สภาเดือด! 7พรรคไม่ทน รุมถล่ม‘พิชัย-นฤมล’แก้ราคาข้าวไม่ได้ผล ทำชาวนาอยู่ไม่ได้
https://www.khaosod.co.th/politics/news_9642847
7 พรรคทนไม่ไหว เสนอญัตติด่วน รุมถล่ม ‘พิชัย-นฤมล’ แก้ปัญหาราคาข้าวไม่ได้ผล สสเพื่อไทยถามใครในพาณิชย์ ไม่ติดตามงาน สส.ชาติไทยพัฒนา ถามเคยสัมผัสหรือไม่ความหิวเป็นยังไง จนต้องออกมาประท้วง
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 20 ก.พ.2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนาย
พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานการประชุม ภายหลังเสร็จสิ้นวาระรับทราบรายงานที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว
ปรากฏว่า สส.พรรคต่างๆ พากันเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้สภาฯพิจารณามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาที่เพาะปลูกข้าว อันเนื่องมาจากราคาตกต่ำ ถึง 5 ญัตติจาก 5 พรรค ทั้งจากพรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคชาติไทยพัฒนา
นอกจากนี้ ยังมีญัตติที่บรรจุอยู่ในวาระแล้วและมีเนื้อหาคล้ายกัน ของพรรคไทยสร้างไทยและพรรคกล้าธรรม นำมาพิจารณาพร้อมกัน รวม 7 ญัตติ เพื่อส่งต่อให้รัฐบาลพิจารณาต่อ
การอภิปรายเสนอหลักการเป็นไปด้วยความดุเดือด มีการสะท้อนถึงปัญหาของเกษตรกร และโจมตีมาตรการรองรับของกระทรวงพาณิชย์ ภายใต้การบริหารของนาย
พิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ที่แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลก็ซัดอย่างดุเดือด
โดยคนแรกที่เสนอหลักการคือนาย
นพพล เหลืองทองนารา สส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ราคาข้าวตกต่ำเป็นประวัติการณ์ ปัจจัยการผลิตสูงขึ้น รวมถึงไม่มีทุนทรัพย์และไม่มีเงินชำระหนี้ ซึ่งชาวนาอยากให้รัฐบาลช่วยพยุงราคาข้าว
“
คราวนี้เป็นการร้องขอครั้งแรกว่าได้ในฤดูเพาะปลูกข้าวนาปรัง เพราะปกติแล้วพี่น้องแม้ราคาตกต่ำขนาดไหน เขาก็ไม่เคยขอร้องให้รัฐบาลช่วยเรื่องข้าวนาปรัง แต่ครั้งนี้ไม่ไหวจริงๆ” นาย
นพพล กล่าว
นาย
นพพล กล่าวต่อว่า ตนไม่เข้าใจในเรื่องของราคาข้าวหรือมาตรการต่างๆ ที่จะช่วยเหลือชาวนา ทำไมเลยเถิดมาถึงทุกวันนี้ได้ สิ่งที่ตนหรือแม้แต่ผู้แทนในหลายจังหวัดของพรรคเพื่อไทย เราได้พยายามบอกกล่าวให้ท่านเห็นว่าในสถานการณ์ข้าวโลกที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน มันสุ่มเสี่ยงต่อราคาที่จะเกิดขึ้นที่จะตกต่ำในอนาคต พวกเราได้บอกกันมาตั้งแต่เดือนก.ย.2567 ตั้งแต่อินเดียประกาศส่งออกข้าว หลังงดส่งออกเป็นเวลา 2 ปี
“
ไม่เข้าใจว่าเป็นองคาพยพของหน่วยงานหรือเป็นของใครกันแน่ในกระทรวงพาณิชย์ที่ไม่ยอมดูแลติดตามสถานการณ์จนเกิดเหตุการณ์ทำให้พี่น้องเดือดร้อน การตอบคำถามของผู้มีอำนาจบางท่านในกระทู้สด ก็บอกว่าไม่เคยมีรัฐบาลไหนได้ช่วย ผมจะบอกว่าปกติแล้วชาวนาก็ไม่เคยร้องขอ หากราคาไม่ลดลงมามากเหมือนปัจจุบันนี้” นาย
นพพล กล่าว
นาย
นพพล กล่าวต่อว่า นับตั้งแต่ปี 2523-2553 ตนคิดว่าช่วงนี้ เป็น 20 ปีที่ทำให้พวกเราทั้งหลายได้หลงระเริงกับความที่คิดว่าประเทศไทยเป็นเจ้าของข้าวโลก พวกเราละเลยกันไปว่าข้าวนั้นเป็นสินค้าที่ไม่เหมือนสินค้าประเภทอื่น ฉะนั้น ความหลงระเริงตรงนี้จึงทำให้เราไม่มีการพัฒนาเรื่องผลผลิตต่อไร่ ตนรักเกษตรกรมาก เพราะตนเป็นผู้แทนมาได้ ก็เพราะเกษตรกรให้มาเป็น
น.ส.
