วีระยุทธชี้ 2 จุดบอด ฉุดจีดีพีไทย โตต่ำสุดอาเซียน แนะรบ.ตีโจทย์ให้แตก จะดันภาคยานยนต์ไปทางไหน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5054872
วีระยุทธ ชี้ 2 จุดบอดศก.ไทย ฉุดจีดีพีโตต่ำสุดอาเซียน แนะรบ.ตีโจทย์ให้แตก จะดันภาคยานยนต์ไปทางไหน
จากกรณีที่ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวม ในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสที่ 4/2567 และ ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2567 และ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2568 รวมเศรษฐกิจไทยปี 2567 ขยายตัว 2.5% นั้น
ล่าสุด (18 ก.พ.) นาย
วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรคประชาชน ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นถึงตัวเลขดังกล่าว โดยระบุว่า
สองจุดบอดจีดีพีไทย = ยานยนต์ดิ่ง + นำเข้าจีนทะลัก
จีดีพีของไทย ปี 2567 โต 2.5% รั้งท้ายอาเซียน ถ้าลงไปดูรายละเอียดจะพบจุดบอด 2 จุดสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยไม่เป็นไปตามเป้า
อย่างแรกคือ “ภาคธุรกิจไม่ค่อยลงทุน” เพราะในขณะที่ ตัวเลขอื่นขยับเป็นสีเขียว การลงทุนภาคเอกชนของเรายังหดตัว 3 ไตรมาสติดต่อกัน ทำให้ทั้งปีรวมแล้วอยู่ที่ -1.6%
รายงานของสภาพัฒน์เองก็บอกต่อว่า ลงทุนหดก็เพราะภาคธุรกิจซื้อเครื่องจักรเครื่องมือลดลง โดยเฉพาะหมวดยานยนต์
ดังนั้น หากจะต้องเลือก “โฟกัส” อะไรสักอย่างที่จะช่วยปิดจุดบอดแรก
คำตอบจึงอยู่ที่ภาคยานยนต์ ซึ่งมีมูลค่า 11% ของจีดีพี มีพลังขับเคลื่อนทั้งด้านบวกและด้านลบถึง 1 ใน 10 ของเศรษฐกิจไทย
ปี 66 ไทยผลิตรถ 1.83 ล้านคัน
ปี 67 ยอดผลิตลดลงเหลือแค่ 1.47 ล้านคัน หายไป 20% กลับมาอยู่ในระดับเดียวกับช่วงวิกฤตโควิด
ถดถอยระดับ Fast & Furious เร็ว..แรงทะลุนรก
เราเห็นนโยบายรัฐขยับบ้าง จากที่เน้นอุดหนุนรถอีวีอย่างเดียว กลับมาช่วยไฮบริดมากขึ้นตอนปลายปี และมาตรการช่วยค้ำประกันเช่าซื้อรถที่กำลังจะออกมา
แต่ตัวแปรสำคัญยังอยู่ที่งบประมาณและทิศทางอนาคต
งบประมาณปี 68 ของไทยที่ลงไปกับอุตสาหกรรมยานยนต์นั้นไม่น้อย มีถึง 8,600 ล้านบาท
ฟังดูสมน้ำสมเนื้อกับเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยใช่ไหมครับ
แต่พอไปดูเนื้อในของงบ ปรากฏว่าเกิน 90% คือการใช้เงินอุดหนุนคนซื้อรถอีวี รวมแล้ว 8,000 ล้าน
เหลืองบส่วนที่จะช่วยด้านพัฒนาทักษะการผลิต-ทักษะแรงงานเพียง 500 ล้าน หรือ แค่ 7% ของงบด้านยานยนต์ที่ดูมหาศาล
เน้นเงินช่วยคนซื้อและผู้ขาย แต่งบสนับสนุนผู้ผลิตและแรงงานน้อยกว่ามาก
งบประมาณต้องสมดุล ดีมานด์-ซัพพลาย มากกว่านี้
แต่โจทย์ใหญ่สุดที่รัฐบาลต้องชัดเจนคือ ตกลงรัฐบาลจะดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไปทางไหนกันแน่
