จุดตัวเองก็ยอมทันใดให้ลุกเป็นไฟขึ้นมา...
วันนี้วันเด็ก วันของเด็ก โดยแท้แล้วเป็นวันที่เปิดโอกาสให้ผู้ใหญ่แสดงความเป็นผู้ใหญ่ แสดงน้ำใจและความปรารถนาดีต่อเด็กๆ ลูกชายของผมก็จะไปงานวันเด็ก แต่คราวนี้ไม่ได้ไปเที่ยว แต่ไปในฐานะผู้ใหญ่ ช่วยดูแลความเรียบร้อยของกิจกรรมวันเด็ก เด็กมีไฟก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่มีไฟ เรื่องแนวคิดและพลังสร้างสรรค์เป็นส่วนสำคัญที่สังคมต้องปลูกฝังหรือหยิบยื่นโอกาสในความฝันให้ตั้งแต่เด็กๆ
มาว่ากันถึงเรื่องผู้ใหญ่หรือผู้เฒ่ามีไฟกันบ้าง วันนี้มีของแปลกๆมาให้ดูครับ เหล็กจุดไฟที่เรียกว่า Fire Steel หรือ Striker
ผมเองชอบจุดไฟด้วยเหล็กจุดไฟหรือจริงๆแล้วคือแท่งจุดไฟ Ferrocerium หรือ ferro rod หรือบางทีก็เรียกกันแบบโบราณว่าแท่งแม็กนีเซียม
สิ่งที่แยกผมออกจากคนปรกติที่เห็นได้ชัดเจนอีกอย่างก็คือการจุดไฟ ผมนิยมใช้วิธีโบราณ เคยใช้แบบธนูไฟก็มี แต่ที่ไม่เคยสำเร็จซักครั้งคือปั่นด้วยฝ่ามือ นอกนั้นก็จุดด้วยแสงอาทิตย์บ้าง และที่โปรดปรานจริงๆก็คือการจุดด้วยแท่งจุดไฟและเหล็กจุดไฟ
ไอ้แท่งจุดไฟนี่มันเป็นของกลางๆนะครับ คือมีขายทั่วไป ของธรรมดาก็มี ของมีคุณภาพสูงก็มีแต่ราคาก็สูงตามไปด้วย แบบดีๆมิลิทารี่สเปกว่ากันว่ามันให้ความร้อนสูงถึง 2000 องศาเซลเซียส ก็อะไรมันจะร้อนปานนั้นหนอ แท่งจุดไฟมันมีดีในแบบของมัน ถ้าได้แท่งนั่นมาแล้ว ที่ทำให้แตกต่างจริงๆก็คือตัวจุดกระแทก หรือเหล็ก ซึ่งก็คือมีดนั่นแหละ
มีดที่ใช้ทำที่จุดไฟได้ดีเท่าที่ผมลองดูมาเป็นสิบๆปี คือมีดที่ทำด้วยเหล็กไฮคาร์บอน และต้องโลวโครเมียม จริงๆแล้วต้องโลวอัลลอยด์คือไม่ต้องผสมอะไรเลยดีที่สุด เปิดโอกาสให้มีแมงกานีสกับซิลิกอนเป็นสารมณฑิล นั่นแหละมันจะขีดไฟได้ดี
เหล็กกล้าจำพวกนี้ก็อย่างเหล็กตะไบ , 1095 , SK5 , S50C คือพอมีคาร์บอน 0.50 % ขึ้นไป ถ้าจะให้ไฟสวยๆก็ต้องราวๆ 100 ป็อยท์หรือ 1.00% แม้แต่เหล็ก 5160 หรือ SUP9 มันก็จุดติดนะครับ ฝรั่งบางตำราหรือบางคลิปบอกว่า เหล็กคาร์บอนกลางจุดไม่ค่อยติด แต่ผมทำแล้วจุดติด
ไอ้ที่จุดไม่ค่อยติดจริงๆก็คือเหล็กที่มีส่วนผสมสูงหรือสแตนเลส มันให้ไฟน้อยมาก เข้าใจว่ามันต้านทานการสึกหรอมากเกินไปหรือมีธาตุผสมบางตัวที่ต่อต้านการเผาไหม้หรือลุกเป็นไฟ
และถ้าอยากให้มันใช้จุดไฟได้ดีๆจริงๆ ต้องให้ความร้อนในแบบแข็งเกินและถอนน้อย คืออบคืนไฟคลายเครียดในอุณหภูมิต่ำและใช้เวลาน้อย ไอ้จะบอกว่าไม่ต้องคืนไฟเลยก็จะพูดได้ไม่เต็มปาก เพราะผมมีแนวคิดในฝ่ายที่ต้องอบคืนไฟเหล็กกล้าที่ใช้ทำใบมีด
