JJNY : โรมข้องใจทำจีนเทาเข้าออกเต็มเมือง│ปชน.-เครือข่ายแรงงาน แถลงผิดหวังนายกฯ│ตรังน้ำมันพืชพุ่ง│คะแนนนิยม “ทรัมป์” ลดลง

โรม ชี้เรื่องใหญ่มาก ไบโอเมตริกซ์ ไลเซนส์หมดอายุ ข้องใจทำจีนเทาเข้าออกเต็มเมือง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5057746
 
 
โรม ชี้เรื่องใหญ่มาก ไบโอเมตริกซ์ ไลเซนส์หมดอายุ ต้นเหตุจีนเทา เข้าออกไทย เชื่อบทบาท โกซาย ไม่ต่าง หม่องชิต ตู่ 

เวลา 09.30 น. วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่อาคารรัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม กมธ.ในวันนี้ว่า กระบวนการที่กำหนดจะเกิดขึ้นต่อไปคือการส่งคนที่อยู่ในพื่นที่เมียวดี ไม่ว่าจะหรืออาชญากรกลับสู่ประเทศต้นทาง ซึ่งความน่ากังวลของเรื่องนี้คือการเก็บข้อมูล มีสองส่วน

1. คือการเก็บข้อมูลต่างๆ ว่าตกลงเป็นเหยื่อหรืออาชญากร และรู้หรือไม่ว่ามีใครที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นข้อมูลที่สำคัญสำหรับการนำมาปราบปรามทลายโครงสร้างบรรดาอาชญากรรมข้ามชาติ วันนี้ถึงเราจะรู้ว่าใครเป็นใครแต่ก็ไม่ได้รู้ทั้งหมด ยังมีระดับบอส ระดับเมเนเจอร์
 
บางกระแสก็บอกว่า หนีมาอยู่กรุงเทพฯ บางกระแสก็บอกว่าหนีไปอยู่เชียงใหม่ บางกระแสก็บอกว่า อาจจะไม่ได้อยู่เมียวดีตั้งแต่ต้น แต่ชักใยอยู่เบื้องหลัง ไม่ไกลจากใจกลางของเมืองหลวง เป็นเรื่องสำคัญที่จำเป็นต้องสืบรู้ให้ได้ ไม่สามารถที่จะมีข้อมูลเหล่านี้ได้

คำถามคือ ในวันที่จีนจัดการปัญหาของเขาเสร็จแล้ว จะยังมีจีนเทาหลงเหลือในประเทศไทยหรือไม่ เราจะจัดการปราบปรามได้อย่างไร นี่คือผลประโยชน์ของประเทศไทยที่ประเทศไทยจะต้องปกป้องตัวเอง เราจะมาหวังพึ่งประเทศอื่นไม่ได้ ยอมรับว่า การที่จะไปสู่จุดนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ทรัพยากรต้องใช้เวลา
 
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า แต่สเต็ปที่ 2 สำคัญไม่แพ้กัน คือการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล (Biometric) ต้องเข้าใจว่าพวกจีนเทามีเงินเยอะ บางทีไปซื้อสัญชาติ ปัญหาคือหากเราไม่มีการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล ว่าเขาจะไม่กลับมาอีกด้วยพาสปอร์ตเล่มใหม่ สามารถใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในการทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้
 
นี่จึงเป็นปัญหาใหญ่ที่คิดว่าเราไม่อาจเพิกเฉยได้ ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะมีการเพิกเฉยต่อเนื่องของอัตลักษณ์และส่งตัวกันไปแบบนี้ แต่ตนได้แหล่งข่าวข้อมูลมาว่า วันนี้ที่เราไม่เก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล อาจเป็นเพราะระบบที่เราซื้อ ใช้ไม่ได้แล้ว หมายความว่า ที่เราใช้กันที่สนามบินรวมไปถึงบริเวณชายแดน ความเป็นไปได้ว่าระบบที่เคยซื้อไปนั้น ไม่ได้มีการเก็บข้อมูลมาเป็นเวลานานแล้ว
 
และอาจจะเป็นไปได้ว่าคนที่เข้าออกประเทศไทยถึง 17 ล้านคน อาจจะไม่มีการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์เลย อาจจะมีการเก็บหน้าพาสปอร์ต ชื่อ แต่ไม่ได้มีการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์ แต่ว่าหากนาย ก.ไก่ เข้ามาด้วยพาสปอร์ตจีน ไปก่ออาชญากรรม
 
หากเราพบว่าเขาหนีไปแล้ว อาจจะขึ้นแบล๊กลิสต์ วันข้างหน้า หากนาย ก.ไก่มาด้วย สัญชาติวานูอาตู เราไม่สามารถระบุได้ เราไม่สามารถจับนาย ก.ไก่ได้ ซึ่งตนขอให้เรื่องนี้เป็นความจริง แต่หากเป็นเรื่องจริง เรื่องใหญ่แน่
 