พิมพฤดา ตันจรารักษ์ สส.อยุธยา พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เราทราบปัญหามาสักระยะแล้ว พี่น้องชาวนาก็ใช้ความอดทนมานานแล้ว ตนเชื่อเหลือเกินว่าถ้าไม่ถึงที่สุด ไม่เหลืออด ชาวนาจะไม่ออกมาชุมนุม มาตากแดดรอคำตอบจากรัฐบาล แต่ที่ออกมาเร่งรัด เพราะจะถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว แต่ทุกวันนี้ทั้งปุ๋ยทั้งยากลับมีราคาแพง ข้าวไม่งามก็ต้องใส่เข้าไปเพิ่มอีก
“
ปีนี้รัฐบาลจะไม่มีมาตรการอะไรมาช่วยเลยหรือ ราคาข้าวดี รัฐบาลก็เฉย ราคาตกต่ำ รัฐบาลก็ยังอยู่เฉยได้หรือ ต้องออกมารับมือปัญหานี้ได้แล้ว เพราะช้าและรอไม่ได้ ดิฉันแปลกใจมาก ทำไมรัฐบาลยังไม่ออกมาช่วยอีก ต้องถามกระทรวงพาณิชย์ว่ามาตรการช่วยเหลือจะพร้อมเมื่อไหร่ จะทันหรือไม่ ซึ่งดิฉันและเพื่อนสมาชิก ขอพูดตรงๆ ว่าไม่รู้ว่าจะเอาอะไรไปตอบชาวนาที่รอคำตอบอยู่ เพราะในแต่ละมาตรการที่ออกมา เชื่อว่าเพื่อนสมาชิกก็ไม่รู้จะตอบอะไรกับเกษตรกรเช่นกัน“ น.ส.พิมพฤดา กล่าว
ด้านนาย
ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ สส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เคยบอกว่าตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ เพิ่มเกษตรผลิต แต่ตอนนี้ไม่มีอะไร เพราะแค่นาปรังที่ออกมาราคายังตกขนาดนี้ และถ้านโยบายออกมาช้าเงินก็จะไม่ตกถึงมือประชาชน กรรมาธิการการเกษตรฯ เคยพูดคุยกับรมว.พาณิชย์เมื่อวันที่ 24 ต.ค.2567 ว่าให้เตรียมรับมือกับสถานการณ์ช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาในฤดูกาลที่จะเก็บเกี่ยวนาปรัง
ท่านเคยสัมผัสหรือไม่ว่าความหิวเป็นอย่างไร เจ้าหนี้มารออยู่หน้าประตูบ้าน ความทุกข์ยากเช่นนี้ เขาจึงต้องออกมาประท้วง เปลี่ยนเถอะ ขอให้รัฐบาลมองไปข้างหน้า นอกจากนี้ยังมีเกษตรกรที่ปลูกพืชผลผลิตอีกหลายชนิด พืชผักผลไม้ต้องเผชิญกับการผันผวนทางราคา ถ้ารัฐบาลไม่มีนโยบายในการช่วยเหลือ รองรับรัฐบาลลำบากแน่
“
รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทำอะไรอยู่ เราเตือนแล้ว มาวันนี้เป็นการสารภาพเลย ว่ายังไม่ทำอะไรเลย เพิ่งมาประชุมอนุ นบข. ตอน 14.00 น. มันตกต่ำมาเท่าไหร่แล้ว กว่าจะออกมาตรการมา ข้าวจะไปอยู่ในมือของโรงสี ในมือของพ่อค้าหมดก่อน ก็ไม่ได้ช่วยพี่น้องเกษตรกรอยู่ดี 7-8 มาตรการมันควรทำตั้งแต่ 4 เดือนที่แล้ว” นาย
ณัฐวุฒิ กล่าว
นาย
ณรงเดช อุฬารกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เสนอหลักการโดยช่วงหนึ่งได้อ่านมาตรการของกระทรวงพาณิชย์ พร้อมตั้งคำถามว่า นี่หรือคือมาตรการตามนโยบายตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ขอ
งน.ส.
แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ
นายชั
ชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด พรรคไทยสร้างไทย เปรียบเทียบว่า ประเทศญี่ปุ่นขายข้าวเป็นคำ แต่ประเทศไทยคิดเป็นกิโลกรัม ทำไมเขาทำได้
จากนั้นได้เปิดโอกาสให้สมาชิกอภิปรายอย่างกว้างขวาง
พริษฐ์ ปัดปชน.เอาคืน กรณี 44 ส.ส. ล่าชื่อถอดถอน สุชาติ พ้นปธ.ป.ป.ช. แย้มมีเรื่องร้องอื่นด้วย
https://www.matichon.co.th/politics/news_5058054
‘ไอติม’ ยัน ไม่ได้เอาคืน หลัง ‘ปชน.’ จ่อเข้าชื่อถอดถอน ‘ปธ.ป.ป.ช.’ แย้ม มีข้อร้องเรียนอื่น ส่อประพฤติมิชอบ ลั่น แม้ ‘คดี 44 สส.’ ถูกยก ก็จะยังทำหน้าที่ตรวจสอบ โยนถาม ‘ปธ.รัฐสภา’ ส่งต่อเรื่องถึง ‘ศาลฎีกา’ หรือไม่
เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวพรรคประชาชน ร่วมกันใช้สิทธิตามมาตรา 236 ในการเข้าชื่อไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของรัฐสภา เพื่อถอดถอนประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จากกรณีคลิปหลุด ว่า เป็นเรื่องจริง ซึ่งพรรคประชาชนเองมีมติพรรคแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมรายชื่อ มั่นใจชื่อว่าเพียงพอ ต้องยืนยันว่า ไม่ใช่การเอาคืน เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ส. ในการเข้าชื่อตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น และในข้อร้องเรียนที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์หน้า ไม่ได้มีแค่คลิปวิดีโอเท่านั้น แต่ยังมีข้อร้องเรียน เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในส่วนอื่นด้วย ซึ่งพรรคประชาชนเราได้รวบรวมข้อมูลมาอย่างต่อเนื่อง
“
ถึงแม้ไม่มีคดี 44 ส.ส. ก็เป็นสิ่งที่เราต้องทำ เพราะมีหลักฐาน และไม่ใช่แค่พรรคประชาชนทำได้เท่านั้น แต่เป็นสิทธิของสมาชิกรัฐสภาทุกคนทุกฝ่าย ดังนั้น ถ้ามี ส.ส.พรรคอื่น และ ส.ว.เห็นตรงกันว่า ปัญหาทุจริตเป็นเรื่องสำคัญ ก็ใช้กลไกนี้ในการตรวจสอบ และสามารถร่วมลงชื่อสนับสนุนได้ ย้ำว่า เราไม่ได้คิดถึงผลกระทบต่อคดี หรือหากพรุ่งนี้ คดี 44 ส.ส.ถูกยกไปหมด เราก็ยังยืนยันในการทำหน้าที่ตรวจสอบ” นาย
พริษฐ์กล่าว
นาย
พริษฐ์กล่าวต่อว่า ในทางคู่ขนาน เรายังได้ยื่นแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ รายมาตรา 236 ด้วย ซึ่งกฎหมายระบุว่า หากสมาชิกรัฐสภา ต้องการตรวจสอบการทำงานหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต้องยื่นเรื่องไปที่ประธานรัฐสภา เพื่อให้ประธานรัฐสภา มีดุลพินิจในการพิจารณาว่าสมควรส่งเรื่องไปที่ศาลฎีกาเพื่อตั้งกรรมการสอบสวนพิเศษหรือไม่ ซึ่งจะเกิดความสุ่มเสี่ยง ที่จะเกิดการฮั้วกัน ซึ่งหวังว่าจะเป็นร่างฉบับหนึ่ง ที่เราสามารถหยิบยกมาพิจารณาร่วมกันในที่ประชุมรัฐสภาได้
ส่วนขั้นตอนทางกฎหมายหลังจากนี้ ต้องรอการชี้แจงอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า ส่วนเรื่องดังกล่าวจะสามารถไปถึงศาลฎีกาได้หรือไม่นั้น ต้องไปถามประธานรัฐสภา
เมื่อถามว่าจะมีการยื่นตรวจสอบประธานรัฐสภาด้วยหรือไม่ นาย
พริษฐ์กล่าวว่า เรื่องการตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่น ขณะนี้อยู่ในช่วงที่พรรคกำลังหารือกันถึงความเป็นไปได้ เพราะกลไก มาตรา 236 เป็นกลไกเฉพาะสำหรับการร้องเรียน ป.ป.ช.
