ชาวไร่ทุกข์ ไม่ขุดมันสำปะหลังขาย ราคาตกต่ำสุดในรอบ 20 ปี ขุดไม่คุ้มทุน วอนรัฐช่วยด่วน
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9641705
นครราชสีมา ชาวไร่ทุกข์ ไม่ขุดมันสำปะหลังขาย ขุดไม่คุ้มทุน ราคาตกต่ำสุดในรอบ 20 ปี เหลือ กก.ละ 1.50 บาท ตัดใจปล่อยทิ้งให้ยืนต้นตาย วอนรัฐช่วยแก้ปัญหา เดือดร้อนจริงๆ
20 ก.พ. 68 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง พื้นที่ จ.นครราชสีมา ต่างพากันปล่อยทิ้งมันสำปะหลังที่ปลูกไว้ในไร่ ให้ยืนต้นตายเป็นจำนวนมาก แม้เลยช่วงเก็บเกี่ยวมาแล้ว 3-4 เดือน แต่ไม่มีใครอยากจะขุดมันไปขาย เนื่องจากไม่คุ้มทุน หลังราคามันสำปะหลังตกต่ำเหลือกิโลกรัมละ 1.50 บาทเท่านั้น
นาง
ทองเปรม ปานสวัสดิ์ อายุ 57 ปี หนึ่งในกลุ่มสมาชิกผู้ปลูกมันสำปะหลังแปลงใหญ่ ต.มะเกลือใหม่ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ได้พา นายมารุต ชุ่มขุนทด แกนนำกลุ่มสร้างเมืองโคราช ลงพื้นที่สำรวจไร้มันสำปะหลังของเกษตรกรในกลุ่ม ซึ่งมีสมาชิกอยู่ 30 ราย มีพื้นที่ปลูกอยู่ทั้งหมดกว่า 650 ไร่
แต่ขณะนี้เกษตรกรได้ปล่อยมันทิ้งไว้ในไร่ ไม่มีใครขุดออกมาขาย เหลือมันที่ยังไม่ขุดในไร่เกือบ 50% หลังจากที่ราคามันสำปะหลังตกต่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง จากเมื่อปี 2567 ราคามันสำปะหลังเคยพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละกว่า 4 บาท ปัจจุบันราคาตกต่ำเหลือกิโลกรัมละเพียง 1.50 บาทเท่านั้น
นาง
ทองเปรม เปิดเผยว่า ช่วงปีที่แล้ว ราคามันสำปะหลังเคยพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละกว่า 4 บาท ทำให้เกษตรกรพากันปลูกมันกันอย่างคึกคัก จนทำให้ต้นพันธุ์มันขาดตลาด โดยเกษตรกรหลายคนก็คาดหวังว่า ราคามันจะยังคงสูง อย่างน้อยก็ไม่ตกต่ำเกิน 2.50 บาท
แต่เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ปรากฏว่าราคามันสำปะหลังตกต่ำลงอย่างหนักต่อเนื่อง บางคนแม้ไม่อยากขุดมันออกมาขาย แต่ก็จำเป็นต้องขาย เนื่องจากต้องนำเงินไปใช้หนี้ใช้สินก่อน แต่ราคามันสำปะหลังก็ยังคงตกต่ำลงต่อเนื่อง จนถึงระดับไม่คุ้มทุนการขุดไปขาย
ปัจจุบันมันสำปะหลังเชื้อแป้ง 25% ราคากิโลกรัมละ 1.90 บาท ส่วนเชื้อแป้ง 17% เหลือกิโลกรัมละ 1.50 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าราคาตกต่ำสุดในรอบ 20 ปีเลยทีเดียว ซึ่งต้นทุนเมื่อ 20 ปีที่แล้วยังไม่แพง ก็ถือว่าพอมีกำไร เนื่องจากปุ๋ยขณะนั้นถุงละ 400 บาทเอง แต่ปัจจุบันปุ๋ยราคาถุงละ 1,000 กว่าบาท
ซึ่งต้นทุนการปลูกมีอีกมาก แต่เฉพาะค่าเก็บเกี่ยว ก็มีรายการที่ต้องจ่ายประจำอยู่แล้ว 8 รายการ ได้แก่ 1. ค่ารถไปขุด ไร่ละ 300 บาท 2. ค่าจ้างคนตัดหัวมัน ตันละ 300 บาท 3. ค่ารถไปรับคนงานเดินทางมา คนละ 300 บาท 4. ค่าอาหาร คนละ 200 บาท 5. ค่าตัดลำมันทิ้ง ไร่ละ 100 บาท 6. ค่าตัดลำมันทำพันธุ์ ตันละ 200 บาท 7. ค่ารถขนมันไปที่ลานขาย คันละ 180 บาท และ 8. ค่ารถตักมันขึ้นรถบรรทุก ตันละ 150 บาท ทำให้ต้นทุนการนำมันไปขายสูงถึงกิโลกรัมละ 2.25 บาท
ซึ่งเมื่อเทียบกับราคามันสำปะหลังกิโลกรัมละ 1.50 – 1.90 บาทแล้ว ขาดทุนตั้งแต่ยังไม่ขายเลย ดังนั้นจึงทำให้เกษตรกรตัดสินใจไม่ขุดมันไปขาย เพราะขายแล้วก็ขาดทุนอยู่ดี ตอนนี้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก จึงอยากให้รัฐบาลช่วยเหลือแก้ปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังให้ด้วย