คือการจุดแท่งจุดไฟหรือขูดแท่งจุดไฟนี่มันต้องการการขูดหรือเสียดสีให้มีการสูญเสียเนื้อเหล็กบางส่วน ยิ่งถ้าการจุดแบบโบราณจริงๆที่จุดหรือกระแทกด้วยหินเหล็กไฟอันนั้นยิ่งต้องให้มันสูญเสียเนื้อเหล็กได้ง่ายๆ คือแตกหรือบิ่นเป็นชิ้นเล็กๆออกไปง่ายๆ เหล็กที่กระทบของแข็งมันจะเกิดประกายไฟหรือสะเก็ดไฟได้นะครับ แม้แต่กระแทกกับเหล็กด้วยกัน ในโรงตีเหล็กของผมเห็นบ่อย โดยเฉพาะเมื่อก่อนผมให้เค้าผ่าเหล็กด้วยไฟแก็ส เช่นผ่าเหล็กตามยาว แล้วก็เอามาเคาะเอาขี้ไฟทิ้งไปก่อนการตีขึ้นรูป บางครั้งตีลงไปค้อนกระทบกับขี้เหล็กที่เกิดจากไฟแก็ส สว่างวาบหรือลงไปโดนของที่พื้นไฟไหม้เป็นควันขึ้นมา
การให้ความร้อนหรือชุบแข็งมีดแบบนี้ต้องให้ทั้งตัวนะครับ คือแข็งทั้งส่วนคมมีดและส่วนสันมีด ถ้าอยากทำใบมีดแบบคุณสมบัติสูงก็ต้องทำดับเบิ้ลฮามอน คือให้หน้าแข็งแล้วหลังก็ต้องแข็งด้วยให้เนียวเฉพาะส่วนกลางใบ และมีดแบบแบล็กสมิธก็ต้องชุบแข็งที่หางหรือด้ามม้วนด้วย มันถึงจะจุดไฟติด ถ้าเหล็กไม่ชุบแข็ง มันก็จุดติดหรือขูดติดนั่นแหละแต่ได้ไม่กี่ทีมันก็ขูดไม่ได้เพราะไม่มีเหลี่ยม
ถึงชุบแข็งหรือให้ความร้อนแล้วก็ไม่ใช่ว่ามันจะขูดได้เลยนะครับ มันต้องมีการลับหรือแต่งสันมีดให้เหลี่ยมเก้าสิบองศา แบบที่เรียกว่า 90° spine หรือ 90 Degree Spine คือลับสันให้มันตรงๆแบนๆ และการลับหรือแต่งนี้ถ้าลับแบบหยาบๆคือด้วยหินคาโบรันดัมหรือกระดาษทรายแดงเบอร์ 100 มันจะขูดหรือจุดไฟได้ดีกว่าแบบที่ลับเรียบๆเนียนๆ
ถ้าเหล็กขูดลับได้ที่และแท่งจุดไฟมีเนื้อดีมีความยาวพอเหมาะ มันจะจุดติดหรือทำให้เชื้อไฟลุกไหม้ได้ในการจุดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
เหล็กจุดไฟก็มีหลายแบบนะครับ มีชื่อเรียกมีที่มามีประวัติศาสตร์เรื่องราวต่างๆให้ศึกษา บางแบบก็มีไว้ตีหรือขูดแท่งจุดไฟเพียงอย่างเดียว บางแบบเช่นมีดไวกิ้งหรือมีดแบล็กสมิธก็ยังใช้ประโยชน์ในการตัดเฉือนได้ บางแบบบางวัฒนธรรมไอ้เหล็กจุดไฟนี่ก็เป็นเครื่องรางคือถือว่ามีพลังเหนือธรรมชาติแฝงอยู่ด้วย