สำหรับการไปรับทราบข้อกล่าวหาคดี 44 ส.ส. ทางพรรคจะส่งใครไปเป็นชุดแรกบ้าง นาย
พริษฐ์กล่าวว่า รอให้แต่ละท่านชี้แจงน่าจะดีกว่า แต่ในเชิงหลักการของพรรค เราต้องยืนยันว่า สิ่งที่ ส.ส.ของพรรคได้กระทำไป ไม่มีอะไรที่เข้าข่ายผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง และเราจะทำเต็มที่ในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ผ่านกระบวนการที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่วนคนที่เตรียมแนวทางการต่อสู้ คือ นพ.
วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ฝ่ายกฎหมาย
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ หากพรรคร่วมรัฐบาลแตกกัน จะมีการดูด ส.ส.ของพรรคไป เพื่อหาเสียงสนับสนุน นาย
พริษฐ์ยืนยันว่า ส.ส.พรรคประชาชน มีความเป็นเอกภาพในการเดินหน้าต่อ ผลักดันงาน ซื่อสัตย์ต่อประชาชน กรณีการยุบพรรคก้าวไกล ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ส.ส.ทุกคนร่วมกันเดินทางต่อ ไม่ว่าความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาลจะเป็นอย่างไร ก็ไม่กระทบต่อการทำหน้าที่ของพรรคประชาชน
กมธ.มั่นคง ถกปมไบโอเมตริกซ์ ยันไลเซนส์หมดแล้ว 3 ปี ต้องใช้วิธีโบราณ คัดกรองคนเข้าไทย
https://www.matichon.co.th/politics/news_5058340
‘โรม’ ลั่น เป็นความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัย-ไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนรับผิดชอบ หลัง ‘ที่ประชุม กมธ.ความมั่นคง’ คอนเฟิร์มระบบ ‘ไบโอเมตริกซ์’ ไทย หมดอายุ 3 ปีแล้ว เผย ต้องใช้วิธีโบราณ ‘ถ่ายภาพ-ปั๊มลายนิ้วมือ’ มอง ‘จีน’ ไม่ถูกจำแนก ‘เหยื่อ-อาชญากร’ อาจทำให้ประเทศอื่นได้รับการปฏิบัติไม่เท่าเทียม-ไทยอยู่ภายใต้อิทธิพลของชาติใดชาติหนึ่ง
เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทยยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงความคืบหน้าภายหลังการประชุม กมธ.ถึงแนวทางการจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งมีหลายส่วนเข้าไปพัวพันเกี่ยวข้องกับข้อมูลอัตลักษณ์ และเกี่ยวกับอาชญากรข้ามชาติและยาเสพติด
โดยนาย
รังสิมันต์ระบุว่า ประเทศไทยไม่มีการใช้ระบบไบโอเมตริกซ์อีกแล้ว ซึ่งแปลว่าเวลา 3 ปีเต็มนี้ ไม่มีเครื่องมือในการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์นักท่องเที่ยว ทำให้มีโอกาสผิดพลาดจากการที่นักท่องเที่ยวใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในการก่ออาชญากรรม โดยที่ตัวเขาเองมีสัญชาติที่แตกต่างกัน
โรม ชี้เรื่องใหญ่มาก ไบโอเมตริกซ์ ไลเซนส์หมดอายุ ข้องใจทำจีนเทาเข้าออกเต็มเมือง
นาย
รังสิมันต์กล่าวต่อว่า แม้วันนี้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) จะใช้วิธีการถ่ายรูปและพิมพ์ลายนิ้วมือ แต่ข้อมูลที่ได้นั้นชัดเจนว่าไม่เพียงพอ และกลายเป็นช่องว่างสำคัญ ในการที่จะทำให้ประเทศไทยตกอยู่ในภายใต้ความอันตรายของปัญหาอาชญากรรมที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน
นาย