ยังจะเป็น EV Hub ผลิตส่งออกโลกตามแผนเดิมได้จริงหรือ
จะย้ายผู้ผลิตกลุ่มไหนไปอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ช่างและวิศวกรรุ่นใหม่ควรมีทักษะด้านไหน
งบประมาณจะได้จัดสรรให้สอดคล้องกับทิศทางที่เราจะมุ่งไป
จุดบอดอีกจุดหนึ่งคือ “การค้าระหว่างประเทศ”
เรามักได้ยินแต่ข่าวดีเรื่องการส่งออกขยายตัว ซึ่งก็จริง จากข้อมูลกระทรวงพาณิชย์ปี 67 การส่งออกไทยเติบโต 7%
แต่ข่าวที่ไม่ค่อยได้ยินคือ การนำเข้าของปี 67 ขยายตัวถึง 8% สูงกว่าการส่งออกเสียอีก
ทำให้รวมๆ แล้ว ไทยขาดดุลการค้าประมาณ -350,000 ล้านบาท (ตามฐานศุลกากร)
ถึงเราจะเกินดุลกับสหรัฐฯ อินเดีย ออสเตรเลีย
ยังไงก็ถัวไม่พอกับยอดขาดดุลกับจีน ซึ่งปี 67 ทะยานขึ้นไปที่ -1.6 ล้านล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์
ยอดนำเข้ามหาศาล ส่วนหนึ่งก็เข้าไปแทนที่การผลิตและการจ้างงานของกิจการในประเทศ
ความพยายามของรัฐบาลที่จะเพิ่มปริมาณสินค้าขายกลับไปจีน จึงแทบไม่ได้บรรเทาปัญหาภาคการผลิตไทยเลย
ต่อให้การส่งออกจะขยายตัวแค่ไหน การนำเข้าก็ทะยานตามไปหักล้างอยู่ดี
ถึงจุดนี้ น่าจะชัดเจนแล้วว่าการแจกเงินหมื่นไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจ
อัดเงิน 100 บาท ได้ผลกลับมาแค่ 10–30 บาทเท่านั้น
อาจเป็นการช่วยบรรเทากลุ่มเปราะบางชั่วคราว แต่ไม่ใช่การกระตุ้นเศรษฐกิจแน่นอน
จะแก้จุดบอดที่ฉุดจีดีพีไทย ควรโฟกัสที่ “ยานยนต์” กับ “สินค้านำเข้า”
ใช้สองเรื่องนี้เป็นจุดตั้งต้น ขยับต่อไปยังการศึกษา ทักษะแรงงาน นโยบายการค้าการลงทุน
ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน ว่าประเทศไทยจะอยู่ตรงไหนในซัพพลายเชนโลกที่เปลี่ยนไปและเกมภูมิรัฐศาสตร์ใหม่
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid02QeeT4uQHuJC2WK8vEVLGPJppD931AumxGzQGUAASi9nDpHGXME2hbkMi75Sh9T5el&id=61553732966651
โรม ซัด แม้มีไทยเทาก็ใช่ว่าหม่องชิต ตู จะพ้นผิด ชี้วีรกรรมเยอะ บี้ ภูมิธรรม คัดแยกเหยื่อก่อนส่งกลับ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5054781
โรม ซัด แม้มีไทยเทาก็ใช่ว่าหม่องชิต ตู่ จะบริสุทธิ์ ชี้วีรกรรมเยอะ มั่นใจเป็นหุ้นส่วน ชเวก๊กโก บี้ ภูมิธรรม คัดแยกเหยื่อก่อนส่งกลับประเทศ แม้ต้องใช้งบเยอะ
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ “
หม่อง ชิต ตู่” ออกมาตอบโต้ฝ่ายค้าน ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ว่า เรื่องนี้เป็นกลไกของฝ่ายบริหาร ฝ่ายค้านคงไม่มีอำนาจไปออกหมายจับ หน้าที่เราคือให้ข้อเสนอแนะ คำแนะนำหรือข้อมูล ในการตรวจสอบ เราไม่สามารถดำเนินการได้ด้วยตนเอง ถึงแม้อยากจะทำก็ทำไม่ได้ ซึ่งคงเป็นความเข้าใจผิดของ “
หม่อง ชิต ตู่” แต่ส่วนที่
