ผู้ชายในฝัน

กระทู้สนทนา
ผู้ชายในฝัน
 
              “มาแล้วจ้ะ ที่รัก วันนี้มีเมนูสุดพิเศษด้วยนะ”

              เมื่อเหลียวมองไปตามเสียงนุ่มที่มีแววออดอ้อนชวนฟัง ฉันก็เห็นวินถือจานอาหารเดินออกมาจากทางห้องครัวด้วยสีหน้าแช่มชื่นเปื้อนยิ้มตามปกติของเขา

              ใบหน้าเรียบ ๆ แต่กลับโดดเด่นไปด้วยเสน่ห์อันอบอุ่นยากที่จะอธิบาย ซึ่งประดับไว้อยู่เสมอจนแทบกลายเป็นเอกลักษณ์ เมื่อประกอบเข้ากับรูปร่างสูงโปร่งและผิวสีแทนที่เข้ากันได้อย่างพอดิบพอดี ทำให้ไม่ว่าจะมองซ้ำมองบ่อยสักกี่ครั้งก็ยังทำให้ต้องตกหลุมรักอยู่เสมอ

              แม้แต่ในยามที่ร่างสมาร์ทถูกห่มคลุมเอาไว้ด้วยผ้ากันเปื้อนลายสตรอเบอรี่สีแดงสดน่ารักอย่างตอนนี้ ที่ทำให้รู้สึกแปลก ๆ ขัดหูขัดตาไปเสียหน่อย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความน่าหลงใหลดึงดูดของวินลดน้อยถอยลงไปเลยสักนิด

              กลับกันเสียอีก...ที่ฉันคิดว่ามันช่วยเพิ่มความน่ารักดูใสซื่อไร้เดียงสา ทำให้ผู้ชายคนนี้ดูน่าหยิกน่าค้นหาขึ้นไปอีกหลายเท่าเลยทีเดียว

              หน้าตาดี สูงสมาร์ท ควงเดินไปไหนก็ไม่อายใคร แถมยังใจดี ยิ้มง่ายยิ้มเก่ง และที่สำคัญฝีมือทำอาหารก็สุดยอดไม่น้อยหน้าเชฟภัตตาคารเลยสักนิด เห้อ...คิดอย่างไรก็ช่างเหมือนฝันชะมัด ที่ผู้ชายเพียบพร้อมขนาดนี้กลับมาเลือกฉันที่นอกจากขนาดและน้ำหนักตัวแล้ว ก็ไม่มีอะไรโดดเด่นสะดุดตาเลยสักนิดเป็นคู่ชีวิต

              วินเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จักและคบหากัน วันนั้นเป็นอย่างไรวันนี้ก็ไม่ต่างไปจากเมื่อก่อนเลยสักนิด เขาดูแลเอาใจใส่ฉันทุกอย่าง ตามใจฉันทุกเรื่องไม่ว่าจะเรื่องเที่ยว เสื้อผ้าหน้าผม ข้าวของเครื่องใช้ที่อยากได้ ยิ่งโดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินแล้วละก็ ไม่มีขาดตกบกพร่องจนถึงให้ต้องออกปากหรือร้องขอกันเลยสักหน

              ขอเพียงฉันชอบวินไม่เคยห้าม นอกจากจะไม่ห้ามแล้วยังพยายามขวนขวายหาสิ่งเหล่านั้นมาประเคนให้อย่างเต็มกำลังสุดความสามารถอีกต่างหาก อย่างที่บอกไปเมื่อกี้...โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินซึ่งเขาถนัดมากเป็นพิเศษก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

              แค่เปรยหรือพูดลอย ๆ ออกมา มื้อต่อไปเมนูนั้นก็จะถูกบรรจงปรุงอย่างสุดฝีมือ และนำมาเสิร์ฟอยู่บนโต๊ะอาหารตรงหน้าแล้ว หวังแค่สิบก็จะได้กลับมาเต็มร้อย...นี่แหละวิน นิยามของชายผู้เพอร์เฟกต์ สุดรักสุดหวงของฉัน

