JJNY : เช็คความพร้อมสมรสเท่าเทียม│ปูอัดแฉจีนเทาส่งรถตู้มารับ│แนะอิ๊งค์ อย่าให้แค่คำขวัญวันเด็ก │เซเลนสกีเผย ตต.หนุนอีก

กมธ.เด็กฯ เตรียมเช็คความพร้อมจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_826581/
 
 
กมธ.เด็ก เตรียมเชิญหลายหน่วยงาน เช็คความพร้อมจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมทางเพศ
  
คณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร ได้นัดประชุมโดยเชิญตัวแทนจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย, กรุงเทพมหานคร, และกระทรวงยุติธรรม หารือเกี่ยวกับความพร้อมในการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม ในวันที่ 23 มกราคม 2568 ซึ่งเป็นวันแรกที่ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมจะมีผลบังคับใช้พร้อมกันทั่วประเทศ
 
นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะรองประธานกรรมาธิการกิจการเด็กฯ กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ ตัวแทนจากกรุงเทพมหานครได้รายงานถึงการเตรียมความพร้อมในช่วงที่ผ่านมา การทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ในเรื่องการสื่อสารต่อผู้มีความหลากหลายทางเพศ บทบัญญัติกฎหมายที่เปลี่ยนแปลง และคุณสมบัติของผู้ยื่นคำร้องที่ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเพศอีกต่อไป
 
แต่มีการเปลี่ยนแปลงอายุจาก 17 ปี เป็น 18 ปี รวมถึงการเตรียมพื้นที่ให้เพียงพอเนื่องจากอาจมีผู้เข้ามาจดทะเบียนสมรสเป็นจำนวนมาก ขณะที่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้มีการเปลี่ยนแปลงเอกสารผู้ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรส จาก “สามี-ภริยา” เป็น “บุคคล” เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมทางเพศและเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายดังกล่าว
 
โดยร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมได้มีการส่งข้อสังเกตให้คณะรัฐมนตรีเร่งแก้ไขและปรับปรุงกฎหมายต่างๆ ให้มีถ้อยคำที่เป็นกลางทางเพศ เช่น กฎหมายอาญา กฎหมายคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ และกฎหมายรับรองเพศคำนำหน้านาม เพื่อรับรองสิทธิของบุคคลหลากหลายทางเพศอย่างเท่าเทียม ทั้งในด้านการก่อตั้งครอบครัว การตั้งครรภ์ และการได้รับความคุ้มครองในกระบวนการยุติธรรม โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไขกฎหมาย เผยแพร่ความรู้ และเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการบังคับใช้กฎหมายใหม่ในอนาคต
 
ถึงแม้ว่าในมาตรา 67 วรรคหนึ่งของการแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะบัญญัติไว้ว่า บรรดาบทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกำหนด ข้อบัญญัติ ประกาศ คำสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรีใดที่อ้างถึงสามี ภริยา หรือสามีภรรยา ให้ถือว่าอ้างถึงคู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฉบับนี้ด้วย
 
ซึ่งเป็นมาตราที่อยู่ในร่างของพรรคก้าวไกลในขณะนั้น อย่างไรก็ตาม ยังคงมีบทบัญญัติในบางกฎหมาย เช่น ประมวลกฎหมายรัษฎากร พระราชบัญญัติสัญชาติ ที่กำหนดให้สามีและภริยาสิทธิไม่เท่ากัน
 
ดังนั้น ทางคณะกรรมาธิการฯ จึงเสนอให้กระทรวงยุติธรรมเป็นเจ้าภาพจัดประชุมร่วมกับกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ เพื่อพิจารณากฎหมายที่มีคำว่าสามีภรรยานั้นสามารถตีความให้หมายถึงคู่สมรสผู้มีความหลากหลายทางเพศได้หรือไม่ ซึ่งหากมีกฎหมายที่ต้องแก้ไขจะต้องรีบดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 180 วันนับจากวันที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้ ก่อนเสนอต่อไปยังคณะรัฐมนตรี