ด้าน นาย
มารุต เผยว่า จากการลงพื้นที่มารับฟังปัญหาของเกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลัง อ.สูงเนิน พบว่า มีการปล่อยทิ้งไว้ให้ยืนต้นตายเป็นจำนวนมาก แม้ว่าหัวมันที่อยู่ในดินจะสมบูรณ์มากกว่าปีที่ผ่านมาก็ตาม แต่เกษตรกรไม่อยากขุดไปขาย เพราะราคาตกต่ำจนไม่คุ้มทุน
ไม่เฉพาะที่ อ.สู.เนินเท่านั้น ชาวไร่มันทั้งหมดใน จ.นครราชสีมา ก็ต้องประสบปัญหานี้เช่นกัน ซึ่งตนเองจะได้นำเรื่องนี้เข้าไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เข้ามาให้การช่วยเหลือแก้ปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่มันอย่างเร่งด่วนต่อไป
ไทยสร้างไทย ชมจีนช่วยปราบแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_843928/
ไทยสร้างไทย ชมจีนช่วยปราบแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ แซะรัฐบาลไม่กระตือรือร้น
นาย
นรุตม์ชัย บุนนาค รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย และคณะทำงานด้านการปราบทุจริตพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย โดยยืนยันว่าการดำเนินการในทิศทางที่ดีขึ้นนั้น ไม่ได้เกิดจากความพยายามของรัฐบาลไทย แต่เป็นผลจากการเข้ามาของผู้ช่วยรัฐมนตรีจากจีน ที่มองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชนในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเข้ามาพร้อมข้อมูลและหลักฐานที่สามารถดำเนินการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ทันที โดยไม่เกรงกลัวใคร ขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้รัฐบาลไทยดำเนินการอย่างจริงจังในการต่อสู้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์
นาย
นรุตม์ชัย ยังกล่าวชื่นชมการทำงานของตัวแทนรัฐบาลจีน ที่มีความใส่ใจและพร้อมให้ความช่วยเหลือ โดยเฉพาะการให้ข้อมูลและการผลักดันให้ไทยทำงานอย่างจริงจังในการต่อสู้กับ “
ทุนเทา” และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างความเสียหายแก่ประชาชนไทย
“การที่รัฐบาลจีนเข้ามามีบทบาทในเรื่องนี้สะท้อนถึงความห่วงใยต่อประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่สิ่งที่น่าตกใจคือการที่รัฐบาลไทย โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กลับไม่กระตือรือร้นในเรื่องนี้ ถ้าไม่มีการเข้าไปของผู้ช่วยรัฐมนตรีจากจีน ที่มาพร้อมข้อมูลและความมุ่งมั่นในการปราบปราม ยังมองไม่เห็นว่าปัญหานี้จะมีทิศทางที่ดีขึ้นได้อย่างไร และประชาชนจะยังคงตกเป็นเหยื่อของแก๊งเหล่านี้ต่อไป”
นาย
นรุตม์ชัย มองว่า การที่ประเทศไทยไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ทันท่วงที โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เช่นการร้องเพลงชาติของชาวกัมพูชาบนปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ อาจสะท้อนถึงความไม่เกรงกลัวจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีคำถามว่าไทยยังคงมีอำนาจและได้รับการยอมรับในระดับที่เคยมีมาก่อนหรือไม่