นายรังสิมันต์กล่าวว่า ในเรื่องที่สองที่จะพิจารณาคือเรื่องของบรรดาการดำเนินคดี อย่างที่ทราบว่าตกลงเรื่อง หม่องชิต ตู่ จะเป็นการฟอกขาวหรือไม่ ที่ได้เห็นว่า จริงๆ อัยการจะไปพบ DSI อยู่แล้ว อยู่ๆ ก็มีการยกเลิกกะทันหัน ตนคิดว่าหากเรื่องนี้เป็นจริง ก็ผิดกันอย่างชัดเจน เกี่ยวข้องกันอย่างชัดเจน ประเทศต่างๆ คว่ำบาตร หม่องชิต ตู่ กันอย่างชัดเจน จึงเป็นห่วงว่าระบบกฎหมายไทยจะเป็นการฟอกขาวให้หม่องชิต ตู่หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ก็จะมีการพูดคุย และไม่ใช่แค่หม่องชิต ตู่ ยังมีอาชญากรอีกหลายคนที่เราจะต้องวางเป้าหมายร่วมกันกับหน่วยงานของรัฐต่อไป และต้องพูดคุยว่า หน่วยงานมีข้อมูลมากน้อยแค่ไหนในเรื่องนี้
 
เมื่อถามว่า ได้ทราบหรือไม่ว่าเหตุใดระบบ biometric ถึงใช้ไม่ได้ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ตนเข้าใจว่า ใบอนุญาต (license) หมดอายุ
 
เมื่อถามต่อว่า จริงๆ ตอนซื้อมาตอนแรกควรมีกำหนดเวลาไว้หรือไม่ ว่า license จะหมดอายุเมื่อไร นายรังสิมันต์กล่าวว่า วันนี้คงจะได้รับคำตอบ แต่ตนเข้าใจว่าปริมาณ license อาจจะรองรับไม่ได้ อาจจะหมดอายุไปแล้ว แต่คงจะได้มีการพูดคุยกันว่าเป็นจริงหรือไม่
 
ถ้าเป็นจริงตามนี้เราไม่มีแผนสำรอง ประเทศไทยเสียหายมาก คนวิ่งเข้าวิ่งออกประเทศไทยโดยไม่มีการจัดการ เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง และอาจจะเป็นสาเหตุว่าทำไมจีนเทาถึงเต็มบ้านเต็มเมืองขนาดนี้
 
เมื่อถามว่า มีข้อมูลเรื่องเมืองไท่ฉาง ซึ่งมีเป็นเมืองสแกมเมอร์แห่งใหม่หรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ข้อมูลที่พอยืนยันได้ บริเวณนั้นเป็นบริเวณแถวช่องแคบ ซึ่งเป็นบริเวณที่แก๊งสแกมเมอร์อยู่ประมาณหลักหมื่นคน ซึ่งอาจจะรวมเหยื่อและรวมทุกอย่างแล้ว มีความโหดร้ายทารุณสูงมาก
นี่เป็นสิ่งที่ตนยืนยันได้ และอยู่ในการดูแลของกองทัพกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย (Democratic Karen Buddhist Army หรือ DKBA) ที่ตนทราบมาคือ DKBA ก็ไม่ได้มีความเป็นเอกภาพ คนที่เป็นคีย์แมนหลักก็คือ ซาย จ่อละ หรือที่เรียกว่า โกซาย มีความโหดร้ายทารุณมาก มีหลายคนหลบหนี และมีชาวจีนที่หลบหนีมาขึ้นฝั่งประเทศไทย
 
นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านจำนวนมากยืนยันว่า พบศพบริเวณแม่น้ำเมย แถวช่องแคบนี้อยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะช่วงน้ำหลาก จริงๆ ต้องบอกว่าสิ่งที่ซาย จ่อละ กับหม่องชิต ตู่ ทำแทบไม่แตกต่างกันเลย เป็นความโหดร้ายทารุณระดับเดียวกัน
 
เมื่อถามต่อ แต่บริเวณไท่ฉางไม่ได้ใช้ไฟจากประเทศไทยใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า เข้าใจว่าก่อนหน้านี้ใช้ แต่อาจจะต่อพ่วงมาอีกทีนึง น่าจะตัดทั้งหมดแล้ว โดยใช้ไฟจากเครื่องปั่นไฟ ซึ่งมีการลักลอบขนน้ำมันไปปั่นไฟ ก่อนหน้านี้ทราบมาว่ามีความพยายามในการลักลอบ และพบถังแก๊สเป็นร้อยๆ ถัง อยู่ใกล้บ้านของซาย จ่อละด้วย
 