นอกจากเหล็กจุดไฟและแท่งจุดไฟแล้ว เชื้อไฟก็เป็นส่วนสำคัญในการก่อกองไฟ ถ้าเชื้อไฟไม่ดีคือมีขนาดและความแห้งไม่เหมาะสมมันก็จุดไม่ติดนะครับ แม้แต่รายการของแบร์ กริลส์ก็มีตอนที่จุดไฟไม่ติดมาแล้ว มันต้องใช้ของเบาๆบางๆและแห้งๆ เช่นเกสรดอกไม้ ขนนก ใบหญ้าแห้งๆ ถ้าหาอะไม่ได้ก็เอาฟืนที่เราจะก่อไฟนั่นแหละ มาขูดด้วยสันมีดหรือเหล็กจุดไฟให้เป็นฝอยๆหรือเส้นเล็กๆก็พอใช้ได้ นอกจากวัสดุที่หาได้ตามธรรมชาติแล้วผมชอบใช้เชือกป่านหรือเชือกกระสอบในการเป็นเชื้อไฟ สำลีก็จุดติดแน่นอนแต่มันดูไม่ค่อยเถื่อน ถ้าเป็นดอกฝ้ายแล้วผมจะชอบมากกว่า เอิ้ก เอิ้ก
ไอ้เชื้อจุดไฟนี่ฝรั่งเรียกว่า tinder บางคนก็เก็บของเหล่านี้ไว้ในภาชนะเดียวกันเช่นกระป๋องหรือตลับที่ใส่ข้าวของพวกนี้ไว้ด้วยกันคือแท่งจุดไฟ , มีดจุดไฟ , เชื้อไฟ เป็นชุดยังชีพสำหรับการใช้ชีวิตชั่วคราวในป่า
ยังมีเชื้อไฟแบบพิเศษอีกอย่างก็คือผ้าถ่าน ทำโดยการเอาผ้าหรือเชือก เส้นใยธรรมชาติมาหุงหรืออบให้ความร้อนจนกลายเป็นถ่าน เอาไว้จุดไฟ ไอ้ผ้าถ่านนี่จุดติดง่ายแต่รักษายากเหมือนกัน จับไม่ดีก็ปี้ป่นไปหมด
อ้อ มีเรื่องเล่าให้ฟังอีกนิด คือแท่งจุดไฟสมัยก่อนมันเป็นระบบสองแท่ง เดี๋ยวนี้ก็มีขายอยู่บ้างแต่น้อย มักจะใช้แบบแท่งเดียวมากกว่า แบบสองแท่งนี่มันมีแท่งนึงเป็นเชื้อเพลิง คือเหลาหรือขูดแท่งนี้เป็นฝอยๆหรือสะเก็ดเล็กๆ แล้วค่อยขูดอีกแท่งที่เป็นตัวจุดให้ไฟลงไปในเชื้ออันแรกนี้แล้วไฟถึงจะติด ก็เล่นสนุกดีครับ ไฟมันลุกกระจายหลายจังหวะดีเหมือนๆดอกไม้ไฟ
จุดตัวเองก็ยอมทันใดให้ลุกเป็นไฟขึ้นมา...
วันนี้วันเด็ก วันของเด็ก โดยแท้แล้วเป็นวันที่เปิดโอกาสให้ผู้ใหญ่แสดงความเป็นผู้ใหญ่ แสดงน้ำใจและความปรารถนาดีต่อเด็กๆ ลูกชายของผมก็จะไปงานวันเด็ก แต่คราวนี้ไม่ได้ไปเที่ยว แต่ไปในฐานะผู้ใหญ่ ช่วยดูแลความเรียบร้อยของกิจกรรมวันเด็ก เด็กมีไฟก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่มีไฟ เรื่องแนวคิดและพลังสร้างสรรค์เป็นส่วนสำคัญที่สังคมต้องปลูกฝังหรือหยิบยื่นโอกาสในความฝันให้ตั้งแต่เด็กๆ
มาว่ากันถึงเรื่องผู้ใหญ่หรือผู้เฒ่ามีไฟกันบ้าง วันนี้มีของแปลกๆมาให้ดูครับ เหล็กจุดไฟที่เรียกว่า Fire Steel หรือ Striker
ผมเองชอบจุดไฟด้วยเหล็กจุดไฟหรือจริงๆแล้วคือแท่งจุดไฟ Ferrocerium หรือ ferro rod หรือบางทีก็เรียกกันแบบโบราณว่าแท่งแม็กนีเซียม
สิ่งที่แยกผมออกจากคนปรกติที่เห็นได้ชัดเจนอีกอย่างก็คือการจุดไฟ ผมนิยมใช้วิธีโบราณ เคยใช้แบบธนูไฟก็มี แต่ที่ไม่เคยสำเร็จซักครั้งคือปั่นด้วยฝ่ามือ นอกนั้นก็จุดด้วยแสงอาทิตย์บ้าง และที่โปรดปรานจริงๆก็คือการจุดด้วยแท่งจุดไฟและเหล็กจุดไฟ
