สังขตะธรรม และ อสังขตะธรรม มีความหมายอย่างไร
วันนี้ตั้งกระทู้เบาๆครับ เพราะมาทักทายกับท่านทั้งหลายครับ
วันก่อน ได้อ่านกระทู้ที่สนทนากันทำนองนี้ ก็มีคนยกพระสูตร มามากมาย อ่านแล้ว ก็รู้สึกว่าเข้าใจมากขึ้นครับ วันนี้เลยมารีวิว อีกครั้งครับ
เข้าเรื่อง
ขอแสดงความคิดเห็นตามเข้าใจนะครับ
คำว่า สังขตะ น่าจะมาจากคำว่า สังขาร คือมีการปรุงแต่งได้ พอรวมกันกับ ธรรม ก็เลยเป็น
สังขตะธรรม แปลว่า ธรรมอันปรุงแต่งได้ แต่จะมีความหมายถึง ธรรมอันเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ใช่สิ่งที่เป็นอมตะ คำว่า ธรรม เป็นคำกว้าง ซึ่งสามารถ หมายถึงได้หลายอย่าง เช่น คำสอน ธาตุทั้งที่เป็นนามธาตุ รูปธาตุ รวมทั้งสภาวะต่างๆ ก็เป็นไปได้มากมาย
อสังขตะธรรม ก็เป็น ธรรมอันปรุงแต่งไม่ได้ เป็นธรรมที่คงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เป็นอมตะ เช่น คำสอนที่เป็นอมตะ อย่างปฎิจสมุปบาท เป็นคำสอนที่เป็นความจริง เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แม้แต่ ธาตุที่เป็น อสังขตะธาตุ ก็คือ อมตะธาตุ เช่น นิพพานธาตุ เป็นต้น
ถ้าเรามองภาพกว้างๆ จะเห็นว่า ทั้ง สังขตะธรรม และ อสังขตะธรรม จะ เป็น กลุ่มใหญ่ๆ หรือที่เรียกว่า เซ็ต ใหญ่ๆ โดยมีกลุ่มเล็กๆ อยู่ในนั้น หรือที่เรียกว่า ซับเซ็ต
ยกตัวอย่าง นิพพานธาตุ เป็น อสังขตะธรรม อันหนึ่ง
โดยที่อสังขตะธรรม มีมากมาย นิพพานธาตุเป็นเพียง ส่วนเล็กๆในนั้น
ถ้าเราไม่เชื่อว่า นิพพานธาตุ ไม่มี แล้วอะไรเล่า จะเป็น อสังขตะธาตุ
ถ้ามีอายตนะนิพพาน ก็ต้องถามว่า นิพพาน เป็นธาตุหรือเปล่า ถึงมีอายตนะ
ถ้านิพพานธาตุมีจริง แล้วสิ่งนี้อยู่ที่ไหนเล่า ในการศึกษาธรรมะ เราคงไม่ไปเรียนรู้สิ่งที่อยู่นอกตัวเรา เราคงไม่ไปเรียนภูเขาท้องฟ้า เพื่อบรรลุธรรมแน่นอน
เอาแค่นี้ครับ ขอบคุณที่มาอ่านและทักทายครับ
สังขตะธรรม และ อสังขตะธรรม มีความหมายอย่างไร
วันนี้ตั้งกระทู้เบาๆครับ เพราะมาทักทายกับท่านทั้งหลายครับ
วันก่อน ได้อ่านกระทู้ที่สนทนากันทำนองนี้ ก็มีคนยกพระสูตร มามากมาย อ่านแล้ว ก็รู้สึกว่าเข้าใจมากขึ้นครับ วันนี้เลยมารีวิว อีกครั้งครับ
เข้าเรื่อง
ขอแสดงความคิดเห็นตามเข้าใจนะครับ
คำว่า สังขตะ น่าจะมาจากคำว่า สังขาร คือมีการปรุงแต่งได้ พอรวมกันกับ ธรรม ก็เลยเป็น
สังขตะธรรม แปลว่า ธรรมอันปรุงแต่งได้ แต่จะมีความหมายถึง ธรรมอันเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ใช่สิ่งที่เป็นอมตะ คำว่า ธรรม เป็นคำกว้าง ซึ่งสามารถ หมายถึงได้หลายอย่าง เช่น คำสอน ธาตุทั้งที่เป็นนามธาตุ รูปธาตุ รวมทั้งสภาวะต่างๆ ก็เป็นไปได้มากมาย
อสังขตะธรรม ก็เป็น ธรรมอันปรุงแต่งไม่ได้ เป็นธรรมที่คงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เป็นอมตะ เช่น คำสอนที่เป็นอมตะ อย่างปฎิจสมุปบาท เป็นคำสอนที่เป็นความจริง เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แม้แต่ ธาตุที่เป็น อสังขตะธาตุ ก็คือ อมตะธาตุ เช่น นิพพานธาตุ เป็นต้น
ถ้าเรามองภาพกว้างๆ จะเห็นว่า ทั้ง สังขตะธรรม และ อสังขตะธรรม จะ เป็น กลุ่มใหญ่ๆ หรือที่เรียกว่า เซ็ต ใหญ่ๆ โดยมีกลุ่มเล็กๆ อยู่ในนั้น หรือที่เรียกว่า ซับเซ็ต
ยกตัวอย่าง นิพพานธาตุ เป็น อสังขตะธรรม อันหนึ่ง
โดยที่อสังขตะธรรม มีมากมาย นิพพานธาตุเป็นเพียง ส่วนเล็กๆในนั้น
ถ้าเราไม่เชื่อว่า นิพพานธาตุ ไม่มี แล้วอะไรเล่า จะเป็น อสังขตะธาตุ
ถ้ามีอายตนะนิพพาน ก็ต้องถามว่า นิพพาน เป็นธาตุหรือเปล่า ถึงมีอายตนะ
ถ้านิพพานธาตุมีจริง แล้วสิ่งนี้อยู่ที่ไหนเล่า ในการศึกษาธรรมะ เราคงไม่ไปเรียนรู้สิ่งที่อยู่นอกตัวเรา เราคงไม่ไปเรียนภูเขาท้องฟ้า เพื่อบรรลุธรรมแน่นอน
เอาแค่นี้ครับ ขอบคุณที่มาอ่านและทักทายครับ