1. Trip นี้ได้ไปแบบงงๆ นะคะ บ.ส่งไปดู site งานที่ Melbourne ค่ะ แน่นอนว่าแฟนเราไปด้วยค่ะ แต่ไปเองนะคะไม่เกี่ยวอะไรกับบ.เรา ใช่ค่ะ!!! เราไปทำงาน แฟนเราไปลั๊นลา!!!
2. บ.เราใช้บริการของบ. tour ค่ะ เราเลยไม่ต้องทำอะไรเยอะเพราะบ.tour จัดการให้หมด ส่วนแฟนเราต้องทำเองทั้งหมดค่ะ
3. เรื่องการขอ visa จะเป็นรายละเอียดของแฟนนะคะ เพราะของเราบ.tour จัดการให้ค่ะ
4. การขอ visa ของ Australia จะแปลกกว่าที่อื่นนิดนึงค่ะ คือเราต้องเข้าไปกรอกเอกสารโดยตรงใน web immi.homeaffairs ของ Australia เราต้องสร้าง account ก่อนแล้วถึงจะเข้าไปกรอกใบสมัครได้ค่ะ
5. ก่อนกรอกใบสมัครเขาจะให้เราเลือกจุดประสงค์ในการเดินทางเข้า Australia ค่ะ ถ้าไปเที่ยวจะอยู่ใน subclass 600 ค่ะ ดูดีๆ นะคะมี subclass ให้เลือกเยอะมากค่ะ
6. ใบสมัครใน web มี 19 หน้า บางหน้ายาว บ้างหน้ามีแค่ข้อเดียว ใช้เวลากรอกไม่นานค่ะ กรอกเสร็จเขาจะให้เราแนบเอกสารต่างๆ ไปพร้อมกับใบสมัครค่ะ
7. ระบบจะแจ้งเราว่าต้องการเอกสารแนบอะไรบ้างหลังจากเรากรอกใบสมัครเสร็จค่ะ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาขอเอกสารเหมือนกันทุกคนหรือเปล่านะคะ แต่เรารู้สึกว่าที่นี่ขอเอกสารน้อยมากกกกกกก…. น้อยจนแปลกใจว่าขอแค่นี้จริงๆ เหรอ
8. ถ้าเอกสารยังไม่พร้อม เช่น ยังไม่ได้ขอ statement ก็อย่าเพิ่งกด submitted นะคะ logout ออกมาเตรียมเอกสารก่อนค่ะ
9. เอกสารที่เป็นภาษาไทย เช่น บปชช ทะเบียนบ้าน ต้องมีฉบับแปลแนบไปด้วยค่ะ ไม่จำเป็นต้องไปขอเอกสารที่สนง.เขตนะคะ ไป load form ในเนตแล้วมากรอกเองได้ค่ะ แนะนำให้ load จากกรมการกงศุลนะคะ form จะตรงต้นฉบับที่สุดไม่ต้องมานั่งแก้ค่ะ
10. อ้างอิงจากตอนที่เรากรอกเอกสารนะคะ เราสามารถแนบเอกสารไปได้ทั้งหมด 80 - 90 files ค่ะ แต่ละ file ต้องไม่เกิน 5 mb ค่ะ
11. ขั้นตอนนี้เหนื่อยหน่อยค่ะ ต้องมานั่งถ่ายรูปหรือ scan เอกสาร ถ้าใครมี scanner ก็สบายหน่อยค่ะ แต่ต้องระวังไม่ให้ file ใหญ่เกินที่สถานฑูตกำหนด
12. ส่วนคนที่ไม่มี scanner ก็หนังชีวิตนิดนึงค่ะ ต้องมานั่งใช้มือถือหรือ iPad ถ่ายรูปทีละหน้าๆ จนครบ file ไม่ใหญ่แต่ file จะเยอะมากกกกกกกกกกกกกกก………….
