JJNY : 5in1 ปชน.ชี้รัฐขาดความรับผิดชอบ│ขว้างกล้วย-สาดสี│จ่อเชิญสมช.ลงพื้นที่│โรมชี้ทั่วโลกเห็นชัด│เอเชียมีแต่เสียกับเสีย

พรรคประชาชนชี้ รัฐขาดความรับผิดชอบ ไม่แสดงตน ทำที่ประชุมแก้รัฐธรรมนูญล่ม เรียกร้องนายกฯ แสดงภาวะผู้นำ
https://thestandard.co/people- party-pm-leadership/

 
วันนี้ (13 กุมภาพันธ์) ที่อาคารรัฐสภา พรรคประชาชน นำโดย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน แถลงภายหลังที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาล่ม เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ ในวาระพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช …. (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1)
 
ณัฐพงษ์กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในการประชุมร่วมกันของรัฐสภานี้ ขอยืนยันว่ารัฐสภามีอำนาจเต็มในการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ซึ่งจากทั้งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญเองก็วินิจฉัยอย่างชัดเจนว่า เราสามารถที่จะเดินหน้าแก้ไขมาตรา 256 ได้ในทันที อีกทั้งศาลรัฐธรรมนูญเองก็ไม่รับวินิจฉัยข้อสงสัยเรื่องของการทำหน้าที่ของรัฐสภาที่เกิดผลขึ้นแล้ว
 
ส่วนการลงมติในญัตติแรกที่จะมีการเลื่อนหรือไม่เลื่อนพิจารณาว่าจะส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญก่อนหรือไม่นั้น ผลของการลงมติก็ออกมาแล้วว่า ให้รัฐสภาเดินหน้าต่อในการพิจารณาร่างแก้ไขที่พรรคประชาชนได้เสนอเข้ามา แต่ปรากฏว่าขณะที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาในญัตติดังกล่าว ในการประชุมวาระที่ 1 ของร่างแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 นี้ มีการเสนอให้นับองค์ประชุม ซึ่งก็มีเพื่อนสมาชิกรัฐสภาอยู่ในห้องประชุม จากสายตาของตนเองเชื่อว่ามีจำนวนมากกว่าคนที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ ก่อนที่ประธานรัฐสภาจะสั่งปิดการประชุม
 
ณัฐพงษ์ชี้ว่า ตามข้อเท็จจริงนี้สะท้อนให้เห็นว่ามีเพื่อนสมาชิก โดยเฉพาะจากฝั่งรัฐบาลเองไม่กดแสดงตน ไม่เป็นองค์ประชุม ทั้งที่ ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส. แบบบัญชีรายชื่อ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย พูดไว้ในห้องประชุมว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะเป็นองค์ประชุมในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญวันนี้
 
เป็นสิ่งสำคัญที่นายกรัฐมนตรีจะต้องแสดงให้เห็นถึงการควบคุมเสียงของฝั่งรัฐบาลเอง เนื่องจากผมเชื่อว่าถ้านายกฯ เป็นผู้แทนราษฎรอยู่ในห้องประชุมด้วย รวมถึงสามารถควบคุมเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลได้ วันนี้เราจะสามารถเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญได้” ณัฐพงษ์กล่าว
 
สำหรับการแถลงข่าวในครั้งนี้ ณัฐพงษ์ขอให้ทุกคนช่วยกันส่งเสียงเรียกร้องให้ทางรัฐบาล โดยเฉพาะยิ่งพรรคเพื่อไทย และนายกฯ ช่วยกำกับดูแลเสียงฝั่งรัฐบาลมาเข้าร่วมประชุมรัฐสภาในวันพรุ่งนี้ให้เป็นองค์ประชุมอย่างพร้อมเพรียง เพราะอย่างน้อยส่วนตัวคิดว่าการเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 256 อย่างไร ก็ควรต้องเปิดโอกาสให้อภิปรายอย่างกว้างขวางในสภาก่อน
 
หากมีข้อกังวลกับการลงมติจริง ภายหลังการเปิดอภิปรายเสร็จแล้วค่อยมาตัดสินใจก่อนที่จะลงมติอีกครั้งก็ยังได้ ไม่ควรที่จะเซ็นเซอร์อำนาจตัวเอง ถึงขนาดที่ว่าไม่กล้าให้เพื่อนสมาชิกรัฐสภาอภิปรายในรัฐบาลแห่งนี้ได้
 
