JJNY : ฉะเดือด! แก้รธน.แค่เกมการเมือง -เล่นกับศรัทธาปชช.│เด้ง‘ผกก.ตม.ตาก’เข้ากรุ│อุตุเตือนไทยตอนบน│ไฟป่ารุนแรงในชิลี

"โอฬาร" ฉะเดือด! แก้รัฐธรรมนูญแค่เกมการเมือง - เล่นกับศรัทธาประชาชน
https://www.pptvhd36.com
 

  
"โอฬาร" ชี้การพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญ แค่เกมการเมืองพรรคเพื่อไทยใช้หาเสียง เล่นกับศรัทธาประชาชน ต้องลาออกรับผิดชอบ เชื่อ "ภูมิใจไทย" วอล์กเอาต์เพราะอยากสั่งสอน!
 
กรณีการนัดพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญวันที่ 13 ก.พ. 68 รศ.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ให้ความเห็นในรายการเปิดโต๊ะข่าว PPTV HD36 เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า เมื่อมองตามภาพรวมไม่ได้ถือว่าเหนือความคาดหมายใด ๆ ตนคิดว่าทั้ง 3 คนมีจุดยืนที่แตกต่างกัน
 
พรรคหลัก ๆ ที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนเห็นแค่ พรรคประชาชน ส่วนพรรคเพื่อไทยลึก ๆ ไม่อยากแก้ แต่คนที่ออกมาพูดเป็นแค่แกนนำปลายแถว พวกอดีตนักกิจกรรมที่ต้องการพื้นที่ทางการเมือง
 
พรรคเพื่อไทยรู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้เอาไว้หลอกประชาชนในการหาเสียงเลือกตั้ง แต่จะแก้ไม่แก้อยู่ที่นายใหญ่ คือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บิดาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งดูแล้วเวลาปราศรัยที่ไหน นายทักษิณไม่เคยพูดเรื่องนี้ แต่แค่เอาไว้ให้พวกแกนนำปลายแถวหาเสียง หลอกต้มประชาชนกันต่อ

รศ.โอฬาร กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยอ่านเกมเป็น จึงออกมาแบบนี้ 

1) เพื่อหาทางลงให้พรรคเพื่อไทยให้จบ ๆ กันไป จะไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ หรือตกที่ชั้นนี้ 
2) ไม่มีความจำเป็นต้องไปสังฆกรรม เพราะไม่ใช่นโยบายของพรรคภูมิใจไทยแต่ต้น และเสี่ยงข้างมากที่จะนำไปสู่การวินิจฉัยที่มีผลต่อสถานะของพรรค

สถานการณ์ต่อมา ตนคิดว่าลึก ๆ พรรคภูมิใจไทยก็ไม่พอใจพรรคเพื่อไทย ถามว่าพรรครัฐบาลชุดนี้ตั้งได้เพราะใคร เพราะเสียงข้างมากของพรรคเพื่อไทย แต่ถ้าไม่มีภูมิใจไทย รัฐบาลก็ตั้งไม่ได้ แล้วดูท่าทีนายทักษิณที่ฟาดพรรคภูมิใจไทยแต่ละดอก รักษามารยาท น้ำใจทางการเมืองไหม ทั้งไล่หนูตีงูเห่า หรือที่ นายก่อแก้ว พิกุลทอง กล้าออกมาพูดว่า ถ้าพรรคไหนไม่เอาด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขอให้ถอนตัวออกจากพรรคร่วม
 
การพูดอย่างนี้ต้องได้สัญญาณจากแกนนำพรรคระดับสูง เพราะเหมือนเป็นการไล่พรรคร่วมที่ไม่เห็นด้วย ทั้งภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ซึ่งภูมิใจไทยคงคิดว่าหยามน้ำใจเกินไป ฉะนั้นต้องสั่งสอนบ้าง เพราะเวลานี้ภูมิใจไทยไม่ใช่ของตายของพรรคเพื่อไทย สว. ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับภูมิใจไทย สส. 70 เสียง อบจ. ก็ได้เยอะกว่าพรรคเพื่อไทย
 