13. ถ้าใครใช้ iPad รุ่นที่ scan ได้ก็จะเหนื่อยน้อยหน่อยค่ะ นั่ง scan ไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังต้องระวังไม่ให้ file มีขนาดเกิน 5 mb ค่ะ
14. เรากับแฟนเพิ่งเปลี่ยน ipad ใหม่ จาก iPad รุ่นแรกเป็นรุ่นปัจจุบัน ทำให้สามารถใช้ iPad scan เอกสารได้เลยค่ะ ไม่ง้อ scanner ละ
15. ฟังดูเหมือนจะดีแต่ดันไม่รู้ว่ามัน scan ทีละหลายหน้าได้เหมือน scanner ปกติ เข้าใจว่าทำได้ทีละหน้าเลยนั่ง scan เอกสารส่งสถานฑูตฯ ทีละหน้าๆ scan ไปก็บ่นไปว่าอย่างงี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการถ่ายรูปเอกสารทีละหน้าเลยนี่หว่า file แนบของแฟนเราเลยไม่มี file ไหนเกิน 5 mb แต่จำนวน file เยอะมาก
16. หลังจากได้ visa มาแล้วถึงรู้ว่าแค่กดถ่ายไปเรื่อยๆ เดี๋ยว iPad จะรวมเอกสารให้เป็น file เดียวกันเอง…… สรุปแฟนปวดหลังฟรี… 5555
17. ข้อควรระวังสำหรับการ scan เอกสารก็คือเอกสารที่ scan ต้องมีสีสันเหมือนใบจริงค่ะ ห้ามเปลี่ยนเป็นขาวดำแล้วส่งไปค่ะ
18. หลังจากเราเริ่มต้นกรอกใบสมัคร ถ้ายังไม่ได้กด submitted ใบสมัคร ข้อมูลที่เรากรอกจะอยู่ในระบบ 30 วันค่ะ เข้ามาแก้ไขข้อมูลหรือแนบเอกสารเพิ่มเติมได้ตลอดเวลา ถ้าเลย 30 วันไปแล้วระบบจะลบข้อมูลที่เรากรอกไว้ทันทีค่ะ
19. ค่าขอ visa อยู่ที่ 190 aud ค่ะ เรียกเก็บทันทีหลังจากเรากด submitted ใบสมัคร มีค่าธรรมเนียมอีก 2.5 aud ค่ะ
20. พอจ่ายตังเรียบร้อยเขาจะส่งใบเสร็จและ Biometric Collection Letter มาให้เราทาง e-mail ค่ะ
21. หลังจากได้ biometric collection letter เราต้องเข้าไปทำการนัดหมายใน web ของ vfs Aus ต่อค่ะ เอกสารที่ต้องนำไปก็มี biometric collection letter กับ passport ตัวจริงค่ะ
22. เรามีเวลาไปเก็บ biometric 14 วันหลังจากได้รับจม.นะคะ ค่าเก็บ 433 บาท ถ้าคิวเต็มหรือหาคิวไม่ได้และรีบอาจจะต้องยอมจ่ายเพิ่มอีก 2,100 บาทค่าคิวด่วนค่ะ
23. ใน web immi เขียนไว้ว่าจะใช้เวลาในการพิจารณา visa ประมาณ 27 - 30 วันค่ะ อาจจะนานกว่านี้ถ้ามีคนขอเยอะนะคะ
24. แฟนเรา submitted ใบสมัครวันที่ 11/06 เก็บ biometric วันที่ 17/06 และยื่นเอกสารเพิ่มเติมตามที่ทางสถานฑูตฯ ขอมาในวันเดียวกัน ได้รับ visa วันที่ 4/07 เป็น visa ท่องเที่ยวอายุ 1 ปี แบบ multiple อยู่ได้ครั้งละ 3 เดือนค่ะ
25. ส่วนเราได้ 5 ปี แบบ multiple เช่นกัน อยู่ได้ 3 เดือน แต่เราเป็น visa แบบ business visitor ค่ะ ไม่ใช่ tourism
26. อย่าลืม save เอกสารอนุมัติ visa ที่สถานฑูตส่งมาให้ด้วยนะคะ ในนั้นมีเลข visa ของเราอยู่จะได้ไม่ลืม
27. Plan เที่ยวคร่าวๆ ของแฟนเราคือวันแรกเที่ยวตามจุด viewpoint ในตัวเมือง พิพิธภัณฑ์บ้างนิดหน่อย วันที่ 2 ไป Great Ocean Road วันที่ 3 เที่ยวพิพิธภัณฑ์ในตัวเมืองค่ะ
28. ส่วนเราวันแรกเป็น city tour มีไปเที่ยวสวนสัตว์ ไปนั่งเรือชมเมือง วันที่ 2 ดูงานทั้งวันและวันที่ 3 ช่วงเช้าไปดู site กับลูกค้า ช่วงบ่ายมีไปนั่งรถไฟไอน้ำจากนั้นก็ไปสนามบินค่ะ
29. รูปใน part นี้ก้อออออออ......... เกี่ยวกับกระทู้นิ๊ดดดด...หน่อย...
