เรื่อง สังขตธรรม อสังขตธรรม ตอบคำถามคุณ 1831258 ที่ถามไว้

-------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 8
ความจริงนั้นควรทำความเข้าใจก่อน ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า  ธรรมชาติหรือ ธรรม นั้นมี  2  

คือ     1.สังขตธรรม  2.อสังขตธรรม

   ดังนั้นโลกนั้นมีจริงตาม สังขตธรรม    ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ธรรมชาติ นั้นมี  2 นั้นเอง

    แต่  สังขตธรรม  เป็นดังมายา หมุ่นเวียนเปลี่ยงแปลง(อนิจจัง) ตั้งทนอยู่ไม่ได้(ทุกขัง)  ถือมั่นไว้ไม่ได้(อนัตตา)  คือที่สุดเป็น ทุกข์ ของผู้ยังเป็นสัตว์ นั้นเอง เพราะยังข้องอยู่ติดอยู่ในอวิชชา.

P_vicha
-------------------------------

ความคิดเห็นที่ 9
ขออนุญาตถามนะครับท่าน

คือ อสังขตะ หมายถึง นิพพาน เป็นปรมัตถ์
แล้ว สังขตะ หมายถึง ปรมัตถ์ที่เหลือ หรือ หมายถึง สมมุติ หละครับท่าน ?

Facepalm
สมาชิกหมายเลข 1831258
---------------------------------
(ที่ผ่านมาผมไม่คอยมีเวลา อ่านและตอบคำถาม)

ตอบ....  
     ความจริง ในคคห.8 ที่นำเสนอนั้นเพื่อชี้ให้เห็นถึง สิ่งที่เป็นจริง แม้จะปรากฏเพียงขณะหนึ่งก็ตาม นั้นก็เป็นสิ่งที่เป็นจริงเป็นสัจจะ  ไม่พึงไปปฏิเสธว่าไม่มีจริง    ซึ่งใน คคห.8 นั้นก็ไม่ได้กล่าวถึงเป็น ปรมัตถ์ หรือไม่.

      ซี่งมีหลายท่านสับสน ว่าไม่มีอะไรเกิด ไม่มีอะไรตาย  กลายเป็นทิฏฐิผิดไปทางด้าน ขาดสูญ นั้นเอง  เข้าข่ายปฏิเสธในสภาวะ ที่เป็นอยู่ที่ปรากฏอยู่ แม้เพียงขณะหนึ่งไปเสีย

     แล้วคุณ 1831258  ได้ถามกลับว่า....
-----------------------------
           คือ อสังขตะ หมายถึง นิพพาน เป็นปรมัตถ์
           แล้ว สังขตะ หมายถึง ปรมัตถ์ที่เหลือ หรือ หมายถึง สมมุติ หละครับท่าน ?    
-----------------------------

        อธิบายตอบ...    สังขตะ  ก็หมายถึงปรมัตถ์  นั้นและครับ  คือ รูป จิต เจตสิก นั้นเอง  ซี่งมีอยู่จริง ปรากฏขึ้นจริง แม้จะเป็นเพียงขณะเดียว แล้วเปลี่ยนไป  พระพุทธเจ้าจึงทรงตรัสไว้ว่า  เป็นดังมายา  (ความเห็นส่วนตัว) แต่เป็นสภวะที่ปรากฏจริงไม่พึงปฏิเสธว่า ไม่มี  

                ซึ่ง รูป จิต เจตสิก  ประกอบกันเป็น บุคคล ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสคือ  บุคคล ประกอบด้วย ธาตุ 6 คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ธาตุอากาศ(ช่องว่าง)  และ วิญญาณธาตุ  ซึ่งมีอยู่จริง อาจจะดำรงฐานะเป็นบุคคลนั้นๆ อยู่เพียงเวลาสั้นๆ หรือ เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี หรือเป็นหลายปี ก็ตามแต่เหตุปัจจัย
                หรือ วัตถุต่างๆ ที่ประกอบรวมกันของ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม และธาตุไฟ  ที่สมมุติว่าเป็น ก้อนหิน ก้อนดิน วัสดุต่างๆ  ก็เป็นจริงตามสัมมุติสัจจะนั้น ที่อาจจะคงสภาพเพียงเวลาสั้นๆ หรือยาว ตามฐานะเหตุปัจจัยของ วัสดุนั้นๆ

                ดังนั้น สังขตธรรม หรือ อสังขตธรรม  ย่อมเป็นสัจจะจริงในธรรมชาติ ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่ามี   2 นั้นเอง  ซี่งจะไปขัดแย้งกับผู้ที่มีทิฏฐิไปทางขาดสูญ หรือหมดสูญสิ้น นั้นเอง.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่