การติดเชื้ออีกครั้งได้เริ่มต้นขึ้น วันนี้พ่อมีอาการไข้สูงเกือบทั้งวัน เราก็ให้พ่อทานยาลดไข้ คอยวัดไข้และเช็ดตัว พ่อเริ่มมีอาการซึมร่วมด้วย แต่เราเริ่มผิดสังเกตว่าไม่ใช่อาการไข้ธรรมดาแน่นอน เราถามพ่อว่าหิวข้าวยัง พ่อได้แต่มองหน้าเราแล้ว ไม่ตอบกลับมา เราถามพ่อว่าเจ็บไหม พ่อก็ยังคงไม่ตอบเรา เหมือนพ่อกำลังงงและสับสน เราจึงได้แจ้งกับคลินิกประคับคอง ซึ่งได้แนะนำให้เราพาพ่อไป รพ.เลย และคอยสอบถามอาการของพ่อเป็นระยะๆ ซึ่งเราจะรอพี่ชายกลับมาเพื่อพาพ่อไป รพ.ค่ะ (2 คนช่วยกันดีกว่าแน่ๆค่ะ)
และแล้วสิ่งที่เราไม่คาดคิดก็มาถึง พ่อบอกเราว่าอยากเข้าห้องน้ำเราก็ช่วยพยุงพ่อเข้าไป แต่พอจะนั่งลงบนชักโครกพ่อทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงมาที่แขนเรา พร้อมกับอาเจียนที่พุ่งออกมา เราตกใจมากเรียกพ่อไป ร้องไห้ไป พ่อเราไม่ได้สติแล้วค่ะ วินาทีนั้น เราเอาแรงมาจากไหนไม่รู้อุ้มพ่อออกมาจากห้องน้ำ พาขึ้นมาบนเตียง จนตอนนี้ก็ยังงงกับตัวเองเลยค่ะ ว่าเอาแรงที่ไหนมาอุ้มพ่อ เรารีบกดโทรศัพท์หาพี่ชายเราที่กำลังใกล้จะถึงบ้าน พี่เราโทรเรียกรถพยาบาลให้ค่ะ จริงๆเราต้องเป็นคนโทรเรียกรถนะคะ ไม่เหมือนที่วางแผนไว้เลย เอาเบอร์โทรฉุกเฉินไว้เบอร์แรกแต่ตอนนี้แทบไม่มีแผนอะไรแล้วค่ะ เพราะเรากำลังเรียกให้พ่อรู้สึกด้วยร้องไห้ไปด้วย เราเหมือนกำลังใจจะขาดเลยค่ะ และเจ้าหน้าที่จาก รพ.ได้โทรกลับมาถามอาการตอนนี้ของผู้ป่วยและรีบมาค่ะ ใช้เวลาไม่นานเลยค่ะ (ขอบคุณจริงๆ ทำให้รู้ว่าทุกนาทีมีค่ามากๆค่ะ) โชคดีที่พี่เรามาถึงพร้อมรถพยาบาลพอดี พี่เรารีบนั่งไปกับพ่อส่วนเราต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนค่ะ พ่ออาเจียนใส่เปื้อนเต็มตัวเลย พอจัดการตัวเองเสร็จเราก็รีบตามไป พี่ชายเรายืนรอพ่ออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน สักพักคุณหมอบอกว่าพ่อมีอาการติดเชื้อต้องแอทมิด ทันทีที่เราเห็นพ่อออกมาเราโล่งใจมากค่ะ เจ้าหน้าที่ก็พาพ่อขึ้นห้องพักรักษาตัว พ่อเองยังคงมีไข้สูงอยู่ตลอด ระหว่างที่รอผลเพาะเชื้อออกก็ให้ยาตามอาการไปก่อนค่ะ และแล้วผลเพาะเชื้อก็ออกมา พ่อมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือดค่ะ เพิ่มมาอีกระดับนึงใช่ไหมคะ แถมมีอาการความดันตกด้วยค่ะ คุณพยาบาลวิ่งวุ่นกับการวัดความดัน และต้องใช้ออกซิเจนช่วย รวมถึงให้เลือดด้วย เพราะพ่อมีภาวะซีด
เราเริ่มใจเสียอีกแล้วค่ะ ยังไม่เคยรับมือกับเหตุการณ์แบบนี้เลย ดีที่เรายังมีคุณหมอและพี่พยาบาลทางคลินิกประคับประคองช่วยดูแลค่ะ เราแจ้งอาการของพ่อตลอด และก็ได้รับคำแนะนำตลอดจริงๆค่ะ พ่ออาการดีขึ้นเรื่อยๆ และต้องให้ยาฆ่าเชื้อครบ 14 วัน พอถึงวันที่พ่อจะกลับบ้าน เราไปไม่ทันคุณหมอในช่วงเช้าค่ะ ซึ่งปกติเราจะไปหาพ่อตอนเช้าให้ทันคุณหมอเพื่อฟังอาการของพ่อในแต่ละวัน แต่วันนี้เราเข้าไปช้าคุณหมอกำลังชมพ่อเลยค่ะ คุณลุงเก่งมากเลย สู้จริงๆ เป็นทั้งมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งต่อมลูกหมากแล้วกระดูกอีก ใช่ค่ะเราแอบพ่ออยู่หน้าห้องน้ำ พร้อมกับคิดว่างานเข้าแล้วไง แต่เราได้ยินพ่อตอบกับคุณหมอว่าสู้ครับ ไม่เป็นไร เราน้ำตาคลอเลยค่ะ พ่อเราเก่งมากพ่อเข้มแข็งมากจริงๆ พ่อ คุณหมอออกไป เราหันไปมองหน้าพ่อแล้วยิ้มๆค่ะ แต่ในใจก็คิดว่า พ่อจะได้รับรู้ถึงตัวโรคที่เป็น อาการที่จะต้องรับมือกับมัน รวมถึงสิ่งที่พ่ออยากจะอยากทำด้วยค่ะ
