ผมควรจะแก้ปัญหากับสภาพจิตใจยังไงดีครับ เกี่ยวกับเรื่องในชีวิตนี่แหละ

* คือตอนนี้ผมอายุ17เอง เกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆที่เข้ามาในชีวิต ผมไม่รู้ว่าสภาพจิตใจผมเองจะฝืนทนได้อีกสักแค่ไหนครับ *
* ในสิ่งที่ผมจะพิมพ์มันก็จะเป็นชีวิตที่กระทบจากโควิด และเรื่องในรั้วโรงเรียน จนถึงปัญหาที่เจอ ณ ปัจจุบันครับ เลยจะยาวๆหน่อย ใครอ่านไม่ไหวก็ไม่เป็นไรครับ เพราะมันเป็นสิทธิ์ของตัวท่านเองผมไม่มีสิทธิ์บังคับครับผม *

คือแต่โดยเดิมแล้วผมเป็นเด็กขี้อายนั่นแหละครับ ซื่อๆไรงี้ และไม่แปลกที่จะโดนบูลลี่อยู่แล้ว ในตอนนั้นผมก็รู้สึกแย่ที่โดนแกล้ง ถึงมันจะไม่ได้ร้ายแรงมากจนบาดเจ็บ แต่มันก็ส่งผลกับจิตใจผมนั่นแหละที่ทำให้กลัวไปเลย อันนี้คือก่อนหน้า ที่โควิดจะมาครับ
ชีวิตผมก็ผ่านไปเป็นอยู่อย่างนี้ แล้วก็แน่นอนครับ ผมไม่มีเพื่อนที่สนิทมากพอ ซึ่งจะมีเพียงเพื่อนที่คุยแปบๆก็ไปคุยกับคนอื่น คือพูดได้ว่าผมไม่มีเพื่อนที่สามารถคุยเล่นได้ตลอดเวลาเลยครับ นับเป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมห้องแค่นั้น

จุดเปลี่ยน สำคัญคือโควิดครับ ในตอนที่มันมา โดยรวมสำหรับผมรู้สึกดีใจตามภาษาเด็ก เพราะจะได้ไม่ไปเรียนและหยุดยาว และแน่นอนว่าคนที่ไม่มีเพื่อนอย่างผม ก็กลายเป็นว่าผมเป็นพวกเก็บตัวไปตั้งแต่ตอนนั้น จากปกติที่ผมเป็นแค่เด็กขี้อายและซื่อคนนึง กลับกลายเป็นว่าผมเป็นคนละคนเลยครับ เนื่องจากต้องกักตัว ผมก็ได้ใช้ชีวิตกับโลกโซเซียลอย่างเดียว เรื่องราว ร้ายๆและน่ากลัวต่างๆ มันเปลี่ยนผมให้กลายเป็นคนที่อารมณ์ร้อนขึ้น หงุดหงิดได้ง่ายมากๆ ซึ่งในตอนนั้นก็พูดตามตรงว่าเพื่อนในโซเซียลผมก็คือไม่มีเลยครับ โดดเดี่ยวคนเดียว ไม่ได้มีคนที่สามารถคุยด้วย กลายเป็นพวกเก็บกดเลยครับ อารมณ์ต่างๆที่ยิ่งเก็บปุ๊บพอจะระเบิดก็ระเบิดออกมาเลย ซึ่งในตอนนั้นก็จะมีเรียนออนไลน์ใช่มั้ยครับ แล้วเหมือนคุณครูจะบอกกับหัวหน้าห้องและให้ คนอื่นๆไปสอบถามเรื่องต่างๆในการเรียน แอพที่จะใช้ในการเรียน แต่ผมที่ไม่มีเพื่อน บอกตามตรงตอนนั้นผมไม่สนใจเลยครับ คือคิดอย่างเดียวว่า ชีวิตแย่ๆแบบนี้ขอทำอะไรก็ได้เพื่อให้ตัวเองสบายใจก็พอไม่ต้องไปสนใจเรื่องอื่น

