เปิดใจเจ้าของแบ็กโฮเล็กอาสา หลังช่วยตัดโคลน แต่โดนจนท.สั่งหยุด ไล่พ้นพื้นที่
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9431671
เปิดใจเจ้าของแบ็กโฮเล็กอาสา หลังช่วยตัดโคลน แต่โดนจนท.สั่งหยุด ไล่พ้นพื้นที่ รับงงมาก กำลังจะช่วยชาวบ้าน ก่อนตัดสินใจย้ายไปช่วยอีกพื้นที่แทน
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “
สันชัย อะไหล่แมคโค” ซึ่งเป็นกลุ่มจิตอาสา นำรถแบ็กโฮขนาดเล็ก ไปช่วยตักโคลนออกจากพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมในจ.เชียงราย แต่สุดท้ายโดนเจ้าหน้าที่สั่งหยุด ไล่พ้นพื้นที่ ทั้งที่ภารกิจยังไม่จบ ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น
สำหรับความคืบหน้า วันที่ 26 ก.ย.67 ผู้สื่อข่าวข่าวสดออนไลน์ ติดต่อไปยังคุณ
สันชัย เพื่อสอบถามถึงเรื่องราวดังกล่าวทราบว่า
หลังเห็นข่าวน้ำท่วมเชียงรายอย่างหนัก และทิ้งดินโคลนไว้สูงกว่า 2 เมตร จึงตัดสินใจนำรถแบ็กโฮขนาดเล็กที่มีอยู่ ร่วมกับพรรคพวก 8 คัน เดินทางจากจ.สมุทรสาคร ขึ้นไปช่วยชาวเชียงราย โดยออกค่าจ้างให้ลูกน้องเอง และตั้งเกณฑ์ในการจ่ายค่าน้ำมันเองเป็นเวลา 1 เดือน
คุณ
สันชัย กล่าวว่า เมื่อไปถึงเชียงราย มีชาวบ้านผาจมและเจ้าหน้าที่หน่วยงานหนึ่ง ให้เข้าไปช่วยเคลียร์ดินโคลนที่ถมอยู่สูง จึงตัดสินใจเข้าไปช่วยโดยไม่ได้คิดอะไร โดยวันแรกก็ช่วยเคลียร์ดินตามถนนและตามบ้านเรือน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่มาช่วยเตรียมน้ำมันให้ ทั้งในวันแรกและวันที่สอง พร้อมติดสติกเกอร์ทำสัญลักษณ์ไว้
ต่อมาถึงวันที่ 3 มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานเดียวกัน แต่เป็นคนละคนเข้ามาและแจ้งว่าให้ออกจากพื้นที่ ทำให้ตอนนั้นงงมาก แต่เมื่อถูกเจ้าหน้าที่ไล่ จึงตัดสินใจออกมาและโพสต์แจ้งเรื่องไว้
ก่อนมีชาวบ้านโทร.เข้ามาอ้อนวอนไม่อยากให้ย้ายออกไป เพราะอยากให้เข้ามาช่วยเหลือ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไล่ จึงตัดสินใจย้ายไปช่วยเหลือที่เกราะทรายแทน
ลุงขาพิการผิดหวัง! เช้า-เย็น ขี่ซาเล้งกดเงิน 3 รอบ ไม่พบเงินหมื่นเข้าบัญชี
https://www.dailynews.co.th/news/3908835/
ชาวบ้านจำนวนมากเดินทางมารอกดเงินจากตู้ ATM "ธ.ก.ส." อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ หลังเจ้าหน้าที่นำเงินมาเติมไปแล้วกว่า 25 ล้านบาท ขณะที่คุณลุงวัย 61 ปี ขาพิการต้องขี่จยย.พ่วงข้างมากดเงินปรากฏว่า เงินยังไม่เข้า ทำได้เพียงแต่รอความหวัง
เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ วันที่ 2 หลังกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังจ่ายเงินให้กับผู้มีสิทธิรับเงิน 10,000 บาท ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ที่ธนาคาร ธ.ก.ส. จังหวัดศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ปรากฏว่า มีประชาชนที่เดินทางมาจากหลายพื้นที่ เดินทางมารอกดเงิน ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนและแดดจ้า ประชาชนที่มายืนต่อคิวต้องเอาเสื้อมาคลุมหัวไว้ บางรายเอาสมุดบัญชีมาพัด และปกปิดใบหน้าเพื่อป้องกันความร้อน