คนป่วยกับมะเร็งตัวร้ายจะเป็นอย่างไร ฝากติดตามต่อ Ep.8 ด้วยนะคะ
มะเร็งระยะสุดท้าย…สู่ปลายทาง การเดินทางที่ยังไม่ถึง Ep.7
และแล้วสิ่งที่เราไม่คาดคิดก็มาถึง พ่อบอกเราว่าอยากเข้าห้องน้ำเราก็ช่วยพยุงพ่อเข้าไป แต่พอจะนั่งลงบนชักโครกพ่อทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงมาที่แขนเรา พร้อมกับอาเจียนที่พุ่งออกมา เราตกใจมากเรียกพ่อไป ร้องไห้ไป พ่อเราไม่ได้สติแล้วค่ะ วินาทีนั้น เราเอาแรงมาจากไหนไม่รู้อุ้มพ่อออกมาจากห้องน้ำ พาขึ้นมาบนเตียง จนตอนนี้ก็ยังงงกับตัวเองเลยค่ะ ว่าเอาแรงที่ไหนมาอุ้มพ่อ เรารีบกดโทรศัพท์หาพี่ชายเราที่กำลังใกล้จะถึงบ้าน พี่เราโทรเรียกรถพยาบาลให้ค่ะ จริงๆเราต้องเป็นคนโทรเรียกรถนะคะ ไม่เหมือนที่วางแผนไว้เลย เอาเบอร์โทรฉุกเฉินไว้เบอร์แรกแต่ตอนนี้แทบไม่มีแผนอะไรแล้วค่ะ เพราะเรากำลังเรียกให้พ่อรู้สึกด้วยร้องไห้ไปด้วย เราเหมือนกำลังใจจะขาดเลยค่ะ และเจ้าหน้าที่จาก รพ.ได้โทรกลับมาถามอาการตอนนี้ของผู้ป่วยและรีบมาค่ะ ใช้เวลาไม่นานเลยค่ะ (ขอบคุณจริงๆ ทำให้รู้ว่าทุกนาทีมีค่ามากๆค่ะ) โชคดีที่พี่เรามาถึงพร้อมรถพยาบาลพอดี พี่เรารีบนั่งไปกับพ่อส่วนเราต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนค่ะ พ่ออาเจียนใส่เปื้อนเต็มตัวเลย พอจัดการตัวเองเสร็จเราก็รีบตามไป พี่ชายเรายืนรอพ่ออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน สักพักคุณหมอบอกว่าพ่อมีอาการติดเชื้อต้องแอทมิด ทันทีที่เราเห็นพ่อออกมาเราโล่งใจมากค่ะ เจ้าหน้าที่ก็พาพ่อขึ้นห้องพักรักษาตัว พ่อเองยังคงมีไข้สูงอยู่ตลอด ระหว่างที่รอผลเพาะเชื้อออกก็ให้ยาตามอาการไปก่อนค่ะ และแล้วผลเพาะเชื้อก็ออกมา พ่อมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือดค่ะ เพิ่มมาอีกระดับนึงใช่ไหมคะ แถมมีอาการความดันตกด้วยค่ะ คุณพยาบาลวิ่งวุ่นกับการวัดความดัน และต้องใช้ออกซิเจนช่วย รวมถึงให้เลือดด้วย เพราะพ่อมีภาวะซีด
เราเริ่มใจเสียอีกแล้วค่ะ ยังไม่เคยรับมือกับเหตุการณ์แบบนี้เลย ดีที่เรายังมีคุณหมอและพี่พยาบาลทางคลินิกประคับประคองช่วยดูแลค่ะ เราแจ้งอาการของพ่อตลอด และก็ได้รับคำแนะนำตลอดจริงๆค่ะ พ่ออาการดีขึ้นเรื่อยๆ และต้องให้ยาฆ่าเชื้อครบ 14 วัน พอถึงวันที่พ่อจะกลับบ้าน เราไปไม่ทันคุณหมอในช่วงเช้าค่ะ ซึ่งปกติเราจะไปหาพ่อตอนเช้าให้ทันคุณหมอเพื่อฟังอาการของพ่อในแต่ละวัน แต่วันนี้เราเข้าไปช้าคุณหมอกำลังชมพ่อเลยค่ะ คุณลุงเก่งมากเลย สู้จริงๆ เป็นทั้งมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งต่อมลูกหมากแล้วกระดูกอีก ใช่ค่ะเราแอบพ่ออยู่หน้าห้องน้ำ พร้อมกับคิดว่างานเข้าแล้วไง แต่เราได้ยินพ่อตอบกับคุณหมอว่าสู้ครับ ไม่เป็นไร เราน้ำตาคลอเลยค่ะ พ่อเราเก่งมากพ่อเข้มแข็งมากจริงๆ พ่อ คุณหมอออกไป เราหันไปมองหน้าพ่อแล้วยิ้มๆค่ะ แต่ในใจก็คิดว่า พ่อจะได้รับรู้ถึงตัวโรคที่เป็น อาการที่จะต้องรับมือกับมัน รวมถึงสิ่งที่พ่ออยากจะอยากทำด้วยค่ะ
คนป่วยกับมะเร็งตัวร้ายจะเป็นอย่างไร ฝากติดตามต่อ Ep.8 ด้วยนะคะ