เช่นเดียวกันกับกรณีที่เกิดขึ้นในอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน พบว่ามีชาวต่างชาติพฤติกรรมไม่เหมาะสม และยังมีนายทุนที่เอาเปรียบคนท้องถิ่น หากรัฐไม่รับรู้ปัญหานี้ อาจทำให้เกิดปัญหาใหญ่ขึ้นตามมาได้ ก่อนหน้านี้ยังพบเหตุการณ์ที่ชาวต่างชาติทำร้ายคนไทยในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล ทำให้เกิดคำถามว่า คนไทยในประเทศของตนเองยังคงมีสิทธิ์และความปลอดภัยพอหรือไม่
ไม่เข็ด! "กูรูไพศาล"แฉมีเสียงเรียกร้องทหารยึดอำนาจเหน็บไม่มีอะไรการันตีได้รัฐบาลแย่
https://siamrath.co.th/n/602442
วันที่ 20 ก.พ.68 นาย
ไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ระบุว่า
... ไม่เข็ดหลาบ
ขณะนี้ มีคนบางพวกเริ่มออกมาเรียกร้องให้ทหารยึดอำนาจอีกแล้ว เพราะไม่พอใจ นักการเมือง แต่ไม่มีทางออกที่ชัดเจนว่า ถ้ายึดอำนาจแล้วจะมีใครมาเป็นรัฐบาลและจะเป็นอย่างไรต่อไป
ใน 20 ปีมานี้ก็ช่วยกันป่วนเมืองเรียกร้องให้ทหารยึดอำนาจมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกวันที่ 19 กันยายน 2549 ก็ได้รัฐบาลขิงแก่มา เป็นอย่างไรก็รู้กันดีอยู่แล้ว ครั้งที่ 2 ก็วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ก็ได้รัฐบาลลุงตู่มา เป็นอย่างไรก็รู้กันดีอยู่แล้ว
จนมาถึงวันนี้ ก็ยังขัดแย้งกันอย่างหนัก และยัง-ิบหายวายวอดกันทั่วประเทศ หนักกว่าเดิมอีก และก็มาเรียกน้องให้ทหารยึดอำนาจอีกแล้ว จะมีอะไรเป็นหลักประกันว่า ยึดอำนาจแล้วจะไม่ได้รัฐบาลที่แย่กว่า 2 ครั้งที่ผ่านมา
ไม่รู้จักเข็ดหลาบกันบ้างหรืออย่างไรครับ คนไทยเราใช้ภาษาไทยเหมือนกัน จะพูดจากันดีๆไม่ได้เลยหรือ
https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage/posts/pfbid0xojmWXJdsN5Dxg5TLGVMdyX5TvX3BasHci9kkrt2tDa9eiP1h8kjUiFBWLtcjx96l
JJNY : ไม่ขุดมันสำปะหลังขาย ขุดไม่คุ้มทุน│ทสท.ชมจีนช่วยปราบแก๊งค์คอล│"ไพศาล"แฉร้องทหารยึดอำนาจ│ผู้นำยุโรปอยู่ข้างยูเครน
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9641705
20 ก.พ. 68 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง พื้นที่ จ.นครราชสีมา ต่างพากันปล่อยทิ้งมันสำปะหลังที่ปลูกไว้ในไร่ ให้ยืนต้นตายเป็นจำนวนมาก แม้เลยช่วงเก็บเกี่ยวมาแล้ว 3-4 เดือน แต่ไม่มีใครอยากจะขุดมันไปขาย เนื่องจากไม่คุ้มทุน หลังราคามันสำปะหลังตกต่ำเหลือกิโลกรัมละ 1.50 บาทเท่านั้น
นางทองเปรม ปานสวัสดิ์ อายุ 57 ปี หนึ่งในกลุ่มสมาชิกผู้ปลูกมันสำปะหลังแปลงใหญ่ ต.มะเกลือใหม่ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ได้พา นายมารุต ชุ่มขุนทด แกนนำกลุ่มสร้างเมืองโคราช ลงพื้นที่สำรวจไร้มันสำปะหลังของเกษตรกรในกลุ่ม ซึ่งมีสมาชิกอยู่ 30 ราย มีพื้นที่ปลูกอยู่ทั้งหมดกว่า 650 ไร่
แต่ขณะนี้เกษตรกรได้ปล่อยมันทิ้งไว้ในไร่ ไม่มีใครขุดออกมาขาย เหลือมันที่ยังไม่ขุดในไร่เกือบ 50% หลังจากที่ราคามันสำปะหลังตกต่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง จากเมื่อปี 2567 ราคามันสำปะหลังเคยพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละกว่า 4 บาท ปัจจุบันราคาตกต่ำเหลือกิโลกรัมละเพียง 1.50 บาทเท่านั้น
นางทองเปรม เปิดเผยว่า ช่วงปีที่แล้ว ราคามันสำปะหลังเคยพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละกว่า 4 บาท ทำให้เกษตรกรพากันปลูกมันกันอย่างคึกคัก จนทำให้ต้นพันธุ์มันขาดตลาด โดยเกษตรกรหลายคนก็คาดหวังว่า ราคามันจะยังคงสูง อย่างน้อยก็ไม่ตกต่ำเกิน 2.50 บาท
