สื่อต่างชาติเตือน ตู้คอนเทนเนอร์คาดบรรทุกสารพิษ 100 ตู้ เตรียมเทียบท่าเรือแหลมฉบัง 20 ส.ค.นี้
https://ch3plus.com/news/economy/ch3onlinenews/412440
สื่อต่างชาติเตือนแล้ว! ชี้ตู้คอนเทนเนอร์คาดบรรทุกสารเคมีพิษ 100 ตู้จากอัลบาเนีย กำลังจะมาถึงท่าเรือแหลมฉบัง ไทย 20 ส.ค.นี้ หน่วยงานไทยกำลังเร่งติดตามสกัด
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า หน่วยงานราชการไทยที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าส่งออกสินค้าของประเทศไทยกำลังเร่งติดตามเพื่อที่จะสกัดและหยุดตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งคาดว่ามีการบรรทุกสารเคมีพิษจำนวน 100 ตู้ ทำการขนส่งมาจากประเทศอัลบาเนีย ซึ่งตามกำหนดนั้น ทั้ง 100 ตู้กำลังจะมาถึงท่าเรือแหลมฉบัง ประเทศไทย ในวันที่ 20 สิงหาคมนี้
บาเซล แอคชั่น เน็ทเวิร์ค หรือ BAN ซึ่งเป็นองค์กรนอกภาครัฐที่ไม่แสวงหากำไร หรือเอ็นจีโอในสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ได้ตรวจสอบและติดตามการค้าซื้อขายสารพิษ ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้แจ้งไปยังประเทศมาเลเซียให้ระวังและตื่นตัวกับการขนส่งของเสียที่เป็นสารพิษที่ผิดกฎหมาย และในสัปดาห์ที่แล้ว ได้แจ้งมายังประเทศไทยให้ระวังและตื่นตัวการขนส่งดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะมีของเสียปนเปื้อนสารพิษประเภทฝุ่นที่เกิดจากกระบวนการผลิตเหล็กด้วยเตาอิเล็กทริกอาร์กเฟอร์เนซ (Electric Arc Furnance)
จากการติดตามเส้นทางเดินเรือขนส่งสินค้าลำหนึ่ง ซึ่งเชื่อมั่นได้ว่าบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุของเสียปนเปื้อนสารดังกล่าว ปรากฏว่าหายไปจากระบบติดตามตำแหน่งทางทะเล โดยไม่สามารถตรวจพบเรือลำดังกล่าวขณะอยู่ใกล้กับเมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ประเทศไทย และชาติอื่นๆ ในกลุ่มอาเซียน ได้กลายเป็นปลายทางทะลักของของเสียจากประเทศที่พัฒนาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพลาสติกสกปรกไปจนถึงของเสียทางอุตสาหกรรม และของเสียอิเล็กทรอนิคส์ ซึ่งปนเปื้อนสารพิษในของเสียดังกล่าว
บาเซล แอคชั่น เน็ทเวิร์ค หรือ BAN พร้อมด้วยกลุ่มเฝ้าระวังนิเวศและการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย หรือ Ecological Alert and Recovery-Thailand ได้แจ้งเตือนไปยังกว่าหลายประเทศหลังจากสืบทราบมาว่ามีปริมาณของเสียปนเปื้อนสารพิษประเภทฝุ่นที่เกิดจากกระบวนการผลิตเหล็กด้วยเตาอิเล็กทริกอาร์กเฟอร์เนซ (Electric Arc Furnance) จำนวนกว่า 800 ตัน ได้ถูกขนส่งด้วยตู้คอนเทนเนอร์ลงเรือที่ท่าเรือในประเทศอัลบาเนีย จากนั้นได้ทำการถ่ายโอนมายังเรือขนส่งสินค้าของสายเดินเรือเมอส์ก (Maersk) ที่เมืองทรีเอสต์(Trieste) ประเทศอิตาลี จากข้อมูลการขนส่งสินค้าในระบบออนไลน์ได้แสดงข้อมูลว่า เรือขนส่งสินค้าของ เอ็มเอสซี เมดิเตอร์เรเนียน ชิปปิ้ง คอมพานี เอสเอ เกี่ยวข้องกับการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว ที่สำคัญประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายด้วย
ข้อมูลของติดตามการขนส่งสินค้าทางเรือของเว็บไซต์เอ็มเอสซี พบว่า ตู้คอนเทนเนอร์ขนาดความยาว 20 ฟุต จำนวน 40 ตู้ ได้ลงที่ท่าเรือชื่อว่าดูร์เรส (Durres) ประเทศอัลบาเนียเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม เพื่อเดินทางมายังท่าเรือที่ประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 18 สิงหาคมนี้ ต่อจากนั้นจะเดินทางต่อมายังท่าเรือแหลมฉบัง ประเทศไทย ตามกำหนดถึงวันที่ 20 สิงหาคมนี้ นอกจากนี้ อีก 60 ตู้ มีกำหนดการขนส่งทางเรือมาถึงประเทศสิงคโปร์ด้วย
ทุนจีนแสบ ผงะโรงงานสารพิษตั้งเถื่อน 2 แห่ง ไม่มีใบอนุญาต ชี้อันตรายมาก!