จนมาถึงช่วง 2022 ที่โควิดเริ่มที่จะหายไปส่วนใหญ่แล้วจนสามารถกลับมาเรียนได้ปกติ ซึ่งก่อนหน้านั้นผมก็กลับเป็นคนละคนอีกทีครับ จากช่วง 2020-2021 ที่ผมเป็นคนอารมณ์ร้าย ตอนนี้ก็เหมือนจะกลับมาปกติแล้วน่ะครับ ยกเว้นความคิดมากที่ยังอยู่ในหัวจนถึงทุกวันนี้
ในตอนนั้น พูดตามตรงว่าตื่นเต้นครับ ที่จะได้คุยกับคนในห้อง กับเป้าหมายที่ตัวเองตั้งไว้ว่า จะต้องหาเพื่อนให้ได้ แต่พูดก็พูด เพราะเก็บตัวนานซะขนาดนั้น โดยที่ไม่ได้คุยกับใครเลย ผมก็ต้องกังวลอยู่แล้วครับ
วันแรกของการไปเรียน พูดได้ว่ารู้สึกดีขึ้นเยอะเลยครับ พวกคนที่เคยรังแกตอนนี้ก็เหมือนจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ถึงสันดานจะเหมือนเดิมแต่ก็ไม่ได้เน้นรังแกหนักๆ เอาแบบสไตล์เพื่อนเล่นกัน ซึ่งผมก็ไม่ใช่เป้าหมายแล้วแหละครับ เรื่องการคุยกับเพื่อน จากเมื่อก่อนที่ขี้อาย ผมเป็นคนที่กล้าพูดขึ้นมาบ้างเลยครับ ทำให้ มีเพื่อนประมาณ2-3คนอะไรแบบนี้

ซึ่งพูดได้ว่าปี2022 ผมรู้สึกมีความสุขที่สุดในชีวิตแล้วครับ การได้เรียนมีอะไรให้ทำ การได้มีเพื่อนเล็กๆน้อยๆแต่คุยกันแล้วสนุกตลอดเวลา โดยที่ผมสามารถหัวเราะได้แบบไม่ฝืน ก่อนที่จะ ปี2023 คือจุดจบทุกอย่างของผมเลยครับ
ในช่วงม3 มันก็เป็นสิ่งที่ปกติเลย คือการเลื่อนชั้น เนื่องจากแต่โดยเดิมโรงเรียนผมสุดแค่ชั้นม3 ทำให้ต้องย้ายโรงเรียน และแน่นอนว่าก่อนหน้านั้น
ผมต้องแก้ร. ครับ เนื่องจากที่ผมไม่ได้เรียนออนไลน์นั้นนั่นเอง มันก็ไม่เเปลกที่งานค้างของผมมันจะมีเยอะแบบแทบทั้งหมดเลย ตอนนั้นสิ่งที่ผมคิดอยู่ในหัว มีเพียงความวิตกกังวล ความเครียดเลยครับ ตอนนั้นผมเครียดหนักจนคิดได้แต่ ผมจะไม่โรงเรียน ไม่สนอะไรเลย ตอนนั้นพูดตามความจริงว่าผมควบคุมอะไรไม่ได้เลยครับ ทั้งจะกินข้าวก็ไม่ลง เครียดหนักมากก็เเทบจะอ้วกออกมาเลย เป็นช่วงที่ผมร้องไห้บ่อยสุดๆเลยครับ แต่จนสุดท้ายผมก็ฝืนจนแก้ได้หมดและจบม3ได้ครับ

ต้นปี2023 คือช่วงที่ผมจะขึ้นม4 ในตอนนั้นก็เครียดไม่ต่างจากเดิมครับ ''เราจะหาเพื่อนได้มั้ยนะ'' ''เราจะคุยกับคนอื่นยังไง'' ''ถ้าไม่มีเพื่อนจะทำไง'' ''แล้วจะต้องเรียนยังไงบ้าง'' ผมคิดในหัวอยู่ตลอด จนสุดท้ายก็ได้เข้าไปในห้องเรียนครับ ซึ่งจะเรียกว่าโชคดีมั้ย เพราะว่าอย่างน้อยก็มีเพื่อนเก่าที่โรงเรียนเก่าประมาณ3-4ทำให้รู้สึกชื่นใจขึ้นบ้าง และต้องพูดว่าผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้างแล้วครับ คุยได้อย่างสบายใจ ไม่ได้กังวลเลยครับ แต่ว่า นั่นก็เป็นเพียงวันแรก และวันสุดท้าย ที่ผมได้เข้าเรียนครับ

