สวัสดีค่ะ จขกท เป็นอีก 1 คน เคยหนักถึง 90 กิโล ที่เข้ามาอ่านพันทิป เสริจกู้เกิ้ล ยูทูป เพื่อหาข้อมูล ความรู้ หรือวิธี และกำลังใจ
ในการลดน้ำหนัก เป็นคนเท้าแบน และกระดูกนิ้วโป้งเท้าเอียง ทำให้ขา เข่า เท้า เจ็บปวดและทรมานมาก
เริ่มทานยาลดความดันปี 2552 ก้อยังเฉยๆ ใช้ชีวิตปกติ ไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เป็นคนกินเค็ม ยิ่งถ้าเป็นก๋วยเตี๋ยวเติมเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด
กินข้าว 3 มื้อ + ขนมจุบจิบ ไม่ชอบกินผัก แต่ค่าน้ำตาลในเลือดจะอยู่ที่ 99 - 125 พอขึ้นถึง 126 หมอจะเตือนให้ลดของหวาน ลดข้าวลงบ้าง
ปี 2559 ผ่าตัดลำไส้อุดตัน นอน รพ ให้แต่น้ำเกลือ 13 วัน น้ำหนักลง เหลือ 80 กิโล ขา เข่า เท้า เริ่มดีขึ้นปวดน้อยลง ก้อเริ่มออกเดินแถวบ้าน
แต่ยังไม่เริ่มออกกำลังอื่นใด ยังคงกินเหมือนเดิม น้ำหนักก้อเริ่มสะสมขึ้นทีละนิด จนแตะ 84 - 85 กิโล แต่จะพยายามไม่ให้ขึ้นไปกว่านี้เพราะจะ
ปวดเท้า ทรมานมากเวลาเดิน (85 กิโล ก้อปวด แต่ยังพอทนไหว)
จนมาปี 2564 ค่าA1C = 10.0 เริ่มกินยา Metformin 500 mg เช้า - เย็น
ค่าไตรกลีเซอไรด์ 171 หมอให้เวลา 3 เดือนปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ให้ออกกำลังกาย มากกว่าการเดิน ก้อพยายามลดขนมหวาน
แต่ยังกินข้าวจุเหมือนเดิม แต่ไม่ได้กินขาหมูหรือสามชั้น ลดของทอด เริ่มหัด kettlebell Swing
ครบ 3 เดือน ค่า A1c = 7.21 / ไตรกลีเซอไรด์ = 114 -----> แล้วก้อเริ่มกลับมากิน ขาหมูและสามชั้นบ้าง เป็นครั้งคราว แต่ไม่ถี่เหมือนแต่ก่อน
กินปกติ 3 มื้อ ยังกินขนม ของหวาน ชาไข่มุก แต่กินน้อยลง แต่เริ่มกินสุขภาพ สัก 3 มื้อ ต่อสัปดาห์
สมัครสมาชิกฟิตเนท เริ่มถีบจักรยานระดับ 1 และใช้เครื่องเล่นเบาๆ A1c ขึ้นๆ ลงๆ สามปีกว่า อยู่ทีเลข 7 ไม่ขึ้นเลข 8
จนมาเดือนกันยายน 2567 A1c = 7.9 / ไตรกลีเซอไรด์ = 172 หมอจะเพิ่มโดสของยาเบาหวาน และเริ่มให้กินยาลดไขมัน แต่ด้วยความที่ไม่อยาก
กินยาครบแพคเก็ต เบาหวาน ความดัน ไขมัน ครั้งนี้บอกหมอขอไม่เพิ่มยา ขอเวลาปรับเปลี่ยนพฤติกรรม จริงๆ ก้อคิดได้นะ แล้วก้อคิดได้นานแล้ว
แต่การลดน้ำหนัก การห้ามปาก ห้ามความอยาก มันยากนะ อ้วนตั้งแต่หลังคลอด น้ำหนักขึ้นตลอด จนตอนนี้ลูกอายุ 28 บอกกับตัวเอง
