JJNY : ชาวนา 5 จว.บุกทำเนียบ│คนงาน 4 บริษัท'ผิดหวัง'ภาครัฐ│“โรม”จี้“นายกฯ”ปล่อยลอยนวล│กัณวีร์ผิดหวัง พลาดโอกาสสอบข้อมูล

ชาวนา 5 จว.บุกทำเนียบ บี้รบ.แก้ราคาข้าวตกต่ำ แนะจำนำ 1.1 หมื่นต่อไร่-ชดเชยพื้นที่รับน้ำ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5056090


กลุ่มชาวนา บุกทำเนียบ บี้รัฐบาลแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ แนะประกัน-จำนำ 11,000 บาทต่อไร่ ชดเชยพื้นที่รับน้ำ 300 บาทต่อไร่ ระยะเวลา 3 เดือนของทุกปี
 
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล ตัวแทน กลุ่มเกษตรกรชาวนาผู้ได้รับความเดือดร้อนจังหวัดพื้นที่ภาคกลาง จ.พระนครศรีอยุธยา, สุพรรณบุรี, อ่างทอง, ลพบุรี, สิงห์บุรี, ชัยนาท และจ.ปทุมธานี ประมาณ 200 คน นำโดย นายฐิติวัฒน์ กลีบมาลัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลมารวิชัย อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา และนายสอาด สุขสแดน กำนันต.ไม้ตรา อ.บางไทร เดินทางมายื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนของชาวนาอย่างเร่งด่วน โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น  รมช.พาณิชย์ เป็นตัวแทนพูดคุยกับกลุ่มตัวแทนชาวนา ระหว่างนี้ตัวแทนกลุ่มชาวนาได้ปราศรัยเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือเรื่องราคาข้าวตกต่ำ
ทั้งนี้ระหว่างที่กลุ่มชาวนาปราศรัยเป็นช่วงเวลาที่ น.ส.แพทองธาร ปฎิบัติภารกิจ อยู่ที่ตึกไทยคู่ฟ้า
 
สำหรับข้อเรียกร้องของกลุ่มชาวนา ขอให้รัฐบาลดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ทำนา โดยกำหนดราคาประกันข้าวที่ 11,000 บาทต่อตัน และกำหนดปริมาณรับประกันราคาไม่เกิน 50 ตันต่อราย หรือดำเนินโครงการรับจำนำข้าวในราคารับจำนำข้าว 11,0000 บาทต่อตันสำหรับเกษตรกรรายละ 50 ตัน และเรียกร้องให้รัฐบาลเยียวยาเกษตรกรผู้ทำนาในพื้นที่รับน้ำ โดยจัดสรรเงินชดเชย จำนวน 300 บาทต่อไร่ต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือนในแต่ละปี เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการเป็นพื้นที่รับน้ำ

และขอเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการห้ามเผาตอซังข้าวในพื้นที่ทำการเกษตร เนื่องจากชาวนาที่อยู่ในพื้นที่ไม่มีทางเลือกอื่นใดในการกำจัดฟางข้าวนอกจากการเผาทำลาย หรือขอให้ตั้งงบรับซื้อตอซังข้าว เพื่อช่วยลดภาระชาวนา


 
คนงาน 4 บริษัท 'ผิดหวัง' ภาครัฐยังไม่ชงเบิกงบกลางเข้า ครม.ช่วยแรงงานถูกลอยแพ
https://prachatai.com/journal/2025/02/112180

คนงานจาก 4 บริษัท ได้แก่ แอลฟ่าสปินนิ่ง เอเอ็มซีสปินนิ่ง บอดี้แฟชั่น และยานภัณฑ์ ที่ปักหลักชุมนุมหน้าทำเนียบ 'ผิดหวัง' หลังเรื่องขออนุมัติเบิกงบกลางช่วยเหลือคนงานที่ถูกลอยแพ 500 ล้าน ยังค้างเติ่งอยู่ที่สำนักเลขาฯ คณะรัฐมนตรี ‘สมคิด’ เปรยต้องใช้เวลาอีก 14 วัน ถึงจะรู้ผล นำเรื่องเข้า ครม.ได้หรือไม่