หม่อง ชิต ตู่ จะเป็นคนเทาระดับไหน มันมีคำตอบอยู่ 2-3 อย่าง อย่างแรกมีการถูกคว่ำบาตรจากหลายประเทศ ที่มีรักที่รักยุติธรรม และ มันไม่ใช่เป็นการคว่ำบาตรแบบมั่วซั่ว อย่างที่ 2 ข้อมูลทางฝ่ายความมั่นคงเองก็มี ที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ อย่างที่ 3 มีตัวละครที่เกี่ยวข้องกับ “
หม่อง ชิต ตู่” คือ “
เส่อ จื้อ เจียง” ที่ถูกจับกุมอยู่ในประเทศไทย
นาย
รังสิมันต์ โรม ยังกล่าวต่อว่า “
หม่อง ชิต ตู่” ไม่ได้อยู่ในสถานะเป็นผู้เช่าเท่านั้น แต่เป็นหุ้นส่วน กับ”
เส่อ จื้อ เจียง” ในการทำชเวก๊กโก ขึ้นมา ซึ่งขณะนี้กลายเป็นแหล่ง คอลเซ็นเตอร์ที่มีขนาดใหญ่มาก นับหมื่นไร่ มีผู้เกี่ยวข้องกว่าแสนคน
“
ผมยืนยันว่า “หม่อง ชิต ตู่” เป็นอาชญากรรมรายสำคัญ ที่ประเทศไทยต้องจัดการ ทำไมหมายจับถึงออกมาช้าเหลือเกิน เรื่องนี้มีความน่าเป็นห่วง ผมกลัวว่า สุดท้ายจะเป็นแค่การเล่นละคร ว่าจะมีการออกหมายจับแล้ว แต่ไม่มีการออกหมายจับจริง ใช้กลไกตรงนี้ในการฟอกขาว “หม่อง ชิต ตู่” ซึ่งมีความสัมพันธ์กับหลายคน ในประเทศของเรา ซึ่งหลายคนที่ว่านี้ ก็มีอำนาจอิทธิพล ต่อสังคมไทยค่อนข้างเยอะ”
นาย
รังสิมันต์ โรม กล่าวต่อว่า “หม่อง ชิต ตู่” มีธุรกิจหลายอย่าง ทางปั๊มน้ำมัน ผับบาร์ในแม่สอด มีบ้าน หากเรามีการดำเนินการในข้อหาค้ามนุษย์ มันจะมีการยึดทรัพย์ และเข้าข่ายข้อหาฟอกเงินได้ด้วย
ส่วนที่ “หม่อง ชิต ตู่” พยายามโบ้ย ว่าเป็นเพราะวีซ่าไทย และทางการไทยปล่อยให้มา นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ก็ใช่ ก็ชัดเจนว่าเขาโยนมาให้ เป็นเรื่องของประเทศไทย แต่ความเทา ความดาร์ค ความสกปรก “หม่อง ชิต ตู่” โยนมาให้ประเทศไทย เขาถือเป็นความหละหลวมของประเทศไทยเอง
“สิ่งที่”หม่อง ชิต ตู่” พูดมาไม่ผิด ผมยอมรับประเทศไทยมีปัญหาเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย คอรัปชั่น แต่ไม่ได้หมายความว่า “หม่อง ชิต ตู่” เป็นคนที่สะอาด บริสุทธิ์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาเลย เรื่องนี้คงต้องดำเนินการไปพร้อมๆกัน ผมยืนยันว่า หน่วยงานของรัฐมีข้อมูล แต่อยู่ที่ว่าจะมีการขยายผลหรือไม่”
นาย
รังสิมันต์ โรม กล่าวต่อว่า ตนชี้เป้าไปแล้วที่ พล.ต.ต. ไม่รู้ว่าจะขยายผลมากน้อยแค่ไหน พร้อมยืนยันว่า “
หม่อง ชิต ตู่” ไม่ยอมโดนจับคนเดียวแน่ และเรื่องนี้อาจจะเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้การออกหมายจับล่าช้า
เมื่อถามว่า มีเจ้าหน้าที่ไทย ที่ “
หม่อง ชิต ตู่” จะซักทอดกี่คน นาย
รังสิมันต์ ยกมือขึ้นมาพร้อมกล่าวว่า “
จะรับหมดไหม ผมว่าคิดว่าเยอะ” เพราะอยู่กันมาหลายปี และไม่ใช่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง จ่ายกันเยอะมาก และเท่าที่ทราบก็ยังมีการลักลอบขนแก๊ส ขนน้ำมัน
เมื่อถามว่า นาย
หลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน จะนำเครื่องบินมารับคนจีนกลับ มาตรการในการคัดกรองฝั่งไทย จะรองรับได้หรือไม่ นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้อยากถามนาย
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อยู่พอดี ยอมรับเมื่อเหยื่อส่งมาที่ประเทศไทย มันมีค่าใช้จ่ายเยอะ ซึ่งต้องมีสถานที่ อาหารและการดูแลรองรับ แต่ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ แลกกับการที่เราจะขยายผลได้ว่า ทุนจีนเทามีชื่ออะไรบ้าง องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติทำงานอย่างไร รวมไปถึงไทยเทา ข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์หรือไม่ ตนคิดว่าการเอาพวกเขามาคัดแยกเหยื่อ มีความจำเป็น ถ้าเราปล่อยให้เขากลับประเทศไป และประเทศต้นทางไม่มีการดำเนินการอะไร แล้ววันข้างหน้าเขากลับมาก่ออาชญากรรมอีกครั้ง จะคุ้มหรือไม่ แล้วใครจะรับผิดชอบ นี่เป็นสิ่งสำคัญที่นายภูมิธรรม ต้องให้ความสนใจกับสังคม ตนทราบดีว่ามันต้องใช้ทรัพยากร แต่วันนี้เราต้องมีข้อมูล ตำรวจต้องรู้ สมช.ต้องรู้ ถ้าเราไม่รู้เรื่องนี้ แสดงว่าเรากำลังปล่อยให้มีอาชญากร และรอวันให้เขากลับมาทำผิดอีก
กมธ.มั่นคง รับเรื่อง นทท.อิสราเอลกร่างที่ปาย จ่อสอบต่อถึงต้นตอ มีจนท.รัฐให้ท้ายหรือไม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_5054861
โรม เผยรับทราบแล้ว หลัง นทท.อิสราเอลกร่างยึดปาย ถามมีจนท.รัฐไปให้ท้ายหรือไม่ พร้อมเอาผิดหากมีหลักฐานชัด
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีชาวอิสราเอลตั้งกลุ่มยึดพื้นที่ ใน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ว่า ตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป คงต้องไปดูรายละเอียด เพราะเบื้องต้นได้รับข้อร้องเรียนจากนาย
ปิยรัฐ จงเทพ ส.ส.พรรคประชาชนเข้ามาที่ กมธ. ที่ได้รับข้อเรียนจากประชาชน ซึ่งปัญหาเรื่องนักท่องเที่ยวกร่าง ไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่ไหนก็แล้วแต่ ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร มีเจ้าหน้าที่รัฐไปให้ท้ายหรือไม่ เราก็ต้องไปดูที่ต้นตอ หากสุดท้ายมีหลักฐานเชื่อได้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องเราก็ต้องเอาผิด และดำเนินการต่อไป
“
ปกติแล้ว การไปเยือนประเทศไหนก็แล้วแต่ และไปทำกร่าง อยู่เหนือกฎหมาย ทำตัวว่าไม่มีใครจะไปทำอะไรได้ โดยทั่วไปมักจะไม่ค่อยเกิดขึ้น เพราะไม่รู้ว่าใครจะมาช่วยเราเวลาถูกจับกุมดำเนินคดี ซึ่งทั่วไปนักท่องเที่ยวควรจะสำรวมกิริยามารยาททุกๆ อย่างในประเทศที่ไม่ได้มีถิ่นกำเนิดตรงนั้น แต่เมื่อมีพฤติกรรมกร่าง นอกกฎหมาย มันก็ต้องต้องคำถามว่ากฎหมายของเรา มีการบังคับใช้อย่างจริงจังมากน้อยแค่ไหน ซึ่งต้องไปดูในรายละเอียดว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐมาเกี่ยวข้องกับการให้ท้ายหรือไม่” นาย
