อ้วนลงพุงกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม


อ้วนลงพุง (Metabolic Syndrome) คือ ภาวะที่มีการสะสมของไขมันในบริเวณช่องท้องมากจนทำให้เกิดการหลั่งของสารที่ไปกระทบต่อร่างกาย โดยเฉพาะการอักเสบของเนื้อเยื่อที่ตอบสนองต่อการทำงานของอินซูลิน, ระบบการเผาผลาญพลังงานส่วนเกินของร่างกายผิดปกติ, ระดับน้ำตาลและความดันโลหิตสูงอีกด้วย รวมทั้งการอุดตันของไขมันที่หลอดเลือดแดงภายในอวัยวะที่สำคัญอย่าหัวใจและสมอง ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของโรคเรื้อรังอย่างหลากหลาย

สาเหตุของอ้วนลงพุง

- รับประทานอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง

- ไม่ออกกำลังกาย

- กรรมพันธุ์ 

- อายุที่เพิ่มสูงขึ้น

- น้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐาน

- ใช้ยาบางประเภท เช่น อินซูลิน, สเตียรอยด์ และยารักษาโรคทางจิตเวช

- สูบบุหรี่

- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการเผาผลาญน้ำตาลและไขมันของสตรีที่หมดประจำเดือนไปแล้ว

- โรคหรือภาวะความผิดปกติบริเวณต่อมไร้ท่อ โดยเฉพาะไฮโปไทรอยด์

อ้วนลงพุงต้องมีรอบเอวเท่าไร ?

การวัดรอบเอวควรทำในช่วงเช้าก่อนรับประทานอาหารมื้อแรก ซึ่งจะวัดในท่ายืนตรงขณะหายใจออก โดยให้สายวัดอยู่ตรงจุดกึ่งกลางระหว่างขอบล่างของซี่โครงสุดท้าย จนถึงจุดสูงสุดของกระดูกสะโพก สำหรับผู้ชายมีรอบเอวเกิน 90 เซนติเมตร หรือ 36 นิ้ว ผู้หญิงเกิน 80 เซนติเมตร หรือ 32 นิ้ว จะถือว่าอ้วนลงพุง นอกจากนี้มีเกณฑ์อื่นที่ใช้ประเมินต่อภาวะนี้ ได้แก่

- น้ำตาลในเลือดมีระดับสูงกว่าหรือเท่ากับ 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร

- ความดันในโลหิตสูงกว่า 130/85 มิลลิเมตรปรอท

- ระดับไตรกลีเซอไรด์เท่ากับหรือมากกว่า 150 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร

- ไขมันดีในร่างกายผู้ชายมีค่าน้อยกว่า 40 และผู้หญิงไม่ถึง 50 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร

อ้วนลงพุงอันตรายอย่างไร ? 

เสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายหลายชนิด เช่น

- ไขมันอุดตัน

- โรคหัวใจ

- เส้นเลือดในสมองอุดตัน

- สมองขาดเลือด

- อัมพฤกษ์ อัมพาต

- เบาหวาน

- ความดันโลหิตสูง

- ไขมันพอกตับ

- มะเร็ง

- นิ่วในถุงน้ำดี

- โรคเกาต์

- ข้อเสื่อม

- ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ

- เส้นเลือดขอด

อ้วนลงพุงสามารถลดได้อย่างไร ? 

- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่เหมาะสม

- เน้นการบริโภคผัก, ผลไม้ และธัญพืช

- หลีกเลี่ยงอาหาร, เครื่องดื่ม ขนมที่มีรสชาติจัดจนเกินไป โดยเฉพาะรสหวาน มัน เค็ม

- ใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อควบคุมระดับไขมัน, น้ำตาล และความดันในโลหิต

- ออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3-5 วัน ครั้งละไม่ต่ำกว่า 30 นาที

- ทำกิจกรรมที่เพิ่มการเผาผลาญพลังงาน เช่น งานบ้าน, ใช้บันไดแทนการขึ้นหรือลงลิฟต์
 
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

แม้ว่าการใช้สายวัดรอบเอวจะบอกถึงขนาดของหน้าท้องได้ แต่ระดับไขมันและน้ำตาลจะต้องทำการเจาะเลือด แต่ทุกท่านควรเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อหาค่าหรือความผิดปกติต่าง ๆ  อีกทั้งยังมีแพทย์และเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำทางด้านการลดความเสี่ยงของโรคที่อาจเกิดขึ้น โดยปรับโภชนาการ วิธีออกกำลังกายของแต่ละบุคคล เพราะแต่ละท่านจะมีความแตกต่างกันในเรื่องของกายภาพ, สรีระ, น้ำหนักตัว ซึ่งหากทำโดยไม่ได้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอาจส่งผลต่อการบาดเจ็บหรือโรคแทรกซ้อนขึ้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่