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ของธนาคารได้นำเงินจำนวน 5 ล้านบาท มาเติมใส่ตู้ เนื่องจากมีประชาชนเดินทางมากดเงินสดต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ซึ่งจากการสอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ทำให้ทราบข้อมูลว่า วันนี้มีการนำเงินมาเติมตู้เอทีเอ็มไปแล้วถึง 5 รอบ รอบละ 5,000,000 บาท โดยจากสถิติข้อมูลคาดว่า วันนี้จะมีประชาชนมากดเงินสดออกจากตู้เอทีเอ็ม ถึงประมาณ 3,000 คน
โดย นาย
วิเชียร เจริญผล อายุ 61 ปี บ้านเลขที่ 15 หมู่ที่ 15 ตำบลหญ้าปล้อง อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างมาจากบ้าน เพื่อตั้งใจมากดเงินสด 10,000 บาท แต่หลังจากตรวจสอบสมุดบัญชีธนาคารแล้ว ปรากฏว่า ไม่มียอดเงินเข้าบัญชี ตนนั้นเป็นผู้พิการขาซ้ายอ่อนแรง ตั้งใจว่าถ้าได้เงินจำนวนนี้ จะนำไปใช้จ่ายในชีวิต และนำไปซื้อปิ้งไก่เพื่อนำมาขายประกอบอาชีพ เพราะตนก็อยู่กับภรรยาสองคน ไม่มีลูกหลานดูแล แต่กลับต้องผิดหวัง เนื่องจากไม่พบการโอนเงินเข้าบัญชี ซึ่งวันนี้ ตนเดินทางจากบ้านเพื่อมาตรวจสอบยอดเงินในบัญชีรอบนี้เป็นรอบที่ 3 แต่กลับต้องผิดหวัง ทั้งที่ตนก็มีบัตรพิการตามหลักเกณฑ์ ซึ่งตอนนี้ตนรู้สึกอ่อนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่รู้จะทำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ เพราะได้ปรึกษาเจ้าหน้าที่แล้ว คงทำได้เพียงรอด้วยความหวัง.
กอ.รมน.-พวงทอง เผชิญหน้า กมธ.ถกยิบเสรีภาพวิชาการ เสธ.ต๊อดไม่รับปาก ฟ้องซ้ำรอยธีสิสดัง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4813051
‘พวงทอง-กอ.รมน.’ เข้าชี้แจง กมธ.พัฒนาการเมืองฯ ถกปมสั่งเบรกขายหนังสือ ด้าน ‘เสธ.ต๊อด’ แจงใช้คำพูดเกินเลยไป ต้องขออภัย ปัดตอบจ่อดำเนินคดีผู้เขียนหรือไม่ ด้าน ‘พริษฐ์’ มองควรทำหนังสือแจ้งนายกฯ ทราบ เหตุเสี่ยงกระทบเสรีภาพทางวิชาการ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 26 กันยายน 2567 ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) เป็นประธาน กมธ. วาระการพิจารณาศึกษาข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการแถลงข่าวของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ต่อหนังสือด้านความมั่นคงและแนวทาง ในการคุ้มครองเสรีภาพทางวิชาการ
โดยมีการเชิญ น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.กอ.รมน. ซึ่งมอบหมายให้เลขาธิการ กอ.รมน. เข้าแจงแทน, พล.ต.อ.
รอย อิงคไพโรจน์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มอบหมายนาย
สรพงค์ ศรียานงค์ ที่ปรึกษาด้านการประสานกิจการความมั่นคง เข้าชี้แจง, นาย
รอมฎอน ปันจอร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. ในฐานะ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร, รศ.ดร.
พวงทอง ภวัครพันธุ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ในฐานะผู้เขียนหนังสือดังกล่าว, ผศ.ดร.
ชลิตา บัณฑุวงศ์, พล.ท.
พงศกร รอดชมภู, และ นาย
ณัฐพล ใจจริง เข้าชี้แจง
ขณะที่ ผู้แทน กอ.รมน.ที่เข้าร่วมชี้แจง ได้แก่ 1.พล.อ.
