.

.

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 เมษายน ที่อาคารอนาคตใหม่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน แถลงการดำเนินการภายหลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า เราดำเนินการทั้งสิ้น 3 เรื่อง เรื่องแรกคือกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือตั๋วพีเอ็น จำนวน 9 ฉบับ โดยที่ไม่มีการกำหนดการชำระเงิน ไม่มีดอกเบี้ย สร้างกระบวนการดูเสมือนว่าเป็นการซื้อหุ้นจากบุคคลในครอบครัวและเครือญาติ มูลค่ารวม 4,434.5 ล้านบาท ทั้งที่ในความเป็นจริงการดำเนินการดังกล่าวถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นเจตนาที่แท้จริง ในการหลีกเลี่ยงชำระภาษีการรับให้มูลค่า 218.7 ล้านบาทแก่แผ่นดิน

.

นายวิโรจน์กล่าวว่า จากพฤติการณ์ที่ปรากฏหุ้นดังกล่าวได้เปลี่ยนมือจากบุคคลในครอบครัวมาอยู่ในมือของนายกรัฐมนตรีสมบูรณ์แล้ว และนายกรัฐมนตรีเองก็ได้รับประโยชน์จากการถือหุ้นดังกล่าวในฐานะเจ้าของหุ้นอย่างเต็มรูปแบบ กรณีที่มีการปันผล นายกรัฐมนตรีก็ได้รับการปันผลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่เคยมีการชำระเงินค่าซื้อหุ้นมาก่อนแต่อย่างใด ไม่มีการระบุว่าจะชำระค่าซื้อหุ้นเมื่อไหร่ ไม่มีแม้กระทั่งภาระในการชำระดอกเบี้ยที่เกิดจากการค้างชำระในการซื้อหุ้น หากพิจารณาด้วยความสุจริต พฤติการณ์ในลักษณะนี้ประชาชนทุกคนก็เข้าใจได้ว่าน่าจะเป็นการทำนิติกรรมอำพราง ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่สมควรอย่างยิ่งสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้นำของประเทศ และยังเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายการเงินของรัฐอีกด้วย

.

นายวิโรจน์กล่าวอีกว่า กรณีนี้ได้มีการยื่นหนังสือไปที่อธิบดีกรมสรรพากรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อขอให้อธิบดีกรมสรรพากรดำเนินการตามมาตรา 13 (7) แห่งประมวลรัษฎากร เพื่อให้คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรได้วินิจฉัยกรณีนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อการจัดเก็บภาษีต่อประชาชนทุกคนตามมาตรา 62 ของรัฐธรรมนูญ กรณีนี้ตนยืนยันว่าตรวจสอบได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบสัญญาการซื้อขายว่ามีอยู่จริงหรือไม่ เงื่อนไขในสัญญาสอดคล้องกับธุรกรรมการทำสัญญาซื้อหุ้นทั่วไปหรือไม่ ตรวจสอบสัญญาการใช้ตั๋วพีเอ็นย้อนหลังของคนในครอบครัว หรือวงศ์วานของนายกฯว่าตกลงแล้วมีการชำระนี่กันจริงหรือ

.

นายวิโรจน์กล่าวว่า ทั้งหมดนี้จะเป็นพยานหลักฐานที่สามารถบ่งชี้ได้ว่านายกฯมีเจตนาในการซื้อหุ้นจริง หรือเพียงจัดฉากเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี หากคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรพิจารณาเรื่องนี้ด้วยความสุจริตและกล้าหาญที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดยวินิจฉัยสอดคล้องกับหลักสากล เราเชื่อว่าพฤติกรรมดังกล่าวของนายกฯจะเป็นการทำนิติกรรมอำพราง เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ซึ่งจะต้องมีการติดตามให้มีการชำระภาษีย้อนหลัง พร้อมการดำเนินการแจ้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการไต่สวนใน 2 ประเด็นต่อไป ซึ่งเราจะดำเนินการภายหลังจากที่คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรดำเนินการเสร็จสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำนิติกรรมหลีกเลี่ยงภาษีซึ่งเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 172 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (พ.ร.ป.ป.ป.ช.) รวมทั้งการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินโดยมีข้อความอันเป็นเท็จตามมาตรา 167 ของกฎหมายฉบับฉบับเดียวกัน เพื่อดำเนินการไต่สวนชี้ความผิดต่อไป

.

