JJNY : 5in1 เท้งลุยอยุธยา-ปทุมธานี│โรมจี้เข้มกรองค้ามนุษย์│โรมสวนป.ป.ช.│‘เอกชน’ โวย ฝีแตกแล้วเพิ่งแก้│ตร.มาหานักข่าว

เท้ง ลุยอยุธยา-ปทุมธานี เสนอ 4 ทางแก้น้ำท่วมซ้ำซาก จากนโยบายรัฐไม่สอดคล้องการทำเกษตร
https://www.matichon.co.th/politics/news_5051905
‘เท้งทั่วไทย’ เดินทางไปอยุธยา-ปทุมธานี รับฟังปัญหาพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก พบนโยบายปล่อยน้ำของรัฐไม่ชัดเจน ทำชาวบ้าน-เกษตรกรรับกรรม จี้เร่งปรับปรุงแผน-แจ้งประชาชนล่วงหน้า-ชดเชยเยียวยาให้ครอบคลุม
 
เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน เดินทางไปที่ ต.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อมาติดตามสถานการณ์น้ำท่วมซ้ำซาก ที่แหล่งรับน้ำบางบาล และรับฟังปัญหาจากชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการเดินเรือในแม่น้ำป่าสัก ซึ่งตนเคยมาลงพื้นที่บางบาลเมื่อช่วงสถานการณ์น้ำท่วมปลายปีก่อน โดยได้มารับฟังและรับทราบสถานการณ์ปัญหาของพี่น้องชาวบางบาลด้วยความห่วงใยและกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง
 
ในครั้งนี้ได้มาพูดคุยรับฟังปัญหาชาวนาในพื้นที่ ซึ่งได้สะท้อนความลำบากในการทำเกษตร โดยชาวนาในพื้นที่ได้พยายามปรับตัวตอบรับกับนโยบายของรัฐที่จะให้ตำบลบางบาลเป็นทุ่งรับน้ำ แต่การเยียวยา และนโยบายการเกษตรของภาครัฐกลับไม่สอดคล้องกับการทำเกษตรในพื้นที่
หลังจากนั้นได้ไปที่เวทีส่งเสียงบางบาลผู้นำฝ่ายค้าน ในการติดตามปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก และนำเสนอการแก้ปัญหาน้ำท่วมเบื้องต้นแบบทุ่งน้ำบาลในเวทีนี้ ตนจึงได้มีการนำเสนอข้อเสนอเชิงนโยบายให้กับชาวบ้านในพื้นที่บางบาล โดยสามารถแบ่งข้อเสนอได้เป็น 4 ด้านดังนี้
 
1. ด้านการบริหารจัดการน้ำควรปรับปรุงแผนระบายน้ำให้ชัดเจน และสื่อสารกับประชาชน รวมถึงการขุดลอกคูคลอง การปรับปรุงประตูน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ พร้อมจัดตั้งองค์กรกลางให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และรับข้อมูล
2. ด้านการชดเชย และเยียวยาควรครอบคลุมเจ้าของที่ดินที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงการให้เงินกู้ปลอดดอกเบี้ย จัดตั้งศูนย์ซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า และยานพาหนะ
3. ในระหว่างน้ำท่วม ควรจัดหาเรือรับส่ง เสื้อชูชีพ และจุดอพยพที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ลดค่าบริการน้ำ และไฟฟ้า
4. การฟื้นฟูหลังน้ำลด ควรสนับสนุนการปลูกพืชสวนครัว แจกอุปกรณ์การเกษตร จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือเกษตรกร และผู้ประสบภัยน้ำท่วม เพื่อการฟื้นฟูทั้งระยะสั้น ระยะยาว
 
นอกจากนี้ ยังได้มาลงพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากปัญหาตลิ่งทรุดพัง 20 กว่าปีไม่มีการแก้ไข ซึ่งประชาชนในพื้นที่เชื่อว่าเกิดจากการเดินเรือขนส่งสินค้า โดยเรื่องดังกล่าวตนจะนำไปผลักดันในกรรมาธิการต่อไป และช่วงบ่ายได้ลงพื้นที่วัดเจดีย์ทองที่ จ.ปทุมธานี เพื่อดูปัญหาการรับมือจากน้ำท่วมซึ่งได้รับฟังการสะท้อนปัญหาประชาชนถึงปัญหาการรับมือน้ำท่วมในพื้นที่ดังกล่าว คือ การประกาศข้อมูลเกี่ยวกับการปล่อยน้ำทำให้ชาวบ้านบางส่วนไม่อาจเตรียมตัวได้ทัน เมื่อมีสถานการณ์น้ำท่วมขึ้นมา และการประกาศเป็นสถานการณ์ภัยพิบัติจากผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีหลักเกณฑ์การประกาศสถานการณ์ไม่เท่ากัน จึงส่งผลกระทบต่อการจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้คนในพื้นที่
 