นพนันต์ ชั้นประดับ รองหัวหน้าสำนักงาน รอง ผอ.รมน. 2.พล.ท.
สุรพงษ์ อยู่พร้อม ผอ.สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ ความมั่นคง และ 3.พล.ต.
วินธัย สุวารี โฆษก กอ.รมน.
พล.ต.
วินธัยกล่าวชี้แจงกรณีมีข่าวห้ามขายหนังสือของ รศ.ดร.
พวงทองว่า อาจจะมีการพาดหัวที่ชวนให้เข้าใจผิดว่า ไม่ห้ามไม่ให้มีการขาย ซึ่ง กอ.รมน.ตรวจพบเอกสารทางวิชาการที่คลาดเคลื่อนส่งผลกระทบต่อความมั่นคง จึงขอความร่วมมือจากหน่วยงาน ซึ่งจากการที่เห็นว่าข้อมูลคลาดเคลื่อน เราจึงได้มีการประชุมกันและคิดว่าจะทำอย่างไรให้เราสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลตรงนี้ได้ จึงคิดว่าจะใช้เวทีวิชาการ
ทั้งนี้ การแถลงข่าวของทีมโฆษกได้รับการอนุมัติจากผู้บัญชาการเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหากได้แถลงข่าวไปแล้วทำให้เกิดความเข้าใจทีมโฆษกต้องรับผิดชอบ แต่เรายืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น เราไม่ได้แก้ปัญหาโดยการใช้กำลังเหมือนในช่วงที่บ้านเมืองไม่ปกติ
ขณะที่ พล.อ.
นพนันต์กล่าวว่า การวิจัยเชิงคุณภาพต้องมีความเป็นกลาง และหลักการวิจัยไม่ควร ทำในเรื่องที่เข้าถึงข้อมูลยาก ซึ่งในกรณีนี้ผู้วิจัยไม่ได้ให้ผู้ถูกวิจัย คือ กอ.รมน.มีโอกาสสัมภาษณ์ และเปิดเผยข้อมูล พร้อมตั้งข้อสังเกตต่อความเชี่ยวชาญของ รศ.ดร.
พวงทองว่า ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง การทำวิจัยไม่ใช่ว่าใครนึกจะทำเรื่องอะไรก็ได้
รศ.ดร.
พวงทองชี้แจง พล.อ.
นพนันต์ว่า เรื่องความเป็นกลาง ในทางวิชาการต้องมีกรอบทฤษฎี หลักการประชาธิปไตยทหาร ต้องอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ต้องถูกตรวจสอบหน่วยงานที่มาจากประชาชน แต่หากพบว่า ทหารมีอิสระ ใช้อำนาจเอง ไม่ทราบว่าความเป็นกลางของท่านคืออะไร ซึ่ง 10 คนที่ตนสัมภาษณ์นั้นคือ คนเสื้อแดงที่อยู่ในภาคอีสาน และหลังรัฐประหารถูกเรียกมาปรับทัศนคติ และไม่ได้มาวิจารณ์โครงสร้างของ กอ.รมน. นอกจากนี้ หนังสือเล่มนี้ใช้เอกสารอ้างอิง 28 หน้า รู้ว่ากำลังทำเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก และตนก็ระวังตัวเองเป็นอย่างมาก โดยหนังสือพิมพ์ที่ตนใช้อ้างอิงส่วนใหญ่เป็นคำสัมภาษณ์ของกองกำลัง รวมถึงจากวิดีโอที่ กอ.รมน.โหลดขึ้นบนยูทูบเอง
รศ.ดร.
พวงทองกล่าวด้วยว่า นักวิชาการ ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องเดียวไปตลอดชีวิต ซึ่งหากทำออกมาแล้วไม่ดี ก็ไม่มีใครพิมพ์ให้ และไม่มีใครอ่าน ส่วนที่บอกว่า การทำวิจัยต้องสอบถามคนในหน่วยงานนั้นก่อน ไม่ทราบว่า ตั้งความคิดนี้มาจากไหน เพราะหากเป็นเช่นนั้นก็เหมือนเป็นการทำโฆษณาชวนเชื่อ
ไม่มีประโยชน์ก็ไม่รู้จะทำไปทำไม ตนไม่เห็นด้วย หากจะทำวิจัยแล้วต้องยกย่องหน่วยงานที่ตนเองอยู่ เช่นตนเป็นอาจารย์อยู่ที่จุฬาฯ ก็ไม่จำเป็นต้องทำงานวิจัยเพื่อยกย่องมหาวิทยาลัย เพราะเป็นสิ่งที่จุฬาฯทำอยู่แล้วทุกวัน
รศ.ดร.