“ผมเชื่อว่าประชาชนทุกคนล้วนเข้าใจดีว่าเจตนาที่ดำเนินการในลักษณะนี้แอบแฝงเพื่อการหลีกเลี่ยงภาษี และต่อให้ผู้กระทำสามารถที่จะหลีกเลี่ยงโดยที่กฎหมายไม่สามารถเอาผิดได้ เนื่องจากเป็นช่องว่างของกฎหมาย แต่บุคคลที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ และเป็นประมุขฝ่ายบริหารของประเทศ เมื่อพบช่องว่างทางกฎหมายที่กฎหมายไม่สามารถเอาผิดถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่เป็นธรรมแก่สังคมได้ ย่อมต้องมีหน้าที่ในการปิดช่องว่างทางกฎหมายนั้น มิใช่ฉกฉวยโอกาสในการแสวงหาผลประโยชน์จากช่องว่างนั้นเสียเอง

เรายังคงเรียกร้องให้นายกฯสำนึกในความดีความชั่วของตน และแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง ในขณะที่ยังสามารถรักษาเกียรติภูมิของผู้นำประเทศเอาไว้ได้ โดยไม่ต้องรอให้กลุ่มบุคคลใดมาชี้หน้ากล่าวหาว่าท่านไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างแรงจนต้องถูกไล่ออก เหมือนทรชนที่ถูกจารึกไว้ในประวัติการเมืองไทย” นายวิโรจน์กล่าว

.

นายวิโรจน์กล่าวว่า กรณีโฉนด 4 แปลงที่ตั้งของโรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ แม้ว่าที่ดินของนิคมสร้างตนเองลำตะคอง ตามประกาศคณะปฏิวัติปี 2515 จะประกาศให้มีการใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นนิคมสร้างตนเอง แต่ประกาศคณะปฏิวัติดังกล่าวไม่ได้มีเนื้อหาในการยกเลิก หรือแก้ไขมติ ครม.ปี 2514 แต่อย่างใด เราจึงยืนยันว่าบริเวณดังกล่าวจึงยังคงมีสถานะเป็นที่ดินที่สงวนไว้เพื่อการรักษาทรัพยากรธรรมชาติหรือเป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธาร ซึ่งห้ามออกโฉนดโดยเด็ดขาดตามข้อ 14(5) ของกฎกระทรวงฉบับที่สี่ 43 ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อนำมติของคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติ เมื่อปี 2527 ที่มติดังกล่าวกรมที่ดินนำมาอ้างว่าเห็นชอบให้กรมประชาสงเคราะห์อนุญาตให้ราษฎรครอบครองเพื่อทำประโยชน์ตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 แต่มติดังกล่าวระบุว่าอนุญาตให้ครอบครองทำประโยชน์ แต่ไม่ใช่การให้กรรมสิทธิ์แต่อย่างใด และยังไม่มีหลักฐานใดที่แสดงว่ามติดังกล่าวจะมีการแก้ไข หรือยกเลิกมติ ครม.เมื่อปี พ.ศ.2514

.

นายวิโรจน์กล่าวว่า ด้วยเหตุผลทั้งหมดจึงมีเหตุอันเชื่อได้ว่าการออกโฉนดทั้ง 4 ฉบับ เป็นการออกโฉนดที่คลาดเคลื่อน หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งพรรคประชาชนได้มีการยื่นหนังสือกับอธิบดีกรมที่ดินเพื่อดำเนินการเพิกถอนโฉนดทั้ง 4 ฉบับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราจะติดตามอย่างต่อเนื่องต่อไป

.

นายวิโรจน์กล่าวต่อว่า และประเด็นสุดท้ายที่เกี่ยวกับข้อสงสัยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นพ่อของนายกฯว่าได้รับอภิสิทธิ์มากวว่าผู้ต้องขังรายอื่น อันเป็นการทำลายนิติรัฐ ซึ่งกำหนดให้ทุกคนต้องเสมอภาคกันต่อหน้ากฎหมาย และต้องอยู่ภายใต้บรรทัดฐานเดียวกันในการบังคับใช้กฎหมายของประเทศ ในฐานะนายกฯ ซึ่งเป็นบุตรสาว จะต้องทราบถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเจ็บป่วย รวมถึงการได้รับสิทธิหรืออภิสิทธิ์ใดๆ ของนายทักษิณอย่างชัดเจนตั้งแต่แรก เมื่อสังคมมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์มีการตั้งข้อสงสัยที่สะท้อนถึงความไม่สมเหตุสมผล ความไม่สอดคล้องของบริบทโดยรอบในการได้รับสิทธิการรักษาพยาบาล

.