https://www.thairath.co.th/news/local/central/2807394
ตำรวจสนธิกำลังบุกทลายโรงงานหลอมอะลูมิเนียมเถื่อน 2 แห่ง หลังตรวจพบรถพ่วงลำเลียงขนกากอุตสาหกรรมใส่บิ๊กแบ็ก เข้าค้นพบคนดูแล 1 คน ภายในมีอะลูมิเนียมดรอสหรือกากตะกรันเกรดต่ำสุดเตรียมหลอมใหม่กว่าหมื่นตัน ไม่พบใบอนุญาตประกอบกิจการ มีนายทุนจีนเป็นเจ้าของ ชี้เป็นสารอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต
ตำรวจบุกทลายโรงงานหลอมอะลูมิเนียมเถื่อนรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 11 ส.ค. พ.ต.อ.
อรุณ วัชรศรีสุกัญยา รอง ผบก.กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) พ.ต.อ.
อภิสัณฐ์ ไชยรัตน์ ผกก.5 บก.ปทส. ร.ต.ต.
สายชล คงแจ่ม รอง สว.กก.5 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ทล บก.ปทส. พ.ต.อ.
ทูน เดชคุณมาก ผกก.สภ.โพรงมะเดื่อ จ.นครปฐม เจ้าหน้าที่เทศบาลโพรงมะเดื่อ นาย
ทรงเดช ผ่องฉวี เจ้าพนักงานตรวจโรงงานชำนาญงานสำนักงานอุตสาหกรรม จ.นครปฐม ร่วมกันเข้าตรวจค้นโรงงานเพิ่มพูลทรัพย์ เลขที่ 68/2 หมู่ 13 ต.โพรงมะเดื่อ อ.เมืองนครปฐม หลังสืบทราบเป็นแหล่งหลอมเศษอะลูมิเนียมโดยไม่ได้รับอนุญาต
คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ส.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงนครปฐมออกตรวจพื้นที่พบรถบรรทุกกึ่งพ่วงมีถุงบิ๊กแบ็กบรรทุกเต็มรถสงสัยว่าจะเป็นกากอุตสาหกรรม เรียกตรวจสอบคนขับไม่มีเอกสารใดๆ มาแสดงน่าเชื่อว่าอาจเป็นวัตถุอันตรายประสานเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัดนครปฐมเข้ามาร่วมตรวจสอบ คนขับรถพ่วงบอกว่าไปรับของดังกล่าวมาจากโรงงานเพิ่มพูนทรัพย์ ต.โพรงมะเดื่อ อ.เมืองนครปฐม เพื่อนำไปส่งที่โรงงานไท่เป่าอะลูมิเนียม ต.บางกระเจ้า อ.เมืองสมุทรสาคร
ตรวจสอบภายในโรงงานเพิ่มพลูทรัพย์มีโกดังขนาดใหญ่ชั้นเดียว 2 หลัง มีเนื้อที่ 6 ไร่ เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นพบนาย
มาโนชย์ กฤษณา เป็นผู้ดูแล นายมาโนชย์นำตรวจค้นร่วมกับเจ้าหน้าที่ผลการตรวจค้นพบว่า เป็นสถานที่ประกอบกิจการโรงงานคัดแยกเศษขี้เตาจากการหล่อหลอมเศษอะลูมิเนียมมีเครื่องจักรหลอม แต่วันนี้พนักงานหยุดทำงาน
...