พวงทองยังยืนยันข้อเสนอในหนังสืออีกว่า กอ.รมน.เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ ซึ่งช่วงรัฐบาลทหาร พวกที่มีอำนาจบริหารจัดการ กอ.รมน. ก็เป็นทหารทั้งหมด จะเป็นพลเมืองเฉพาะสังกัดนายกรัฐมนตรี แต่วิธีคิด วิธีมองปัญหา และการประสานงาน ก็ใกล้ชิดกับกองทัพทั้งนั้น ดังนั้น โดยเนื้อหาตนมองว่า กอ.รมน. เป็นทหารมากกว่าพลเรือน แม้กระทั่งยุครัฐบาลพลเมือง ตั้งแต่นาย
เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี จนถึง น.ส.แพทองธาร มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทำงานของ กอ.รมน.แค่ไหน
จากนั้น นาย
พริษฐ์ได้สอบถามถึงบทบาทของ กอ.รมน.ในการดำเนินการต่างๆ โดยเฉพาะการดำเนินคดี และจับกุมประชาชนว่า ต้องผ่านหน่วยงานอื่น เช่น สมช. หรือคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือ กอ.รมน. ดำเนินการได้เอง นาย
สรพงค์กล่าวว่า อำนาจของ สมช. และ กอ.รมน. แต่ละหน่วยงาน มีกฎหมายของตนเอง แต่การอนุมัติกิจกรรมต่างๆ เป็นหน้าที่ของ กอ.รมน. ไม่ต้องมาขออนุมัติ สมช.
นาย
พริษฐ์ถามต่อว่า เวลาจะมีการดำเนินคดี จะต้องผ่านการอนุมัติของ กอ.รมน.หรือไม่ โฆษก กอ.รมน. แจงว่า การจะฟ้องคดีต้องเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนตามปกติ แต่หากจะเป็นบทบาท กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ในกรณีที่เกิดเหตุกระทบความมั่นคง แต่ส่วนกลางจะเป็นผู้ประสานอย่างเดียว
ด้าน นายรอมฎอนตั้งคำถามว่า กอ.รมน.ถือสิทธิอะไรในการออกมาแถลงข่าวถึงขั้นขอความร่วมมือไม่ให้จำหน่าย และนายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.รมน. รับทราบการแถลงข่าวนี้ และจะมีส่วนรับผิดชอบด้วยหรือไม่
ด้าน โฆษก กอ.รมน.ยืนยันว่า สนับสนุนงานวิชาการ มีเจตนาต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่ในการแถลงข่าวอาจใช้คำที่ทำให้เกิดความกังวลมากเกินไป ทีมโฆษกต้องขออภัย และการแถลงข่าวครั้งนั้นได้ผ่านการอนุมติของรอง ผอ.รมน.แล้ว ซึ่งคือผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และอยู่ในช่วงกำลังเปลี่ยนผ่านนายกรัฐมนตรีคนใหม่พอดี
รศ.ดร.