นายวิโรจน์กล่าวว่า แทนที่นายกฯจะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและชี้แจงด้วยความโปร่งใส แต่กับเบี่ยงซ่อนเร้น อำพรางเท็จจริง โดยปล่อยให้ความคลุมเครือยังคงดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน บั่นทอนความเชื่อมั่นในหลักนิติรัฐ และหลักความเสมอภาคของกฎหมาย พฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายการกระทำความผิดตามมาตรา 172 พ.ร.ป.ป.ป.ช. ซึ่งระบุถึงเจ้าพนักงานของรัฐที่ปฏิบัติหรือละเว้นอย่างใดอย่างหนึ่งในตำแหน่ง หรือหน้าที่ โดยทุจริตและยังเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 11 (1) ของพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2134 โดยมิได้มีการสั่งการให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการของหน่วยงานราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ และโรงพยาบาลเรือนจำ เป็นต้น ซึ่งในกรณีนี้เราได้มอบหมายให้นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน ดำเนินการร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินการไต่สวนและชี้มูลความผิดต่อนายกฯตามกฎหมายต่อไป

.

นายวิโรจน์กล่าวอีกว่า สำหรับข้อเรียกร้องที่ต้องการให้พรรคประชาชนใช้กลไกจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญปี 2560 เป็นเครื่องมือในการจัดการกับนายกฯ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าชื่อเพื่อประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามมาตรา 170 วรรค 3 ประกอบมาตรา 82 เพื่อถอดถอนนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 170 วรรค 1(4) เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมาตรา 160(4) ซึ่งว่าด้วยพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันมีลักษณะต้องห้ามตามตามมาตรา 160(5) หรือแม้แต่ข้อเสนอที่จะให้พรรคประชาชนดำเนินการตามมาตรา 235(1) ประกอบมาตรา 244(1) ของรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ ป.ป.ช.ไต่สวนกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง เพื่อส่งเรื่องให้กับศาลฎีกาวินิจฉัยต่อไป ทั้ง 2 กรณีพรรคประชาชนขอชี้แจงอย่างตรงไปตรงมาว่า เรื่องของจริยธรรมบุคคลที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ ซึ่งมีอำนาจรัฐอยู่ในมือและยังแบกรับหน้าที่และความรับผิดชอบในทางสาธารณะในระดับที่สูง หากถูกสังคมและประชาชนตั้งคำถามถึงความมีจริยธรรมอย่างต่อเนื่องและไม่อาจชี้แจงข้อเท็จจริงได้จนสิ้นข้อสงสัย

.

“นายกรัฐมนตรีควรต้องมีโอตัปปะ มีความสำนึกในตนเองพิจารณาความเหมาะสมของตนเองและแสดงความรับผิดชอบต่อสาธารณะด้วยการลาออกจากตำแหน่งโดยสมัครใจ ไม่จำเป็นต้องให้บุคคลใดบุคคลหนึ่ง กลุ่มบุคคลใดกลุ่มบุคคลหนึ่ง ซึ่งเป็นมรดกบาปของการทำรัฐประหารขาดความชอบธรรมทางประชาธิปไตย และไม่มีการยึดโยงกับเจตจำนงของประชาชนมาเป็นผู้ชี้นิ้วไล่ให้ออกจากตำแหน่ง เพราะนั่นจะเป็นการทำร้ายเกียรติภูมิของตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตยอย่างไม่อาจประเมินค่าได้” นายวิโรจน์กล่าว

.

นายวิโรจน์กล่าวว่า เรายืนยันว่าการใช้ผ้าที่สกปรกถูบ้านไม่อาจทำให้บ้านสะอาดขึ้นมาได้ การใช้น้ำเน่าไล่น้ำเสียไม่อาจทำให้น้ำในคูคลองใสสะอาด เราจะไม่ใช้กลไกที่เรายอมรับความชอบธรรมในการจัดการกับสิ่งที่ไม่ชอบธรรมอย่างเด็ดขาด หาเราทำเช่นนั้นบ้านเมืองก็จะติดอยู่ในวงเวียนนิติสงครามที่คณะทหารได้วางหลุมพรางเอาไว้ และประเทศชาติก็จะไม่สามารถกลับคืนสู่ความเป็นนิติรัฐได้อีกเลย

.

นายวิโรจน์กล่าวย้ำว่า พรรคประชาชนจะใช้กลไกของ ป.ป.ช.และหน่วยงานราชการ อาทิ กรมสรรพากรและกรมที่ดิน ในการวินิจฉัยให้เกิดความเป็นธรรม และหากพบความทุจริต หรือความไม่ถูกต้องเกิดขึ้นจะใช้กลไกของ ป.ป.ช.ดำเนินการกับนายกรัฐมนตรี

.

“หลายคนบอกว่าทำไมเราไม่ใช้หอกทมิฬแทงทมิฬ ทำไมเราไม่เอาให้สุดซอย อย่าไปสนใจวิธีการเลย จะจัดการกับใครทำไมต้องสนใจวิธีการ เราคิดอย่างนั้นไม่ได้ ถ้าเราจัดการกับคนโดยที่ไม่สนใจวิธีการเลย เราก็ไม่แตกต่างจากคนเหล่านั้น” นายวิโรจน์กล่าว