รังสิมันต์ กล่าว
JJNY : 6in1 2จุดบอดฉุดจีดีพี│โรมบี้ภูมิธรรม│รับเรื่องนทท.อิสราเอล│รักชนกสวนพิพัฒน์│ไต้หวันจัดไทยเสี่ยงสูง│เวียดนามปฏิรูป
https://www.matichon.co.th/politics/news_5054872
จากกรณีที่ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวม ในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสที่ 4/2567 และ ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2567 และ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2568 รวมเศรษฐกิจไทยปี 2567 ขยายตัว 2.5% นั้น
ล่าสุด (18 ก.พ.) นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรคประชาชน ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นถึงตัวเลขดังกล่าว โดยระบุว่า
สองจุดบอดจีดีพีไทย = ยานยนต์ดิ่ง + นำเข้าจีนทะลัก
จีดีพีของไทย ปี 2567 โต 2.5% รั้งท้ายอาเซียน ถ้าลงไปดูรายละเอียดจะพบจุดบอด 2 จุดสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยไม่เป็นไปตามเป้า
อย่างแรกคือ “ภาคธุรกิจไม่ค่อยลงทุน” เพราะในขณะที่ ตัวเลขอื่นขยับเป็นสีเขียว การลงทุนภาคเอกชนของเรายังหดตัว 3 ไตรมาสติดต่อกัน ทำให้ทั้งปีรวมแล้วอยู่ที่ -1.6%
รายงานของสภาพัฒน์เองก็บอกต่อว่า ลงทุนหดก็เพราะภาคธุรกิจซื้อเครื่องจักรเครื่องมือลดลง โดยเฉพาะหมวดยานยนต์
ดังนั้น หากจะต้องเลือก “โฟกัส” อะไรสักอย่างที่จะช่วยปิดจุดบอดแรก
คำตอบจึงอยู่ที่ภาคยานยนต์ ซึ่งมีมูลค่า 11% ของจีดีพี มีพลังขับเคลื่อนทั้งด้านบวกและด้านลบถึง 1 ใน 10 ของเศรษฐกิจไทย
ปี 66 ไทยผลิตรถ 1.83 ล้านคัน
ปี 67 ยอดผลิตลดลงเหลือแค่ 1.47 ล้านคัน หายไป 20% กลับมาอยู่ในระดับเดียวกับช่วงวิกฤตโควิด
ถดถอยระดับ Fast & Furious เร็ว..แรงทะลุนรก
เราเห็นนโยบายรัฐขยับบ้าง จากที่เน้นอุดหนุนรถอีวีอย่างเดียว กลับมาช่วยไฮบริดมากขึ้นตอนปลายปี และมาตรการช่วยค้ำประกันเช่าซื้อรถที่กำลังจะออกมา
แต่ตัวแปรสำคัญยังอยู่ที่งบประมาณและทิศทางอนาคต
งบประมาณปี 68 ของไทยที่ลงไปกับอุตสาหกรรมยานยนต์นั้นไม่น้อย มีถึง 8,600 ล้านบาท
ฟังดูสมน้ำสมเนื้อกับเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยใช่ไหมครับ
แต่พอไปดูเนื้อในของงบ ปรากฏว่าเกิน 90% คือการใช้เงินอุดหนุนคนซื้อรถอีวี รวมแล้ว 8,000 ล้าน
เหลืองบส่วนที่จะช่วยด้านพัฒนาทักษะการผลิต-ทักษะแรงงานเพียง 500 ล้าน หรือ แค่ 7% ของงบด้านยานยนต์ที่ดูมหาศาล
เน้นเงินช่วยคนซื้อและผู้ขาย แต่งบสนับสนุนผู้ผลิตและแรงงานน้อยกว่ามาก
งบประมาณต้องสมดุล ดีมานด์-ซัพพลาย มากกว่านี้
แต่โจทย์ใหญ่สุดที่รัฐบาลต้องชัดเจนคือ ตกลงรัฐบาลจะดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไปทางไหนกันแน่
ยังจะเป็น EV Hub ผลิตส่งออกโลกตามแผนเดิมได้จริงหรือ