30. ถ้าพร้อมแล้วขออนุญาติเริ่มเลยนะคะ
แชร์ประสบการณ์ : เที่ยว Melbourne แบบ w/o mear
1. Trip นี้ได้ไปแบบงงๆ นะคะ บ.ส่งไปดู site งานที่ Melbourne ค่ะ แน่นอนว่าแฟนเราไปด้วยค่ะ แต่ไปเองนะคะไม่เกี่ยวอะไรกับบ.เรา ใช่ค่ะ!!! เราไปทำงาน แฟนเราไปลั๊นลา!!!
2. บ.เราใช้บริการของบ. tour ค่ะ เราเลยไม่ต้องทำอะไรเยอะเพราะบ.tour จัดการให้หมด ส่วนแฟนเราต้องทำเองทั้งหมดค่ะ
3. เรื่องการขอ visa จะเป็นรายละเอียดของแฟนนะคะ เพราะของเราบ.tour จัดการให้ค่ะ
4. การขอ visa ของ Australia จะแปลกกว่าที่อื่นนิดนึงค่ะ คือเราต้องเข้าไปกรอกเอกสารโดยตรงใน web immi.homeaffairs ของ Australia เราต้องสร้าง account ก่อนแล้วถึงจะเข้าไปกรอกใบสมัครได้ค่ะ
5. ก่อนกรอกใบสมัครเขาจะให้เราเลือกจุดประสงค์ในการเดินทางเข้า Australia ค่ะ ถ้าไปเที่ยวจะอยู่ใน subclass 600 ค่ะ ดูดีๆ นะคะมี subclass ให้เลือกเยอะมากค่ะ
6. ใบสมัครใน web มี 19 หน้า บางหน้ายาว บ้างหน้ามีแค่ข้อเดียว ใช้เวลากรอกไม่นานค่ะ กรอกเสร็จเขาจะให้เราแนบเอกสารต่างๆ ไปพร้อมกับใบสมัครค่ะ
7. ระบบจะแจ้งเราว่าต้องการเอกสารแนบอะไรบ้างหลังจากเรากรอกใบสมัครเสร็จค่ะ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาขอเอกสารเหมือนกันทุกคนหรือเปล่านะคะ แต่เรารู้สึกว่าที่นี่ขอเอกสารน้อยมากกกกกกก…. น้อยจนแปลกใจว่าขอแค่นี้จริงๆ เหรอ
8. ถ้าเอกสารยังไม่พร้อม เช่น ยังไม่ได้ขอ statement ก็อย่าเพิ่งกด submitted นะคะ logout ออกมาเตรียมเอกสารก่อนค่ะ
9. เอกสารที่เป็นภาษาไทย เช่น บปชช ทะเบียนบ้าน ต้องมีฉบับแปลแนบไปด้วยค่ะ ไม่จำเป็นต้องไปขอเอกสารที่สนง.เขตนะคะ ไป load form ในเนตแล้วมากรอกเองได้ค่ะ แนะนำให้ load จากกรมการกงศุลนะคะ form จะตรงต้นฉบับที่สุดไม่ต้องมานั่งแก้ค่ะ
10. อ้างอิงจากตอนที่เรากรอกเอกสารนะคะ เราสามารถแนบเอกสารไปได้ทั้งหมด 80 - 90 files ค่ะ แต่ละ file ต้องไม่เกิน 5 mb ค่ะ
11. ขั้นตอนนี้เหนื่อยหน่อยค่ะ ต้องมานั่งถ่ายรูปหรือ scan เอกสาร ถ้าใครมี scanner ก็สบายหน่อยค่ะ แต่ต้องระวังไม่ให้ file ใหญ่เกินที่สถานฑูตกำหนด
12. ส่วนคนที่ไม่มี scanner ก็หนังชีวิตนิดนึงค่ะ ต้องมานั่งใช้มือถือหรือ iPad ถ่ายรูปทีละหน้าๆ จนครบ file ไม่ใหญ่แต่ file จะเยอะมากกกกกกกกกกกกกกก………….