ปัญหาเหล่านี้จะถูกบรรเทา และแก้ไขได้มากขึ้น หากเราสามารถแก้รัฐธรรมนูญได้เพื่อให้อำนาจกับท้องถิ่นในการบริหารจัดการ ปัญหาให้กับประชาชนในพื้นที่ ทั้งในเรื่องของบุคลากรและงบประมาณ
 


โรมจี้เข้มกรองค้ามนุษย์ สาวถึงตัวใหญ่ ‘หวัน ค็อกคอย’ ชี้ออกหมายจับ ‘หม่องชิตตู่’ ไม่ได้ต้องมีคนรับผิดชอบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5052026

กมธ.มั่นคงฯ ระบุ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแนวชายแดนยังมีจุดอ่อนด้านนโยบาย-กฎหมาย-อุปกรณ์ “โรม” ขอ อย่าเพิ่งสรุปเหยื่อค้ามนุษย์สมัครใจมา ชี้ ต้องให้ความสำคัญในกระบวนการคัดกรอง หลังพบข้อจำกัดเรื่องภาษา ชี้ เพื่อให้ได้ข้อมูลสาวถึงตัวการใหญ่ ถอนรากถอนโคกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มองหากออกหมายจับ “หม่องชิตตู่” ไม่ได้ ต้องมีคนรับผิดชอบ

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ จ.ตาก นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมร่วมเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา กับผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจราชมนู ที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 หน่วยเฉพาะกิจราชมนู ว่า วันนี้เราได้คุยกับทางหน่วยเฉพาะกิจราชมนู และกองกำลังนเรศวร โดยจากการพูดคุย มี 2 ขั้นตอน คือการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และการแก้ไขปัญหาระยะยาว ซึ่งการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ทำได้ดีแล้วแต่ยังมีจุดอ่อนทางด้านนโยบายและกฎหมาย รวมไปถึงอุปกรณ์บางอย่าง ที่กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สามารถนำไปใช้ต่อยอดในอนาคตได้ เช่น อุปกรณ์แผงโซลาร์เซลล์ จานดาวเทียมสตาร์ลิงก์ และน้ำมัน ที่ยังพบว่ามีการลักลอบนำข้ามไปฝั่งเมียนมา
 
ส่วนการแก้ไขปัญหาในระยะยาว รัฐบาลจะต้องมีมาตรการรองรับ ซึ่งควรจะต้องให้การสนับสนุนพื้นที่ชายแดนมากกว่านี้ และควรจะต้องมีงบประมาณ กำลังพลและเทคโนโลยี ทั้งนี้ จึงอยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอแผนอุปกรณ์ดังกล่าวขึ้นมายังกรรมาธิการ เพราะกรรมาธิการมีความจำเป็นที่จะต้องศึกษาให้รอบด้าน
 
นายรังสิมันต์ยังกล่าวถึงข้อกังวลที่พบว่าเที่ยวบินเอกชนที่เดินทางมายังสนามบินแม่สอด ซึ่งตนเองได้โดยสารมา ยังพบว่ามีชาวต่างชาติโดยสารมาจำนวนมาก ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลทางการทหารที่ยังมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามา แม้จะมีการตั้งหน่วยคัดกรองถึง 4 ชั้นแล้วก็ตาม แต่ตนเองก็เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ทหารไม่สามารถเข้าไปทำการจับกุมได้ จึงขอให้รัฐบาลทำการทบทวนนโยบายฟรีวีซ่า และขอให้มีการจัดโซนนิ่งโดยเฉพาะพื้นที่ชายแดน ซึ่งชาวต่างชาติที่จะมาในพื้นที่ดังกล่าวจะต้องแจ้งถึงวัตถุประสงค์ในการมา และให้พิจารณาเป็นราย