              “อะไรคะนั่น เอ่อ...ดาขอเดาว่า สปาเก็ตตี้ คาโบนาร่า ใช่ไหมคะ วิน” ฉันฉีกยิ้มสาดความหวานหยดย้อยเข้าใส่ ดัดเสียงให้ฟังน่ารักขึ้นนิด ใส่จริตจะก้านลงไปหน่อย ให้พอได้รู้สึกถึงความบอบบาง น่ารักน่าทะนุถนอมของฉัน

              “ถูกต้องนะคร้าบ เก่งมากจ้ะ ที่รัก” พูดพลางชี้นิ้วเลียนแบบพิธีกรคนดัง วางจานทั้งสองในมือลงบนโต๊ะอาหาร หอมแก้มฉันฟอดหนึ่ง ก่อนที่จะอ้อมไปนั่งตรงประจำตรงฝั่งตรงข้าม “เมนูโปรดของดา วันนี้วินตั้งใจทำสุดฝีมือมาก ๆ รับรองดาต้องติดใจแน่ อ้อ...ถ้าติดใจมีเติมนะจ๊ะ ไม่ต้องห่วง”

              “แหม แค่วินเป็นคนทำเองกันมือ ดาก็ชอบทุกอย่างแหละค่ะ” ประโยคสุดท้ายที่วินพูดด้วยน้ำเสียงคล้ายกระซิบ แถมยังยื่นหน้าที่เกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มละไมเข้ามาใกล้ ทำเอาฉันถึงกับเขินหน้าแดงจนแทบม้วน ต้องรีบหลบตาลงต่ำเพราะทนความเจิดจ้าของเขาไม่ไหวจริง ๆ “คุณเล่นเอาใจดาเสียขนาดนี้ เดี๋ยวดากลายเป็นคนเอาแต่ใจกันพอดี แถมทำแต่ของที่ชอบให้ดากินทุกวัน ดูสิคะ...ดาอ้วนจนน่าเกลียดแล้วไหมเนี่ย”

              พูดไปพลางก็แอบชำเลืองรูปร่างของตัวเองไปพลาง อันที่จริงฉันก็นึกกังวลใจไม่น้อยเหมือนกันกับเรื่องนี้ เดิมทีฉันก็ไม่ใช่คนรูปร่างดีอะไรหรอก ออกจะตัวใหญ่ เจ้าเนื้อ ท้วม ๆ ไปทางอ้วนนั่นละ แต่ฉันว่าตอนนี้หุ่นของฉันเลยจากคำว่าท้วมไปไกลมากแล้ว

              ทำอย่างไรได้...ก็ในเมื่อมีของโปรดมาล่อตาล่อใจอยู่ตรงหน้าทุกมื้อทุกวันอยู่อย่างนี้ จะให้ฉันอดใจไหวได้อย่างไรกันล่ะ ไม่ใช่ว่าห่วงสวยหรืออยากหุ่นดีอะไรหรอกนะ แต่ที่กังวลน่ะ ก็เพราะกลัวว่าหากตัวเองอ้วนไปมากกว่านี้แล้วจะน่าเกลียด วินจะอายจะเบื่อแล้วก็ทิ้งฉันไปต่างหาก

              “ชอบก็กินเยอะ ๆ ไม่ต้องกลัวอ้วนนะ ขอเพียงดามีความสุข วินก็มีความสุขเหมือนกัน”

              อย่างกับอ่านใจฉันออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ วินพูดพร้อมส่งยิ้มหวานแทบละลายมาให้

              เส้นสปาเก็ตตี้ในจานถูกม้วนวนและส่งเข้าปากคำแล้วคำเล่า สัมผัสเหนียวนุ่มของเส้นและรสชาติละมุนกลมกล่อมลงตัวที่ถูกบรรจงปรุงแต่งมาอย่างดี แผ่ซ่านกระจายคลุกเคล้าไปทั่วทั้งปาก ช่างเป็นอาหารที่อัดเต็มไปด้วยคุณค่าแห่งรสชาติและความรักเสียจริง ๆ