13. ถ้าใครใช้ iPad รุ่นที่ scan ได้ก็จะเหนื่อยน้อยหน่อยค่ะ นั่ง scan ไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังต้องระวังไม่ให้ file มีขนาดเกิน 5 mb ค่ะ
14. เรากับแฟนเพิ่งเปลี่ยน ipad ใหม่ จาก iPad รุ่นแรกเป็นรุ่นปัจจุบัน ทำให้สามารถใช้ iPad scan เอกสารได้เลยค่ะ ไม่ง้อ scanner ละ
15. ฟังดูเหมือนจะดีแต่ดันไม่รู้ว่ามัน scan ทีละหลายหน้าได้เหมือน scanner ปกติ เข้าใจว่าทำได้ทีละหน้าเลยนั่ง scan เอกสารส่งสถานฑูตฯ ทีละหน้าๆ scan ไปก็บ่นไปว่าอย่างงี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการถ่ายรูปเอกสารทีละหน้าเลยนี่หว่า file แนบของแฟนเราเลยไม่มี file ไหนเกิน 5 mb แต่จำนวน file เยอะมาก
16. หลังจากได้ visa มาแล้วถึงรู้ว่าแค่กดถ่ายไปเรื่อยๆ เดี๋ยว iPad จะรวมเอกสารให้เป็น file เดียวกันเอง…… สรุปแฟนปวดหลังฟรี… 5555
17. ข้อควรระวังสำหรับการ scan เอกสารก็คือเอกสารที่ scan ต้องมีสีสันเหมือนใบจริงค่ะ ห้ามเปลี่ยนเป็นขาวดำแล้วส่งไปค่ะ
18. หลังจากเราเริ่มต้นกรอกใบสมัคร ถ้ายังไม่ได้กด submitted ใบสมัคร ข้อมูลที่เรากรอกจะอยู่ในระบบ 30 วันค่ะ เข้ามาแก้ไขข้อมูลหรือแนบเอกสารเพิ่มเติมได้ตลอดเวลา ถ้าเลย 30 วันไปแล้วระบบจะลบข้อมูลที่เรากรอกไว้ทันทีค่ะ
19. ค่าขอ visa อยู่ที่ 190 aud ค่ะ เรียกเก็บทันทีหลังจากเรากด submitted ใบสมัคร มีค่าธรรมเนียมอีก 2.5 aud ค่ะ
20. พอจ่ายตังเรียบร้อยเขาจะส่งใบเสร็จและ Biometric Collection Letter มาให้เราทาง e-mail ค่ะ
21. หลังจากได้ biometric collection letter เราต้องเข้าไปทำการนัดหมายใน web ของ vfs Aus ต่อค่ะ เอกสารที่ต้องนำไปก็มี biometric collection letter กับ passport ตัวจริงค่ะ
22. เรามีเวลาไปเก็บ biometric 14 วันหลังจากได้รับจม.นะคะ ค่าเก็บ 433 บาท ถ้าคิวเต็มหรือหาคิวไม่ได้และรีบอาจจะต้องยอมจ่ายเพิ่มอีก 2,100 บาทค่าคิวด่วนค่ะ
23. ใน web immi เขียนไว้ว่าจะใช้เวลาในการพิจารณา visa ประมาณ 27 - 30 วันค่ะ อาจจะนานกว่านี้ถ้ามีคนขอเยอะนะคะ
24. แฟนเรา submitted ใบสมัครวันที่ 11/06 เก็บ biometric วันที่ 17/06 และยื่นเอกสารเพิ่มเติมตามที่ทางสถานฑูตฯ ขอมาในวันเดียวกัน ได้รับ visa วันที่ 4/07 เป็น visa ท่องเที่ยวอายุ 1 ปี แบบ multiple อยู่ได้ครั้งละ 3 เดือนค่ะ
25. ส่วนเราได้ 5 ปี แบบ multiple เช่นกัน อยู่ได้ 3 เดือน แต่เราเป็น visa แบบ business visitor ค่ะ ไม่ใช่ tourism
26. อย่าลืม save เอกสารอนุมัติ visa ที่สถานฑูตส่งมาให้ด้วยนะคะ ในนั้นมีเลข visa ของเราอยู่จะได้ไม่ลืม
27. Plan เที่ยวคร่าวๆ ของแฟนเราคือวันแรกเที่ยวตามจุด viewpoint ในตัวเมือง พิพิธภัณฑ์บ้างนิดหน่อย วันที่ 2 ไป Great Ocean Road วันที่ 3 เที่ยวพิพิธภัณฑ์ในตัวเมืองค่ะ
28. ส่วนเราวันแรกเป็น city tour มีไปเที่ยวสวนสัตว์ ไปนั่งเรือชมเมือง วันที่ 2 ดูงานทั้งวันและวันที่ 3 ช่วงเช้าไปดู site กับลูกค้า ช่วงบ่ายมีไปนั่งรถไฟไอน้ำจากนั้นก็ไปสนามบินค่ะ
29. รูปใน part นี้ก้อออออออ......... เกี่ยวกับกระทู้นิ๊ดดดด...หน่อย...
30. ถ้าพร้อมแล้วขออนุญาติเริ่มเลยนะคะ