กระทบหนัก! น้ำโขงเอ่อล้น ท่วมบ้านเรือน นาข้าว 5 หมื่นไร่ เสียหาย
https://www.matichon.co.th/region/news_4801529
 
 
กระทบหนัก! น้ำโขงเอ่อล้น ท่วมบ้านเรือน นาข้าว 5 หมื่นไร่ เสียหาย
 
เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ผลกระทบจากน้ำโขงสูงเกือบ 12 เมตร จ่อจุดล้นตลิ่ง มานานเกือบเดือน ล่าสุดพบว่า พื้นที่ได้รับผลกระทบหนักสุด เป็นพื้นที่ติดลำน้ำอูน ลำน้ำสงคราม ในพื้นที่ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม เนื่องจากเป็นจุดรวมน้ำ ของลำน้ำอูน ไหลมาสมทบลำน้ำสงคราม ก่อนที่จะไหลลงน้ำโขง แต่เกิดปัญหาน้ำโขงหนุน ทำให้ไม่สามารถระบายลงน้ำโขงได้
 
ปัจจุบันมีปริมาณเกินความจุร้อยละ 50 ปัญหาที่ตามมาคือเอ่อล้นท่วมบ้านเรือน ท่วมพื้นที่การเกษตร พื้นที่เลี้ยงสัตว์ ได้รับผลกระทบหนักสุดคือนาข้าว ในพื้นที่ อ.ศรีสงคราม ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แล้วกว่า 55,000 ไร่ สำหรับภาพรวมพื้นที่ จ.นครพนม มีพื้นที่การเกษตรนาข้าวได้รับผลกระทบน้ำท่วม แล้วเกือบ 1 แสนไร่
 
หากระดับน้ำโขงไม่ลดประมาณ 1 -2 สัปดาห์ คาดว่าจะเสียหายทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีเกษตรกร ที่เลี้ยงโค กระบือ เริ่มเดือดร้อนจากปัญหาขาดหญ้าอาหารสัตว์ หลังจากต้อนไปเลี้ยงในที่สูง ต้องรอภาครัฐ มาสนับสนุนช่วยเหลือแจกฟางอัดก้อน

จากการลงพื้นที่สำรวจ ของผู้สื่อข่าว พบว่า พื้นที่น่าห่วงที่ต้องเฝ้าระวัง คือพื้นที่ บ้านปากอูน ต.ศรีสงคราม จ.นครพนม ที่มีบ้านเรือนติดกับลำน้ำอูน ลำน้ำสงคราม ถึงแม้ชาวบ้านจะชินกับน้ำท่วมขังทุกปี เนื่องจากเป็นพื้นที่แอ่งกระทะ กลายเป็นวิถีชีวิตของชาวลุ่มน้ำ
 
โดยส่วนใหญ่จะสร้างบ้านแบบยกสูง พอช่วงน้ำเอ่อท่วม จะมีการเตรียมขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง แต่ยังเดือดร้อนเรื่อง ความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน ห้องน้ำไม่สามารถใช้การได้ บางจุดต้องใช้เรือในการสัญจรไปมา และขอความช่วยเหลือจากภาครัฐ ในการสนับสนุนเครื่องอุปโภค บริโภค และยารักษาโรค เบื้องต้นมีบ้านเรือนถูกน้ำท่วมประมาณ 20 -30 หลัง คาดว่าหากระดับน้ำโขง ไม่ลด จะขยายพื้นที่ได้รับผลกระทบมากขึ้น เพราะยังมีมวลน้ำไหลมาสมทบ
 
นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ บ้านท่าบ่อ ต.ท่าบ่อสงคราม อ.สรีสงคราม จ.นครพนม เป็นพื้นที่ใกล้เคียงกัน เป็นหมู่บ้านเสี่ยง ลักษณะที่ตั้งคล้ายเกาะกลางน้ำ จากภาพมุมสูงพบว่าเริ่มมีมวลน้ำเอ่อล้นล้อมรอบ ทำให้บ้านเรือนในพื้นที่ติดลำน้ำอูน เริ่มได้รับผลกระทบมีน้ำท่วมขัง มีบ้านเรือนในพื้นที่เสี่ยงมากกว่า 300 หลังคาเรือน เคยท่วมหนักสุดเมื่อประมาณปี 2561 น้ำสูงกว่า 1 เมตร ท่วมขังนานนับเดือน
 