              หลังจากที่พวกเราอิ่มอร่อยไปกับอาหารจานหลักเรียบร้อยแล้ว วินจัดการเก็บกวาดทุกอย่างออกไปอย่างชำนาญจนทั้งโต๊ะสะอาดสะอ้าน โดยที่ฉันไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากนั่งเฉย ๆ มองดูความปราณีตเรียบร้อยของเขา...หายเข้าไปในครัวครู่หนึ่ง วินก็เดินกลับมาพร้อมถ้วยขนมในมือ

              “นั่นอะไรคะ วิน”

              “ของโปรดของดาอีกแล้วจ้ะ”

              ว้าย ของโปรดของฉันอีกแล้ว...ได้ยินเสียงตัวเองกรี๊ดหนักในใจ

              เมื่อวินกลับมานั่งประจำที่พร้อมทั้งเลื่อนส่งถ้วยขนมมาให้ พุดดิ้งนมสดขาว ๆ เด้ง ๆ ที่ด้านบนอุดมไปด้วยซอสและผลสตรอเบอรี่ ก็มาอวดโฉมอวดความน่าลิ้มลองอยู่ตรงหน้า ทำเอาฉันอดฉีกยิ้มกว้างส่งความแสนรักแสนชื่นชมให้เป็นการตอบแทนไม่ได้เลยทีเดียว

              เขาช่างแสนดี ช่างรู้ใจ และช่างเอาอกเอาใจเก่งเสียเหลือเกิน คิดแล้วก็ยิ่งอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมผู้หญิงบ้าน ๆ ที่ขณะนี้เพิ่มความอ้วนฉุเข้ามาอีกอย่างฉัน ถึงได้โชคดีบุญหล่นทับอะไรขนาดนี้ ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณใครหรืออะไรก็ตามที่ดลบันดาลให้ชายผู้นี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของฉัน

              ไม่ได้พูดเล่นหรือพูดเกินเลยไปนะ แต่ฉันคิดว่าชาตินี้ ชีวิตนี้ ฉันคงอยู่ไม่ได้แล้วถ้าขาดเขาไป

              “วินจะรักและดูแลดาเป็นอย่างดี จะทะนุถนอมภรรยาสุดที่รักคนนี้ให้ดีที่สุด”

              นี่เป็นคำพูดบนเวทีของวินในค่ำคืนแต่งงานสุดวิเศษของเราสองคน ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่าจนถึงวันนี้เขาก็ยังทำแบบที่เคยพูดไว้ วินไม่เคยโกหก ยังคงรักษาสัญญา แถมยังทำมันได้ดีเกินกว่าที่คาดแบบที่ไม่เคยมีอะไรขาดตกบกพร่องเสมอมา

              อย่าเพิ่งเบื่อเสียก่อนล่ะ ที่ตั้งแต่ต้นก็เห็นแต่ฉันเอาแต่ชื่นชมเยินยอสามีของฉันคนนี้

              เอ...แต่จะคิดอย่างนั้นก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะฉันก็ทำแบบนั้นจริง ๆ แต่นั่นก็เพราะว่าวินเขาดีขนาดนั้นจริง ๆ ด้วยใช่ไหมล่ะ และฉันก็รู้สึกรักเขามากมายได้ขนาดนั้นจริง ๆ เหมือนกันนี่

              ถ้าให้จินตนาการถึงตัวของฉันเองตอนนี้แล้วละก็ ในแววตาก็คงจะมีแต่ความชื่นชมหลงใหลในตัวของเขา ถึงขนาดถ้าหากจะตัดเรื่องรูปร่างหน้าตาของเขาออกไป ก็ยังหาผู้ชายคนไหนมาดีแสนดีขนาดเขาได้ยากเลย จะมีผู้หญิงสักกี่คนกันที่ตั้งแต่อยู่กินกับสามีมา ก็โชคดีชนิดที่ไม่เคยต้องเหนื่อย ต้องออกแรงหยิบจับทำงานบ้านอะไรเลยสักนิดอย่างฉันกันล่ะ