แต่เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ปรากฏว่าราคามันสำปะหลังตกต่ำลงอย่างหนักต่อเนื่อง บางคนแม้ไม่อยากขุดมันออกมาขาย แต่ก็จำเป็นต้องขาย เนื่องจากต้องนำเงินไปใช้หนี้ใช้สินก่อน แต่ราคามันสำปะหลังก็ยังคงตกต่ำลงต่อเนื่อง จนถึงระดับไม่คุ้มทุนการขุดไปขาย
ปัจจุบันมันสำปะหลังเชื้อแป้ง 25% ราคากิโลกรัมละ 1.90 บาท ส่วนเชื้อแป้ง 17% เหลือกิโลกรัมละ 1.50 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าราคาตกต่ำสุดในรอบ 20 ปีเลยทีเดียว ซึ่งต้นทุนเมื่อ 20 ปีที่แล้วยังไม่แพง ก็ถือว่าพอมีกำไร เนื่องจากปุ๋ยขณะนั้นถุงละ 400 บาทเอง แต่ปัจจุบันปุ๋ยราคาถุงละ 1,000 กว่าบาท
ซึ่งต้นทุนการปลูกมีอีกมาก แต่เฉพาะค่าเก็บเกี่ยว ก็มีรายการที่ต้องจ่ายประจำอยู่แล้ว 8 รายการ ได้แก่ 1. ค่ารถไปขุด ไร่ละ 300 บาท 2. ค่าจ้างคนตัดหัวมัน ตันละ 300 บาท 3. ค่ารถไปรับคนงานเดินทางมา คนละ 300 บาท 4. ค่าอาหาร คนละ 200 บาท 5. ค่าตัดลำมันทิ้ง ไร่ละ 100 บาท 6. ค่าตัดลำมันทำพันธุ์ ตันละ 200 บาท 7. ค่ารถขนมันไปที่ลานขาย คันละ 180 บาท และ 8. ค่ารถตักมันขึ้นรถบรรทุก ตันละ 150 บาท ทำให้ต้นทุนการนำมันไปขายสูงถึงกิโลกรัมละ 2.25 บาท
ซึ่งเมื่อเทียบกับราคามันสำปะหลังกิโลกรัมละ 1.50 – 1.90 บาทแล้ว ขาดทุนตั้งแต่ยังไม่ขายเลย ดังนั้นจึงทำให้เกษตรกรตัดสินใจไม่ขุดมันไปขาย เพราะขายแล้วก็ขาดทุนอยู่ดี ตอนนี้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก จึงอยากให้รัฐบาลช่วยเหลือแก้ปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังให้ด้วย
ด้าน นายมารุต เผยว่า จากการลงพื้นที่มารับฟังปัญหาของเกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลัง อ.สูงเนิน พบว่า มีการปล่อยทิ้งไว้ให้ยืนต้นตายเป็นจำนวนมาก แม้ว่าหัวมันที่อยู่ในดินจะสมบูรณ์มากกว่าปีที่ผ่านมาก็ตาม แต่เกษตรกรไม่อยากขุดไปขาย เพราะราคาตกต่ำจนไม่คุ้มทุน
ไม่เฉพาะที่ อ.สู.เนินเท่านั้น ชาวไร่มันทั้งหมดใน จ.นครราชสีมา ก็ต้องประสบปัญหานี้เช่นกัน ซึ่งตนเองจะได้นำเรื่องนี้เข้าไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เข้ามาให้การช่วยเหลือแก้ปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่มันอย่างเร่งด่วนต่อไป
ไทยสร้างไทย ชมจีนช่วยปราบแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_843928/
ไทยสร้างไทย ชมจีนช่วยปราบแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ แซะรัฐบาลไม่กระตือรือร้น
นายนรุตม์ชัย บุนนาค รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย และคณะทำงานด้านการปราบทุจริตพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย โดยยืนยันว่าการดำเนินการในทิศทางที่ดีขึ้นนั้น ไม่ได้เกิดจากความพยายามของรัฐบาลไทย แต่เป็นผลจากการเข้ามาของผู้ช่วยรัฐมนตรีจากจีน ที่มองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชนในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเข้ามาพร้อมข้อมูลและหลักฐานที่สามารถดำเนินการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ทันที โดยไม่เกรงกลัวใคร ขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้รัฐบาลไทยดำเนินการอย่างจริงจังในการต่อสู้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์