พรรคประชาชน-เครือข่ายแรงงาน แถลงผิดหวังนายกฯ ปัดตกร่างกม.แรงงาน 2 ฉบับ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5057704

“พรรคประชาชน” ผิดหวัง “นายกฯ” ปัดตก ร่างกม.แรงงาน 2 ฉบับ ยัน เดินหน้าต่อผลักดันเข้าสู่การพิจารณาอีกครั้ง
 
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 ที่รัฐสภา นายเซีย จำปาทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน พร้อมเครือข่ายแรงงานแถลงกรณีร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บำนาญพื้นฐานถ้วนหน้า และ พ.ร.บ.สหภาพแรงงาน ว่า การที่รัฐบาลไม่เห็นชอบต่อร่างกฎหมายทั้งสองฉบับ ไม่เพียงแต่เป็นการปฏิเสธ สิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำว่า แรงงานในประเทศนี้ยังคงถูกมองเป็นเพียงเครื่องมือของระบบเศรษฐกิจที่ไม่เห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์
 
ตนในฐานะอดีตผู้ใช้แรงงาน ต้องยอมรับว่า เสียดายความยุติธรรมขั้นพื้นฐานที่ถูกพรากเอาไป เพราะคนทำงานคือผู้ผลิต คือลมหายใจของเศรษฐกิจไทย คือวงล้อที่ขับเคลื่อน อุตสาหกรรม เกษตรกรรม การบริการ และทุกภาคส่วนของประเทศ แต่เมื่อทำงานหนักมาตลอดชีวิต กลับต้องจบลงด้วยความยากจนในบั้นปลาย ไม่มีหลักประกัน ไม่มีบำนาญที่เพียงพอ ไม่มีสิทธิรวมตัวกันเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง
 
นายเซีย กล่าวต่อว่า มีข้อสงสัยถึงความพร้อมด้านงบประมาณ ต่อการเริ่มต้นบังคับใช้กฎหมายเพื่อสร้างรัฐสวัสดิการ ต้องขอยืนยันอีกครั้งว่าอดีตพรรคก้าวไกลเคยเสนอแหล่งที่มาของรายได้ 650,000 ล้านบาท เพื่อจัดทำสวัสดิการให้ประชาชนเอาไว้แล้วและประเทศไทยสามารถทำได้จริงผ่านกลไกของระบอบประชาธิปไตย
 
ยืนยันว่าพรรคประชาชน จะไม่ยอมให้เสียงเรียกร้องของคนทำงาน ต้องเงียบหายไปท่ามกลางโครงสร้างอำนาจที่เอื้อเฉพาะกลุ่มนายทุนและผู้มีอำนาจ เพราะคนทำงานคือรากฐานของชาติ แต่กลับถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แม้ในสมัยประชุมครั้งนี้ ร่างกฎหมายเพื่อประชาชนจะถูกนายกรัฐมนตรีปัดตกไป แต่พวกเราจะนำมันกลับมาปัดฝุ่น ปรับปรุงใหม่ให้ดีกว่าเดิม และผลักดันเข้าสู่การพิจารณาอีกครั้ง เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนทุกคนอย่างแน่นอน
 


ตรังน้ำมันพืชพุ่ง ห้างท้องถิ่นโอด ขาดแคลน-ไม่พอขาย ห้างใหญ่จำกัดจำนวนซื้อ กัดฟันตรึงราคา
https://www.matichon.co.th/region/news_5057727
 
ตรังน้ำมันพืชพุ่ง ห้างท้องถิ่นโอด ขาดแคลน-ไม่พอขาย ถูกจำกัดโควตา ห้างใหญ่ไม่ขาดแต่จำกัดจำนวนซื้อลูกค้า ทุกห้างกัดฟันตรึงราคาขาย หวั่นกระทบลูกค้า
 
เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ น.ส.สุภากิตติ์ เกลี้ยงสงค์ พาณิชย์จังหวัดตรัง มอบหมายเจ้าหน้าที่กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ราคาและการจำหน่ายน้ำมันพืชในห้างสรรพสินค้าต่างๆ ในจ.ตรัง ทั้งห้างท้องถิ่นขนาดเล็ก และห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ โดยพบว่าราคาน้ำมันพืชมีการปรับราคาสูงขึ้นทุกยี่ห้อทุกประเภท โดยห้างท้องถิ่นขนาดเล็ก พบว่าชั้นวางจำหน่ายน้ำมันพืชมีพื้นที่ว่างจำนวนมาก โดยพนักงานให้ข้อมูลว่า น้ำมันพืชประเภทถั่วเหลือง ทางห้างสั่งมาจำหน่ายเพียง 2 ยี่ห้อเท่านั้น โดยขนาดบรรจุขวด 1 ลิตร แต่เริ่มประสบปัญหาสั่งไม่ได้ตามจำนวนมานานประมาณ 2 เดือนแล้ว โดยทางบริษัทผู้ผลิตที่ติดต่อซื้อขายกันประจำนั้น จำกัดโควตาขายมาให้แค่ 50 ลังต่อเดือนเท่านั้น ทำให้มีไม่พอขาย โดยทางบริษัทแจ้งว่าไม่มีสินค้า ต่อให้ซื้อเงินสดก็ไม่มี จึงขายเท่าที่มี หมดก็ต้องรอสั่งใหม่ในเดือนหน้า ไม่สามารถสั่งเพิ่มได้ ซึ่งห้างท้องถิ่นเป็นเช่นเดียวกันทุกแห่ง
 