ไอ้แท่งจุดไฟนี่มันเป็นของกลางๆนะครับ คือมีขายทั่วไป ของธรรมดาก็มี ของมีคุณภาพสูงก็มีแต่ราคาก็สูงตามไปด้วย แบบดีๆมิลิทารี่สเปกว่ากันว่ามันให้ความร้อนสูงถึง 2000 องศาเซลเซียส ก็อะไรมันจะร้อนปานนั้นหนอ แท่งจุดไฟมันมีดีในแบบของมัน ถ้าได้แท่งนั่นมาแล้ว ที่ทำให้แตกต่างจริงๆก็คือตัวจุดกระแทก หรือเหล็ก ซึ่งก็คือมีดนั่นแหละ
มีดที่ใช้ทำที่จุดไฟได้ดีเท่าที่ผมลองดูมาเป็นสิบๆปี คือมีดที่ทำด้วยเหล็กไฮคาร์บอน และต้องโลวโครเมียม จริงๆแล้วต้องโลวอัลลอยด์คือไม่ต้องผสมอะไรเลยดีที่สุด เปิดโอกาสให้มีแมงกานีสกับซิลิกอนเป็นสารมณฑิล นั่นแหละมันจะขีดไฟได้ดี
เหล็กกล้าจำพวกนี้ก็อย่างเหล็กตะไบ , 1095 , SK5 , S50C คือพอมีคาร์บอน 0.50 % ขึ้นไป ถ้าจะให้ไฟสวยๆก็ต้องราวๆ 100 ป็อยท์หรือ 1.00% แม้แต่เหล็ก 5160 หรือ SUP9 มันก็จุดติดนะครับ ฝรั่งบางตำราหรือบางคลิปบอกว่า เหล็กคาร์บอนกลางจุดไม่ค่อยติด แต่ผมทำแล้วจุดติด
ไอ้ที่จุดไม่ค่อยติดจริงๆก็คือเหล็กที่มีส่วนผสมสูงหรือสแตนเลส มันให้ไฟน้อยมาก เข้าใจว่ามันต้านทานการสึกหรอมากเกินไปหรือมีธาตุผสมบางตัวที่ต่อต้านการเผาไหม้หรือลุกเป็นไฟ
และถ้าอยากให้มันใช้จุดไฟได้ดีๆจริงๆ ต้องให้ความร้อนในแบบแข็งเกินและถอนน้อย คืออบคืนไฟคลายเครียดในอุณหภูมิต่ำและใช้เวลาน้อย ไอ้จะบอกว่าไม่ต้องคืนไฟเลยก็จะพูดได้ไม่เต็มปาก เพราะผมมีแนวคิดในฝ่ายที่ต้องอบคืนไฟเหล็กกล้าที่ใช้ทำใบมีด
คือการจุดแท่งจุดไฟหรือขูดแท่งจุดไฟนี่มันต้องการการขูดหรือเสียดสีให้มีการสูญเสียเนื้อเหล็กบางส่วน ยิ่งถ้าการจุดแบบโบราณจริงๆที่จุดหรือกระแทกด้วยหินเหล็กไฟอันนั้นยิ่งต้องให้มันสูญเสียเนื้อเหล็กได้ง่ายๆ คือแตกหรือบิ่นเป็นชิ้นเล็กๆออกไปง่ายๆ เหล็กที่กระทบของแข็งมันจะเกิดประกายไฟหรือสะเก็ดไฟได้นะครับ แม้แต่กระแทกกับเหล็กด้วยกัน ในโรงตีเหล็กของผมเห็นบ่อย โดยเฉพาะเมื่อก่อนผมให้เค้าผ่าเหล็กด้วยไฟแก็ส เช่นผ่าเหล็กตามยาว แล้วก็เอามาเคาะเอาขี้ไฟทิ้งไปก่อนการตีขึ้นรูป บางครั้งตีลงไปค้อนกระทบกับขี้เหล็กที่เกิดจากไฟแก็ส สว่างวาบหรือลงไปโดนของที่พื้นไฟไหม้เป็นควันขึ้นมา
การให้ความร้อนหรือชุบแข็งมีดแบบนี้ต้องให้ทั้งตัวนะครับ คือแข็งทั้งส่วนคมมีดและส่วนสันมีด ถ้าอยากทำใบมีดแบบคุณสมบัติสูงก็ต้องทำดับเบิ้ลฮามอน คือให้หน้าแข็งแล้วหลังก็ต้องแข็งด้วยให้เนียวเฉพาะส่วนกลางใบ และมีดแบบแบล็กสมิธก็ต้องชุบแข็งที่หางหรือด้ามม้วนด้วย มันถึงจะจุดไฟติด ถ้าเหล็กไม่ชุบแข็ง มันก็จุดติดหรือขูดติดนั่นแหละแต่ได้ไม่กี่ทีมันก็ขูดไม่ได้เพราะไม่มีเหลี่ยม