พวงทองกล่าวว่า เมื่อฟังดังนี้ก็สบายใจได้ว่า ที่จะมีการเปิดตัวหนังสือในวันที่ 27 กันยายนนี้ ที่จุฬาฯ จะไม่มีทหารเข้ามาเก็บหนังสือ หรือเดือนหน้าที่จะมีงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติก็สามารถที่จะขายได้
ส่วนที่บอกว่า จะให้จุฬาฯ ตรวจสอบจริยธรรมของตน ไม่แน่ใจว่า จะทำให้เกิดแบบเดียว กับนาย
ณัฐพล ใจจริง ผู้แต่งหนังสือ “
ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ” และ “
ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี” หรือไม่ ที่มีการร้องเรียนถึงขั้นจะให้ถอดผลงานวิจัย และวุฒิปริญญา แต่ในเมื่อท่านบอกว่า ไม่ได้ตั้งใจที่จะให้เป็น ก็อย่าให้เห็นผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
JJNY : 5in1 เปิดใจเจ้าของแบ็กโฮ│ลุงขาพิการผิดหวัง!│กอ.รมน.-พวงทองเผชิญหน้า│หุ้นไทยปิดลบ│อินเดียพบ“ฝีดาษวานร”พันธุ์รุนแรง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9431671
เปิดใจเจ้าของแบ็กโฮเล็กอาสา หลังช่วยตัดโคลน แต่โดนจนท.สั่งหยุด ไล่พ้นพื้นที่ รับงงมาก กำลังจะช่วยชาวบ้าน ก่อนตัดสินใจย้ายไปช่วยอีกพื้นที่แทน
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “สันชัย อะไหล่แมคโค” ซึ่งเป็นกลุ่มจิตอาสา นำรถแบ็กโฮขนาดเล็ก ไปช่วยตักโคลนออกจากพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมในจ.เชียงราย แต่สุดท้ายโดนเจ้าหน้าที่สั่งหยุด ไล่พ้นพื้นที่ ทั้งที่ภารกิจยังไม่จบ ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น
สำหรับความคืบหน้า วันที่ 26 ก.ย.67 ผู้สื่อข่าวข่าวสดออนไลน์ ติดต่อไปยังคุณสันชัย เพื่อสอบถามถึงเรื่องราวดังกล่าวทราบว่า
หลังเห็นข่าวน้ำท่วมเชียงรายอย่างหนัก และทิ้งดินโคลนไว้สูงกว่า 2 เมตร จึงตัดสินใจนำรถแบ็กโฮขนาดเล็กที่มีอยู่ ร่วมกับพรรคพวก 8 คัน เดินทางจากจ.สมุทรสาคร ขึ้นไปช่วยชาวเชียงราย โดยออกค่าจ้างให้ลูกน้องเอง และตั้งเกณฑ์ในการจ่ายค่าน้ำมันเองเป็นเวลา 1 เดือน
คุณสันชัย กล่าวว่า เมื่อไปถึงเชียงราย มีชาวบ้านผาจมและเจ้าหน้าที่หน่วยงานหนึ่ง ให้เข้าไปช่วยเคลียร์ดินโคลนที่ถมอยู่สูง จึงตัดสินใจเข้าไปช่วยโดยไม่ได้คิดอะไร โดยวันแรกก็ช่วยเคลียร์ดินตามถนนและตามบ้านเรือน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่มาช่วยเตรียมน้ำมันให้ ทั้งในวันแรกและวันที่สอง พร้อมติดสติกเกอร์ทำสัญลักษณ์ไว้
ต่อมาถึงวันที่ 3 มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานเดียวกัน แต่เป็นคนละคนเข้ามาและแจ้งว่าให้ออกจากพื้นที่ ทำให้ตอนนั้นงงมาก แต่เมื่อถูกเจ้าหน้าที่ไล่ จึงตัดสินใจออกมาและโพสต์แจ้งเรื่องไว้
ก่อนมีชาวบ้านโทร.เข้ามาอ้อนวอนไม่อยากให้ย้ายออกไป เพราะอยากให้เข้ามาช่วยเหลือ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไล่ จึงตัดสินใจย้ายไปช่วยเหลือที่เกราะทรายแทน
https://www.dailynews.co.th/news/3908835/
ชาวบ้านจำนวนมากเดินทางมารอกดเงินจากตู้ ATM "ธ.ก.ส." อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ หลังเจ้าหน้าที่นำเงินมาเติมไปแล้วกว่า 25 ล้านบาท ขณะที่คุณลุงวัย 61 ปี ขาพิการต้องขี่จยย.พ่วงข้างมากดเงินปรากฏว่า เงินยังไม่เข้า ทำได้เพียงแต่รอความหวัง
เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ วันที่ 2 หลังกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังจ่ายเงินให้กับผู้มีสิทธิรับเงิน 10,000 บาท ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ที่ธนาคาร ธ.ก.ส. จังหวัดศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ปรากฏว่า มีประชาชนที่เดินทางมาจากหลายพื้นที่ เดินทางมารอกดเงิน ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนและแดดจ้า ประชาชนที่มายืนต่อคิวต้องเอาเสื้อมาคลุมหัวไว้ บางรายเอาสมุดบัญชีมาพัด และปกปิดใบหน้าเพื่อป้องกันความร้อน
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ของธนาคารได้นำเงินจำนวน 5 ล้านบาท มาเติมใส่ตู้ เนื่องจากมีประชาชนเดินทางมากดเงินสดต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ซึ่งจากการสอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ทำให้ทราบข้อมูลว่า วันนี้มีการนำเงินมาเติมตู้เอทีเอ็มไปแล้วถึง 5 รอบ รอบละ 5,000,000 บาท โดยจากสถิติข้อมูลคาดว่า วันนี้จะมีประชาชนมากดเงินสดออกจากตู้เอทีเอ็ม ถึงประมาณ 3,000 คน
โดย นายวิเชียร เจริญผล อายุ 61 ปี บ้านเลขที่ 15 หมู่ที่ 15 ตำบลหญ้าปล้อง อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างมาจากบ้าน เพื่อตั้งใจมากดเงินสด 10,000 บาท แต่หลังจากตรวจสอบสมุดบัญชีธนาคารแล้ว ปรากฏว่า ไม่มียอดเงินเข้าบัญชี ตนนั้นเป็นผู้พิการขาซ้ายอ่อนแรง ตั้งใจว่าถ้าได้เงินจำนวนนี้ จะนำไปใช้จ่ายในชีวิต และนำไปซื้อปิ้งไก่เพื่อนำมาขายประกอบอาชีพ เพราะตนก็อยู่กับภรรยาสองคน ไม่มีลูกหลานดูแล แต่กลับต้องผิดหวัง เนื่องจากไม่พบการโอนเงินเข้าบัญชี ซึ่งวันนี้ ตนเดินทางจากบ้านเพื่อมาตรวจสอบยอดเงินในบัญชีรอบนี้เป็นรอบที่ 3 แต่กลับต้องผิดหวัง ทั้งที่ตนก็มีบัตรพิการตามหลักเกณฑ์ ซึ่งตอนนี้ตนรู้สึกอ่อนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่รู้จะทำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ เพราะได้ปรึกษาเจ้าหน้าที่แล้ว คงทำได้เพียงรอด้วยความหวัง.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4813051
‘พวงทอง-กอ.รมน.’ เข้าชี้แจง กมธ.พัฒนาการเมืองฯ ถกปมสั่งเบรกขายหนังสือ ด้าน ‘เสธ.ต๊อด’ แจงใช้คำพูดเกินเลยไป ต้องขออภัย ปัดตอบจ่อดำเนินคดีผู้เขียนหรือไม่ ด้าน ‘พริษฐ์’ มองควรทำหนังสือแจ้งนายกฯ ทราบ เหตุเสี่ยงกระทบเสรีภาพทางวิชาการ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 26 กันยายน 2567 ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) เป็นประธาน กมธ. วาระการพิจารณาศึกษาข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการแถลงข่าวของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ต่อหนังสือด้านความมั่นคงและแนวทาง ในการคุ้มครองเสรีภาพทางวิชาการ
โดยมีการเชิญ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.กอ.รมน. ซึ่งมอบหมายให้เลขาธิการ กอ.รมน. เข้าแจงแทน, พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มอบหมายนายสรพงค์ ศรียานงค์ ที่ปรึกษาด้านการประสานกิจการความมั่นคง เข้าชี้แจง, นายรอมฎอน ปันจอร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. ในฐานะ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร, รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ในฐานะผู้เขียนหนังสือดังกล่าว, ผศ.ดร.ชลิตา บัณฑุวงศ์, พล.ท.พงศกร รอดชมภู, และ นายณัฐพล ใจจริง เข้าชี้แจง
ขณะที่ ผู้แทน กอ.รมน.ที่เข้าร่วมชี้แจง ได้แก่ 1.พล.อ.นพนันต์ ชั้นประดับ รองหัวหน้าสำนักงาน รอง ผอ.รมน. 2.พล.ท.สุรพงษ์ อยู่พร้อม ผอ.สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ ความมั่นคง และ 3.พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษก กอ.รมน.