ส่วนข้อกังวลที่ 2 คือประเด็นเรื่องท่าข้าม เพราะข้อมูลทางการทหารรายงานว่า จุดท่าข้ามยังมีการลักลอบขนคน และส่งน้ำมันหลังเวลา 18.00 น.
นายรังสิมันต์ยังกล่าวอีกว่า การแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมด้วยการออกหมายจับ พล.ต.หม่อง ชิตตู่ ผู้นำกองกำลังพิทักษ์ชายแดน รัฐกะเหรี่ยง หรือ BGF ซึ่งถือเป็นบุคคลสำคัญในการควบคุมเมียวดี และชเวโก๊กโก่ และส่วนตัวเชื่อมีตัวเลขของคนที่เกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ในชเวโก๊กโก่ มีประมาณหลักแสนคน ซึ่งยังไม่รวมกลุ่มเล็กๆ น้อยๆ ที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก และตอนนี้ตนได้ข้อมูลว่ามีความพยายามนำนายทุนรายใหญ่ หลบหนีไปอยู่ที่เมืองพะอัน ดังนั้นการปราบปรามจะต้องเพิ่มมิติในการทำงาน เช่น การพูดคุยในหลายฝ่าย เพราะการพูดคุยกับทางการเมียนมา อาจะยังไม่เพียงพอ
 
ส่วนกรณีทางการไทยออกมาแถลงว่า เหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ที่เป็นชาวต่างชาติและรับได้รับการช่วยเหลือมาแล้ว 260 คน มีเพียงแค่ 1 คนที่ถูกหลอก ที่เหลือสมัครใจมานั้น นายรังสิมันต์มองว่า ยังไม่อยากสรุปตอนนี้เพราะกระบวนการคัดกรองมี 2 ชั้นซึ่งการคัดกรองขั้นใน ทางการไทยไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งเราไม่มีทางรู้ได้เลยในรายละเอียดการคัดกรองว่าเป็นอย่างไร เพราะเท่าที่สังเกต ก็พบเห็นข้อจำกัดเรื่องภาษา เนื่องจากภาษาอังกฤษ และจีนคงไม่เพียงพอ ต้องมีภาษาอื่นๆ เข้ามาด้วย รวมถึงข้อจำกัดเรื่องสถานทูต เพราะเหยื่อบางประเทศก็ไม่มีสถานทูตในประเทศไทย ซึ่งสถานการณ์ตอนนี้ ต้องใช้บุคลากรในการคัดกรองหลักหมื่นคน ซึ่งตนจึงมองว่า รัฐบาลไทยต้องให้ความสำคัญกับการคัดกรอง ให้มีประสิทธิภาพ จึงจะได้เห็นว่าใครเป็นตัวการใหญ่ และคนที่เกี่ยวข้องกับขบวนการที่จะนำไปสู่การทลายกลุ่มขบวนการแบบถอดรากถอนโคนได้
 
ส่วนการที่ทางการจีน ส่งรายชื่อของตัวขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้กับทางการไทย 3,700 คนไปคัดแยกออกจากเหยื่อ จะเป็นการช่วยแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนได้หรือไม่นั้น นายรังสิมันต์ โรม ระบุว่า เป็นเพียงบรรเทาทุเลาเบาบาง ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด ถ้าหากทำได้คงทำไปนานแล้ว แต่ข้อมูลทางการจีนนั้นมีความสำคัญแน่นอนแต่ไม่สามารถจัดการได้ทั้งหมด ยกตัวอย่าง ตึกเคเคปาร์ก มีตัวการสำคัญคือ หวัน ค็อกคอย ซึ่งเป็นมาเฟียระดับโลกเป็นที่ต้องการตัวของหลายประเทศ ซึ่งการจะไปจับกุม ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ส่วนที่ชเวโก๊กโก่ ก็มี พล.ต.หม่อง ชิตตู่ ที่อยู่ในฐานะผู้ร่วมลงทุน ถือเป็นอาชญากรรายสำคัญ การสอบสวนจึงต้องมีการขยายผลไปยังบุคคลอีกหลายกลุ่ม เพื่อนำไปสู่การถอนรากถอนโคนอย่างแท้จริง