ดังนั้น พรรคภูมิใจไทยไม่จำเป็นต้องให้ราคาพรรคเพื่อไทย จึงออกมาสวนแบบนี้ ทำให้พรรคเพื่อไทยเสียหน้า ที่ไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญตามสัญญาที่ให้กับประชาชน เป็นเพียงเกมการเมืองเพื่อเล่นกับความศรัทธาของประชาชนที่อยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลง
 
โดยเมื่อวันที่ 12 ก.พ. ที่ผ่านมา สำนักกฎหมายของชั้นวุฒิสภา ส่งความเห็นสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งต้องทำประชามติ 3 ครั้ง ทำให้ทุกอย่างยืดเยื้อ รศ.โอฬาร ให้ความเห็นว่า ถ้าดูการแก้รายมาตราเพื่อนำไปสู่การตั้ง สสร. อาจไม่ใช่การเริ่มต้นที่จะร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จึงเป็นประเด็นว่าจะต้องทำประชามติก่อนหรือไม่

ถ้ามองแบบผิวเผินไม่ได้เป็นการแก้ไขเพื่อร่างใหม่ แต่เป็นการแก้วิธีการแก้ ส่วนวิธีการแก้นั้นก็นำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เลยเป็นประเด็นว่าจะต้องยื่นศาลก่อนหรือไม่ ตนคิดว่าก็อภิปราย และลงมติ แล้วค่อยยื่นศาลทีเดียวดีกว่า
  
เมื่อเข้ามาอยู่ในกระบวนการสภา แล้วมีคนท้วงติง ศาลจะวินิจฉัยได้ไหม หรือต้องรอลงมติก่อน รศ.โอฬาร ตอบว่า ตนคิดว่าต้องรอลงมติก่อน เพราะแค่ยื่นญัตติ ยังไม่รู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร ต้องลงมติก่อน จะเห็นด้วยหรือไม่ แล้วจะมีคนไปร้องศาลแน่ ๆ ถ้าตนเป็นภูมิใจไทยก็ไม่เอาด้วย เพราะไม่ได้อยู่ในนโยบายหลักของพรรค แต่เป็นเรื่องที่พรรคประชาชนกับพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้เล่นเกมการเมืองกับเรื่องนี้
 
รศ.โอฬาร กล่าวต่อว่า ตนคิดว่านักกฎหมายของทั้งสองพรรคเก่ง ๆ ทั้งนั้น แต่ทั้งหมดมีวาระซ่อนเร้น คือ ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องการเมือง เสียดายที่เอาความคาดหวังของประชาชนทั้งแผ่นดินมาย่ำยีเพื่อที่จะรักษาอำนาจทางการเมืองของตัวเอง 2 ปีที่ผ่านมา ถ้าปลุกสังคมขึ้นมาเป็นแรงกดดัน เราจะไม่เห็นสภาพแบบนี้เลย ตนคิดว่าพรรคเพื่อไทยใจร้ายกับประชาชนมากเกินไปกับเรื่องนี้
 
ส่วนถ้าจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญไปแล้วปรึกษาเป็นแนวทางไว้ก่อนได้หรือไม่ รศ.โอฬารกล่าวว่า ไม่ได้ ศาลรัฐธรรมนูญจะไม่วินิจฉัยเพราะมันเป็นส่วนของนิติบัญญัติ ซึ่งนิติบัญญัติยังไม่ดำเนินการอะไรก็จะตัดสินให้ไม่ได้ ผลที่เกิดขึ้น คือ ทำให้เสียเวลา เสียดายทั้งความคาดหวัง เงินภาษี ที่อยากให้มีการร่าง การแก้ แต่นักการเมืองมาใช้สิ่งนี้แปรเป็นเรื่องของการเมือง แล้วยื้อกันไปมา
 