              ไม่ ๆ ฉันเองก็ไม่ได้เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกหรอกนะ ทีแรกฉันก็คิดจะช่วยทำงานบ้าน หุงหาอาหารให้สามีตามประสาแม่บ้านที่ดีนั่นละ แต่แค่ฉันคิดวินเขาก็รีบชิงลงมือตัดหน้า จัดการทุกอย่างจนเรียบร้อยครบถ้วนไปก่อนเสียทุกครั้งแล้ว

              เสื้อผ้า อาหาร ความสะอาดเป็นระเบียบของบ้าน ความสวยงามเรียบร้อยภายในสวน เขาทำทุกอย่างที่ว่ามานี่หมดโดยที่ฉันไม่เคยขอให้ทำเลยสักครั้ง จนในที่สุดเรื่องที่เหลือให้ฉันทำจริง ๆ ก็เลยเป็นการนั่งพักผ่อน นอนเล่น ดูทีวี ฟังเพลง เล่นมือถือ แล้วก็กินอย่างที่เป็นทุกวันนี้นี่แหละ

              อย่างที่บอกไปรอบที่ร้อยได้แล้วละมั้งว่าวินน่ะชอบทำอาหาร เขาจะดูร่าเริงเป็นพิเศษถ้าได้หยิบจับและง่วนอยู่ในครัว เขาเคยบอกกับฉันว่าเขามีความสุขมากเวลาที่ได้เห็นฉันกินอาหารที่เขาบรรจงปรุงมาให้

              ฉันก็เหมือนกัน...ถ้ามันทำให้เขายิ้มแย้มและอารมณ์ดี แค่กินอย่างที่เคยกินมาตลอดมันจะไปยากอะไร เพื่อตอบแทนความดีของเขา แค่กินแล้วเห็นเขามีความสุขฉันก็พอใจแล้ว

              หลังจบมื้อเที่ยงแสนวิเศษ วินขอตัวกลับเข้าไปจัดการทุกอย่างในครัวอย่างเคย โดยไม่ลืมที่จะหยิบขนมกินเล่นอย่างมันฝรั่งทอดกรอบ พร้อมทั้งน้ำอัดลมเย็น ๆ แก้วใหญ่ยักษ์มาไว้ให้ฉัน ที่กำลังนอนให้มื้อเที่ยงย่อยอยู่หน้าโฮมเธียเตอร์ซึ่งกำลังฉายซีรี่ส์เรื่องโปรดอยู่

              เห็นไหมล่ะว่าเขาแสนดีและรู้ใจขนาดไหน ต่อให้เรื่องเล็กน้อยแค่ไหนเขาก็ไม่เคยพลาด ไม่เคยลืมเลยสักครั้ง ไม่ใช่แค่ฉันนะ แม้แต่เพื่อนที่ทำงาน ญาติสนิทมิตรสหาย ไม่ว่าใครต่อใครที่มีโอกาสได้รู้จักวิน แทบทุกคนก็ออกปากชื่นชมเขาทั้งนั้น

              แน่นอนว่า...ภรรยาอย่างฉันก็อดชื่นชมภูมิใจในตัวสามีคนนี้ไม่ได้ จนบางทีก็ยังแอบคิดอยู่เหมือนกันนะว่า มันต้องมีคนที่อิจฉาฉันบ้างไม่มากก็น้อยนั่นละ ที่โชคดีได้สามีแสนดีสุดประเสริฐขนาดนี้มาร่วมหอลงโลงอยู่กินด้วยกัน

              คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ดูซีรี่ส์ไปพลางหยิบขนมใส่ปากเคี้ยวเพลิน ๆ ไปพลาง เสียงเรียกสายจากสมาร์ตโฟนก็ดังขึ้น เห็นวินซึ่งโผล่พ้นออกมาจากครัวหยิบโทรศัพท์ของฉันที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารเมื่อสักครู่ขึ้นดู แล้วจึงถือเดินมาส่งให้ฉันที่ยังนอนแผ่หราอยู่ที่เดิมให้จนถึงมือก่อนจะกลับเข้าครัวไปอีกหน

              รู้ว่าใครเป็นผู้โทรฯ เข้ามาแล้ว ฉันก็ระบายยิ้มออกมา

              “ว่าไงจ๊ะ ณี จะมาหาฉันกับวินที่บ้านหรือ” พูดคำว่า ‘ฉันกับวิน’ โดยเน้นหนักให้ได้ยินชัด ๆ “ได้สิ...ดีเลยที่โทรฯ มาบอกฉันก่อน ฉันจะได้บอกให้วินไปเตรียมตัวหาวัตถุดิบไว้ทำอะไรอร่อย ๆ กินกันตอนมื้อเย็น ได้...ได้ โอเค ไว้เจอกันตอนเย็นนะจ๊ะ”

              พูดจบก็กดวางสาย โยนเครื่องมือสื่อสารราคาแพงทิ้งไว้ข้างตัวอย่างไม่ไยดี กระหยิ่มยิ้มย่องอย่างนึกสะใจอยู่นิด ๆ

              ณีเป็นเพื่อนของฉันเอง เราเรียนมาด้วยกันตั้งแต่สมัยมัธยมต้น สำหรับฉันแล้ว เธอเป็นคนที่ทั้งน่าอิจฉาและน่าหมั่นไส้ไปพร้อม ๆ กัน ถ้าถามฉันว่าไปสนิทกับณีได้อย่างไร ตั้งแต่เมื่อใด ก็ต้องตอบตามตรงว่าฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน พอรู้ตัวอีกทีก็สนิทและยังคบหากันมาจนถึงทุกวันนี้ไปแล้ว

              เพื่อนของฉันคนนี้เป็นคนสวย แต่นอกจากสวยแล้ว เธอก็ยังมีนิสัยน่ารักแถมอัธยาศัยดีอีกต่างหาก แค่นี้ก็น่าอิจฉาแล้วใช่ไหม แต่...แต่มันยังไม่พอ เธอเรียนเก่ง โดดเด่นเรื่องกีฬา รับหน้าที่เป็นตัวแทนของโรงเรียนไปทำกิจกรรมสำคัญที่สร้างชื่อเสียงให้สถาบันอยู่เสมอ

              พอเข้ามหาวิทยาลัยก็ถูกเพื่อน ๆ โหวตให้เป็นตัวแทนประกวดดาวคณะ ถึงตอนนั้นจะไม่ได้รางวัลอะไรเลยติดไม้ติดมือกลับมาก็เถอะ แต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เธอไปสะดุดตาใครต่อใคร จนมีหนุ่มทั้งเพื่อนทั้งรุ่นพี่มาตามจีบตามตื้อหัวกระไดแทบไม่แห้งกันแล้ว

              พอเรียบจบปริญญาตรีก็มีบริษัทใหญ่แย่งกันจองตัวไปทำงานด้วย ไม่กี่ปีเธอก็ยื่นใบลาออกเพื่อมาทำธุรกิจเปิดกิจการเป็นของตัวเอง แถมยังเจริญรุ่งเรืองโตวันโตคืนซะอีกแน่ะ

              นี่แค่คร่าว ๆ นะ แต่แค่นี้ก็น่าจะพอเห็นพอมองออกแล้วใช่ไหม ว่าชีวิตของณีใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบขนาดไหน ฟังแล้วน่าอิจฉาและน่าหมั่นไส้ไปพร้อม ๆ กันอย่างที่ฉันบอกไหมล่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่