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบยังพบฝุ่นผงสีดำเป็นกากตะกรันอะลูมิเนียมดรอส บรรจุอยู่ในถุงบิ๊กแบ็ก 8,258 ถุง น้ำหนัก 12,387 ตัน กองเรียงรายอยู่ภายในโกดัง ตรวจสอบโรงงานไม่มีใบอนุญาตตาม พ.ร.บ.โรงงาน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาตเข้าข่ายเป็นโรงงานเถื่อน และมีไว้ในครอบครองวัตถุมีพิษโดยผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่นำเชือกมาขึงกั้นไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าโดยเด็ดขาด เพื่อส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบอีกครั้ง
นำตัวนายมาโนชย์ส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพรงมะเดื่อ อ.เมืองนครปฐม พร้อมอายัดทรัพย์สินทั้งหมดที่ตรวจพบไว้ตรวจสอบอีกครั้ง
สอบสวนนายมาโนชย์ทราบว่า วัตถุดิบที่ตรวจพบทั้งหมดนี้มีกลุ่มนายทุนชาวจีนนำวัตถุดิบมาจากกลุ่มโรงงานหลอมหล่ออะลูมิเนียมใน จ.สมุทรสาคร ตั้งอยู่ภายในซอยกองพนันพล ต.บางน้ำจืด อ.เมืองสมุทรสาคร ขนใส่ในรถบรรทุกเฉลี่ยวันละ 2 เที่ยว ครั้งละประมาณ 10 ตัน บรรจุถุงบิ๊กแบ็กมาส่งหลอมที่โรงงานแห่งนี้สำหรับเศษขี้เถ้าอะลูมิเนียมเป็นเกรดต่ำสุดระดับเกรดซี หากเป็นเศษอะลูมิเนียมเกรดเอทางโรงงานคัดแยกไปหล่อหลอมอีกโรงงานตนไม่ทราบว่าที่ไหน
ต่อมาช่วงสายวันที่ 12 ส.ค. ร.ต.ต.
สายชล คงแจ่ม รอง สว.กก.5 บก.ปทส. นำกำลังเข้าตรวจค้นที่โรงงานไท่เป่าอะลูมิเนียม ภายในซอยกองพนันพล ต.บางกระเจ้า อ.เมืองสมุทรสาคร พบกากตะกรันอะลูมิเนียมดรอส จำนวน 1,400 ถุง น้ำหนัก 2,100 ตัน ขณะตรวจค้นไม่มีผู้ใดรับเป็นเจ้าของโรงงาน มีคนดูแลโรงงานโทรศัพท์แจ้งว่า ช่วงวันหยุดโรงงานปิดยินยอมให้เข้าตรวจในโรงงานได้ แล้วจะมาพบเจ้าหน้าที่อีกครั้งเพื่อชี้แจงรายละเอียดต่อไป
สำหรับแนวทางการสืบสวนทราบว่า โรงงานทั้ง 2 แห่งเป็นของชาวจีน มีคนไทยเป็นล่ามและทำหน้าที่ดูแลโรงงานจะติดตามตัวผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาดำเนินคดีข้อหาครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต และตั้งโรงงานและประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต สำหรับอะลูมิเนียมดรอสเป็นสารที่จะเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตต่างๆ หากแพร่กระจายไปในอากาศและแหล่งน้ำ เนื่องจากมีโลหะหนักปะปนอยู่ด้วย หากสัมผัสกับน้ำหรือความชื้นในอากาศจะเกิดแก๊สแอมโมเนียส่งกลิ่นเหม็นในพื้นที่ใกล้เคียงโรงงาน นอกจากนี้ยังทำให้เกิดฝุ่นพิษและอาจปะทุเกิดไฟไหม้ขึ้นได้ รวมทั้งส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศอีกด้วย
จมแล้ว นา 5 พันไร่ นครพนมอ่วมน้ำโขง ผวาเขื่อนจีนปล่อยน้ำสมทบทำท่วมหนัก.
