกรอบมากขึ้น และฟาสนัคท์นี้สามารถกินทั้งแบบธรรมดา หรือจะนำไปคลุกน้ำตาลไอซิ่ง ซินนามอน หรือแม้แต่ราดเมเปิลไซรัปก็ได้
เมื่อชาวเยอรมันอพยพไปยังสหรัฐอเมริกา พวกเขานำวัฒนธรรมนี้ติดตัวไปด้วย จึงทำให้เทศกาลนี้แพร่หลาย โดยเฉพาะในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของชุมชนเพนซิลเวเนียดัตช์ ปัจจุบันนี้เรียกได้ว่า ภายในร้านเบเกอรี่จะเต็มไปด้วยโดนัท "ฟาสนัคท์"
...
พูดถึงเทศกาลคาร์นิวัลแล้วไม่ใช่มีแค่โดนัท แต่ยังมีขนมอื่นๆ ที่น่ากินอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอยู่ภายในงาน
1. Funnel Cake Bites with Strawberry Sauce
เค้กรูปกรวย เนื้อนุ่มๆ อุ่นๆ ด้วยการทอดแป้งเป็นชิ้นพอดีคำ ราดด้วยซอสสตอรอว์เบอร์รีที่ชุ่มฉ่ำ
2. Chocolate Dipped Bananas on Stick ขนม ช็อกโกแลต ดิป บานาน่า ออน สติ๊ก
กล้วยเคลือกช็อกโกแลตเสียบไม้
3. Mexican Grilled Corn
ข้าวโพดปิ้งสไตล์เม็กซิกัน
4. Soft Pizza Pretzels ซอฟ พิซซ่า เพรทเซล
เพรทเซลนุ่มๆ สูตรคลาสสิกด้วยพาร์เมซานกระเทียม สมุนไพรอิตาลี พร้อมซอสมารินาร่า
5. Fastnachts Donut fastnachts donut recipe Pennsylvania Dutch
โดนัทฟาสต์นัคท์สไตล์เพนซิลเวเนียดัตช์ ด้วยแป้งทอดกรอบ ทำจากยีสต์และมันฝรั่ง
...
ยังมีขนมอีกหลายแบบที่น่ากินมากจริงๆ แต่ก็ติดที่นำรูปภาพบางเมนูมาลงไม่ได้ครับผม
ปล. เพื่อนๆ ที่ได้ดู Youtube ที่อ่านออกเสียงผิดไปต้องขออภัยด้วยครับผม
.
ขอขอบคุณข้อมูล
: wikidates
: wikipedia
: britannica
: foodnetwork
: rove
: digitale-sammlungen .de
.
LookAt - ปฏิทินแห่งเรื่องราว
ตำนานความรัก Die Weiße Frau สตรีในชุดขาว (4 มีนาคม วันฟาสนัคท์) และขนม Fasnacht
: เพื่อนๆ รับชมรับฟังบน Youtube ได้ที่: @lookatevent หรือตามลิงค์นี้ได้ครับผม
: https://youtu.be/ZNAqMRAPlPU
...
แต่ก่อนจะไปทำความรู้จัก "วันฟาสนัคท์" ประเทศเยอรมนีนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ ทั้งตำนาน เรื่องลึกลับ นิทานพื้นบ้านมากมาย และหนึ่งในเรื่องที่ Lookat จะมาเล่าให้ฟัง คือ "Die Weiße Frau" (ดี ไวเซอะ เฟรา) หรือ "White Lady" (สตรีในชุดขาว)
...
