JJNY : 5in1 อ.พรสันต์สะท้อนปัญหากม.│แฉทุนจีนตัดไม้ทั้งเขา│ปชน.โหวตส่งตัวปูอัด│สื่อโอดชะลอใช้งบ│ศาลห้าม“มัสก์”และทีม

อ.พรสันต์ ชี้คดี พิรงรอง สะท้อนปัญหากฎหมาย ต้องเอาประโยชน์สาธารณะมาพิเคราะห์ด้วย
https://www.matichon.co.th/politics/news_5039942

 
อ.พรสันต์ ชี้คดี พิรงรอง สะท้อนปัญหากฎหมาย ต้องเอาประโยชน์สาธารณะมาพิเคราะห์ด้วย
 
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ รศ.พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณี ศาลอาญาคดีทุจริต มีคำพิพากษาจำคุก ดร.พิรงรอง รามสูต กสทช.ในความผิดตามมาตรา 157 ว่า 

ข้อเท็จจริงในคดีจะเป็นเช่นไรคงต้องรออ่านรายละเอียดในคำพิพากษาฉบับเต็ม
 
อย่างไรก็ดี เบื้องต้นผมคิดว่ากรณีคดีของ อ.พิรงรอง สะท้อนถึงปัญหาทางด้านการบังคับใช้กฎหมายหลายด้านที่พึงต้องทำความเข้าใจและขบคิดกันให้ลึกซึ้งมากกว่าที่เป็นในปัจจุบัน
 
1. พิพาทที่เกี่ยวข้องกับคลื่นความถี่ฯ เป็นกรณีที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้เป็น “หน้าที่ของรัฐ” อันนำไปสู่การให้มี กสทช. เข้ามากำกับดูแล “เพื่อป้องกันมิให้มีการแสวงหาประโยชน์จากผู้บริโภคโดยไม่เป็นธรรมหรือสร้างภาระแก่ผู้บริโภคเกินความจําเป็น” (สิทธิเสรีภาพของประชาชน)
นั่นหมายความว่า การตีความและบังคับใช้กฎหมายในกรณีดังกล่าวจึงพึงต้องเข้าใจใน “ธรรมชาติของคดี” ด้วยว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์สาธารณะ ดังนั้น ประเด็นว่าด้วยประโยชน์สาธารณะจึงต้องนำมาพิเคราะห์ชั่งน้ำหนักตามที่รัฐธรรมนูญมุ่งหมายไว้ในคดีด้วย มิฉะนั้นแล้ว ประชาชนในสังคมส่วนใหญ่จะได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและหลักนิติธรรม
 
2. ความเข้าใจต่อ “หลักไม่มีกฎหมาย ไม่มีอำนาจ” ที่ใช้กับกรณีการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐว่าใช้กับกรณีใด มีวัตถุประสงค์เช่นไร มีขอบเขตครอบคลุมมากน้อยเพียงใดกับกรณีข้อพิพาทที่กำลังพิจารณา (การดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐ ณ ขณะนั้นๆ: ในกรณี อ.พิรงรอง คือ การเข้าไปพิจารณาถึงสถานะทางกฎหมายของหนังสือแจ้งเตือน) มีข้อยกเว้นหรือไม่ (ในทางกฎหมายปกครองบางกรณีมีหลักความเป็นอิสระของอำนาจทางปกครองที่ฝ่ายนิติบัญญัติต้องเคารพเป็นข้อยกเว้นอย่างยิ่ง)
 
3. กลไกการตรวจสอบและการบังคับใช้กฎหมายในประเทศไทยที่อาจไม่เป็นระบบหรือผ่านการขบคิดมาอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากพอหรือไม่อย่างไร ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการตราตัวบทกฎหมายมากมาย แต่ไม่มีการถกเถียงอภิปรายกันอย่างชัดเจนว่า ควรใช้กลไกการตรวจสอบและการบังคับใช้กฎหมายเฉพาะเรื่องสืบเนื่องมากจากธรรมชาติของคดีที่มีลักษณะเฉพาะตัว หรือสามารถไปใช้กลไกลการตรวจสอบและการบังคับใช้กฎหมายปกติทั่วไปได้ จนนำไปสู่การบังคับใช้กฎหมายไขว้ระบบกันไปมา อันอาจไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์และธรรมชาติของกฎหมายแต่ละฉบับอย่างที่ควรจะเป็น
.
จริงๆ มีอีกหลายประเด็นในทางกฎหมายที่น่าจะนำมาพูดคุยอภิปรายกันอย่างเป็นระบบและลึกซึ้งเพื่อป้องกันมิให้ปัญหาหากเกิดกรณีการฟ้องร้องในคดีทำนองเดียวกันที่จะอาจเกิดขึ้นในอนาคตด้วย เบื้องต้นนี้รออ่านคำพิพากษาฉบับเต็มครับ