ส่วนถ้าให้ลองประเมินว่าจะแก้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เสร็จภายในปีใด รศ.โอฬาร กล่าวต่อว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ยาก ต้องอาศัยการเห็นพ้องต้องกันระหว่างรัฐบาลฝ่ายค้านกับ สว. พลังการแก้ต้องมาจากพลังสังคมที่ช่วยสนับสนุนขับเคลื่อน กดดัน ซึ่ง 2 ปีที่ตั้งกรรมาธิการไม่เคยชวนสังคมออกมา ซึ่งตนยังไม่เห็นเค้าลาง บวกกับลึกๆมันไม่อยากแก้ แค่พูดเพื่อหลอกเอาคะแนนเสียง

รศ.โอฬาร ยังทิ้งท้ายต่อว่า จริง ๆ คนเหล่านี้ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก นโยบายที่ไม่เคยหาเสียง เช่น กาสิโน ทำกันข้ามวันข้ามคืนเสร็จ แต่นโยบายหาเสียงไม่ทำ หรือทำก็ทำแบบเล่นเกม คิดว่าประชาชนกินหญ้า อ่านเกมไม่ออกหรือ
 


เด้ง ‘ผกก.ตม.ตาก’ เข้ากรุสังเวยแก๊งคอลเมียนมา อัยการนัดถกดีเอสไอขอศาลออกหมายจับ “หม่องชิต ตู่-พวก” 17 ก.พ.นี้.
https://www.matichon.co.th/politics/news_5048354

เด้ง ‘ผกก.ตม.ตาก’ เข้ากรุสังเวยแก๊งคอลเมียนมา ขณะที่กห.แจงสร้างกำแพง 55 กม.เป็นเพียงแผนงานรบ. อัยการนัดถกดีเอสไอขอศาลออกหมายจับ “หม่องชิต ตู่-พวก” 17 ก.พ.นี้
 
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รอง ผบช.สตม.)
 รรท.ผบช.สตม. ลงนามคำสั่ง สตม.ที่ 24/2568 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 เรื่องข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ระบุว่า ด้วยปรากฏข่าวสารในสื่อมวลชนต่างๆ เผยแพร่ข่าวนักท่องเที่ยวถูกมิจฉาชีพหลอกลวงมาที่ไทยแล้วหายตัวไปบริเวณชายแดนเมียนมา อีกทั้งมีการลักลอบข้ามชายแดนทางช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ อ.แม่สอด อ.แม่ระมาด และ อ.พบพระ จ.ตาก กรณีดังกล่าวอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ โดยบริเวณที่เกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ของ จ.ตาก อยู่ในความรับผิดชอบของ พ.ต.อ.บวรภพ สุนทรเรขา ผกก.ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก เพื่อให้ได้รายละเอียดข้อเท็จจริงที่ชัดเจนเพียงพอสำหรับการพิจารณาพฤติการณ์ และหลักฐานเบื้องต้น ว่ากรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่าข้าราชการตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดวินัยหรือไม่ประการใด
เนื่องจากเป็นกรณีที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติและ สตม. อีกทั้งมีกรณีที่สงสัยว่าข้าราชการตำรวจได้ประพฤติบกพร่องต่อหน้าที่ หรือมีกรณีเป็นที่สงสัยว่ากระทำความผิดทางวินัย หรืออาญา หากให้ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานเดิมอาจก่อให้เกิดความเสียหาย จึงให้ พ.ต.อ.บวรภพไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ สตม.โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้บังคับการอำนวยการ สตม.มอบหมาย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
 
ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.ปรัชญามีคำสั่ง สตม.ที่ 25/2568 เรื่องข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทนระบุว่า ตามคำสั่ง สตม.ที่ 24/2568
 ลง 12 กุมภาพันธ์ 2568 ให้ พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 รักษาราชการแทน ผกก.ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
 
