JJNY : พวงทองได้รับผลงานวิจัยดีเด่น กอ.รมน.ฮึ่ม│สำรวจ 10 นโยบายเร่งด่วน│นครพนม แจ้งเตือนเร่งย้ายหนีน้ำ.│น้ำท่วมโรมาเนีย

พวงทอง ได้รับผลงานวิจัยดีเด่น เรื่องความมั่นคง ด้านกอ.รมน.ฮึ่มหนังสือต้องห้าม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4791735
 
 
พวงทอง ได้รับผลงานวิจัยดีเด่น เรื่องความมั่นคง ด้านกอ.รมน.ฮึ่มหนังสือต้องห้าม 
 
พวงทอง – วันที่ 15 กันยายน จากกรณีที่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) แถลงว่า กอ.รมน. ชี้ว่าหนังสือเรื่อง “ในนามของความมั่นคงภายใน การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย” ตรวจสอบพบว่าเป็นหนังสือที่เขียนโดยผู้ที่ไม่ได้มีคุณวุฒิการศึกษา และไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านความมั่นคงโดยตรง อีกทั้งไม่ได้รับผิดชอบให้ทำการสอนในเรื่องดังกล่าว และไม่มีผลงานทางวิชาการในด้านความมั่นคงปรากฏให้เห็นมาตามลำดับ
 
โดยหนังสือและผลงานทางวิชาการของผู้เขียนก็ไม่ได้ทำการศึกษาวิจัยตามระเบียบวิธีวิจัย แต่กลับใช้วิธีการเลือกนำข้อมูลเฉพาะที่สนับสนุนแนวคิดตนเองที่ตั้งไว้แล้วนำมาเป็นข้อสรุปขึ้นเอง ประกอบกับไม่ได้มีการรวบรวมจัดเก็บข้อมูลจากหน่วยงาน เช่น กอ.รมน. หรือกองทัพโดยตรง รวมถึงไม่ได้ทำการศึกษากฎหมาย ระเบียบ และขั้นตอนการปฏิบัติราชการ จึงเกิดเป็นข้อสรุปย่อยที่เป็นเท็จจำนวนมาก นำมาสู่ข้อสรุปในภาพรวมถึงการแทรกซึมของกองทัพ โดยมี กอ.รมน. เป็นเครื่องมือเพื่อควบคุมสังคมไทย
 
พร้อมระบุอีกว่า อาจเป็นการละเมิดข้อบังคับจริยธรรมของมหาวิทยาลัยอย่างร้ายแรง รวมถึงอาจเข้าข่ายความผิดในทางกฎหมาย ส่งผลให้เกิดความเสียหาย ทำให้สังคมเข้าใจผิด และกระทบภาพลักษณ์ขององค์กรหน่วยงาน กอ.รมน.จึงขอความร่วมมือในการระงับการจำหน่ายหนังสือดังกล่าว และจะประสานทางมหาวิทยาลัยต้นสังกัด ได้กรุณาพิจารณาในเรื่องของจริยธรรม รวมถึงอาจจำเป็นต้องอาศัยขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมต่อไป ตามที่ มติชน เสนอไปก่อนหน้านี้
 
ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่าหนังสือ “ในนามของความมั่นคงภายใน การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย” ซึ่ง อ.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งได้โพสต์ยอมรับว่า เป็นหนังสือของตัวเอง
 
ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2566 ได้โพสต์เฟซบุ๊ก คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอแสดงความยินดีกับ รองศาสตราจารย์ ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ในโอกาสที่ได้รับรางวัลผลงานวิจัยดีเด่น สาขาสังคมศาสตร์ งานวิจัย เรื่อง การแทรกซึมสังคม : กิจการความมั่นคงภายในของทหารไทย จาก กองทุนรัชดาภิเษกสมโภช ประจำปีงบประมาณ 2566
 


"สวนดุสิตโพล" สำรวจ "10 นโยบายเร่งด่วน รัฐบาลแพทองธาร 1" ปชช.ต้องการแบบไหนอันดับแรก
https://siamrath.co.th/n/566348

เมื่อวันที่ 15 ก.ย.67 สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “10 นโยบายเร่งด่วน รัฐบาลแพทองธาร 1” ระหว่างวันที่ 10-13 กันยายน 2567 กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,159 คน สำรวจผ่านทางออนไลน์และภาคสนาม พบว่า จาก 10 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล กลุ่มตัวอย่างเห็นด้วยกับทุกนโยบาย โดยเห็นด้วยกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว มากที่สุด ร้อยละ 97.15 โดยคิดว่าเป็นนโยบายที่คาดว่าน่าจะทำได้สำเร็จ ร้อยละ 74.46
 
อีกนโยบายที่คาดว่าน่าจะทำได้สำเร็จ คือ นโยบายออกมาตรการลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภค ร้อยละ 65.40 นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างมองว่านโยบาย แก้ปัญหายาเสพติดและอาชญากรรมออนไลน์นั้นน่าจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะทำได้สำเร็จ ร้อยละ 33.05 และร้อยละ 31.06 ตามลำดับ นอกจาก 10 นโยบายแล้วก็อยากให้เร่งแก้ปัญหาน้ำท่วม ช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนโดยเร็ว ร้อยละ 67.46
 
นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ผลโพลสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนมีความหวังกับนโยบายด้านการท่องเที่ยวมากที่สุด เพราะไทยมีศักยภาพและเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจ ด้านนโยบายลดราคาพลังงานก็ได้รับความหวังสูงเนื่องจากเกี่ยวข้องกับค่าครองชีพ ในขณะที่นโยบายเรือธงอย่างดิจิทัลวอลเล็ตกลับสร้างความมั่นใจให้ประชาชนได้น้อยกว่า นโยบายอื่น ๆ อาจเนื่องมาจากความกังวลในแง่การดำเนินการ โดยรวมแล้วประชาชนเห็นด้วยทุกนโยบาย สุดท้ายจะสำเร็จ หรือไม่ก็เป็นเรื่องของฝีมือ
 
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอกอนงค์ ศรีสำอางค์ ประธานหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต โรงเรียนกฎหมายและ การเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า จากผลการสำรวจวามคิดเห็นของสวนดุสิตโพล พบว่า จาก 10 นโยบายเร่งด่วนที่ประชาชนเห็นด้วยอันดับ 1 คือ นโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยว ประชาชนคิดว่าน่าจะทำสำเร็จเป็นอันดับแรกๆ เพราะเห็น ว่านโยบายนี้จะส่งผลเป็นรูปธรรมกับปากท้องชาวบ้าน เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบ อันดับที่ 2 คือ นโยบายออกมาตรการ ลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภค ซึ่งสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ประชาชนมีรายได้น้อยลง ในขณะที่ค่าครองชีพสูงขึ้นเป็นลำดับจากสภาพอัตราเงินฝืดทั่วโลก อย่างไรก็ตาม การเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมในรอบแรกและรอบที่สองในภาคเหนืออย่างรุนแรงที่จังหวัดเชียงรายนั้นเป็นสิ่งที่ท้าทายและเป็นเรื่องที่ประชาชนอยากให้มีการช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนอย่างรวดเร็วที่สุด รองลงมาคือการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนเป็นลำดับ



น้ำโขง สูงเพิ่มครึ่งเมตร นครพนม แจ้งเตือนเร่งขนย้ายสิ่งของหนีน้ำ.
https://www.matichon.co.th/local/news_4791860

น้ำโขง สูงเพิ่มครึ่งเมตร นครพนม แจ้งเตือนเร่งขนย้ายสิ่งของหนีน้ำ
 
น้ำโขง – วันที่ 15 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่อำเภอเมืองนครพนม จ.นครพนม เมื่อเช้าวันนี้ อยู่ที่ระดับ 11.38 เมตร เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.48 เมตร ต่ำกว่าระดับวิกฤต 0.62 เมตร และต่ำกว่าระดับตลิ่ง 1.62 เมตร
 
ซึ่งระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นได้ท่วมลานคอนกรีตริมแม่น้ำโขงที่ท่าเที่ยบเรือเพื่อการท่องเที่ยวของเทศบาลเมืองนครพนม สูงประมาณ 50 เซนติเมตร จึงต้องงดให้บริการเรือเพื่อการท่องเที่ยวเป้นการชั่วคราว ส่วนเรือโดยสารข้ามฟากนครพนม-เมืองท่าแขก สปป.ลาว ยังคงให้บริการตามปกติ
 
ส่วนผู้ประกอบการร้านค้าที่อยู่ใต้ลานพญาศรีสัตตนาคราช ได้เก็บและขนย้ายสินค้าและสิ่งของต่าง ๆ ออกจากร้านค้าหมดแล้วทุกร้าน ตามการแจ้งเตือนของจังหวัดนครพนม ซึ่งระดับน้ำต่ำกว่าพื้นร้านค้าประมาณ 30 เซนตเมตร ส่วนที่ลานพญาศรีสัตตนาคราช ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม และพื้นที่ใกล้เคียง ยังคงมีนักท่องเที่ยวและประชาชนเดินทางไปท่องเที่ยวและมีกิจกรรมต่าง ๆ ตามปกติ เนื่องจากยังไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำโขงที่เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
 
ในส่วนของแม่น้ำสงคราม ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาที่ไหลลงแม่น้ำโขง ที่จุดวัดบ้านหาดแพง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม อยู่ที่ระดับ 12.90 เมตร ต่ำกว่าระดับวิกฤต 0.60 เมตร ระดับวิกฤตอยู่ที่ 13.50 เมตร
 
ขณะที่นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้ประชุมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดนครพนม ที่ศาลากลางจังหวัดนครพนม ผ่าน 
ระบบ Video Conference กับส่วนกลางด้วย มีหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง เพื่อวิเคราะห์และติดตามสถานการณ์ รวมทั้งได้สั่งการให้อำเภอทุกอำเภอที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง และกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ระดับน้ำแม่น้ำโขงที่เพิ่มขึ้นอย่างใกล้ชิด พร้อมให้เตรียมเครื่องจักรกล เครื่องมืออุปกรณ์ กำลังพลให้พร้อมช่วยเหลือทันทีตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อได้รับการร้องขอ และให้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงริมน้ำโขงและลำน้ำสาขาอย่างต่อเนื่องด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่