เนื่องจากในตอนนั้นผมก็เป็นพวกที่กล้าๆกลัวที่จะทำอะไร พอต้องไปทานข้าวเที่ยว ความที่ไม่รู้ก็ทำให้ผมไม่กล้าไปไหนมั่วๆเลยครับ ไม่กล้าถามด้วย ไม่รู้ทำไม ซึ่งแต่โดยเดิม ผมเป็นพวกไม่กินข้าวเช้าครับ พื่งจะตื่นมาและกินทันที สุดท้ายความรู้สึกมันก็จะอาเจียนอย่างเดียวเลยครับ ตอนนั้นคือเจ็บท้องมากๆเลย โดยที่โชคดีที่ผมพกขวดน้ำมาขวดนึงทำให้ระงับความเจ็บได้อยู่ ก็เลยคุยกับพี่ชายครับ พี่ที่ทำงานอยู่กรุงเทพเลยเสนอให้มาพักที่บ้านพี่เขาก่อน ประมาณ5-6วันค่อยกลับ ซึ่งต้องพูดว่าตอนนั้นก็ตอบตกลงครับ และก็ไปพักบลาๆตามปกติ ก่อนที่ตอนนั้น ห้องผมจะเป็น วิทย์-คณิต ผมเลยอยากจะเปลี่ยนอะไรแบบนี้พี่ผมก็เลยไปคุยกับอาจารย์เรื่องเปลี่ยนห้องและก็ได้ครับ แต่ในตอนนั้นเองก็พึ่งคิดได้ "เราจะมีเพื่อนคุยเหรอ" ห้องเดิมก็ดีอยู่ตรงที่ว่ามีเพื่อนเก่าอยู่ แต่ในห้องใหม่ มันจะต้องนับตั้งแต่ศูนย์เลยที่จะหาเพื่อนครับ ผมเลยเครียดอีกจนตอนนี้ ผมตัดขาดไปเลยครับ คือจะไม่ไปโรงเรียนแล้วตอนนั้นครอบครัวก็ด่าทอผมซะเละเลยแหละครับทั้งความโกรธ จนสภาพจิตใจผมย่ำแย่มากๆเลยครับ สุดท้ายครอบครัวผมก็ยอมครับ ในตอนนั้นผมมีแต่ความเศร้าเสียใจ ความเครียดอย่างเดียวเลยครับ คือเป็นช่วงที่ผมร้องไห้ได้ทุกวันเลยและจำมาถึงทุกวันนี้ครับ

ในช่วงปัจจุบัน หรือตอนนี้นี่เอง ผมก็คงอยู่ตัวคนเดียวเหมือนเดิมครับ ไม่มีเพื่อนที่คุยในชีวิตจริง ไปจนถึงโซเซียล คือผมไม่มีสิ่งที่เรียกว่า เพื่อน เลยครับ
ความเครียด ความเศร้า มันกระทบจิตใจผมจนย่ำแย่ไปจนถึงสุขภาพตัวเองเลย ในแต่ละวันผมทำได้แค่บีบกลั้นอารมณ์ตัวเอง และหาสิ่งต่างๆมาทำให้ตัวเองมีความสุขที่สุดครับ ในแต่ละวัน เรื่องเก่าๆมันจะวนอยู่ในหัวผมไม่มีวันลืมไปจนถึงฝันอยู่บ่อยๆ

ก็คงพูดว่ามันแย่จนผมแทบจะเป็นโรคซึมเศร้าไปเลย แต่ผมก็คงรู้ตัวเองแหละครับ จะอ้างว่า ซึมเศร้าอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะผมไม่ได้รู้สึกอยากจะหายไปในชีวิต
ผมแค่อยากได้ความสุข การที่ได้พูดคุยกับเพื่อน เล่นเกม ทำเรื่องสนุกๆในชีวิต ผมอยากได้มันมากกว่าที่จะยอมแพ้ตัวเองครับ
จนสุดท้ายผมก็สร้างตัวตนปลอมมาครับ(อันนี้ตัวผมเพ้อไปเองแหละครับ)
คือด้วยความที่จะอยู่กับความเครียดอย่างเดียวก็ไม่ได้ ผมก็ฝืนตัวเองครับ คือทำตัวบ้าๆบอๆ หาความสุขตัวเองให้ได้มากที่สุด การฟังเพลง วาดรูป ดูยูทูป เรียกว่าหาความสุขให้ได้มากที่สุดครับ แต่พอคิดเรื่องอดีตสุดท้ายผมก็ต้องฝืนไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมาเลยครับมันเป็นสิ่งที่ผมมั่นใจได้ว่า ถ้าเกิดผมยอมรับมัน ผมจะสามารถร้องไห้ได้ตลอดเวลาครับ ณ ตอนนี้ ผมก็ปวดหัวกับความเครียดจนมันปกติไปเลยแหละครับ