https://www.facebook.com/pornson.liengboonlertchai/posts/pfbid02SEbVJFw7qN9Qq649usrhME7wULyq1gvuDgAuZ78CgNPUv4kY7uHgyuiRvN8kHZdhl


 
แฉซ้ำทุนจีน ตัดต้นไม้ทั้งเขา เอาที่ปลูกทุเรียน ชาวบ้านท้อ ขรก.-ท้องถิ่น เมินดูแล
https://www.matichon.co.th/politics/news_5040170

แฉซ้ำทุนจีน ตัดต้นไม้ทั้งเขา เอาที่ปลูกทุเรียน ชาวบ้านท้อ ขรก.-ท้องถิ่น เมินดูแล
 
กรณีที่คณะกรรมาธิการวุฒิสภา 3 ชุด ประกอบด้วย กรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธาน กรรมาธิการการกฎหมายและยุติธรรม คณะกรรมาธิการติดตามงบประมาณ วุฒิสภา พร้อมนายชาญชัย กิจศักดาภาพ หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจังหวัดจันทบุรี ได้ร่วมเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียน กรณีกลุ่มทุนจีนบุกรุกป่าทำสวนทุเรียนในท้องที่จังหวัดจันทบุรี โดยขบวนการดังกล่าวได้เข้าบุกรุกขุดดินและตัดไม้บนเขาในท้องที่ป่าเขาบ้านปึก ต.บ้านแซ้ม อ.มะขาม จ.จันทบุรี โดยพบมีการลักลอบตัดไม้ ทำไม้ และเตรียมพื้นที่เพื่อปลูกทุเรียน ทำให้ป่าสมบูรณ์หายไปเกือบครึ่งภูเขานั้น
 
เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ นายชาญชัยให้สัมภาษณ์ มติชนออนไลน์ ว่า ความคืบหน้าในวันนี้ ได้ให้เจ้าหน้าที่ไปแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มในข้อหาทำไม้บดหนัก กล่าวคือ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีการแจ้งความ เข้ายึดพื้นที่เอาไว้แล้ว จำนวน 28 ไร่ โดยสภาพพื้นที่ที่ทางคณะเข้าไปตรวจ มีการตัดไม้ใหญ่ เช่น ไม้ตะเคียน ไม้มะหาด ขนุนป่า และไม้ใหญ่อื่นๆ จำนวนมาก ไม่รวมตอไม้ที่ถูกลักลอบตัดมาก่อนหน้านี้อีกนับสิบต้น
 
เรื่องนี้เกิดจากความคับแค้นใจของชาวบ้าน ที่เป็นป่าไม้ในพื้นที่ ซึ่งเป็นป่าไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 อยู่ในพื้นที่ลาดชันอย่างมาก ป่าถูกตัดแบบไม่เกรงกลัวผู้ใด เพราะผู้ที่ดำเนินการเรื่องนี้ล้วนเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ทั้งกลุ่มข้าราชการ ทั้งฝ่ายปกครอง และฝ่ายอื่นๆ นักการเมืองท้องถิ่นหลายระดับ รวมไปถึงกลุ่มทุนที่คาดว่าจะเป็นกลุ่มทุนนอกประเทศ โดยพยัคฆ์ไพรเราได้รับการร้องเรียนหลายทาง ทั้งทางจดหมาย มีคนเขียนจดหมายเป็นลายมือมาแจ้ง รวมทั้งทางออนไลน์ ซึ่งเมื่อรวบรวมหลักฐานได้ระดับหนึ่งเราลงพื้นที่เมื่อปลายปี 2567 เข้าจับกุมยึดพื้นที่ทั้งหมด 11 คดี 300 ไร่ แต่ไม่เป็นข่าว มาปีนี้เฉพาะเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ แค่เดือนเศษ จับไปแล้ว 12 คดี เนื้อที่ที่ถูกบุกรุกทั้งสิ้นประมาณ 2,000 ไร่” นายชาญชัยกล่าว
 