ขณะที่ สส. พรรคเพื่อไทยบางส่วนก็ร่วมลงชื่อสนับสนุนให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้น ณัฐพงษ์กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเองก็เสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเข้ามาด้วย ทำให้ตนเองค่อนข้างสับสนว่าแล้วเหตุใดจึงไม่แสดงตน หรือไม่แสดงความชัดเจนว่าอยากจะเดินหน้าพิจารณาต่อในวันนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการตกลงกันไม่ได้หรือรอยร้าวระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง
 
ทั้งนี้ ณัฐพงษ์ระบุว่า ไม่อยากให้มองว่าเป็นการเมืองของคนดีหรือคนร้าย แต่คิดว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของประเทศในปัจจุบันที่เราตกอยู่ในหลุมดำของความรับผิดรับชอบ พูดง่ายๆ คือ เราต้องการคนที่มีอำนาจใช้อำนาจของตัวเองเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ แต่ผลปรากฏว่าสิ่งที่เราเห็นคือการเสนอญัตติเพื่อเซ็นเซอร์ตัวเอง
 
ดังนั้นเราต้องถามก่อนว่า ตกลงการมีอำนาจในการทำหรือไม่ทำนั้นสะท้อนให้เห็นว่าตอนนี้เราตกอยู่ในภาวะที่ผู้มีอำนาจในรัฐ ไม่ว่าจะเป็นส่วนราชการ รวมถึงฝ่ายนิติบัญญัติ เรากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่รัฐขาดความรับผิดรับชอบ ไม่กล้าใช้อำนาจตัวเอง ในขณะเดียวกัน เพราะว่าไม่กล้าที่จะรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจตัวเองเช่นเดียวกัน



เครือข่ายปชช. ขว้างกล้วย-สาดสี ผิดหวังสภาล่ม ทำแก้รธน. ล่าช้า ยิ่งชีพ ซัด ภท. ทำตรงข้ามกับคำพูด
https://www.matichon.co.th/politics/news_5047197

เครือข่ายปชช. ขว้างกล้วย-สาดสี ผิดหวังสภาล่ม ทำแก้รธน. ล่าช้า ยิ่งชีพ ซัด ภท. ทำตรงข้ามกับคำพูด วอนนายกฯแสดงท่าทีด่วน
 
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณหน้ารัฐสภาเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ และภาคีเครือข่าย นำโดย กลุ่มไอลอว์จัดกิจกรรม “อยากเลือกตั้ง สสร. ชวน สว.ทำเรื่อง กล้วยๆ” เพื่อติดตามการประชุมร่วมกันรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฯ และยื่นหนังสือข้อเรียกร้องของกลุ่ม โดยทางกลุ่มได้เดินเท้าจากสถานีรถไฟฟ้า MRT เตาปูน มาที่อาคารรัฐสภาฝั่งทางเข้าสว.ตั้งแต่ช่วงเช้า โดยมีการนำเต็นท์ และเครื่องขายเสียงมาติดตั้งประกอบในการทำกิจกรรมทางการเมือง
 
ทั้งนี้ภายหลังจากการประชุมร่วมรัฐสภาล่ม เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ กลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งไม่พอใจได้มีการขว้างกล้วยจำนวนมากพร้อมสาดสีฟ้าที่หน้าทางเข้าอาคาร โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาได้ควบคุมดูแลสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
 
ต่อมาพรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย และสว.พันธุ์ใหม่ ได้เดินทางมารับหนังสือจากทางผู้ชุมนุม โดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านสภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือหนังสือพร้อมกล่าวว่า ตนยืนยันว่าพรรคประชาชนจะร่วมกันผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับอย่างแน่นอน
 
หลังจากนั้นกลุ่มสว.พันธุ์ใหม่ นำโดย น.ส.นันทนา นันทวโรภาส รับหนังสือโดยกล่าวว่า ขอโทษประชาชนที่ทำไม่สำเร็จ ไม่สามารถที่จะผลักดันให้เกิดการโหวตลงมติอภิปรายในวาระที่ 1 ให้สำเร็จ นี่คือการหักเหลี่ยมทางการเมือง ไม่ได้มีเจตจำนงที่แท้จริง ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการยืดเยื้อรัฐธรรมนูญออกไป ซึ่งยืดกฎหมายประชามติก็มีการยืดด้วยวิธีแบบนี้ คือการแก้รัฐธรรมนูญก็ใช้วิธีเดียวกันคือส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
 