เบื้องต้น สิ่งที่ได้รับผลกระทบ ชาวบ้านต้องการขอรับการช่วยเหลือคือ เดือดร้อนไม่มีพื้นที่เลี้ยงสัตว์ ต้องตอนโค กระบือ นับ 1,000 ตัว ไปเลี้ยงบนเกาะที่สูงหนีน้ำ ทำให้ขาดแคลนหญ้าเลี้ยงสัตว์ ขอให้หน่วยงานรัฐมาสนับสนุนแจกจ่ายจนกว่าระดับน้ำจะลด เพราะบางรายต้องแบกภาระซื้ออาหารสัตว์วันละ 1,000 บาท หากน้ำโขงไม่ลดระดับอีก 1-2 สัปดาห์คาดว่าจะกระทบหนักทั้งคน และสัตว์เลี้ยง
 
สอบถาม นางลัดดา สีกานิน อายุ 7 6ปี ชาวบ้านปากอูน ต.ศรีสงคราม จ.นครพนม เปิดเผยว่า ยอมรับว่าพื้นที่บ้านปากอูนติดกับลำน้ำอูน ลำน้ำสงคราม  ถือว่าได้รับผลกระทบเกือบทุกปี เนื่องจากเป็นชาวลุ่มน้ำ
 
ท่วมมา 4 -5 ปี ปีนี้แนวโน้มหนัก เริ่มท่วมมาเกือบเดือน เพราะบ้านเรือนตนติดริมน้ำ โชคดีเป็นบ้านยกสูง มีที่พักอาศัยบนบ้านเป็นหลัก แต่ถือว่ากระทบเดือดร้อนในการไปมา ต้องใช้เรือ ขอความช่วยเหลือผู้นำชุมชนมาบริการ ส่วนเครื่องอุปโภค บริโภค ไม่ขาดแคลน เพราะมีหน่วยงานมาสนับสนุนแจกจ่ายช่วยเหลือทุกวันเดือดร้อนคือ ความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน ต้องทนตามสภาพ เพราะเคยเจอหนักมากว่านี้บางปีท่วม 2 -3 เดือน

---

ศิริกัญญา กระทู้ถาม จุลพันธ์ รับรีบแจกเงินสดหวั่นถูกร้อง ยันไม่มีใครตกขบวนได้เงินแน่.
https://www.matichon.co.th/matichon-tv/news_4801233
 
การประชุมสภา วันที่ 19 กันยายน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจากรณีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจกลุ่มเปราะบางและผู้พิการ ทำไมรัฐบาลเร่งแจกเงินสดภายในวันที่ 30 กันยายนนี้ . ด้าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ยอมรับว่าสาเหตุที่ต้องเร่งแจกเป็นเงินสดเพราะปัจจุบันมีขบวนการนักร้อง หวั่นว่าจะกระทบกับความเดือดร้อนของประชาชน ยืนยันทุกกลุ่มได้เงินแน่นอน

---

 
เมียนมาแห่ซื้อห้องชุดในไทย เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 154.3%
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/417520

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เผยไตรมาส 2 ปีนี้ คนเมียนมามาแรง แห่ซื้อห้องชุดเพิ่มจากช่วงเดียวกันปีก่อนถึง 154%

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยภาพรวมการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติทั่วประเทศ ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ พบว่า "ชาวจีน" ยังคงเป็นกลุ่มที่การโอนกรรมสิทธิ์ห้องมากที่สุดเป็นอันดับ 1 โดยมีมูลค่าสูงถึง 13,203 ล้านบาท ตามมาด้วยเมียนมา ที่มีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์สูงถึง 3,240 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 154.3% และอันดับ 3 คือ รัสเซีย

นอกจากนี้ยังพบว่าอินเดีย เป็นกลุ่มที่มีมูลค่าการโอนต่อหน่วยสูงสุด และขนาดห้องใหญ่ที่สุด โดยมูลค่าการโอนต่อหน่วยเฉลี่ย 6 ล้านบาท และขนาดห้องเฉลี่ย 71.3 ตารางเมตร อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติทั่วประเทศ ในไตรมาส 2 พบว่า มีจำนวน 3,342 หน่วย ลดลงร้อยละ 6.2 ด้วยมูลค่า 14,874 ล้านบาท หรือ ลดลงร้อยละ17.7 โดย ชลบุรี เป็นจังหวัดที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติมากที่สุด แซงหน้าแชมป์เก่ากรุงเทพฯ ที่ลงไปเป็นอันดับ 2

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/_nNHDg18u6I