https://www.matichon.co.th/local/news_4733325
จมแล้ว นา 5 พันไร่ นครพนมอ่วมน้ำโขง ผวาเขื่อนจีนปล่อยน้ำสมทบทำท่วมหนัก
วันที่ 13 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า ที่จังหวัดนครพนม สถานการณ์น้ำโขงที่ยังเพิ่มระดับต่อเนื่อง ล่าสุดแตะระดับประมาณ 9 เมตร ห่างจากจุดล้นตลิ่งแค่ 3 เมตร คือที่ระดับ 12 เมตรเท่านั้น จึงส่งผลกระทบลำน้ำสาขาสายหลัก คือ ลำน้ำก่ำ ลำน้ำบัง ลำน้ำอูน และลำน้ำสงคราม ไม่สามารถไหลระบายทัน
โดยลำน้ำอูน ตั้งอยู่ ต.ศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ส่วนลำน้ำสาขาสายอื่น เริ่มประสบปัญหาไหลระบายลงน้ำโขงช้า เนื่องจากระดับน้ำโขงเริ่มหนุน บางจุดพบว่าลำน้ำโขง มีระดับสูงกว่าลำน้ำสาขา ทำให้เอ่อล้นท่วมพื้นที่นาข้าวของเกษตรกร ในพื้นที่อำเภอที่อยู่ติดกับลำน้ำสาขา ขณะนี้ได้รับผลกระทบแล้วเกือบ 5,000 ไร่ โดยอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ของหน่วยงานเกี่ยวข้อง
ขณะเดียวกันทางด้าน ชลประทานจังหวัดนครพนม ได้เร่งสำรวจประเมินสถานการณ์น้ำในลำน้ำสาขาสายหลัก เช่น ลำน้ำก่ำที่ไหลระบายจากทะเลสาบหนองหาร จ.สกลนคร ลงสู่แม่น้ำโขงที่ อ.ธาตุพนม รวมถึงลำน้ำอูนที่ระบายจากเทือกเขาภูพาน จ.สกลนคร ลงสมทบกับลำน้ำสงครามอ.ศรีสงคราม ก่อนลงสู่แม่น้ำโขงที่ปากน้ำไชยบุรี ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม
ล่าสุดลำน้ำสาขาต่างๆ เริ่มได้รับผลกระทบจากน้ำโขงหนุน โดยไหลระบายช้า เตรียมรับมือน้ำเอ่อท่วม รวมถึงจะมีการปิดประตูระบายน้ำที่ไหลลงน้ำโขงทุกจุด เพื่อป้องกันน้ำโขงไหลเข้าท่วมชุมชน กรณีระดับน้ำถึงจุดล้นตลิ่ง
นาย
สันติพันธุ์ พันธุขันธ์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครพนม (ผอ.ชป.ฯ) เปิดเผยว่า ปัญหาของการรับมือน้ำท่วม หากน้ำโขงถึงจุดล้นตลิ่งที่ 12 เมตร จะเกิดปัญหาหลักคือมวลน้ำโขงจะหนุนทะลักไหลย้อนเข้าท่วมลำน้ำสาขา และส่งผลกระทบต่อน้ำท่วมพื้นที่ลุ่มตามมา ทาง ชป.นครพนม ได้เตรียมพร้อมขอสนับสนุนเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่จากกรมชลประทาน เพื่อติดตั้งเสริมการระบายน้ำในจุดสำคัญ รวมถึงประตูระบายลงน้ำโขง โดยจะมีการปิดประตูระบายน้ำในระบบชลประทานทุกจุด เพื่อผันน้ำสาขาลงน้ำโขงแทนการเปิดประตูระบายน้ำ ในกรณีน้ำโขงถึงจุดล้นตลิ่ง
อีกทั้งยังเตรียมพร้อม ลงพื้นที่ตรวจสอบการระบายน้ำในพื้นที่เสี่ยงทุกจุด พร้อมแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงติดชายแดนน้ำโขง เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากมีความเสี่ยงเกิดน้ำท่วมฉับพลัน เพราะยังมีมวลน้ำอีกจำนวนมากที่จะไหลมาจากภาคเหนือ ทำให้น้ำโขงเพิ่มต่อเนื่อง น้ำจากเขื่อนในประเทศจีน ขณะนี้ยังมาไม่ถึง คาดภายในต้นสัปดาห์หน้า มวลน้ำดังกล่าวจะไหลมาสมทบกับน้ำที่เขื่อนในประเทศ สปป.ลาว ปล่อยลงมา เนื่องจากทางฝั่งประเทศเพื่อนบ้านก็ประสบอุทกภัยฝนตกหนักเช่นเดียวกัน.