ปูอัด แฉ ขบวนการจีนเทา ส่งรถตู้มารับถึงที่ หลอกเด็กไทย ทำงานปอยเปต อ้างจะพาไปเป็นนักฟุตบอล
https://www.matichon.co.th/politics/news_4993022

ปูอัด เร่งช่วย-แฉ ขบวนการจีนเทา ส่งรถตู้มารับถึงที่ หลอกเด็กไทย ทำงานปอยเปต อ้างจะพาไปเป็นนักฟุตบอล แต่ให้เปิดบัญชีม้า 
 
วันที่ 10 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 มกราคม นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ หรือปูอัด ส.ส. พรรคไทยก้าวหน้า ได้พูดถึงกรณีจีนเทาที่หลอกลวงคนไทยไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ที่ปอยเปต กัมพูชา ความว่า 
 
จีนเทา หลอกเด็กไปทำงาน นำรถตู้มารับถึงสุขสวัสดิ์ 14 ! ตอนนี้ผมอยู่ สน.บางมด น้องแอบวิดีโอมาแจ้งว่า อยู่ปอยเปต ตึก 4 ชั้น ให้ไปทำงานเปิดบัญชีม้า

โดยวิธีการหลอกของจีนคราวนี้ทำท่าทีจะพาไปเป็นนักฟุตบอล แล้วก็พาน้องไปซ้อมฟุตบอลหนึ่งวัน หลังจากนั้นก็แอบพาข้ามไปชายแดนและก็ให้มาทำงาน เตรียมตัวที่จะให้ไปเปิดบัญชีม้าให้กับพวกจีนเทา ตอนนี้ผมพยายามมประสานทุกทาง ทั้งทางฝั่งบูรพาฝั่งตม.ฝั่งสถานทูต จะพยามสุดชีวิต ทุกหน่วยงานพาน้องกลับมาให้ได้ ฝากช่วยกันเป็นกระบอกเสียงให้หน่อยนะครับ



นักวิชาการ แนะ นายกฯอิ๊งค์ อย่าให้แค่คำขวัญวันเด็ก ควรประกาศนโยบายพัฒนาการศึกษาไทย
https://www.matichon.co.th/local/education/news_4991748

นักวิชาการ แนะ นายกฯอิ๊งค์ อย่าให้แค่คำขวัญวันเด็ก แนะควรประกาศนโยบายพัฒนาการศึกษาไทย
 
เมื่อวันที่ 9 มกราคม นายสมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ในเจน Y ให้คำขวัญวันเด็กกับเหล่าเจน Z และเด็กเจนอื่นๆ ว่า “ทุกโอกาส คือ การเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง” ในมุมมองของตน คำขวัญวันเด็กปีนี้ค่อนข้างดี ไม่มีลักษณะบังคับขู่เข็ญเหมือนนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในเจน Baby Boomer ที่เป็นลักษณะกดทับ เน้นจริยธรรม ค่านิยม บังคับให้เชื่อฟัง ต้องปฏิบัติตาม ซึ่งทำให้เด็กต่อต้าน

นายสมพงษ์กล่าวต่อว่า มองว่าปีนี้คำขวัญวันเด็กนุ่มนวลขึ้น และเด็กรุ่นใหม่รับฟังมากขึ้น อย่างไรก็ตาม มีสิ่งที่อยากบอกนายกรัฐมนตรีด้วย การที่ให้นักเรียนเข้าพบเป็นภาพที่ดีมาก แต่กลุ่มเด็กในสังคมไทยเป็น “หางเลข” ของความไม่มั่นคงเชิงโครงสร้าง เศรษฐกิจ และการเมือง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ลงไปที่ตัวเด็ก ดังนั้นโครงสร้างกับปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่มั่นคง ยากจน และหางานทำยาก สังคมก็ขาดความปลอดภัย การศึกษาก็ด้อยคุณภาพ คิดว่าเด็กเป็นหางเลขที่ได้รับผลกระทบจากโครงสร้างเหล่านี้ที่ไม่สู้ดี ดังนั้นในปี 2568 อยากให้มองปัญหาเด็กอย่างพินิจ พิจารณา และใคร่ครวญว่าเราจะทำให้โอกาสเด็กให้ทำตามคำขวัญที่นายกรัฐมนตรีได้อย่างไร