จะย้ายผู้ผลิตกลุ่มไหนไปอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ช่างและวิศวกรรุ่นใหม่ควรมีทักษะด้านไหน
งบประมาณจะได้จัดสรรให้สอดคล้องกับทิศทางที่เราจะมุ่งไป
จุดบอดอีกจุดหนึ่งคือ “การค้าระหว่างประเทศ”
เรามักได้ยินแต่ข่าวดีเรื่องการส่งออกขยายตัว ซึ่งก็จริง จากข้อมูลกระทรวงพาณิชย์ปี 67 การส่งออกไทยเติบโต 7%
แต่ข่าวที่ไม่ค่อยได้ยินคือ การนำเข้าของปี 67 ขยายตัวถึง 8% สูงกว่าการส่งออกเสียอีก
ทำให้รวมๆ แล้ว ไทยขาดดุลการค้าประมาณ -350,000 ล้านบาท (ตามฐานศุลกากร)
ถึงเราจะเกินดุลกับสหรัฐฯ อินเดีย ออสเตรเลีย
ยังไงก็ถัวไม่พอกับยอดขาดดุลกับจีน ซึ่งปี 67 ทะยานขึ้นไปที่ -1.6 ล้านล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์
ยอดนำเข้ามหาศาล ส่วนหนึ่งก็เข้าไปแทนที่การผลิตและการจ้างงานของกิจการในประเทศ
ความพยายามของรัฐบาลที่จะเพิ่มปริมาณสินค้าขายกลับไปจีน จึงแทบไม่ได้บรรเทาปัญหาภาคการผลิตไทยเลย
ต่อให้การส่งออกจะขยายตัวแค่ไหน การนำเข้าก็ทะยานตามไปหักล้างอยู่ดี
ถึงจุดนี้ น่าจะชัดเจนแล้วว่าการแจกเงินหมื่นไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจ
อัดเงิน 100 บาท ได้ผลกลับมาแค่ 10–30 บาทเท่านั้น
อาจเป็นการช่วยบรรเทากลุ่มเปราะบางชั่วคราว แต่ไม่ใช่การกระตุ้นเศรษฐกิจแน่นอน
จะแก้จุดบอดที่ฉุดจีดีพีไทย ควรโฟกัสที่ “ยานยนต์” กับ “สินค้านำเข้า”
ใช้สองเรื่องนี้เป็นจุดตั้งต้น ขยับต่อไปยังการศึกษา ทักษะแรงงาน นโยบายการค้าการลงทุน
ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน ว่าประเทศไทยจะอยู่ตรงไหนในซัพพลายเชนโลกที่เปลี่ยนไปและเกมภูมิรัฐศาสตร์ใหม่
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid02QeeT4uQHuJC2WK8vEVLGPJppD931AumxGzQGUAASi9nDpHGXME2hbkMi75Sh9T5el&id=61553732966651
โรม ซัด แม้มีไทยเทาก็ใช่ว่าหม่องชิต ตู จะพ้นผิด ชี้วีรกรรมเยอะ บี้ ภูมิธรรม คัดแยกเหยื่อก่อนส่งกลับ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5054781
โรม ซัด แม้มีไทยเทาก็ใช่ว่าหม่องชิต ตู่ จะบริสุทธิ์ ชี้วีรกรรมเยอะ มั่นใจเป็นหุ้นส่วน ชเวก๊กโก บี้ ภูมิธรรม คัดแยกเหยื่อก่อนส่งกลับประเทศ แม้ต้องใช้งบเยอะ
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ “หม่อง ชิต ตู่” ออกมาตอบโต้ฝ่ายค้าน ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ว่า เรื่องนี้เป็นกลไกของฝ่ายบริหาร ฝ่ายค้านคงไม่มีอำนาจไปออกหมายจับ หน้าที่เราคือให้ข้อเสนอแนะ คำแนะนำหรือข้อมูล ในการตรวจสอบ เราไม่สามารถดำเนินการได้ด้วยตนเอง ถึงแม้อยากจะทำก็ทำไม่ได้ ซึ่งคงเป็นความเข้าใจผิดของ “หม่อง ชิต ตู่” แต่ส่วนที่ หม่อง ชิต ตู่ จะเป็นคนเทาระดับไหน มันมีคำตอบอยู่ 2-3 อย่าง อย่างแรกมีการถูกคว่ำบาตรจากหลายประเทศ ที่มีรักที่รักยุติธรรม และ มันไม่ใช่เป็นการคว่ำบาตรแบบมั่วซั่ว อย่างที่ 2 ข้อมูลทางฝ่ายความมั่นคงเองก็มี ที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ อย่างที่ 3 มีตัวละครที่เกี่ยวข้องกับ “หม่อง ชิต ตู่” คือ “เส่อ จื้อ เจียง” ที่ถูกจับกุมอยู่ในประเทศไทย