JJNY : สื่อต่างชาติเตือน│ทุนจีนแสบ ผงะโรงงานสารพิษตั้งเถื่อน 2 แห่ง│นครพนมอ่วมน้ำโขง│โอเปกหวั่นความผันผวนของ ศก.จีน
https://ch3plus.com/news/economy/ch3onlinenews/412440
สื่อต่างชาติเตือนแล้ว! ชี้ตู้คอนเทนเนอร์คาดบรรทุกสารเคมีพิษ 100 ตู้จากอัลบาเนีย กำลังจะมาถึงท่าเรือแหลมฉบัง ไทย 20 ส.ค.นี้ หน่วยงานไทยกำลังเร่งติดตามสกัด
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า หน่วยงานราชการไทยที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าส่งออกสินค้าของประเทศไทยกำลังเร่งติดตามเพื่อที่จะสกัดและหยุดตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งคาดว่ามีการบรรทุกสารเคมีพิษจำนวน 100 ตู้ ทำการขนส่งมาจากประเทศอัลบาเนีย ซึ่งตามกำหนดนั้น ทั้ง 100 ตู้กำลังจะมาถึงท่าเรือแหลมฉบัง ประเทศไทย ในวันที่ 20 สิงหาคมนี้
บาเซล แอคชั่น เน็ทเวิร์ค หรือ BAN ซึ่งเป็นองค์กรนอกภาครัฐที่ไม่แสวงหากำไร หรือเอ็นจีโอในสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ได้ตรวจสอบและติดตามการค้าซื้อขายสารพิษ ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้แจ้งไปยังประเทศมาเลเซียให้ระวังและตื่นตัวกับการขนส่งของเสียที่เป็นสารพิษที่ผิดกฎหมาย และในสัปดาห์ที่แล้ว ได้แจ้งมายังประเทศไทยให้ระวังและตื่นตัวการขนส่งดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะมีของเสียปนเปื้อนสารพิษประเภทฝุ่นที่เกิดจากกระบวนการผลิตเหล็กด้วยเตาอิเล็กทริกอาร์กเฟอร์เนซ (Electric Arc Furnance)
จากการติดตามเส้นทางเดินเรือขนส่งสินค้าลำหนึ่ง ซึ่งเชื่อมั่นได้ว่าบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุของเสียปนเปื้อนสารดังกล่าว ปรากฏว่าหายไปจากระบบติดตามตำแหน่งทางทะเล โดยไม่สามารถตรวจพบเรือลำดังกล่าวขณะอยู่ใกล้กับเมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ประเทศไทย และชาติอื่นๆ ในกลุ่มอาเซียน ได้กลายเป็นปลายทางทะลักของของเสียจากประเทศที่พัฒนาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพลาสติกสกปรกไปจนถึงของเสียทางอุตสาหกรรม และของเสียอิเล็กทรอนิคส์ ซึ่งปนเปื้อนสารพิษในของเสียดังกล่าว
บาเซล แอคชั่น เน็ทเวิร์ค หรือ BAN พร้อมด้วยกลุ่มเฝ้าระวังนิเวศและการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย หรือ Ecological Alert and Recovery-Thailand ได้แจ้งเตือนไปยังกว่าหลายประเทศหลังจากสืบทราบมาว่ามีปริมาณของเสียปนเปื้อนสารพิษประเภทฝุ่นที่เกิดจากกระบวนการผลิตเหล็กด้วยเตาอิเล็กทริกอาร์กเฟอร์เนซ (Electric Arc Furnance) จำนวนกว่า 800 ตัน ได้ถูกขนส่งด้วยตู้คอนเทนเนอร์ลงเรือที่ท่าเรือในประเทศอัลบาเนีย จากนั้นได้ทำการถ่ายโอนมายังเรือขนส่งสินค้าของสายเดินเรือเมอส์ก (Maersk) ที่เมืองทรีเอสต์(Trieste) ประเทศอิตาลี จากข้อมูลการขนส่งสินค้าในระบบออนไลน์ได้แสดงข้อมูลว่า เรือขนส่งสินค้าของ เอ็มเอสซี เมดิเตอร์เรเนียน ชิปปิ้ง คอมพานี เอสเอ เกี่ยวข้องกับการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว ที่สำคัญประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายด้วย
ข้อมูลของติดตามการขนส่งสินค้าทางเรือของเว็บไซต์เอ็มเอสซี พบว่า ตู้คอนเทนเนอร์ขนาดความยาว 20 ฟุต จำนวน 40 ตู้ ได้ลงที่ท่าเรือชื่อว่าดูร์เรส (Durres) ประเทศอัลบาเนียเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม เพื่อเดินทางมายังท่าเรือที่ประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 18 สิงหาคมนี้ ต่อจากนั้นจะเดินทางต่อมายังท่าเรือแหลมฉบัง ประเทศไทย ตามกำหนดถึงวันที่ 20 สิงหาคมนี้ นอกจากนี้ อีก 60 ตู้ มีกำหนดการขนส่งทางเรือมาถึงประเทศสิงคโปร์ด้วย
ทุนจีนแสบ ผงะโรงงานสารพิษตั้งเถื่อน 2 แห่ง ไม่มีใบอนุญาต ชี้อันตรายมาก!