ที่กระทรวงกลาโหม (กห.) พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษก กห. กล่าวกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ จ.สระแก้ว และได้รับฟังข้อคิดเห็นจากหน่วยงานความมั่นคง ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ในพื้นที่ อ.อรัญประเทศ ซึ่งมีช่องทางธรรมชาติยาว 165 กิโลเมตร และบูรณาการวางลวดหนามประมาณ 55 กิโลเมตร ที่เหลือยังคงเป็นช่องทางธรรมชาติ ติดกับพื้นที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นจุดล่อแหลมในการหลบหนีเข้าเมือง หน่วยงานความมั่นคงไม่สามารถตรวจการณ์ได้ตลอดเวลาจึงเสนอสร้างกำแพง ซึ่งหลายประเทศทำอยู่ เช่น เม็กซิโก คือปิดรั้วรอบขอบชิด ส่งผลให้การตรวจสอบง่ายขึ้น พร้อมติดกล้องวงจรปิด และเครื่องปั่นไฟที่จะส่งสัญญาณแจ้งเตือน จะทำให้เห็นภาพมีใครข้ามไปมา เจ้าหน้าที่จะสะดวกในการปฏิบัติงาน
 
ยืนยันว่าเป็นเพียงแผนงานของรัฐบาลที่จะนำมาพิจารณา เพื่อหาแนวทางร่วมกันอีกครั้งเรื่องการสร้างกำแพง ซึ่งปัจจุบันยังไม่มี เพราะเร็วเกินไป และยังต้องศึกษารูปแบบแนวทางภายใต้พื้นที่ที่ชัดเจน ที่ต้องไม่ติดพื้นที่ที่ทับซ้อนกัน รวมถึง การวิเคราะห์ผลกระทบของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งมีเอกชนที่ทำไปได้บ้างแล้ว ส่วนเส้นทาง 55 กิโลเมตร ที่จะดำเนินการเป็นช่องทางธรรมชาติและเป็นจุดล่อแหลม” พล.ต.ธนาธิปกล่าว
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีรายงานว่าพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำโดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอเเละพนักงานสอบสวนดีเอสไอ เดินทางไปสอบปากคำกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อสอบถามในประเด็นเกี่ยวกับกองกำลังของ พ.อ.หม่อง ชิต ตู่ ผู้นำกองกำลังแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Army : KNA) หรือเดิมคือกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (Border Guard Force : BGF) ตามคำแนะนำของพนักงานสำนักงานอัยการคดีค้ามนุษย์ โดยที่สำนักงานอัยการคดีค้ามนุษย์เองได้ส่งพนักงานอัยการไปร่วมสอบกับทางดีเอสไอด้วย
 
ภายหลังสอบเสร็จสิ้นแล้ว ขั้นตอนต่อไปรายงานว่า วันนี้สำนักงานอัยการคดีค้ามนุษย์จะประชุมกันในประเด็นเรื่องการสอบเพิ่มดังกล่าว เเละจะนัดหารือกับดีเอสไอในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ หากอัยการ และดีเอสไอ มีข้อสรุปร่วมกันได้ จะนำไปสู่ขั้นตอนการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อออกหมายจับ พ.อ.หม่องชิต ตู่กับพวกต่อไป


 
กรมอุตุ เตือนไทยตอนบน อากาศเย็นกับมีหมอกตอนเช้า กลางวันร้อน ส่วนใต้มรสุมอ่อนกำลัง
https://www.matichon.co.th/local/news_5048414
 
กรมอุตุ เตือนไทยตอนบน อากาศเย็นกับมีหมอกตอนเช้า กลางวันร้อน ส่วนใต้มรสุมอ่อนกำลัง คลื่นสูง 1 ม.
 
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ ดังนี้ บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และยอดภูมีอากาศหนาว ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งระมัดระวังอันตรายจากอัคคีภัยเนื่องจากสภาพอากาศแห้ง และระมัดระวังการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย
 
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังอ่อน ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังอ่อน โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย
 
สภาวะอากาศที่มีผลต่อการสะสมฝุ่นละอองในระยะนี้ : การสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันบริเวณประเทศไทยตอนบน อยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงค่อนข้างมาก โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อนลง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่