นายรังสิมันต์ โรม ยังกล่าวต่อว่า “หม่อง ชิต ตู่” ไม่ได้อยู่ในสถานะเป็นผู้เช่าเท่านั้น แต่เป็นหุ้นส่วน กับ”เส่อ จื้อ เจียง” ในการทำชเวก๊กโก ขึ้นมา ซึ่งขณะนี้กลายเป็นแหล่ง คอลเซ็นเตอร์ที่มีขนาดใหญ่มาก นับหมื่นไร่ มีผู้เกี่ยวข้องกว่าแสนคน
“ผมยืนยันว่า “หม่อง ชิต ตู่” เป็นอาชญากรรมรายสำคัญ ที่ประเทศไทยต้องจัดการ ทำไมหมายจับถึงออกมาช้าเหลือเกิน เรื่องนี้มีความน่าเป็นห่วง ผมกลัวว่า สุดท้ายจะเป็นแค่การเล่นละคร ว่าจะมีการออกหมายจับแล้ว แต่ไม่มีการออกหมายจับจริง ใช้กลไกตรงนี้ในการฟอกขาว “หม่อง ชิต ตู่” ซึ่งมีความสัมพันธ์กับหลายคน ในประเทศของเรา ซึ่งหลายคนที่ว่านี้ ก็มีอำนาจอิทธิพล ต่อสังคมไทยค่อนข้างเยอะ”
นายรังสิมันต์ โรม กล่าวต่อว่า “หม่อง ชิต ตู่” มีธุรกิจหลายอย่าง ทางปั๊มน้ำมัน ผับบาร์ในแม่สอด มีบ้าน หากเรามีการดำเนินการในข้อหาค้ามนุษย์ มันจะมีการยึดทรัพย์ และเข้าข่ายข้อหาฟอกเงินได้ด้วย
ส่วนที่ “หม่อง ชิต ตู่” พยายามโบ้ย ว่าเป็นเพราะวีซ่าไทย และทางการไทยปล่อยให้มา นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ก็ใช่ ก็ชัดเจนว่าเขาโยนมาให้ เป็นเรื่องของประเทศไทย แต่ความเทา ความดาร์ค ความสกปรก “หม่อง ชิต ตู่” โยนมาให้ประเทศไทย เขาถือเป็นความหละหลวมของประเทศไทยเอง
“สิ่งที่”หม่อง ชิต ตู่” พูดมาไม่ผิด ผมยอมรับประเทศไทยมีปัญหาเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย คอรัปชั่น แต่ไม่ได้หมายความว่า “หม่อง ชิต ตู่” เป็นคนที่สะอาด บริสุทธิ์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาเลย เรื่องนี้คงต้องดำเนินการไปพร้อมๆกัน ผมยืนยันว่า หน่วยงานของรัฐมีข้อมูล แต่อยู่ที่ว่าจะมีการขยายผลหรือไม่”
นายรังสิมันต์ โรม กล่าวต่อว่า ตนชี้เป้าไปแล้วที่ พล.ต.ต. ไม่รู้ว่าจะขยายผลมากน้อยแค่ไหน พร้อมยืนยันว่า “หม่อง ชิต ตู่” ไม่ยอมโดนจับคนเดียวแน่ และเรื่องนี้อาจจะเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้การออกหมายจับล่าช้า
เมื่อถามว่า มีเจ้าหน้าที่ไทย ที่ “หม่อง ชิต ตู่” จะซักทอดกี่คน นายรังสิมันต์ ยกมือขึ้นมาพร้อมกล่าวว่า “จะรับหมดไหม ผมว่าคิดว่าเยอะ” เพราะอยู่กันมาหลายปี และไม่ใช่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง จ่ายกันเยอะมาก และเท่าที่ทราบก็ยังมีการลักลอบขนแก๊ส ขนน้ำมัน
