เมื่อเข้าอรูปฌานในสัมมาสมาธิได้ ที่รูปจะเป็นกลุ่มพลังงาน อันมีลักษณะ
1.แผ่จากภายในออกภายนอก ไปอยู่กับภายนอกที่ห่างจากตัวได้
2.รูปในอรูปฌานจะเป็นรูปละเอียด เป็นความรู้สึกไหวๆ ยิบๆ สะเทือน ไปทั้งตัว จิตจะแยกได้ว่าตรงไหนส่วนนาม ตรงไหนส่วนรูป
3.รูปในอรูปฌานมีลักษณะแตกกระจาย มีช่องว่าง ไม่เชื่อมต่อกัน(อากาศธาตุ) ความเป็นอรูปฌานขยายออกไปเท่าใด รูปก็กระจายแตกออกไปเท่านั้น
4.เพราะเป็นจิตที่ว่าง(อากิญนันจา)รูปในอรูปฌานจึงมีลักษณะเป็นภาชนะ สามารถน้อมความว่าง เบา สงบ ในอากาสข้างหน้า มาเติมภายในใจที่ว่างได้
5.เพราะมาจากความรู้สึกตัว อันเป็นสัมมาสมาธิ และแยกออกมาจากกาย จึงไม่มีตัวตนในอรูปฌาน ในขณะจิตใดๆ
6.เพราะมีความเบา จึงเคลื่อนย้ายที่ ตำแหน่งได้ จึงเป็นจิตที่ย้ายไปตำแหน่งของอาการทางขันธ์5ได้(วิปัสนา,มีผู้ดู)
7.เมื่อเคลื่อนย้ายที่ได้ จึงเอามาใช้งานได้ จึงเอามาดูอาการทางขันธ์5ได้ ไม่ว่าจะเดิน เคลื่อนไหว พูด คิด จะมีกริยา อยู่ในความว่าง เบา สงบ
ทุกขณะการรับรู้ของจิต จึงควรที่ให้อรูปฌานเป็นผู้รับรู้
อรูปฌานจิต จิตที่ไม่มีรูปเป็นอารมณ์
1.แผ่จากภายในออกภายนอก ไปอยู่กับภายนอกที่ห่างจากตัวได้
2.รูปในอรูปฌานจะเป็นรูปละเอียด เป็นความรู้สึกไหวๆ ยิบๆ สะเทือน ไปทั้งตัว จิตจะแยกได้ว่าตรงไหนส่วนนาม ตรงไหนส่วนรูป
3.รูปในอรูปฌานมีลักษณะแตกกระจาย มีช่องว่าง ไม่เชื่อมต่อกัน(อากาศธาตุ) ความเป็นอรูปฌานขยายออกไปเท่าใด รูปก็กระจายแตกออกไปเท่านั้น
4.เพราะเป็นจิตที่ว่าง(อากิญนันจา)รูปในอรูปฌานจึงมีลักษณะเป็นภาชนะ สามารถน้อมความว่าง เบา สงบ ในอากาสข้างหน้า มาเติมภายในใจที่ว่างได้
5.เพราะมาจากความรู้สึกตัว อันเป็นสัมมาสมาธิ และแยกออกมาจากกาย จึงไม่มีตัวตนในอรูปฌาน ในขณะจิตใดๆ
6.เพราะมีความเบา จึงเคลื่อนย้ายที่ ตำแหน่งได้ จึงเป็นจิตที่ย้ายไปตำแหน่งของอาการทางขันธ์5ได้(วิปัสนา,มีผู้ดู)
7.เมื่อเคลื่อนย้ายที่ได้ จึงเอามาใช้งานได้ จึงเอามาดูอาการทางขันธ์5ได้ ไม่ว่าจะเดิน เคลื่อนไหว พูด คิด จะมีกริยา อยู่ในความว่าง เบา สงบ
ทุกขณะการรับรู้ของจิต จึงควรที่ให้อรูปฌานเป็นผู้รับรู้