พนักงานขายให้ข้อมูลอีกว่า ส่วนสินค้าล็อตใหม่ที่จะสั่งในเดือนหน้า(มีนาคม 68)ยังไม่ทราบว่าราคาจะปรับขึ้นอีกหรือไม่ เพราะต้องรอทางบริษัทเคาะราคาตอนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ด้วย ขณะที่น้ำมันถั่วเหลืองขวดเล็กขนาดบรรจุ 230 ซีซี ซึ่งเหลือไม่กี่ขวด โดยทางบริษัทแจ้งว่าต้องเลิกผลิตชั่วคราว ส่วนจะมีปัญหาไปนานแค่ไหนไม่สามารถทราบได้ ทางห้างจึงจำกัดการซื้อน้ำมันถั่วเหลืองอยู่ที่คนละไม่เกิน 6 ขวด นอกจากนี้ในส่วนของน้ำมันปาล์ม จากเดิมเคยสั่งครั้งละ 300-400 ลัง แต่ตอนนี้สั่งมากไม่ได้ ทางห้างจึงแก้ปัญหาด้วยการซื้อจากยี่ปั๊วที่มาเสนอขายแทน ได้เท่าไหร่ก็นำมาเติมที่ชั้น เพื่อให้มีบริการประชาชน จึงยังมีจำหน่ายเพียงพอ และยังไม่ได้จำกัดการซื้อ
 
ส่วนราคาจำหน่ายน้ำมันพืชทั้ง 2 ประเภท ทางห้างเห็นว่าเป็นสินค้าจำเป็น จึงพยายามตรึงราคาเดิมไว้ไม่ให้กระทบกับลูกค้ามากนัก เช่น น้ำมันถั่วเหลือง ขายขวดละ 54-55 บาท แต่หากขายตามราคาที่ซื้อมาจะต้องอยู่ที่ขวดละ 58-59 บาท โดยจำกัดการซื้อคนละไม่เกิน 6 ขวด แต่น้ำมันปาล์มขวดราคาจะสูงกว่าน้ำมันถั่วเหลืองโดยขายที่ขวดละ 58-59 บาท แต่หากขายราคาปกติจะสูงอยู่ที่ขวดละประมาณ 61-63 บาท แต่ไม่ได้จำกัดการซื้อ ส่วนน้ำมันปาล์มถุง ราคาถุง(1 กก.) ละ 57 บาท โดยทั้งหมดทางห้างไม่ขายยกลัง เพื่อต้องการกระจายสินค้าให้ถึงมือครัวเรือน
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ซึ่งมีสัญญากับบริษัทผู้ผลิตน้ำมันพืช พบว่าน้ำมันพืชทั้งน้ำมันปาล์ม และน้ำมันถั่วเหลืองยังมีปริมาณมากตามปกติไม่ขาดแคลนแต่อย่างใด แต่ราคามีการปรับขึ้นทุกชนิด โดยพนักงาน บอกว่า ปกติจะสั่งซื้อน้ำมันพืชทุกๆ 3 วัน และยังสามารถสั่งซื้อได้ตามปกติไม่ขาดแคลนแต่อย่างใด แม้ราคาน้ำมันพืชจะปรับราคาสูงขึ้น แต่ทางห้างก็ได้ลดราคาขาย เพื่อช่วยเหลือลูกค้า ซึ่งแต่ละยี่ห้อราคาไม่เท่ากัน โดยน้ำมันถั่วเหลือง ขายขวดละ 56-63 บาท เช่น บางยี่ห้อลดราคาขายขวดละ 60 บาท จากราคาปกติขวดละ 66 บาท ส่วนน้ำมันปาล์มขวดละ 57- 59 บาท จากบางยี่ห้อปกติขวดละ 61 บาท โดยจำกัดการซื้อรายละไม่เกิน 6 ขวด/ยี่ห้อ ขณะที่ห้างสาขาย่อยของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ก็พบว่า มีการจำกัดการซื้อของลูกค้าไม่เกินคนละ 3 ขวดเช่นกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่