ถึงชุบแข็งหรือให้ความร้อนแล้วก็ไม่ใช่ว่ามันจะขูดได้เลยนะครับ มันต้องมีการลับหรือแต่งสันมีดให้เหลี่ยมเก้าสิบองศา แบบที่เรียกว่า 90° spine หรือ 90 Degree Spine คือลับสันให้มันตรงๆแบนๆ และการลับหรือแต่งนี้ถ้าลับแบบหยาบๆคือด้วยหินคาโบรันดัมหรือกระดาษทรายแดงเบอร์ 100 มันจะขูดหรือจุดไฟได้ดีกว่าแบบที่ลับเรียบๆเนียนๆ
ถ้าเหล็กขูดลับได้ที่และแท่งจุดไฟมีเนื้อดีมีความยาวพอเหมาะ มันจะจุดติดหรือทำให้เชื้อไฟลุกไหม้ได้ในการจุดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
เหล็กจุดไฟก็มีหลายแบบนะครับ มีชื่อเรียกมีที่มามีประวัติศาสตร์เรื่องราวต่างๆให้ศึกษา บางแบบก็มีไว้ตีหรือขูดแท่งจุดไฟเพียงอย่างเดียว บางแบบเช่นมีดไวกิ้งหรือมีดแบล็กสมิธก็ยังใช้ประโยชน์ในการตัดเฉือนได้ บางแบบบางวัฒนธรรมไอ้เหล็กจุดไฟนี่ก็เป็นเครื่องรางคือถือว่ามีพลังเหนือธรรมชาติแฝงอยู่ด้วย
นอกจากเหล็กจุดไฟและแท่งจุดไฟแล้ว เชื้อไฟก็เป็นส่วนสำคัญในการก่อกองไฟ ถ้าเชื้อไฟไม่ดีคือมีขนาดและความแห้งไม่เหมาะสมมันก็จุดไม่ติดนะครับ แม้แต่รายการของแบร์ กริลส์ก็มีตอนที่จุดไฟไม่ติดมาแล้ว มันต้องใช้ของเบาๆบางๆและแห้งๆ เช่นเกสรดอกไม้ ขนนก ใบหญ้าแห้งๆ ถ้าหาอะไม่ได้ก็เอาฟืนที่เราจะก่อไฟนั่นแหละ มาขูดด้วยสันมีดหรือเหล็กจุดไฟให้เป็นฝอยๆหรือเส้นเล็กๆก็พอใช้ได้ นอกจากวัสดุที่หาได้ตามธรรมชาติแล้วผมชอบใช้เชือกป่านหรือเชือกกระสอบในการเป็นเชื้อไฟ สำลีก็จุดติดแน่นอนแต่มันดูไม่ค่อยเถื่อน ถ้าเป็นดอกฝ้ายแล้วผมจะชอบมากกว่า เอิ้ก เอิ้ก
ไอ้เชื้อจุดไฟนี่ฝรั่งเรียกว่า tinder บางคนก็เก็บของเหล่านี้ไว้ในภาชนะเดียวกันเช่นกระป๋องหรือตลับที่ใส่ข้าวของพวกนี้ไว้ด้วยกันคือแท่งจุดไฟ , มีดจุดไฟ , เชื้อไฟ เป็นชุดยังชีพสำหรับการใช้ชีวิตชั่วคราวในป่า
ยังมีเชื้อไฟแบบพิเศษอีกอย่างก็คือผ้าถ่าน ทำโดยการเอาผ้าหรือเชือก เส้นใยธรรมชาติมาหุงหรืออบให้ความร้อนจนกลายเป็นถ่าน เอาไว้จุดไฟ ไอ้ผ้าถ่านนี่จุดติดง่ายแต่รักษายากเหมือนกัน จับไม่ดีก็ปี้ป่นไปหมด
อ้อ มีเรื่องเล่าให้ฟังอีกนิด คือแท่งจุดไฟสมัยก่อนมันเป็นระบบสองแท่ง เดี๋ยวนี้ก็มีขายอยู่บ้างแต่น้อย มักจะใช้แบบแท่งเดียวมากกว่า แบบสองแท่งนี่มันมีแท่งนึงเป็นเชื้อเพลิง คือเหลาหรือขูดแท่งนี้เป็นฝอยๆหรือสะเก็ดเล็กๆ แล้วค่อยขูดอีกแท่งที่เป็นตัวจุดให้ไฟลงไปในเชื้ออันแรกนี้แล้วไฟถึงจะติด ก็เล่นสนุกดีครับ ไฟมันลุกกระจายหลายจังหวะดีเหมือนๆดอกไม้ไฟ