นายสมพงษ์กล่าวต่อว่า ปัจจุบันเด็กถูกหางเลขและมีอยู่จำนวนมาก กลายเป็นกลุ่มเปราะบาง ยากจน ด้อยโอกาส มีทั้งหมด 10 กลุ่มประเภท 29 ประเด็นปัญหา เช่น ความเสี่ยงจากยาเสพติด บุหรี่ไฟฟ้า การบูลลี่ เด็กขาดสัญชาติ แรงงานเด็ก ความเปราะบางของครอบครัว ภัยพิบัติ จิตเวช การออกกลางคัน การติดจอ ติดมือถือ เป็นต้น หลายปีที่ผ่านมาปัญหาของเด็กยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง และทวีความรุนแรงซับซ้อนขึ้นตามลำดับ และปัญหานี้จะต่อเนื่องไปถึง 2568 ดังนั้น อยากจะสะท้อน 10 เรื่อง ประเด็นปัญหา และความก้าวหน้าทางการศึกษาให้ผู้นำประเทศรับรู้ และขับเคลื่อนต่อไป มีดังนี้
 
1. เด็กเกิดน้อย ด้อยคุณภาพ เป็นปัญหาที่วิกฤตที่สุด 4-5 ปีที่ผ่านมาเด็กเกิดน้อยต่ำกว่า 5 แสนคน และจะลดลงตามลำดับ ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหารอระเบิด ต่อไปเด็กต้องแบกภาระเกินตัว ทั้งเรื่องการดูแลผู้สูงอายุ การดูแลคนในครอบครัว รวมไปถึงเรื่องภาษี ทั้งนี้พบข้อมูลว่าเด็กที่อยู่ในสถานพินิจ และผู้ใหญ่ที่อยู่ในกรมราชทัณฑ์ เกือบ 80% ไม่จบการศึกษาภาคบังคับ และพบว่าคนที่ติดคุกกว่า 300,000 คน ในจำนวนนี้ 70% ไม่จบประถมศึกษา ทำให้เห็นว่าการที่คนเหล่านี้ไม่ได้รับโอกาสทางการศึกษา ส่งผลกับคุณภาพและทำให้เกิดคนเสี่ยงกระทำผิดมาก
 
2. เด็กติดจอ เล่นมือถือเฉลี่ยมากกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน สิ่งที่พบคือ เด็กจะมีปัญหาเรื่องสายตา ออกกำลังกายน้อยลง เด็กจะมีภาวะออทิสติกเทียม แยกตัว ภาวะเนือยนิ่ง
 
3. IQ เด็กไทยขยับจาก 96 เป็น 98 และปี 2567 IQ เด็กไทยขึ้นมาเป็น 102 ซึ่งถือเป็นเรื่องดี โดยเกิดจากภาวะโภชนาการดีขึ้น แต่ IQ เด็กที่เพิ่มขึ้น
 
4. เด็กไทยมีชั่วโมงการเรียนรู้มากที่สุดในโลก เฉลี่ย 8-9.5 ชั่วโมงต่อวัน หรือ 1,200 ชั่วโมงต่อปี มีเวลาพักผ่อนไม่เพียงพอ การเรียนรู้ไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ไม่มากเท่าที่ควร หลักสูตรยังล้าหลัง
 
5. เด็กไทยป่วยเป็นจิตเวชมากขึ้น ทั้งการถูกล้อเลียน กลั่นแกล้ง การบูลลี่ โดยเกิดขึ้นกับเด็กกลุ่ม LGBTQ จำนวนมาก นอกจากนี้ยังพบเด็กที่ป่วยจิตเวชจากการใช้ยาเสพติด หรือเป็นจิตเวชจากความเครียด ซึมเศร้า จนคิดฆ่าตัวตาย
 