19 ก.พ. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานวานนี้ (18 ก.พ.) ที่อาคาร ก.พ.ร. ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล แรงงาน 4 บริษัท ได้แก่ ยานภัณฑ์ บอดี้แฟชั่น แอลฟ่าสปินนิ่ง และเอเอ็มซีสปินนิ่ง ที่มาปักหลักตากฝนตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าต้องพบกับความผิดหวังอีกครั้ง หลังภาครัฐยังไม่ชงพิจารณาเบิกงบประมาณรายจ่ายกลาง (งบกลาง) จำนวน 500 ล้านบาท เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อนำมาช่วยเหลือคนงานที่ถูกลอยแพ 
 
บรรยากาศการชุมนุมวันนี้คนงานเดินทางมาที่อาคาร ก.พ.ร. เพื่อรอลุ้นฟังมติ ครม.ตั้งแต่เวลาประมาณ 8.00 น. จนถึงเวลาประมาณ 16.00 น. 
 
ธนพร วิจันทร์ สมาชิกเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน ซึ่งวันนี้มาร่วมชุมนุมกับคนงาน กล่าวปราศรัยแสดงความรู้สึกผิดหวังอย่างมาก หลังทราบข่าวว่าเรื่องที่ขอให้พิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายกลาง เพื่อมาช่วยเหลือแรงงาน 4 บริษัทที่ถูกลอยแพ ยังไม่ได้เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยเรื่องยังคงค้างอยู่ที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเท่านั้น 

ธนพร กล่าวต่อว่า จากการสอบถามสมคิด เชื้อคง เลขานุการฝ่ายการเมือง รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร เผยว่า หลังจากสมคิด กลับมาจาก ครม.สัญจรที่จังหวัดสงขลาแล้ว เขาจะช่วยกลับมาตามเรื่องให้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะต้องยื่นขอความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาว่าเห็นชอบทำเรื่องเสนอเบิกงบประมาณรายจ่ายกลาง (งบกลาง) หรือไม่ โดยต้องให้อนุมัติอย่างน้อย 3 หน่วยงาน หลังจากนั้นจะต้องทำเรื่องส่งเข้าไปที่คณะกรรมการพิจารณากลั่นกรอง ถ้าหน่วยงานเห็นด้วย ก็จะยื่นเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป แต่ถ้าไม่บางหน่วยงาน หรือหลายหน่วยงานไม่เห็นด้วย ก็จะส่งเรื่องแจ้งไปยังพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เรื่องก็จะเป็นอันจบ 

ธนพร ระบุว่า สมคิดคาดว่าระยะเวลาขั้นตอนการส่งเรื่องให้หน่วยงานต่างๆ อนุมัติ คาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 7 วัน และส่งเรื่องให้คณะกรรมการกลั่นกรองพิจารณาอีก 7 วัน รวมเป็น 14 วัน ซึ่งยังไม่การันตีว่าเรื่องจะได้เข้าที่ประชุม ครม.หรือไม่ 
 
ธนพร กล่าวด้วยว่า หากมีการเอาเรื่องเข้า ครม.แล้ว เธออยากให้สมคิด ระบุถึงเหตุจำในการเบิกงบกลางว่าเป็นการ 'ยืม' 500 ล้านบาท เพื่อนำมาชดเชยเยียวยาแรงงานที่ถูกลอยแพก่อน และให้รัฐบาลนำสินทรัพย์ที่ยึดมาจากนายจ้างขายทอดตลาดทีหลัง เพื่อนำเงินจากการขายไปคืนเข้าสู่งบกลาง 
ทั้งนี้ ตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่กระทรวงแรงงาน อดีตคนงานบริษัท ยานภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) (YNP) รวมด้วยแนวร่วมคนงาน 3 บริษัท ได้แก่ บอดี้แฟชั่น เอเอ็มซีสปินนิ่ง และแอลฟ่าสปินนิ่ง ได้เดินทางมามอบดอกกุหลาบให้กับตัวแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อเป็นกำลังใจในการขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายกลาง มาช่วยเหลือเยียวยาคนงานให้สำเร็จ โดยมีอารี ไกรนรา เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นตัวแทนรับดอกไม้ และพูดคุยให้กำลังใจแรงงานบนรถเครื่องเสียงด้านนอกกระทรวงแรงงาน ถนนมิตรไมตรี 
 