หัวหน้าชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพรกล่าวว่า ลองนึกภาพภูเขาที่มีความเป็นธรรมชาติสูงทั้งเขา มีความหลากหลายทางชีวภาพ มีไม้ใหญ่ ไม้ธรรมชาติเต็มทั้งภูเขา แต่มีการเข้าไปลักลอบตัดไม้เพื่อเตรียมปลูกทุเรียน เพราะดินบริเวณดังกล่าวน่าจะเหมาะกับการปลูกทุเรียน ประกอบกับ จ.จันทบุรี เป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงเรื่องทุเรียนอย่างมาก มีการเตรียมการเป็นอย่างดี เช่น ขุดสระน้ำ ปรับพื้นที่ให้โล่งเตียน เผาไม้ เอาไม้ออกจากพื้นที่ บางจุดก็เอาแท็งก์น้ำมาวางเอาไว้แล้ว ตอนนี้สภาพภูเขาที่เคยมีไม้ใหญ่สีเขียวปกคลุมทั้งภูเขาเหลือแค่ครึ่งเดียว ถ้ามาช้ากว่านี้รับรองว่ากลายเป็นเขาหัวโล้น และจะมีสวนทุเรียนขึ้นเต็มไปหมดแน่ๆ
 
ในสำนวนคดีเราแจ้งความกับพนักงานสอบสวนไว้หมดแล้วว่ามีใครร่วมขบวนการอยู่บ้าง ก็มีแต่ผู้หลักผู้ใหญ่ในท้องที่ทั้งนั้น ประชาชนในพื้นที่เลยไม่กล้าทำอะไรมากนัก รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องด้วย ส่วนกลางจึงต้องเข้ามาทำงาน และทั้งหมด นอกจากแจ้งความดำเนินคดีตามขั้นตอนแล้ว เราส่งเรื่องให้วุฒิสภาเข้าไปดำเนินการต่อ” นายชาญชัยกล่าว
 
เมื่อถามว่า ทำไมถึงคิดว่าผู้อยู่เบื้องหลังการตัดไม้ทั้งภูเขาครั้งนี้เป็นนายทุนจากประเทศจีน นายชาญชัยกล่าวว่า เรื่องนี้มีอยู่ในสำนวนการแจ้งความดำเนินคดีว่าผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นใครบ้าง



ส.ส.ปชน.เห็นพ้อง โหวตส่งตัวปูอัด ด้าน เลขาสภา แจงชัด หนังสือถึงบรรจุวาระได้ทันที
ttps://www.matichon.co.th/politics/news_5040190

“พรรคประชาชน” เห็นพ้อง ส่งตัว ”ปูอัด“ ให้ตำรวจดำเนินคดี ด้าน “เลขาสภา” คาดหนังสือมาถึงจันทร์นี้ สามารถบรรจุเข้าระเบียนวาระได้ทันที
 
เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568 จากกรณีที่ตำรวจ สภ.เชียงใหม่ ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขออนุญาตจับตัว นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ส.ส.กทม.พรรคไทยก้าวหน้า ภายหลังศาลเชียงใหม่อนุมัติหมายจับ เป็นผู้ต้องหาคดีข่มขืนสาวนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน ซึ่งเหตุเกิดที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา สำหรับความเคลื่อนไหวของพรรคประชาชนต่อเรื่องดังกล่าวมีความเห็นที่ตรงกัน คือลงมติส่งนายไชยามพวานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ต้องรอนำวาระเรื่องนี้เข้าที่ประชุม ส.ส.ของพรรคอีกครั้งหนึ่ง
 
แหล่งข่าวจากพรรคประชาชนเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาสภาไม่เคยมีการส่งตัว ส.ส.ที่ถูกออกหมายจับไปให้ตำรวจระหว่างสมัยประชุม เพราะอยากให้การทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติได้ทำงานอย่างราบรื่น ไม่มีปัญหาเรื่องของการถูกกลั่นแกล้งแจ้งความดำเนินคดี แต่ในกรณีดังกล่าวไม่ใช่ครั้งแรกของ ส.ส.คนนี้ และครั้งนี้ถูกออกหมายจับในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น ถือเป็นเรื่องร้ายแรง และเสื่อมเสียชื่อเสียงของประเทศไทยเป็นอย่างมากเพราะผู้ถูกกระทำเป็นชาวต่างชาติ ส่งผลให้เรื่องดังกล่าวได้รับความสนใจไปทั่วโลก หากยังอุ้มบุคคลที่กระทำแบบนี้ต่อไปก็จะเสื่อมเสียชื่อเสียงประเทศและสภา ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติอีกด้วย