แม้ปี 64 ก็ส่งไปแล้ว จะส่งปี 67 จะส่งอีก ตะบี้ตะบันส่งไปถึงไหน ส่งแล้วจะให้เปลี่ยนผลยังไงในเมื่อศาลรัฐธรรมนูญบอกแล้วว่าไม่รับวินิจฉัย ไหนถ้อยคำแถลงศาลธรรมนูญมีเพียงคำประชามติก่อนและหลัง นี่คือการยืดเยื้อเพื่อไม่ให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลุ่มสว.พันธุ์ใหม่ยินดีสนับสนุน แม้ในรัฐธรรมนูญ ต้องการเสียงสว. 67 เสียง เรามีไม่ถึงแต่พยายามเป็นเสียงที่ส่งถึงประชาชน ว่าพวกเราสว.พันธุ์ใหม่ยินดีสู้ร่วมกับประชาชน
 
ด้าน น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนจากพรรคเพื่อไทยในการรับหนังสือโดยกล่าวว่า จุดยืนของพรรคเพื่อไทยเรายังคงยืนยัน เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในสมัยประชุมที่แล้วเราก็ได้เดือนหน้าอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากความกังวลของพรรค และสว.บางส่วนในเรื่องของการให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอำนาจประธานสภา และความไม่แน่ชัดของการทำประชามติ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำวินิจฉัยในเรื่องนี้ การเสนอญัตติด่วนของสว.ในวันนี้ ก็เป็นมติที่พรรคเพื่อไทยได้เห็นว่า จะเป็นการชะลอและหาทางออกร่วมกันเพื่อให้มีความชัดเจน พรรคเพื่อไทยจึงเห็นด้วยกับการนำญัตติของสว.ไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อผลออกมาว่ามติไม่ผ่านเราก็ต้องเดินหน้าโดยพิจารณาอยู่รอบคอบเพราะเราประเมินว่าจะมีเสียงสว.ไม่ถึง 67 เสียงในการผ่านร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ หากฝืนเดินหน้าต่อจะเป็นปัจจัยที่เราจะต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่ สำหรับการประชุมร่วมรัฐสภาในวันพรุ่งนี้ เราจะยังมาสภาเพราะเป็นหนึ่งในเรื่องที่เรามาหาเสียงไว้
 
ด้าน นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) กล่าวว่า ชัดเจนว่ามีคนไม่ต้องการให้อภิปราย และไม่ต้องการให้มีการลงมติ หลายท่านคงรู้ว่าประชาชนต้องการรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และคงไปดีลอะไรมาจึงโหวตให้ไม่ได้ หากโหวตไม่รับก็กลัวประชาชนจะไม่สนับสนุนต่อ เลยต้องทำอะไรก็ได้เพื่อให้ตัวเองไม่ลงมติ .ทั้งนี้เหลือเวลาพรุ่งนี้ (14ก.พ.) อีก 1 วัน ก็ขอให้สส.และสว. เข้าประชุมให้ครบองค์อภิปราย ว่าคิดเห็นอย่างไรนำเหตุผลมาพูดคุยกัน หากยังไม่มาหรือหาเหตุผลมาเลื่อนอีก เราก็ต้องกลับมาเป็นแบบเดิมอีก
 
ขอย้ำกับประชาชนว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอะไร ก็ไม่เข้าใจว่ามีความกังวลอะไร เราจะปักหลักยืนยันข้อเรียกร้องจากประชาชนในเรื่องของการทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยจากการเลือกตั้งทั้งหมด หากพรุ่งนี้ มีการประชุมร่วมรัฐสภา เราก็จะมาทำกิจกรรมที่นี่อีก แต่ถ้าไม่มีการประชุมเราก็จะหาพื้นที่อื่นในการทำกิจกรรม
 