รังสิมันต์ย้ำว่า สตม.มีความรับผิดชอบที่จะป้องกันเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ทั้งที่ควรรับรู้รับทราบมาก่อนหน้านี้ว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้น แต่กลับปล่อยให้ License หมดจนเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น กลายเป็นสุญญากาศ ใช้วิธีการโบราณ ไม่สามารถเก็บข้อมูลได้ โดยใช้วิธีขึ้นแบล๊กลิสต์ที่ไม่สามารถรู้ได้ว่าจะมีประสิทธิภาพม
JJNY : 5in1 7พรรคไม่ทน แก้ราคาข้าวไม่ได้ผล│พริษฐ์ปัดเอาคืน│กมธ.มั่นคง ถกปมไบโอเมตริกซ์│หุ้นไทยดิ่งหนัก│ธารน้ำแข็งละลาย
https://www.khaosod.co.th/politics/news_9642847
7 พรรคทนไม่ไหว เสนอญัตติด่วน รุมถล่ม ‘พิชัย-นฤมล’ แก้ปัญหาราคาข้าวไม่ได้ผล สสเพื่อไทยถามใครในพาณิชย์ ไม่ติดตามงาน สส.ชาติไทยพัฒนา ถามเคยสัมผัสหรือไม่ความหิวเป็นยังไง จนต้องออกมาประท้วง
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 20 ก.พ.2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานการประชุม ภายหลังเสร็จสิ้นวาระรับทราบรายงานที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว
ปรากฏว่า สส.พรรคต่างๆ พากันเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้สภาฯพิจารณามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาที่เพาะปลูกข้าว อันเนื่องมาจากราคาตกต่ำ ถึง 5 ญัตติจาก 5 พรรค ทั้งจากพรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคชาติไทยพัฒนา
นอกจากนี้ ยังมีญัตติที่บรรจุอยู่ในวาระแล้วและมีเนื้อหาคล้ายกัน ของพรรคไทยสร้างไทยและพรรคกล้าธรรม นำมาพิจารณาพร้อมกัน รวม 7 ญัตติ เพื่อส่งต่อให้รัฐบาลพิจารณาต่อ
การอภิปรายเสนอหลักการเป็นไปด้วยความดุเดือด มีการสะท้อนถึงปัญหาของเกษตรกร และโจมตีมาตรการรองรับของกระทรวงพาณิชย์ ภายใต้การบริหารของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ที่แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลก็ซัดอย่างดุเดือด
โดยคนแรกที่เสนอหลักการคือนายนพพล เหลืองทองนารา สส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ราคาข้าวตกต่ำเป็นประวัติการณ์ ปัจจัยการผลิตสูงขึ้น รวมถึงไม่มีทุนทรัพย์และไม่มีเงินชำระหนี้ ซึ่งชาวนาอยากให้รัฐบาลช่วยพยุงราคาข้าว
“คราวนี้เป็นการร้องขอครั้งแรกว่าได้ในฤดูเพาะปลูกข้าวนาปรัง เพราะปกติแล้วพี่น้องแม้ราคาตกต่ำขนาดไหน เขาก็ไม่เคยขอร้องให้รัฐบาลช่วยเรื่องข้าวนาปรัง แต่ครั้งนี้ไม่ไหวจริงๆ” นายนพพล กล่าว
นายนพพล กล่าวต่อว่า ตนไม่เข้าใจในเรื่องของราคาข้าวหรือมาตรการต่างๆ ที่จะช่วยเหลือชาวนา ทำไมเลยเถิดมาถึงทุกวันนี้ได้ สิ่งที่ตนหรือแม้แต่ผู้แทนในหลายจังหวัดของพรรคเพื่อไทย เราได้พยายามบอกกล่าวให้ท่านเห็นว่าในสถานการณ์ข้าวโลกที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน มันสุ่มเสี่ยงต่อราคาที่จะเกิดขึ้นที่จะตกต่ำในอนาคต พวกเราได้บอกกันมาตั้งแต่เดือนก.ย.2567 ตั้งแต่อินเดียประกาศส่งออกข้าว หลังงดส่งออกเป็นเวลา 2 ปี
“ไม่เข้าใจว่าเป็นองคาพยพของหน่วยงานหรือเป็นของใครกันแน่ในกระทรวงพาณิชย์ที่ไม่ยอมดูแลติดตามสถานการณ์จนเกิดเหตุการณ์ทำให้พี่น้องเดือดร้อน การตอบคำถามของผู้มีอำนาจบางท่านในกระทู้สด ก็บอกว่าไม่เคยมีรัฐบาลไหนได้ช่วย ผมจะบอกว่าปกติแล้วชาวนาก็ไม่เคยร้องขอ หากราคาไม่ลดลงมามากเหมือนปัจจุบันนี้” นายนพพล กล่าว