หลังจากนั้น กลุ่มคนงานได้ปักหลักค้างแรมที่หน้ากระทรวงแรงงาน เป็นเวลา 1 คืน และวันถัดมา จึงได้เคลื่อนขบวนมาปักหลักชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อรอลุ้นผลพิจารณาของที่ประชุม ครม. ซึ่งผลก็ออกมาตามที่รายงานข้างต้นคือเรื่องยังคงค้างอยู่ที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
 
สำหรับกรณีของคนงานบริษัท ยานภัณฑ์ ถูกเลิกจ้างกะทันหันตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว (2567) ขณะที่คนงานของบริษัทบอดี้แฟชั่น ถูกเลิกจ้างลอยแพตั้งแต่ปี 2562 เอเอ็มซีสปินนิ่ง และแอลฟ่าสปินนิ่ง ถูกเลิกจ้างลอยแพตั้งแต่ปี 2566 โดยมูลค่าความเสียหายทั้ง 4 บริษัท รวมกันประมาณ 500 ล้านบาท 


  
“โรม” จี้ “นายกฯ” ปล่อยอาชญากรแก๊งคอลฯ ลอยนวลกลับประเทศ แล้วจะสร้างความปลอดภัยให้ปชช.อย่างไร
https://ch3plus.com/news/political/morning/433426

“รังสิมันต์ โรม” สส.พรรคประชาชน จี้ถาม “แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี ปล่อยให้อาชญากรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลอยนวล ส่งกลับประเทศต่างๆ โดยไม่ผ่านการคัดกรอง ปล่อยข้อมูลสำคัญหลุดมือ แล้วจะสร้างความปลอดภัยให้คนไทยได้อย่างไร
 
เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 19 ก.พ. นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาฯ โพสต์เฟซบุ๊กตั้งคำถาม ว่า เรากำลังจะปล่อยให้อาชญากรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลอยนวล?
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องใหญ่มากนะครับ ถ้าคนที่เคยอยู่ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะถูกส่งตัวไปประเทศต่างๆ โดยไม่ผ่าน กระบวนการคัดแยกเหยื่ออาชญากร เพราะนั่นหมายความว่าเราจะไม่มีข้อมูลสำคัญที่จะนำไปใช้เพื่อจัดการกับบรรดาอาชญากรต่างๆ ที่จะนำไปสู่การทลายโครงสร้าง อย่างถอนรากถอนโคน
 
ถ้ากระบวนการของเราไม่แม้แต่เก็บข้อมูลอัตลักษณ์ หรือไบโอเมตริกซ์ ต่อไปในอนาคตพวกนี้ก็จะสามารถกลับมาที่ประเทศไทยได้ ทำราวกับว่าเรื่องพวกนี้ไม่เคยเกิดขึ้น และอาจจะรวมไปถึง อาจจะใช้พาสปอร์ตของสัญชาติอื่นเดินทางผ่านเข้าประเทศไทยเพื่อก่ออาชญากรรมต่อไป
ผมขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล คุณแพทองธาร นายกรัฐมนตรี ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวข้องกับความมั่นคงปลอดภัยของประชาชนชาวไทย ท่านปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด ท่านรับผิดชอบไม่ไหวหรอกครับ นี่เราจะปล่อยโอกาสให้การทำข้อมูลเครือข่ายอาชญากรรมครั้งใหญ่หลุดรอดมือของเจ้าหน้าที่รัฐไทยไปได้อย่างไร
 
เราจะไปหวังพึ่งประเทศอื่นให้มาจัดการปัญหาอาชญากรรมไม่ได้ ผลประโยชน์ของคนไทยประเทศไทยต้องจัดการเอง
 
ในวันพรุ่งนี้ผมได้เชิญหน่วยงานมาพูดคุยในการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์หรือไบโอเมตริกซ์ รวมถึงการพูดคุยเพื่อปราบปรามไทยเทา หน่วยงานต่างๆทำการบ้านมาได้เลยว่าทำไมถึงจะไม่มีการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์ เครื่องมือของเราก็น่าจะมีเพียบพร้อมไม่ใช่หรือครับ นี่ไม่ใช่ทิศทางที่ดีเลย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่