เมื่อถามว่า นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน จะนำเครื่องบินมารับคนจีนกลับ มาตรการในการคัดกรองฝั่งไทย จะรองรับได้หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้อยากถามนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อยู่พอดี ยอมรับเมื่อเหยื่อส่งมาที่ประเทศไทย มันมีค่าใช้จ่ายเยอะ ซึ่งต้องมีสถานที่ อาหารและการดูแลรองรับ แต่ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ แลกกับการที่เราจะขยายผลได้ว่า ทุนจีนเทามีชื่ออะไรบ้าง องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติทำงานอย่างไร รวมไปถึงไทยเทา ข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์หรือไม่ ตนคิดว่าการเอาพวกเขามาคัดแยกเหยื่อ มีความจำเป็น ถ้าเราปล่อยให้เขากลับประเทศไป และประเทศต้นทางไม่มีการดำเนินการอะไร แล้ววันข้างหน้าเขากลับมาก่ออาชญากรรมอีกครั้ง จะคุ้มหรือไม่ แล้วใครจะรับผิดชอบ นี่เป็นสิ่งสำคัญที่นายภูมิธรรม ต้องให้ความสนใจกับสังคม ตนทราบดีว่ามันต้องใช้ทรัพยากร แต่วันนี้เราต้องมีข้อมูล ตำรวจต้องรู้ สมช.ต้องรู้ ถ้าเราไม่รู้เรื่องนี้ แสดงว่าเรากำลังปล่อยให้มีอาชญากร และรอวันให้เขากลับมาทำผิดอีก
กมธ.มั่นคง รับเรื่อง นทท.อิสราเอลกร่างที่ปาย จ่อสอบต่อถึงต้นตอ มีจนท.รัฐให้ท้ายหรือไม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_5054861
โรม เผยรับทราบแล้ว หลัง นทท.อิสราเอลกร่างยึดปาย ถามมีจนท.รัฐไปให้ท้ายหรือไม่ พร้อมเอาผิดหากมีหลักฐานชัด
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีชาวอิสราเอลตั้งกลุ่มยึดพื้นที่ ใน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ว่า ตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป คงต้องไปดูรายละเอียด เพราะเบื้องต้นได้รับข้อร้องเรียนจากนายปิยรัฐ จงเทพ ส.ส.พรรคประชาชนเข้ามาที่ กมธ. ที่ได้รับข้อเรียนจากประชาชน ซึ่งปัญหาเรื่องนักท่องเที่ยวกร่าง ไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่ไหนก็แล้วแต่ ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร มีเจ้าหน้าที่รัฐไปให้ท้ายหรือไม่ เราก็ต้องไปดูที่ต้นตอ หากสุดท้ายมีหลักฐานเชื่อได้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องเราก็ต้องเอาผิด และดำเนินการต่อไป
“ปกติแล้ว การไปเยือนประเทศไหนก็แล้วแต่ และไปทำกร่าง อยู่เหนือกฎหมาย ทำตัวว่าไม่มีใครจะไปทำอะไรได้ โดยทั่วไปมักจะไม่ค่อยเกิดขึ้น เพราะไม่รู้ว่าใครจะมาช่วยเราเวลาถูกจับกุมดำเนินคดี ซึ่งทั่วไปนักท่องเที่ยวควรจะสำรวมกิริยามารยาททุกๆ อย่างในประเทศที่ไม่ได้มีถิ่นกำเนิดตรงนั้น แต่เมื่อมีพฤติกรรมกร่าง นอกกฎหมาย มันก็ต้องต้องคำถามว่ากฎหมายของเรา มีการบังคับใช้อย่างจริงจังมากน้อยแค่ไหน ซึ่งต้องไปดูในรายละเอียดว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐมาเกี่ยวข้องกับการให้ท้ายหรือไม่” นายรังสิมันต์ กล่าว