ค่ำคืนแห่งฤดูหนาวทอดเงาทับปราสาทพลาสเซนเบิร์ก อากาศเย็นยะเยือกจนดูเหมือนความตายล่องลอยอยู่ในสายลม บนยอดปราสาท หญิงสาวผู้หนึ่งยืนอยู่ ดวงตาของเธอจับจ้องไปยังขอบฟ้าอันมืดมิด ลมพัดรุนแรงจนเส้นผมสีดำขลับของเธอปลิวสะบัด เธอคือ เคาน์เตส Kunigunde von Orlamünde (คูนิกุนเดอะ ฟอน ออร์ลามึนเดอะ) หญิงผู้เต็มไปด้วยความรัก และความสิ้นหวัง
เธอเคยเป็นภรรยาของ Otto von Orlamünde (อ็อตโท ฟอน ออร์ลามึนเดอะ) แต่หลังจากการจากไปของสามี หัวใจของเธอกลับถูกแรงปรารถนาใหม่เข้าครอบงำ บุรุษที่เธอหมายปองมิใช่ใครอื่น นอกจาก Albrecht the Fair (อัลเบรคท์ เดอะ แฟร์) แห่งตระกูล Hohenzollern (โฮเฮนซอลเลิร์น) ผู้สูงศักดิ์
แต่ Kunigunde รู้ว่าเส้นทางสู่หัวใจของ Albrecht นั้นเต็มไปด้วยขวากหนาม อุปสรรคที่ขวางกั้นเธอไว้ไม่ใช่ฐานะหรือชนชั้น แต่เป็นเลือดเนื้อของเธอเอง บุตรทั้งสองที่เกิดจาก Otto
.
คืนหนึ่งเธอนั่งอยู่ในห้องบรรทมใต้แสงเทียนริบหรี่ เธอได้ยินเสียงกระซิบจากเงามืด หรืออาจเป็นเสียงของความบ้าคลั่งที่กรีดร้องอยู่ในจิตใจเธอเอง
"หากไม่มีพวกมัน เจ้าจะได้ครอบครองเขา" เสียงที่ดังก้องอยู่ในหัวของเธอ
ดวงตาของเธอ สั่นไหว ความคิดอันน่ากลัวที่มีต่อลูกทั้งสองของเธอ ก็เกิดขึ้น ลูกที่พันธนาการและกักขังเธอไว้ ภายในหัววนเวียนไปด้วยประโยคหนึ่ง "หากไม่มีพวกเขา Albrecht ก็จะต้องเลือกเธออย่างแน่นอน"
ในคืนถัดมา เสียงร้องแหลมของเด็กน้อยดังก้องในโถงปราสาท เลือดไหลรินลงสู่พื้นหินสีเทา เมื่อความเงียบเข้าปกคลุม เธอยืนมองร่างของเด็กน้อยทั้งสองคนที่ไร้วิญาณ แล้วรอยยิ้มอันบ้าคลั่งก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
.
ในวันต่อมาเมื่อเธอเดินทางไปพบ Albrecht ด้วยความหวังอันเต็มเปี่ยม ว่าเขาจะโอบกอดเธอไว้ด้วยรักแท้ เมื่อเธอได้เจอกับเขาแล้ว ก็ได้กล่าวออกมาว่า ตอนนี้เธอนั้นไม่มีพันธนาการใดๆ ฉันได้จัดการส่งลูกๆ ไปยังที่ที่พวกเขาจากมาแล้ว
แต่แล้ว Albrecht กลับมองเธอด้วยสายตารังเกียจพร้อมกับหวาดกลัวในตัวเธอ
"เจ้าเป็นปีศาจ เจ้านั้นใช่มนุษย์" เขาตะโกนออกมา ก่อนจะหันหลังให้เธออย่างเย็นชา พร้อมท่าทางที่สิ้นหวัง
เมื่อเธอได้ยินคำพูดนี้ หัวใจของนั้นแตกสลายในทันที เธอทำทุกอย่างเพื่อเขา แต่เขากลับทอดทิ้งเธอราวกับสิ่งไร้ค่า ร่างของเธอสั่นสะท้าน ไม่ใช่เพราะความหนาว แต่เป็นเพราะความแค้นที่พวยพุ่งออกมาจากขั้วหัวใจ
"ข้าสาบานว่า ตระกูล Hohenzollern จะต้องล่มสลาย ข้าจะปรากฏตัวในคืนก่อนที่ความตายจะมาเยือน ให้พวกเจ้าทุกคนได้รับรู้ว่า ข้าจะเป็นผู้นำพวกเจ้าไปสู่เส้นทางแห่งความตาย"
.