นายนพพล กล่าวต่อว่า นับตั้งแต่ปี 2523-2553 ตนคิดว่าช่วงนี้ เป็น 20 ปีที่ทำให้พวกเราทั้งหลายได้หลงระเริงกับความที่คิดว่าประเทศไทยเป็นเจ้าของข้าวโลก พวกเราละเลยกันไปว่าข้าวนั้นเป็นสินค้าที่ไม่เหมือนสินค้าประเภทอื่น ฉะนั้น ความหลงระเริงตรงนี้จึงทำให้เราไม่มีการพัฒนาเรื่องผลผลิตต่อไร่ ตนรักเกษตรกรมาก เพราะตนเป็นผู้แทนมาได้ ก็เพราะเกษตรกรให้มาเป็น
น.ส.พิมพฤดา ตันจรารักษ์ สส.อยุธยา พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เราทราบปัญหามาสักระยะแล้ว พี่น้องชาวนาก็ใช้ความอดทนมานานแล้ว ตนเชื่อเหลือเกินว่าถ้าไม่ถึงที่สุด ไม่เหลืออด ชาวนาจะไม่ออกมาชุมนุม มาตากแดดรอคำตอบจากรัฐบาล แต่ที่ออกมาเร่งรัด เพราะจะถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว แต่ทุกวันนี้ทั้งปุ๋ยทั้งยากลับมีราคาแพง ข้าวไม่งามก็ต้องใส่เข้าไปเพิ่มอีก
“ปีนี้รัฐบาลจะไม่มีมาตรการอะไรมาช่วยเลยหรือ ราคาข้าวดี รัฐบาลก็เฉย ราคาตกต่ำ รัฐบาลก็ยังอยู่เฉยได้หรือ ต้องออกมารับมือปัญหานี้ได้แล้ว เพราะช้าและรอไม่ได้ ดิฉันแปลกใจมาก ทำไมรัฐบาลยังไม่ออกมาช่วยอีก ต้องถามกระทรวงพาณิชย์ว่ามาตรการช่วยเหลือจะพร้อมเมื่อไหร่ จะทันหรือไม่ ซึ่งดิฉันและเพื่อนสมาชิก ขอพูดตรงๆ ว่าไม่รู้ว่าจะเอาอะไรไปตอบชาวนาที่รอคำตอบอยู่ เพราะในแต่ละมาตรการที่ออกมา เชื่อว่าเพื่อนสมาชิกก็ไม่รู้จะตอบอะไรกับเกษตรกรเช่นกัน“ น.ส.พิมพฤดา กล่าว
ด้านนายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ สส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เคยบอกว่าตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ เพิ่มเกษตรผลิต แต่ตอนนี้ไม่มีอะไร เพราะแค่นาปรังที่ออกมาราคายังตกขนาดนี้ และถ้านโยบายออกมาช้าเงินก็จะไม่ตกถึงมือประชาชน กรรมาธิการการเกษตรฯ เคยพูดคุยกับรมว.พาณิชย์เมื่อวันที่ 24 ต.ค.2567 ว่าให้เตรียมรับมือกับสถานการณ์ช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาในฤดูกาลที่จะเก็บเกี่ยวนาปรัง
ท่านเคยสัมผัสหรือไม่ว่าความหิวเป็นอย่างไร เจ้าหนี้มารออยู่หน้าประตูบ้าน ความทุกข์ยากเช่นนี้ เขาจึงต้องออกมาประท้วง เปลี่ยนเถอะ ขอให้รัฐบาลมองไปข้างหน้า นอกจากนี้ยังมีเกษตรกรที่ปลูกพืชผลผลิตอีกหลายชนิด พืชผักผลไม้ต้องเผชิญกับการผันผวนทางราคา ถ้ารัฐบาลไม่มีนโยบายในการช่วยเหลือ รองรับรัฐบาลลำบากแน่
“รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทำอะไรอยู่ เราเตือนแล้ว มาวันนี้เป็นการสารภาพเลย ว่ายังไม่ทำอะไรเลย เพิ่งมาประชุมอนุ นบข. ตอน 14.00 น. มันตกต่ำมาเท่าไหร่แล้ว กว่าจะออกมาตรการมา ข้าวจะไปอยู่ในมือของโรงสี ในมือของพ่อค้าหมดก่อน ก็ไม่ได้ช่วยพี่น้องเกษตรกรอยู่ดี 7-8 มาตรการมันควรทำตั้งแต่ 4 เดือนที่แล้ว” นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณรงเดช อุฬารกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เสนอหลักการโดยช่วงหนึ่งได้อ่านมาตรการของกระทรวงพาณิชย์ พร้อมตั้งคำถามว่า นี่หรือคือมาตรการตามนโยบายตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ
นายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด พรรคไทยสร้างไทย เปรียบเทียบว่า ประเทศญี่ปุ่นขายข้าวเป็นคำ แต่ประเทศไทยคิดเป็นกิโลกรัม ทำไมเขาทำได้
จากนั้นได้เปิดโอกาสให้สมาชิกอภิปรายอย่างกว้างขวาง
พริษฐ์ ปัดปชน.เอาคืน กรณี 44 ส.ส. ล่าชื่อถอดถอน สุชาติ พ้นปธ.ป.ป.ช. แย้มมีเรื่องร้องอื่นด้วย
https://www.matichon.co.th/politics/news_5058054
‘ไอติม’ ยัน ไม่ได้เอาคืน หลัง ‘ปชน.’ จ่อเข้าชื่อถอดถอน ‘ปธ.ป.ป.ช.’ แย้ม มีข้อร้องเรียนอื่น ส่อประพฤติมิชอบ ลั่น แม้ ‘คดี 44 สส.’ ถูกยก ก็จะยังทำหน้าที่ตรวจสอบ โยนถาม ‘ปธ.รัฐสภา’ ส่งต่อเรื่องถึง ‘ศาลฎีกา’ หรือไม่
เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวพรรคประชาชน ร่วมกันใช้สิทธิตามมาตรา 236 ในการเข้าชื่อไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของรัฐสภา เพื่อถอดถอนประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จากกรณีคลิปหลุด ว่า เป็นเรื่องจริง ซึ่งพรรคประชาชนเองมีมติพรรคแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมรายชื่อ มั่นใจชื่อว่าเพียงพอ ต้องยืนยันว่า ไม่ใช่การเอาคืน เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ส. ในการเข้าชื่อตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น และในข้อร้องเรียนที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์หน้า ไม่ได้มีแค่คลิปวิดีโอเท่านั้น แต่ยังมีข้อร้องเรียน เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในส่วนอื่นด้วย ซึ่งพรรคประชาชนเราได้รวบรวมข้อมูลมาอย่างต่อเนื่อง
“ถึงแม้ไม่มีคดี 44 ส.ส. ก็เป็นสิ่งที่เราต้องทำ เพราะมีหลักฐาน และไม่ใช่แค่พรรคประชาชนทำได้เท่านั้น แต่เป็นสิทธิของสมาชิกรัฐสภาทุกคนทุกฝ่าย ดังนั้น ถ้ามี ส.ส.พรรคอื่น และ ส.ว.เห็นตรงกันว่า ปัญหาทุจริตเป็นเรื่องสำคัญ ก็ใช้กลไกนี้ในการตรวจสอบ และสามารถร่วมลงชื่อสนับสนุนได้ ย้ำว่า เราไม่ได้คิดถึงผลกระทบต่อคดี หรือหากพรุ่งนี้ คดี 44 ส.ส.ถูกยกไปหมด เราก็ยังยืนยันในการทำหน้าที่ตรวจสอบ” นายพริษฐ์กล่าว
นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า ในทางคู่ขนาน เรายังได้ยื่นแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ รายมาตรา 236 ด้วย ซึ่งกฎหมายระบุว่า หากสมาชิกรัฐสภา ต้องการตรวจสอบการทำงานหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต้องยื่นเรื่องไปที่ประธานรัฐสภา เพื่อให้ประธานรัฐสภา มีดุลพินิจในการพิจารณาว่าสมควรส่งเรื่องไปที่ศาลฎีกาเพื่อตั้งกรรมการสอบสวนพิเศษหรือไม่ ซึ่งจะเกิดความสุ่มเสี่ยง ที่จะเกิดการฮั้วกัน ซึ่งหวังว่าจะเป็นร่างฉบับหนึ่ง ที่เราสามารถหยิบยกมาพิจารณาร่วมกันในที่ประชุมรัฐสภาได้
ส่วนขั้นตอนทางกฎหมายหลังจากนี้ ต้องรอการชี้แจงอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า ส่วนเรื่องดังกล่าวจะสามารถไปถึงศาลฎีกาได้หรือไม่นั้น ต้องไปถามประธานรัฐสภา
เมื่อถามว่าจะมีการยื่นตรวจสอบประธานรัฐสภาด้วยหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า เรื่องการตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่น ขณะนี้อยู่ในช่วงที่พรรคกำลังหารือกันถึงความเป็นไปได้ เพราะกลไก มาตรา 236 เป็นกลไกเฉพาะสำหรับการร้องเรียน ป.ป.ช.