พล.ต.วินธัยกล่าวชี้แจงกรณีมีข่าวห้ามขายหนังสือของ รศ.ดร.พวงทองว่า อาจจะมีการพาดหัวที่ชวนให้เข้าใจผิดว่า ไม่ห้ามไม่ให้มีการขาย ซึ่ง กอ.รมน.ตรวจพบเอกสารทางวิชาการที่คลาดเคลื่อนส่งผลกระทบต่อความมั่นคง จึงขอความร่วมมือจากหน่วยงาน ซึ่งจากการที่เห็นว่าข้อมูลคลาดเคลื่อน เราจึงได้มีการประชุมกันและคิดว่าจะทำอย่างไรให้เราสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลตรงนี้ได้ จึงคิดว่าจะใช้เวทีวิชาการ
ทั้งนี้ การแถลงข่าวของทีมโฆษกได้รับการอนุมัติจากผู้บัญชาการเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหากได้แถลงข่าวไปแล้วทำให้เกิดความเข้าใจทีมโฆษกต้องรับผิดชอบ แต่เรายืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น เราไม่ได้แก้ปัญหาโดยการใช้กำลังเหมือนในช่วงที่บ้านเมืองไม่ปกติ
ขณะที่ พล.อ.นพนันต์กล่าวว่า การวิจัยเชิงคุณภาพต้องมีความเป็นกลาง และหลักการวิจัยไม่ควร ทำในเรื่องที่เข้าถึงข้อมูลยาก ซึ่งในกรณีนี้ผู้วิจัยไม่ได้ให้ผู้ถูกวิจัย คือ กอ.รมน.มีโอกาสสัมภาษณ์ และเปิดเผยข้อมูล พร้อมตั้งข้อสังเกตต่อความเชี่ยวชาญของ รศ.ดร.พวงทองว่า ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง การทำวิจัยไม่ใช่ว่าใครนึกจะทำเรื่องอะไรก็ได้
รศ.ดร.พวงทองชี้แจง พล.อ.นพนันต์ว่า เรื่องความเป็นกลาง ในทางวิชาการต้องมีกรอบทฤษฎี หลักการประชาธิปไตยทหาร ต้องอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ต้องถูกตรวจสอบหน่วยงานที่มาจากประชาชน แต่หากพบว่า ทหารมีอิสระ ใช้อำนาจเอง ไม่ทราบว่าความเป็นกลางของท่านคืออะไร ซึ่ง 10 คนที่ตนสัมภาษณ์นั้นคือ คนเสื้อแดงที่อยู่ในภาคอีสาน และหลังรัฐประหารถูกเรียกมาปรับทัศนคติ และไม่ได้มาวิจารณ์โครงสร้างของ กอ.รมน. นอกจากนี้ หนังสือเล่มนี้ใช้เอกสารอ้างอิง 28 หน้า รู้ว่ากำลังทำเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก และตนก็ระวังตัวเองเป็นอย่างมาก โดยหนังสือพิมพ์ที่ตนใช้อ้างอิงส่วนใหญ่เป็นคำสัมภาษณ์ของกองกำลัง รวมถึงจากวิดีโอที่ กอ.รมน.โหลดขึ้นบนยูทูบเอง
รศ.ดร.พวงทองกล่าวด้วยว่า นักวิชาการ ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องเดียวไปตลอดชีวิต ซึ่งหากทำออกมาแล้วไม่ดี ก็ไม่มีใครพิมพ์ให้ และไม่มีใครอ่าน ส่วนที่บอกว่า การทำวิจัยต้องสอบถามคนในหน่วยงานนั้นก่อน ไม่ทราบว่า ตั้งความคิดนี้มาจากไหน เพราะหากเป็นเช่นนั้นก็เหมือนเป็นการทำโฆษณาชวนเชื่อ
ไม่มีประโยชน์ก็ไม่รู้จะทำไปทำไม ตนไม่เห็นด้วย หากจะทำวิจัยแล้วต้องยกย่องหน่วยงานที่ตนเองอยู่ เช่นตนเป็นอาจารย์อยู่ที่จุฬาฯ ก็ไม่จำเป็นต้องทำงานวิจัยเพื่อยกย่องมหาวิทยาลัย เพราะเป็นสิ่งที่จุฬาฯทำอยู่แล้วทุกวัน