วันนี้ผมเจ็บกับภูมิใจไทย เพราะพรรคภูมิใจไทยบอกว่าต้องการรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยส.ส.ร. แต่การกระทำกับตรงกันข้าม คือไม่เข้าร่วมประชุมและโยนภาระไปให้พรรคเพื่อไทย ถ้าพรรคเพื่อไทยกล้าหารก็คงเดินหน้าต่อ แต่ก็ได้ข่าวว่าวันนี้สส.ของพรรคก็เข้าร่วมประชุมไม่เยอะมาก เข้าใจว่านายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้พูดอะไร การประชุมวันนี้เป็นการประชุมและรัฐธรรมนูญ เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลชุดนี้ที่แถลงนโยบายไว้ต่อรัฐสภา เราอยากเห็นสัญญาณที่จริงใจและจริงจังจากนายกรัฐมนตรี ถ้าท่านต้องการเดินหน้านโยบายนี้ก็ออกมาพูดอะไรหน่อย และบอกให้สส.ทุกคนเข้าร่วมประชุมในวันพรุ่งนี้และเดินหน้าต่อไปให้ได้



กมธ.มั่นคง จ่อเชิญ สมช. ลงพื้นที่แม่สอด แก้ช่องโหว่ แก๊งคอลใช้ท่าข้ามส่งของผิดกม.
https://www.matichon.co.th/politics/news_5047535

กมธ.ความมั่นคงฯ เตรียมเชิญ “สมช.” ลงพื้นที่แม่สอด 16 ก.พ.นี้ ดูปัญหาท่าข้าม หลังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้เป็นช่องโหว่ส่งของผิดกฎหมาย
 
เมื่อเวลา 13.35 น. วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงหลังการประชุมกมธ. ว่า ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ได้มีเฉพาะเรื่องไฟฟ้า น้ำมัน แต่สิ่งที่เอื้ออำนวยต่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังมีท่าข้าม ทั้ง 59 ท่า ซึ่งจ.ตาก เป็นจังหวัดที่มีท่าข้ามมากที่สุดในประเทศไทย
 
ที่เราต้องให้ความสนใจเรื่องท่าข้าม เพราะเป็นจุดส่งผิดกฎหมายต่างๆจำนวนมาก เราได้รับข้อมูลว่าการส่งสินค้าจาก จ.ตาก ไปที่เมียวดี 60% มาจากท่าข้ามทั้งสิ้น วันนี้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) บอกว่าโดยหลักการการเปิดท่าข้ามต้องเป็นการเปิดกรณีจำเป็น และต้องเป็นกรณีชั่วคราว แต่กมธ.พบข้อเท็จจริงว่าท่าข้ามทั้ง 59 ท่า เปิดมาเป็นเวลานานแล้วโดยหลังโควิด – 19 มีการเปิดเพิ่มเติมอีก 9 ท่า ซึ่งมีปัญหาเชิงกฎหมายว่า ท่าทีเปิดอยู่มีความชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
 
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า กมธ.จึงให้จังหวัดรวบรวมข้อมูล โดยวันที่ 16 – 17 ก.พ.นี้ กมธ.ฯ จะเชิญสมช.ลงพื้นที่ด้วย ซึ่งวันที่ 16 ก.พ. จะลงพื้นที่อ.แม่สอด  จ.ตาก จะขอทราบถึงวัตถุประสงค์ในการเปิดท่าข้ามเป็นอย่างไร และมีความตั้งใจที่จะเปิดยาวนานแค่ไหน ส่วนวันที่ 17 ก.พ. จะลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก เพื่อพูดคุยกับกองทัพภาคที่ 3 อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ตนเข้าใจว่าเรื่องท่าข้ามเป็นเรื่องของกระทรวงมหาดไทย แต่ที่จริงแล้วเป็นอำนาจของอธิบดีศุลกากรในการกำหนดให้เปิดหรือปิด วันนี้เราเห็นประโยชน์ทางการค้า แต่ภัยร้ายของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็มีอยู่
 
วันนี้สมช.พูดชัดเจนว่า โดยปกติการค้าขาย อยากให้ใช้ช่องทางปกติที่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ อาจจะเป็นจุดผ่านแดนถาวร จุดผ่านแดนชั่วคราว และจุดผ่อนปรนในกรณีพิเศษ เพราะถ้าเป็นท่าข้ามจะมีช่องโหว่ เนื่องจากพบว่าเจ้าหน้าที่ศุลกากรบางคนต้องดูแล 5 ท่าข้าม หรือ 3 ท่าข้าม ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เราจะดูแลความมั่นคง การลักลอบสิ่งผิดกฎหมายได้” นายรังสิมันต์ กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่