https://www.thairath.co.th/news/local/central/2807394
ตำรวจสนธิกำลังบุกทลายโรงงานหลอมอะลูมิเนียมเถื่อน 2 แห่ง หลังตรวจพบรถพ่วงลำเลียงขนกากอุตสาหกรรมใส่บิ๊กแบ็ก เข้าค้นพบคนดูแล 1 คน ภายในมีอะลูมิเนียมดรอสหรือกากตะกรันเกรดต่ำสุดเตรียมหลอมใหม่กว่าหมื่นตัน ไม่พบใบอนุญาตประกอบกิจการ มีนายทุนจีนเป็นเจ้าของ ชี้เป็นสารอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต
ตำรวจบุกทลายโรงงานหลอมอะลูมิเนียมเถื่อนรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 11 ส.ค. พ.ต.อ.อรุณ วัชรศรีสุกัญยา รอง ผบก.กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) พ.ต.อ.อภิสัณฐ์ ไชยรัตน์ ผกก.5 บก.ปทส. ร.ต.ต.สายชล คงแจ่ม รอง สว.กก.5 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ทล บก.ปทส. พ.ต.อ.ทูน เดชคุณมาก ผกก.สภ.โพรงมะเดื่อ จ.นครปฐม เจ้าหน้าที่เทศบาลโพรงมะเดื่อ นายทรงเดช ผ่องฉวี เจ้าพนักงานตรวจโรงงานชำนาญงานสำนักงานอุตสาหกรรม จ.นครปฐม ร่วมกันเข้าตรวจค้นโรงงานเพิ่มพูลทรัพย์ เลขที่ 68/2 หมู่ 13 ต.โพรงมะเดื่อ อ.เมืองนครปฐม หลังสืบทราบเป็นแหล่งหลอมเศษอะลูมิเนียมโดยไม่ได้รับอนุญาต
คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ส.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงนครปฐมออกตรวจพื้นที่พบรถบรรทุกกึ่งพ่วงมีถุงบิ๊กแบ็กบรรทุกเต็มรถสงสัยว่าจะเป็นกากอุตสาหกรรม เรียกตรวจสอบคนขับไม่มีเอกสารใดๆ มาแสดงน่าเชื่อว่าอาจเป็นวัตถุอันตรายประสานเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัดนครปฐมเข้ามาร่วมตรวจสอบ คนขับรถพ่วงบอกว่าไปรับของดังกล่าวมาจากโรงงานเพิ่มพูนทรัพย์ ต.โพรงมะเดื่อ อ.เมืองนครปฐม เพื่อนำไปส่งที่โรงงานไท่เป่าอะลูมิเนียม ต.บางกระเจ้า อ.เมืองสมุทรสาคร
ตรวจสอบภายในโรงงานเพิ่มพลูทรัพย์มีโกดังขนาดใหญ่ชั้นเดียว 2 หลัง มีเนื้อที่ 6 ไร่ เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นพบนายมาโนชย์ กฤษณา เป็นผู้ดูแล นายมาโนชย์นำตรวจค้นร่วมกับเจ้าหน้าที่ผลการตรวจค้นพบว่า เป็นสถานที่ประกอบกิจการโรงงานคัดแยกเศษขี้เตาจากการหล่อหลอมเศษอะลูมิเนียมมีเครื่องจักรหลอม แต่วันนี้พนักงานหยุดทำงาน
...