ขณะที่ ว่าที่ร้อยตำรวจตรี อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า จนถึงตอนนี้สภายังไม่ได้หนังสือเนื่องจากติดวันหยุดราชการ คาดว่าหนังสือจะถึงสภาในวันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งหากมาถึงแล้วสามารถบรรจุเข้าในระเบียบวาระได้ทันที



อุตสาหกรรมสื่อโฆษณา โอด เจ้าของสินค้าชะลอใช้งบ ‘ตลาดนิ่งผิดปกติ’
https://www.matichon.co.th/economy/news_5040111

อุตสาหกรรมสื่อโฆษณา โอด เจ้าของสินค้าชะลอใช้งบ ‘ตลาดนิ่งผิดปกติ’
 
เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ นายรติ พันธุ์ทวี นายกสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย (AAT) เปิดเผยถึงภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาปี 2568 ว่า จับสัญญาณถึงธุรกิจหยุดและเฝ้าระวังปัจจัยแวดล้อม จึงอยู่ในภาวะทรงตัว เนื่องจากแบรนด์สินค้าและบริการกำลังจับตาดู( wait and see) สถานการณ์ปัจจัยรายล้อมต่างๆ โดยเฉพาะผลกระทบหลังนโยบายทรัมป์ 2.0 ที่จะมีผลต่อการทำธุรกิจและการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด
 
ซึ่งหากนโยบายทรัมป์ 2.0 และความรุนแรงภูมิรัฐศาสตร์มากขึ้น ย่อมกระทบต่อภาคส่งออกของไทย และทิศทางการดำเนินธุรกิจในอนาคต รวมถึงการปรับตัวของประเทศที่ได้รับกระทบจากทรัมป์ 2.0 โดยเฉพาะจีน ยุโรป และเอเชีย เองด้วย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงมักจะมาพร้อมกับต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น ความระมัดระวังใช้จ่ายในทุกมิติจะมากขึ้น รวมถึงงบประมาณที่จะใช้กับการตลาดและสื่อโฆษณา
 
ปกติไตรมาสแรกของปีจะเป็นช่วงที่การใช้งบโฆษณาและสื่อต่างๆ จะลดลง จากที่มีการใช้กันมาแล้วในไตรมาส 4 ก่อนหน้า เพื่อการกระตุ้นการซื้อปลายปีและต้นปี จะมาดีขึ้นอีกครั้งเข้าหน้าร้อนในไตรมาสสอง ทั้งเครื่องดื่ม เครื่องปรับอากาศ สินค้าเพื่อการดับร้อน เป็นต้น แต่ปีนี้พบว่าสถานการณ์นิ่งเกินไปกว่าปีปกติ และยังไม่เห็นว่าปีนี้จะมีกิจกรรมหรืออีเวนต์ใหญ่ๆ ภาคธุรกิจเราจึงมองว่าอุตสาหกรรมโฆษณาในปีนี้ น่าจะยังขยายตัวใกล้เคียงจีดีพี หรือขยายตัวช่วง 2-2.5% และมูลค่าทั้งอุตสาหกรรมน่าจะอยู่ที่ 9.2-9.5 หมื่นล้านบาท ที่ประเมินว่าจะขยายตัวได้ 4-4.5% นั้นคงยาก” นายรติกล่าว
 
นายรติกล่าวอีกว่า สมาคมฯให้ความสำคัญและสนับสนุนให้บริษัทสมาชิกได้ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรมจากนี้ โดยกำลังติดตามผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ 2.0 แน่นอนว่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและความผันผวนต่อเนื่อง การวางแผนระยะยาวเป็นปี อาจไม่ได้แล้ว ต้องหันมาทำโซลูชั่นที่รองรับการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ต้องเน้นการทำแผนระยะสั้น ที่สำคัญต้องเตรียมพร้อมด้านเครื่องมือและบุคคลากรที่จะสามารถของรับสื่อแบบใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นและลูกค้าเริ่มหันมาใช้มากขึ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่