6. ตามนโยบายโครงการ Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน ตามเด็กกลับมาเรียนได้ 3 แสนคน หรือคิดเป็น 29.65% ทั้งนี้พบสาเหตุที่เด็กออกจากระบบการศึกษา คือ ยากจน ภาวะครอบครัว เด็กอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้จนถูกผลักออกจากการศึกษา ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ต้องกลับมามองการอ่านออกเขียนได้
 
7. โรงเรียนยังเป็นพื้นที่ไม่ปลอดภัย ยังเจอปัญหาการกล้อนผม ถูกตี ถูกล่วงละเมิดทางเพศในโรงเรียน ตลอดเวลา โรงเรียนยังมีลักษณะอำนาจนิยม
 
8. เด็กอยู่ในครอบครัวที่ไม่อบอุ่น ครอบครัวอยู่ต่างพื้นที่ เป็นครอบครัวแหว่งกลาง ครอบครัวที่หย่าร้าง ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวทวีมากขึ้น ต่างคนต่างอยู่ ปฏิสัมพันธ์น้อยลง และพบว่าครอบครัวไม่อยากมีลูก แต่เลี้ยงสัตว์เป็นลูกแทน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่น่าคิดมาก
 
9. เด็กบางส่วนเข้าถึงบริการของรัฐดีขึ้น สวัสดิการเด็กเล็ก และคนพิการดีขึ้น ทุนการศึกษาก็ดีขึ้นตามลำดับ
 
10. สิทธิเด็กยังไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างทั่วถึง ยังไม่เห็นการสร้างความเป็นพลเมืองในทิศทางที่ชัดเจน

นายสมพงษ์กล่าวว่า สิ่งที่อยากเห็นและอยากให้นายกรัฐมนตรีรับฟัง คือ 2 ปีที่ผ่านมาให้คำขวัญวันเด็กเป็นธรรมเนียม แต่ปี 2567 การให้คำขวัญวันเด็กแตกต่างจากปีอื่นๆ คือ นอกจากให้คำขวัญแล้ว เกิดนโยบายสำคัญเพื่อเด็ก ที่ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มอบ
นโยบาย Thailand Zero Dropout บูรณาการหน่วยงานต่างๆ รวมกันตามเด็กกลับเข้าระบบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี จึงอยากให้รักษาจุดแข็งนี้ไว้

โดยวันเด็กปีนี้อยากให้นายกรัฐมนตรีประกาศนโยบายการศึกษา เช่น ให้เด็กได้รับการศึกษาที่เท่าเทียมกันด้วย 1 ทุน 1 อำเภอ หรือเร่งจัดการบุหรี่ไฟฟ้า เป็นต้น นอกจากคำขวัญวันเด็กแล้วอยากให้กำหนดนโยบายเฉพาะให้กับเด็กและเยาวชนด้วย และอยากให้ออกกฎหมายดีๆ เพื่อเด็ก ทำ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติให้เสร็จ เปลี่ยนหลักสูตร แก้ระเบียบทรงผม เพราะบางเรื่องนั้นมีผลกับคุณภาพ สิทธิเสรีภาพของเด็ก และโอกาสการเรียนรู้ของเด็ก ทั้งนี้ อยากให้ความสำคัญกับปัญหาเด็กชัดเจนเท่าเทียมกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ อาจจะผลักดันให้เกิดคณะรัฐมนตรีด้านสังคม หรือผลักดันสวัสดิการของผู้หญิงเพิ่มขึ้น นอกจากปราบปรามยาเสพติดแล้วพ่วงไปกับการปรามบุหรี่ไฟฟ้าด้วย ทั้งนี้อยากให้ความสำคัญกับวันเด็กแค่วันเดียว แล้ววันอื่นๆ ฟังเสียงเด็กน้อยลง” นายสมพงษ์กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่