ถึงเวลาต้องทำให้ได้แล้ว ที่ผ่านมาเราก้อออกกำลังตลอด เคยเริ่มพยายามทำ if ตั้งแต่ปี 2565 หลุดบ้าง เลิกบ้าง แต่ก้อช่วยเรื่องการกินทั้งวัน
ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ปากไม่เคยว่างเกินครึ่งชั่วโมง
จริงๆ มีเหตุที่ทำให้คุมอาหารได้คือ เมื่อเดือนกันยายน ปีที่แล้ว วันจันทร์ทำรากฟันเทียม แล้ววันศุกร์ส่องกล้องตรวจมะเร็งลำไส้ ประมาณว่า
5 วัน แทบไม่ได้ทานอาหารเลย ส่องกล้องเสร็จ ก้อไม่อยากให้กระเพาะทำงานหนัก ก้อยังทานอาหารอ่อนๆ อีก 2 วัน พอพ้น 7 วัน เริ่มปรับการกินได้
อีกทั้งเริ่ม if มาได้สักพัก ครั้งนี้ก้อพยายาม และจริงจังมากขึ้น เริ่มกินวันละ 2 มื้อ
มื้อเช้าเป็น น้ำผัก - ผลไม้ปั่น, นมอัลมอนด์ หรือ โยเกิร์ต ผสมนม ใส่เม็ดเชีย + จมูกข้าว (wheat germ) สลับกันไป
ต่อด้วย อโวคาโด 1 ลูกเล็ก หรือกล้วย และไข่ต้ม 2 ฟอง แต่ตอนหลังกินได้แค่ 1 ฟอง อิ่มเกิน
มื้อเย็น กินทุกอย่างที่ชอบกิน แต่จะกินข้าวน้อยๆ ไม่มีการนับแคลอรี่ ไม่ใช้นาฬิกานับก้าวเดิน
สิ่งที่เสียใจคือ ทำไม ไม่คิดได้ อย่างน้อย 10 ปี ที่แล้ว ถ้า ... ถ้า ..และถ้า . ตอนนั้น คิดได้ เข่าคงดีกว่านี้ คงเดิน ได้ไม่เจ็บ ก้อปลอบใจตัวเอง
ยังดี ที่ได้เริ่ม แม้จะช้าไป แต่ก้อยังดี กว่าที่ไม่ได้เริ่ม
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นวันที่ดีใจมาก A1c = 6.5 ค่าความดัน 111 / 74 น้ำหนัก 77 กิโล จากเดือนกันยาปีที่แล้ว ลงไป 8 กิโล
ก้อช่วยเรื่องเข่าได้บ้าง แต่ก่อนคิดว่าตัวเองเป็นโรคขาอ่อนแรง เวลาลงรถ ต้องใช้มือช่วย ยกขา เพราะก้าวไม่ออก
ขอบคุณค่ะ
สูงวัย 62 ลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพ
ในการลดน้ำหนัก เป็นคนเท้าแบน และกระดูกนิ้วโป้งเท้าเอียง ทำให้ขา เข่า เท้า เจ็บปวดและทรมานมาก
เริ่มทานยาลดความดันปี 2552 ก้อยังเฉยๆ ใช้ชีวิตปกติ ไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เป็นคนกินเค็ม ยิ่งถ้าเป็นก๋วยเตี๋ยวเติมเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด
กินข้าว 3 มื้อ + ขนมจุบจิบ ไม่ชอบกินผัก แต่ค่าน้ำตาลในเลือดจะอยู่ที่ 99 - 125 พอขึ้นถึง 126 หมอจะเตือนให้ลดของหวาน ลดข้าวลงบ้าง