ส่วนกรณีที่กองกำลัง BGF พยายามกวาดล้างและคืนเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ถือเป็นการจัดฉากหรือไม่นั้น มองว่า เป็นได้ทั้งหน้าฉากและการเอาจริง พร้อมตั้งคำถามกลับว่า “ถ้าหากจะเอาจริงทำไมเพิ่งมาทำตอนนี้ ซึ่งถ้าหากพบว่ามีการกระทำความผิดกฎหมายไทย ทั้งอัยการและดีเอสไอ หากไม่สามารถออกหมายจับได้จะต้องมีคนรับผิดชอบ เราไม่ควรปล่อยให้อาชญากรทำการละเมิดกฎหมายไทยไม่ว่าจะในหรือนอกประเทศก็ตาม
 
ส่วนการที่ทางการไทยแถลงถือเป็นการซูเอี๋ยกันในการจัดลำดับการค้ามนุษย์หรือไม่นั้น นายรังสิมันต์บอกว่า กังวลเรื่องการซูเอี๋ย ระหว่างกองกำลัง BGF และฝ่ายไทย ส่วนเรื่องของขั้นตอนกลไกการส่งต่อระดับชาติหรือ NRM ตนจะมีการหารือกับ สมช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มความเข้มข้นให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อคัดกรองว่าใครเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการคอลเซ็นเตอร์ แต่ตอนนี้ไม่ควรจะรีบสรุปว่าใครคืออาชญากร ซึ่งจะต้องทำกระบวนการคัดกรองให้มีประสิทธิภาพจริงๆ ก่อน
 


โรม สวน ป.ป.ช. เคลียร์ตัวเอง ยังไม่ได้ หลังแจ้งข้อกล่าวหา 44 ส.ส. เสนอแก้ 112
https://www.matichon.co.th/politics/news_5051949

โรม สวน ป.ป.ช. เคลียร์ตัวเองยังไม่ได้ หลังเรียกแจ้งข้อกล่าวหา 44 ส.ส. เสนอแก้ 112 ถามเดือด สุชาติ จะเงียบต่อไปท่ามกลางข้อกล่าวหาหรือ เหน็บ พึงสังวรไว้ กินภาษีประชาชน รับกระทบซักฟอก บอกบางคนถึงขั้นถอนตัวไม่อภิปรายแล้ว
 
เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ออกหนังสือเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหากรณี 44 ส.ส.อดีตพรรคก้าวไกล ลงชื่อเสนอแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ว่า ตอนนี้น่าจะได้รับหนังสือเรียกกันหมดแล้ว แค่ติดอยู่ที่ความล่าช้าในการส่งไปรษณีย์ ดังนั้นก็เป็นสิ่งที่เราต้องรับมือกันต่อไป แต่ยืนยันว่าการทำหน้าที่ของพวกเรา เป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ
 
วันนี้คุณอ้างเรื่อง ม.112 วันหน้าคุณก็อ้างเรื่องอื่นมาทำลายพรรคการเมืองที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ก้าวหน้าเพิ่มขึ้น มันไม่มีกฎหมายห้ามในการเสนอแก้เรื่องดังกล่าว ก็ต้องยืนยันในการทำหน้าที่ของเรา
 
นายรังสิมันต์ถามกลับว่า อะไรคือภารกิจเร่งด่วนของ ป.ป.ช. ซึ่งภารกิจเร่งด่วนของ ป.ป.ช.คือการเคลียร์ตัวเอง วันนี้ตัวเองยังเคลียร์ไม่ได้ และอาจะมีความผิดต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องทุจริต ดังนั้นมีความชอบธรรมอะไรมาทำหน้าที่ตรงนี้
 
ประทานโทษ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ท่านเป็นถึงประธาน ป.ป.ช. ตัวท่านเองจะอยู่แบบนี้เงียบๆ ต่อไปเรื่อยๆ เดี๋ยวเรื่องมันก็เงียบไปเองหรือไม่ ผมคิดว่าต้องฝากพี่น้องสื่อมวลชนในการติดตาม ประธาน ป.ป.ช.หรือ ป.ป.ช.ท่านเป็นองค์กรอิสระ ใช้เงินภาษีของประชาชน เมื่อมีเรื่องที่เป็นข้อกล่าวหาต่างๆ มากมายไปสู่ท่าน ท่านมีหน้าที่สร้างความกระจ่างให้กับประชาชน ถ้าท่านไม่ทำหน้าที่ตรงนี้ ท่านต้องสังวรว่าท่านกินภาษีของประชาชนอยู่ ต้องตอบคำถาม” นายรังสิมันต์กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่