นายนรุตม์ชัย ยังกล่าวชื่นชมการทำงานของตัวแทนรัฐบาลจีน ที่มีความใส่ใจและพร้อมให้ความช่วยเหลือ โดยเฉพาะการให้ข้อมูลและการผลักดันให้ไทยทำงานอย่างจริงจังในการต่อสู้กับ “ทุนเทา” และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างความเสียหายแก่ประชาชนไทย
“การที่รัฐบาลจีนเข้ามามีบทบาทในเรื่องนี้สะท้อนถึงความห่วงใยต่อประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่สิ่งที่น่าตกใจคือการที่รัฐบาลไทย โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กลับไม่กระตือรือร้นในเรื่องนี้ ถ้าไม่มีการเข้าไปของผู้ช่วยรัฐมนตรีจากจีน ที่มาพร้อมข้อมูลและความมุ่งมั่นในการปราบปราม ยังมองไม่เห็นว่าปัญหานี้จะมีทิศทางที่ดีขึ้นได้อย่างไร และประชาชนจะยังคงตกเป็นเหยื่อของแก๊งเหล่านี้ต่อไป”
นายนรุตม์ชัย มองว่า การที่ประเทศไทยไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ทันท่วงที โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เช่นการร้องเพลงชาติของชาวกัมพูชาบนปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ อาจสะท้อนถึงความไม่เกรงกลัวจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีคำถามว่าไทยยังคงมีอำนาจและได้รับการยอมรับในระดับที่เคยมีมาก่อนหรือไม่
เช่นเดียวกันกับกรณีที่เกิดขึ้นในอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน พบว่ามีชาวต่างชาติพฤติกรรมไม่เหมาะสม และยังมีนายทุนที่เอาเปรียบคนท้องถิ่น หากรัฐไม่รับรู้ปัญหานี้ อาจทำให้เกิดปัญหาใหญ่ขึ้นตามมาได้ ก่อนหน้านี้ยังพบเหตุการณ์ที่ชาวต่างชาติทำร้ายคนไทยในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล ทำให้เกิดคำถามว่า คนไทยในประเทศของตนเองยังคงมีสิทธิ์และความปลอดภัยพอหรือไม่
ไม่เข็ด! "กูรูไพศาล"แฉมีเสียงเรียกร้องทหารยึดอำนาจเหน็บไม่มีอะไรการันตีได้รัฐบาลแย่
https://siamrath.co.th/n/602442
วันที่ 20 ก.พ.68 นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ระบุว่า
... ไม่เข็ดหลาบ
ขณะนี้ มีคนบางพวกเริ่มออกมาเรียกร้องให้ทหารยึดอำนาจอีกแล้ว เพราะไม่พอใจ นักการเมือง แต่ไม่มีทางออกที่ชัดเจนว่า ถ้ายึดอำนาจแล้วจะมีใครมาเป็นรัฐบาลและจะเป็นอย่างไรต่อไป
ใน 20 ปีมานี้ก็ช่วยกันป่วนเมืองเรียกร้องให้ทหารยึดอำนาจมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกวันที่ 19 กันยายน 2549 ก็ได้รัฐบาลขิงแก่มา เป็นอย่างไรก็รู้กันดีอยู่แล้ว ครั้งที่ 2 ก็วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ก็ได้รัฐบาลลุงตู่มา เป็นอย่างไรก็รู้กันดีอยู่แล้ว
จนมาถึงวันนี้ ก็ยังขัดแย้งกันอย่างหนัก และยัง-ิบหายวายวอดกันทั่วประเทศ หนักกว่าเดิมอีก และก็มาเรียกน้องให้ทหารยึดอำนาจอีกแล้ว จะมีอะไรเป็นหลักประกันว่า ยึดอำนาจแล้วจะไม่ได้รัฐบาลที่แย่กว่า 2 ครั้งที่ผ่านมา
ไม่รู้จักเข็ดหลาบกันบ้างหรืออย่างไรครับ คนไทยเราใช้ภาษาไทยเหมือนกัน จะพูดจากันดีๆไม่ได้เลยหรือ
https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage/posts/pfbid0xojmWXJdsN5Dxg5TLGVMdyX5TvX3BasHci9kkrt2tDa9eiP1h8kjUiFBWLtcjx96l