หลังจากนั้นไม่นานเธอหายตัวไป ไม่มีใครพบศพของเธอ แต่เสียงลือเริ่มแพร่สะพัดว่ามีใครบางคนเห็น "สตรีในชุดขาว" เดินอยู่ในโถงของปราสาท เสียงสะอื้นแผ่วเบาล่องลอยไปตามสายลม บ้างว่าเธอเดินไปตามห้องของเด็กๆ ก้มลงกระซิบข้างหูพวกเขา ราวกับเสียใจในสิ่งที่เธอทำ บ้างก็ว่าเธอจะปรากฏตัวเมื่อใกล้ถึงวันตายของผู้สืบทอดตระกูล Hohenzollern
สตรีชุดขาวจะมาเยือน.. ก่อนที่ความตายจะพรากเจ้าจากโลกนี้!
...
เรื่องราวนี้ถูกแต่งเพิ่มเติมขึ้นมา จากเรื่องเล่าซึ่งในรายละเอียดของเรื่องนี้ไม่สามารถพิสูจน์ได้ทางประวิติศาตร์ แต่เค้าโครงเรื่องราวนี้เกิดขึ้นในช่วงปีคริสต์ศักราช 1303 ถึง 1382 ตามตำนานว่า หลังจากการเสียชีวิตของ "อ็อตโท" เธอได้ตกหลุมรัก "อัลเบรคท์" ผู้ปกครองแห่งนูเนมเบิร์ก เป็นส่วนหนึ่งของตระกูล Hohenzollern ผู้สูงศักดิ์ เธอคิดว่าลูกของเธอเป็นพันธนาการ ทำให้ "อัลเบรคท์" นั้นไม่สนใจเธอ เธอจึงฆ่าลูกสองคนของเธอ แต่สิ่งนี้กลับทำให้เธอถูกรังเกียจ และเรื่องราวยิ่งแย่ลง เธอจึงสาบานว่าจะแก้แค้น และจะเป็นผีเพื่อทำนายความตายและนำพวกเขาทั้งตระกูลไปสู่เส้นทางแห่งความตาย
...
และในปีนี้มีการจัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 2-4
.
ย้อนกลับไปในอดีต งานเฉลิมฉลองก่อนการถือศีลอดมีรากฐานมาจากเทศกาลโรมันโบราณ เช่น Saturnalia (แซทเทอร์เนเลีย) และ Lupercalia (ลูเพอร์คาเลีย) ซึ่งเป็นการส่งท้ายฤดูหนาวและต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ ในยุคกลาง คริสตจักรได้นำเทศกาลนี้มาปรับเปลี่ยนให้เข้ากับพิธีกรรมทางศาสนา ในช่วงศตวรรษที่ 13 ทำให้เกิดเทศกาลคาร์นิวัลที่เราเห็นในปัจจุบัน
หนึ่งในองค์ประกอบที่โดดเด่นของ Fasnacht หรือเทศกาลคาร์นิวัล คือการสวมหน้ากากแม่มด หน้ากากปีศาจต่างๆ และหน้ากากไม้ พร้อมทั้งแต่งตัวแบบแฟนซี ที่เป็นหัวใจหลัก ซึ่งวิธีนี้นั้น ในอดีตถูกใช้เป็นวิธีให้ประชาชนสามารถล้อเลียนชนชั้นสูงได้โดยไม่ถูกลงโทษ การปลดปล่อยจากกฎระเบียบและข้อห้ามทางสังคมทำให้เทศกาลนี้กลายเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานและอิสรภาพ
และในคืนสุดท้ายของเทศกาลก่อนการถือศีลอด โดยบางพื้นที่มีพิธี "Burning of the Nubbel" ซึ่งเป็นการเผาหุ่นฟางเพื่อชำระบาปในปีที่ผ่านมา