รศ.ดร.พวงทองยังยืนยันข้อเสนอในหนังสืออีกว่า กอ.รมน.เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ ซึ่งช่วงรัฐบาลทหาร พวกที่มีอำนาจบริหารจัดการ กอ.รมน. ก็เป็นทหารทั้งหมด จะเป็นพลเมืองเฉพาะสังกัดนายกรัฐมนตรี แต่วิธีคิด วิธีมองปัญหา และการประสานงาน ก็ใกล้ชิดกับกองทัพทั้งนั้น ดังนั้น โดยเนื้อหาตนมองว่า กอ.รมน. เป็นทหารมากกว่าพลเรือน แม้กระทั่งยุครัฐบาลพลเมือง ตั้งแต่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี จนถึง น.ส.แพทองธาร มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทำงานของ กอ.รมน.แค่ไหน
จากนั้น นายพริษฐ์ได้สอบถามถึงบทบาทของ กอ.รมน.ในการดำเนินการต่างๆ โดยเฉพาะการดำเนินคดี และจับกุมประชาชนว่า ต้องผ่านหน่วยงานอื่น เช่น สมช. หรือคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือ กอ.รมน. ดำเนินการได้เอง นายสรพงค์กล่าวว่า อำนาจของ สมช. และ กอ.รมน. แต่ละหน่วยงาน มีกฎหมายของตนเอง แต่การอนุมัติกิจกรรมต่างๆ เป็นหน้าที่ของ กอ.รมน. ไม่ต้องมาขออนุมัติ สมช.
นายพริษฐ์ถามต่อว่า เวลาจะมีการดำเนินคดี จะต้องผ่านการอนุมัติของ กอ.รมน.หรือไม่ โฆษก กอ.รมน. แจงว่า การจะฟ้องคดีต้องเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนตามปกติ แต่หากจะเป็นบทบาท กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ในกรณีที่เกิดเหตุกระทบความมั่นคง แต่ส่วนกลางจะเป็นผู้ประสานอย่างเดียว
ด้าน นายรอมฎอนตั้งคำถามว่า กอ.รมน.ถือสิทธิอะไรในการออกมาแถลงข่าวถึงขั้นขอความร่วมมือไม่ให้จำหน่าย และนายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.รมน. รับทราบการแถลงข่าวนี้ และจะมีส่วนรับผิดชอบด้วยหรือไม่
ด้าน โฆษก กอ.รมน.ยืนยันว่า สนับสนุนงานวิชาการ มีเจตนาต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่ในการแถลงข่าวอาจใช้คำที่ทำให้เกิดความกังวลมากเกินไป ทีมโฆษกต้องขออภัย และการแถลงข่าวครั้งนั้นได้ผ่านการอนุมติของรอง ผอ.รมน.แล้ว ซึ่งคือผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และอยู่ในช่วงกำลังเปลี่ยนผ่านนายกรัฐมนตรีคนใหม่พอดี
รศ.ดร.พวงทองกล่าวว่า เมื่อฟังดังนี้ก็สบายใจได้ว่า ที่จะมีการเปิดตัวหนังสือในวันที่ 27 กันยายนนี้ ที่จุฬาฯ จะไม่มีทหารเข้ามาเก็บหนังสือ หรือเดือนหน้าที่จะมีงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติก็สามารถที่จะขายได้
ส่วนที่บอกว่า จะให้จุฬาฯ ตรวจสอบจริยธรรมของตน ไม่แน่ใจว่า จะทำให้เกิดแบบเดียว กับนายณัฐพล ใจจริง ผู้แต่งหนังสือ “ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ” และ “ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี” หรือไม่ ที่มีการร้องเรียนถึงขั้นจะให้ถอดผลงานวิจัย และวุฒิปริญญา แต่ในเมื่อท่านบอกว่า ไม่ได้ตั้งใจที่จะให้เป็น ก็อย่าให้เห็นผลกระทบที่จะเกิดขึ้น