สำหรับการไปรับทราบข้อกล่าวหาคดี 44 ส.ส. ทางพรรคจะส่งใครไปเป็นชุดแรกบ้าง นายพริษฐ์กล่าวว่า รอให้แต่ละท่านชี้แจงน่าจะดีกว่า แต่ในเชิงหลักการของพรรค เราต้องยืนยันว่า สิ่งที่ ส.ส.ของพรรคได้กระทำไป ไม่มีอะไรที่เข้าข่ายผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง และเราจะทำเต็มที่ในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ผ่านกระบวนการที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่วนคนที่เตรียมแนวทางการต่อสู้ คือ นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ฝ่ายกฎหมาย
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ หากพรรคร่วมรัฐบาลแตกกัน จะมีการดูด ส.ส.ของพรรคไป เพื่อหาเสียงสนับสนุน นายพริษฐ์ยืนยันว่า ส.ส.พรรคประชาชน มีความเป็นเอกภาพในการเดินหน้าต่อ ผลักดันงาน ซื่อสัตย์ต่อประชาชน กรณีการยุบพรรคก้าวไกล ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ส.ส.ทุกคนร่วมกันเดินทางต่อ ไม่ว่าความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาลจะเป็นอย่างไร ก็ไม่กระทบต่อการทำหน้าที่ของพรรคประชาชน
กมธ.มั่นคง ถกปมไบโอเมตริกซ์ ยันไลเซนส์หมดแล้ว 3 ปี ต้องใช้วิธีโบราณ คัดกรองคนเข้าไทย
https://www.matichon.co.th/politics/news_5058340
‘โรม’ ลั่น เป็นความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัย-ไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนรับผิดชอบ หลัง ‘ที่ประชุม กมธ.ความมั่นคง’ คอนเฟิร์มระบบ ‘ไบโอเมตริกซ์’ ไทย หมดอายุ 3 ปีแล้ว เผย ต้องใช้วิธีโบราณ ‘ถ่ายภาพ-ปั๊มลายนิ้วมือ’ มอง ‘จีน’ ไม่ถูกจำแนก ‘เหยื่อ-อาชญากร’ อาจทำให้ประเทศอื่นได้รับการปฏิบัติไม่เท่าเทียม-ไทยอยู่ภายใต้อิทธิพลของชาติใดชาติหนึ่ง
เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทยยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงความคืบหน้าภายหลังการประชุม กมธ.ถึงแนวทางการจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งมีหลายส่วนเข้าไปพัวพันเกี่ยวข้องกับข้อมูลอัตลักษณ์ และเกี่ยวกับอาชญากรข้ามชาติและยาเสพติด
โดยนายรังสิมันต์ระบุว่า ประเทศไทยไม่มีการใช้ระบบไบโอเมตริกซ์อีกแล้ว ซึ่งแปลว่าเวลา 3 ปีเต็มนี้ ไม่มีเครื่องมือในการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์นักท่องเที่ยว ทำให้มีโอกาสผิดพลาดจากการที่นักท่องเที่ยวใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในการก่ออาชญากรรม โดยที่ตัวเขาเองมีสัญชาติที่แตกต่างกัน
โรม ชี้เรื่องใหญ่มาก ไบโอเมตริกซ์ ไลเซนส์หมดอายุ ข้องใจทำจีนเทาเข้าออกเต็มเมือง
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า แม้วันนี้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) จะใช้วิธีการถ่ายรูปและพิมพ์ลายนิ้วมือ แต่ข้อมูลที่ได้นั้นชัดเจนว่าไม่เพียงพอ และกลายเป็นช่องว่างสำคัญ ในการที่จะทำให้ประเทศไทยตกอยู่ในภายใต้ความอันตรายของปัญหาอาชญากรรมที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน
นายรังสิมันต์ย้ำว่า สตม.มีความรับผิดชอบที่จะป้องกันเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ทั้งที่ควรรับรู้รับทราบมาก่อนหน้านี้ว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้น แต่กลับปล่อยให้ License หมดจนเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น กลายเป็นสุญญากาศ ใช้วิธีการโบราณ ไม่สามารถเก็บข้อมูลได้ โดยใช้วิธีขึ้นแบล๊กลิสต์ที่ไม่สามารถรู้ได้ว่าจะมีประสิทธิภาพม