ในด้านชีวิตสิ่งที่ผมทำในประจำวันนั้น มีเพลงแค่ ดูยูทูป ฟังเพลง วาดรูป นอน วนอยู่แค่นี้ครับ ต้องพูดว่าผมกล้าพูดว่าไม่ใช่คนที่ติดเกมครับส่วนนึงก็เพระาไม่ได้มีเพื่อน 90%ของทั้งวันคืนฟังเพลงอย่างเดียวครับ จนผมก็คิดมาได้ว่าถ้าเกิดเราเล่นเกม เราอาจจะได้ความสุขและเพื่อนก็ได้ หลังจากตอนนั้นก็เริ่มเล่นครับ เกมปกติผมก็เล่นได้สนุกๆครับ แต่กลับกัน เกมออนไลน์ที่มีผู้คนมากมาย ผมกลับรู้สึกอิจฉาครับ ที่เขามีเพื่อนกัน เทียบกับตัวผมเองที่ไม่มีแม้แต่คนที่สามารถคุยได้ในทุกๆวัน กลายเป็นว่าการเล่นเกมกลับเพื่มความเศร้าที่ผมไม่มีเพื่อนมาเลยครับ ในตอนนี้สิ่งๆเดียวที่ต้องการก็คือแค่เพื่อนเท่านั้น ในด้านความรักอันนี้ก็คงปกติล่ะครับที่จะอยากมีแฟน และผมก็พึ่งมาสังเกตุเหมือนกันครับ เนื่องจากแม่ผมที่ต้องไปทำงานในต่างประเทศ ผมกล้าพูดได้เลยว่า ผมเจอกับแม่ตัวเป็นๆแค่4-5ครั้งในชีวิตเองครับ เลยพึ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้รับความอบอุ่นมาจากพ่อแม่เลย ก็คือจะพูดเห็นแก่ตัวก็ไม่ได้แหละครับว่าตัวเองตัวคนเดียวตั้งแต่เด็กๆ ครอบครัวที่ด่าทอใส่ผมเพราะเหตุผลว่ารัก อันนี้ผมเข้าใจครับ เพราะสุดท้ายถึงมันจะรุนแรงขนาดที่หูของผม ณ ตอนนี้ทนเสียงที่ดังๆไม่ได้ และแค่คำพูดดังๆก็ทำผมแพนิคแล้ะกลัวแล้ว แต่ผมก็รักครอบครัวตัวเองแหละครับ 

สุดท้ายที่ผมต้องการที่สุดในชีวิตนี้ บอกตามตรงว่าความสุขมั้งครับ ผมแค่อยากจะมีเพื่อนแค่คนเดียวก็ยังดี ผมอยากจะพูดคุยกับทุกเรื่องโดยที่ไม่ต้องเกรงใจ ผมแค่อยากจะได้เพื่อนที่ผมนั้นสามารถแสดงตัวตนจริงๆออกมาได้ด้วยความสุข ณ ตอนนี้ผมไม่เคยคิดว่าชีวิตตัวเองไร้ค่าจนอยากจะหายไปครับ ชีวิตคนเรามันก็สำคัญที่สุดอยู่แล้วแหละครับ แต่ก็อย่างที่ว่านั้นแหละครับ มันแค่ตอนนี้ ณ ปัจจุบันที่ผมฝืนมาขนาดนี้แล้ว ถ้าเกิดเป็นอนาคตผมอาจจะแย่กว่านี้ก็ได้ครับใครจะรู้ 

สิ่งที่เป็นความหวังสุดท้ายในชีวิตผมที่อยากได้สุดก็คือ ผมแค่อยากมีความสุขครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่