กินปกติ 3 มื้อ ยังกินขนม ของหวาน ชาไข่มุก แต่กินน้อยลง แต่เริ่มกินสุขภาพ สัก 3 มื้อ ต่อสัปดาห์
สมัครสมาชิกฟิตเนท เริ่มถีบจักรยานระดับ 1 และใช้เครื่องเล่นเบาๆ A1c ขึ้นๆ ลงๆ สามปีกว่า อยู่ทีเลข 7 ไม่ขึ้นเลข 8
จนมาเดือนกันยายน 2567 A1c = 7.9 / ไตรกลีเซอไรด์ = 172 หมอจะเพิ่มโดสของยาเบาหวาน และเริ่มให้กินยาลดไขมัน แต่ด้วยความที่ไม่อยาก
กินยาครบแพคเก็ต เบาหวาน ความดัน ไขมัน ครั้งนี้บอกหมอขอไม่เพิ่มยา ขอเวลาปรับเปลี่ยนพฤติกรรม จริงๆ ก้อคิดได้นะ แล้วก้อคิดได้นานแล้ว
แต่การลดน้ำหนัก การห้ามปาก ห้ามความอยาก มันยากนะ อ้วนตั้งแต่หลังคลอด น้ำหนักขึ้นตลอด จนตอนนี้ลูกอายุ 28 บอกกับตัวเอง
ถึงเวลาต้องทำให้ได้แล้ว ที่ผ่านมาเราก้อออกกำลังตลอด เคยเริ่มพยายามทำ if ตั้งแต่ปี 2565 หลุดบ้าง เลิกบ้าง แต่ก้อช่วยเรื่องการกินทั้งวัน
ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ปากไม่เคยว่างเกินครึ่งชั่วโมง
จริงๆ มีเหตุที่ทำให้คุมอาหารได้คือ เมื่อเดือนกันยายน ปีที่แล้ว วันจันทร์ทำรากฟันเทียม แล้ววันศุกร์ส่องกล้องตรวจมะเร็งลำไส้ ประมาณว่า
5 วัน แทบไม่ได้ทานอาหารเลย ส่องกล้องเสร็จ ก้อไม่อยากให้กระเพาะทำงานหนัก ก้อยังทานอาหารอ่อนๆ อีก 2 วัน พอพ้น 7 วัน เริ่มปรับการกินได้
อีกทั้งเริ่ม if มาได้สักพัก ครั้งนี้ก้อพยายาม และจริงจังมากขึ้น เริ่มกินวันละ 2 มื้อ
มื้อเช้าเป็น น้ำผัก - ผลไม้ปั่น, นมอัลมอนด์ หรือ โยเกิร์ต ผสมนม ใส่เม็ดเชีย + จมูกข้าว (wheat germ) สลับกันไป
ต่อด้วย อโวคาโด 1 ลูกเล็ก หรือกล้วย และไข่ต้ม 2 ฟอง แต่ตอนหลังกินได้แค่ 1 ฟอง อิ่มเกิน
มื้อเย็น กินทุกอย่างที่ชอบกิน แต่จะกินข้าวน้อยๆ ไม่มีการนับแคลอรี่ ไม่ใช้นาฬิกานับก้าวเดิน
สิ่งที่เสียใจคือ ทำไม ไม่คิดได้ อย่างน้อย 10 ปี ที่แล้ว ถ้า ... ถ้า ..และถ้า . ตอนนั้น คิดได้ เข่าคงดีกว่านี้ คงเดิน ได้ไม่เจ็บ ก้อปลอบใจตัวเอง
ยังดี ที่ได้เริ่ม แม้จะช้าไป แต่ก้อยังดี กว่าที่ไม่ได้เริ่ม
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นวันที่ดีใจมาก A1c = 6.5 ค่าความดัน 111 / 74 น้ำหนัก 77 กิโล จากเดือนกันยาปีที่แล้ว ลงไป 8 กิโล
ก้อช่วยเรื่องเข่าได้บ้าง แต่ก่อนคิดว่าตัวเองเป็นโรคขาอ่อนแรง เวลาลงรถ ต้องใช้มือช่วย ยกขา เพราะก้าวไม่ออก
ขอบคุณค่ะ