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบยังพบฝุ่นผงสีดำเป็นกากตะกรันอะลูมิเนียมดรอส บรรจุอยู่ในถุงบิ๊กแบ็ก 8,258 ถุง น้ำหนัก 12,387 ตัน กองเรียงรายอยู่ภายในโกดัง ตรวจสอบโรงงานไม่มีใบอนุญาตตาม พ.ร.บ.โรงงาน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาตเข้าข่ายเป็นโรงงานเถื่อน และมีไว้ในครอบครองวัตถุมีพิษโดยผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่นำเชือกมาขึงกั้นไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าโดยเด็ดขาด เพื่อส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบอีกครั้ง
นำตัวนายมาโนชย์ส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพรงมะเดื่อ อ.เมืองนครปฐม พร้อมอายัดทรัพย์สินทั้งหมดที่ตรวจพบไว้ตรวจสอบอีกครั้ง
สอบสวนนายมาโนชย์ทราบว่า วัตถุดิบที่ตรวจพบทั้งหมดนี้มีกลุ่มนายทุนชาวจีนนำวัตถุดิบมาจากกลุ่มโรงงานหลอมหล่ออะลูมิเนียมใน จ.สมุทรสาคร ตั้งอยู่ภายในซอยกองพนันพล ต.บางน้ำจืด อ.เมืองสมุทรสาคร ขนใส่ในรถบรรทุกเฉลี่ยวันละ 2 เที่ยว ครั้งละประมาณ 10 ตัน บรรจุถุงบิ๊กแบ็กมาส่งหลอมที่โรงงานแห่งนี้สำหรับเศษขี้เถ้าอะลูมิเนียมเป็นเกรดต่ำสุดระดับเกรดซี หากเป็นเศษอะลูมิเนียมเกรดเอทางโรงงานคัดแยกไปหล่อหลอมอีกโรงงานตนไม่ทราบว่าที่ไหน
ต่อมาช่วงสายวันที่ 12 ส.ค. ร.ต.ต.สายชล คงแจ่ม รอง สว.กก.5 บก.ปทส. นำกำลังเข้าตรวจค้นที่โรงงานไท่เป่าอะลูมิเนียม ภายในซอยกองพนันพล ต.บางกระเจ้า อ.เมืองสมุทรสาคร พบกากตะกรันอะลูมิเนียมดรอส จำนวน 1,400 ถุง น้ำหนัก 2,100 ตัน ขณะตรวจค้นไม่มีผู้ใดรับเป็นเจ้าของโรงงาน มีคนดูแลโรงงานโทรศัพท์แจ้งว่า ช่วงวันหยุดโรงงานปิดยินยอมให้เข้าตรวจในโรงงานได้ แล้วจะมาพบเจ้าหน้าที่อีกครั้งเพื่อชี้แจงรายละเอียดต่อไป
สำหรับแนวทางการสืบสวนทราบว่า โรงงานทั้ง 2 แห่งเป็นของชาวจีน มีคนไทยเป็นล่ามและทำหน้าที่ดูแลโรงงานจะติดตามตัวผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาดำเนินคดีข้อหาครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต และตั้งโรงงานและประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต สำหรับอะลูมิเนียมดรอสเป็นสารที่จะเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตต่างๆ หากแพร่กระจายไปในอากาศและแหล่งน้ำ เนื่องจากมีโลหะหนักปะปนอยู่ด้วย หากสัมผัสกับน้ำหรือความชื้นในอากาศจะเกิดแก๊สแอมโมเนียส่งกลิ่นเหม็นในพื้นที่ใกล้เคียงโรงงาน นอกจากนี้ยังทำให้เกิดฝุ่นพิษและอาจปะทุเกิดไฟไหม้ขึ้นได้ รวมทั้งส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศอีกด้วย
จมแล้ว นา 5 พันไร่ นครพนมอ่วมน้ำโขง ผวาเขื่อนจีนปล่อยน้ำสมทบทำท่วมหนัก.