ในหนึ่งปีจะมีผู้คนสามารถเพลิดเพลินกับโดนัทแบบดั้งเดิมนี้ ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานนับหลายร้อยปี เรากำลังพูดถึง "วันฟาสนัคท์" (ภาษาเยอรมัน) อาจเรียกอีกอย่างได้ว่า "วันก่อนการถือศีลอดของชาวคาทอลิกและโปรเตสแตนต์" จัดเป็นช่วงเทศกาลขนมหวานที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม พร้อมรสชาติแสนอร่อย
ฟาสนัคท์นั้นไม่ใช่แค่โดนัทธรรมดา พวกมันมีหลายรูปแบบบางชนิดมีรูตรงกลางแบบโดนัททั่วไปที่เราเห็น บางชนิดเป็นสี่เหลี่ยมหรือสามเหลี่ยม แป้งที่ใช้ทำอาจมีส่วนผสมของมันฝรั่ง ซึ่งมีข้อมูลกล่าวว่าแป้งมันฝรั่งนี้ถูกพัฒนาขึ้นในเพนซิลเวเนีย เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่แน่นและกรอบมากขึ้น และฟาสนัคท์นี้สามารถกินทั้งแบบธรรมดา หรือจะนำไปคลุกน้ำตาลไอซิ่ง ซินนามอน หรือแม้แต่ราดเมเปิลไซรัปก็ได้
เมื่อชาวเยอรมันอพยพไปยังสหรัฐอเมริกา พวกเขานำวัฒนธรรมนี้ติดตัวไปด้วย จึงทำให้เทศกาลนี้แพร่หลาย โดยเฉพาะในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของชุมชนเพนซิลเวเนียดัตช์ ปัจจุบันนี้เรียกได้ว่า ภายในร้านเบเกอรี่จะเต็มไปด้วยโดนัท "ฟาสนัคท์"
...
พูดถึงเทศกาลคาร์นิวัลแล้วไม่ใช่มีแค่โดนัท แต่ยังมีขนมอื่นๆ ที่น่ากินอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอยู่ภายในงาน
1. Funnel Cake Bites with Strawberry Sauce
เค้กรูปกรวย เนื้อนุ่มๆ อุ่นๆ ด้วยการทอดแป้งเป็นชิ้นพอดีคำ ราดด้วยซอสสตอรอว์เบอร์รีที่ชุ่มฉ่ำ
2. Chocolate Dipped Bananas on Stick ขนม ช็อกโกแลต ดิป บานาน่า ออน สติ๊ก
กล้วยเคลือกช็อกโกแลตเสียบไม้
3. Mexican Grilled Corn
ข้าวโพดปิ้งสไตล์เม็กซิกัน
4. Soft Pizza Pretzels ซอฟ พิซซ่า เพรทเซล
เพรทเซลนุ่มๆ สูตรคลาสสิกด้วยพาร์เมซานกระเทียม สมุนไพรอิตาลี พร้อมซอสมารินาร่า
5. Fastnachts Donut fastnachts donut recipe Pennsylvania Dutch
โดนัทฟาสต์นัคท์สไตล์เพนซิลเวเนียดัตช์ ด้วยแป้งทอดกรอบ ทำจากยีสต์และมันฝรั่ง
ยังมีขนมอีกหลายแบบที่น่ากินมากจริงๆ แต่ก็ติดที่นำรูปภาพบางเมนูมาลงไม่ได้ครับผม
ปล. เพื่อนๆ ที่ได้ดู Youtube ที่อ่านออกเสียงผิดไปต้องขออภัยด้วยครับผม
.
ขอขอบคุณข้อมูล
: wikidates
: wikipedia
: britannica
: foodnetwork
: rove
: digitale-sammlungen .de
.
LookAt - ปฏิทินแห่งเรื่องราว