https://www.matichon.co.th/local/news_4733325
จมแล้ว นา 5 พันไร่ นครพนมอ่วมน้ำโขง ผวาเขื่อนจีนปล่อยน้ำสมทบทำท่วมหนัก
วันที่ 13 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า ที่จังหวัดนครพนม สถานการณ์น้ำโขงที่ยังเพิ่มระดับต่อเนื่อง ล่าสุดแตะระดับประมาณ 9 เมตร ห่างจากจุดล้นตลิ่งแค่ 3 เมตร คือที่ระดับ 12 เมตรเท่านั้น จึงส่งผลกระทบลำน้ำสาขาสายหลัก คือ ลำน้ำก่ำ ลำน้ำบัง ลำน้ำอูน และลำน้ำสงคราม ไม่สามารถไหลระบายทัน
โดยลำน้ำอูน ตั้งอยู่ ต.ศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ส่วนลำน้ำสาขาสายอื่น เริ่มประสบปัญหาไหลระบายลงน้ำโขงช้า เนื่องจากระดับน้ำโขงเริ่มหนุน บางจุดพบว่าลำน้ำโขง มีระดับสูงกว่าลำน้ำสาขา ทำให้เอ่อล้นท่วมพื้นที่นาข้าวของเกษตรกร ในพื้นที่อำเภอที่อยู่ติดกับลำน้ำสาขา ขณะนี้ได้รับผลกระทบแล้วเกือบ 5,000 ไร่ โดยอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ของหน่วยงานเกี่ยวข้อง
ขณะเดียวกันทางด้าน ชลประทานจังหวัดนครพนม ได้เร่งสำรวจประเมินสถานการณ์น้ำในลำน้ำสาขาสายหลัก เช่น ลำน้ำก่ำที่ไหลระบายจากทะเลสาบหนองหาร จ.สกลนคร ลงสู่แม่น้ำโขงที่ อ.ธาตุพนม รวมถึงลำน้ำอูนที่ระบายจากเทือกเขาภูพาน จ.สกลนคร ลงสมทบกับลำน้ำสงครามอ.ศรีสงคราม ก่อนลงสู่แม่น้ำโขงที่ปากน้ำไชยบุรี ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม
ล่าสุดลำน้ำสาขาต่างๆ เริ่มได้รับผลกระทบจากน้ำโขงหนุน โดยไหลระบายช้า เตรียมรับมือน้ำเอ่อท่วม รวมถึงจะมีการปิดประตูระบายน้ำที่ไหลลงน้ำโขงทุกจุด เพื่อป้องกันน้ำโขงไหลเข้าท่วมชุมชน กรณีระดับน้ำถึงจุดล้นตลิ่ง
นายสันติพันธุ์ พันธุขันธ์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครพนม (ผอ.ชป.ฯ) เปิดเผยว่า ปัญหาของการรับมือน้ำท่วม หากน้ำโขงถึงจุดล้นตลิ่งที่ 12 เมตร จะเกิดปัญหาหลักคือมวลน้ำโขงจะหนุนทะลักไหลย้อนเข้าท่วมลำน้ำสาขา และส่งผลกระทบต่อน้ำท่วมพื้นที่ลุ่มตามมา ทาง ชป.นครพนม ได้เตรียมพร้อมขอสนับสนุนเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่จากกรมชลประทาน เพื่อติดตั้งเสริมการระบายน้ำในจุดสำคัญ รวมถึงประตูระบายลงน้ำโขง โดยจะมีการปิดประตูระบายน้ำในระบบชลประทานทุกจุด เพื่อผันน้ำสาขาลงน้ำโขงแทนการเปิดประตูระบายน้ำ ในกรณีน้ำโขงถึงจุดล้นตลิ่ง
อีกทั้งยังเตรียมพร้อม ลงพื้นที่ตรวจสอบการระบายน้ำในพื้นที่เสี่ยงทุกจุด พร้อมแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงติดชายแดนน้ำโขง เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากมีความเสี่ยงเกิดน้ำท่วมฉับพลัน เพราะยังมีมวลน้ำอีกจำนวนมากที่จะไหลมาจากภาคเหนือ ทำให้น้ำโขงเพิ่มต่อเนื่อง น้ำจากเขื่อนในประเทศจีน ขณะนี้ยังมาไม่ถึง คาดภายในต้นสัปดาห์หน้า มวลน้ำดังกล่าวจะไหลมาสมทบกับน้ำที่เขื่อนในประเทศ สปป.ลาว ปล่อยลงมา เนื่องจากทางฝั่งประเทศเพื่อนบ้านก็ประสบอุทกภัยฝนตกหนักเช่นเดียวกัน.