พิธา เชื่อ ‘ณัฐพงษ์’ นำพรรคได้ดี ไม่หวั่นดาบสองคดี 44 สส. ชี้โทษตัดสิทธิ์ไม่ยุติธรรม
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9357191
“พิธา” เชื่อ “เท้ง ณัฐพงษ์” นำพรรคประชาชนได้ดี ไม่แปลก “ธนาธร” มีบทบาทมากขึ้น ไม่หวั่นดาบสองคดี 44 สส. ชี้โทษตัดสิทธิ์ไม่ยุติธรรม
วันที่ 11 ส.ค. 2567 นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกภายหลังพรรคประชาชนเปิดตัว ว่า ในฐานะประชาชนและในฐานะผู้ร่วมงานก็ไม่ได้เกินความคาดหมาย มั่นใจว่าพรรคประชาชนจะสามารถที่จะบริหารจัดการได้ โดยวิถีทางของพรรค และรู้สึกไม่ได้เป็นเรื่องน่ากังวลใจตั้งแต่ต้น
เมื่อถามว่าจนถึงวันนี้หลังถูกยุบพรรครู้สึกอย่างไรบ้าง นาย
พิธา กล่าวว่า ส่วนตัวเบาใจ สบายใจ แต่หากให้พูดถึงส่วนรวมก็รู้สึกหนักใจกับระบบการเมือง ระบบสังคม และระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากมีปัญหาต้องแก้ไขเยอะ
“
ส่วนตัวรู้สึกสบายใจดี เมื่อเช้าได้ออกกำลังกายเต็มที่ มันก็เลยเป็นความรู้สึกที่บอกยากนิดหนึ่ง ส่วนตัวก็อย่างหนึ่ง ส่วนรวมก็อีกความรู้สึกหนึ่ง” นาย
พิธา กล่าว
เมื่อถามว่าเห็นนาย
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ออกสื่อแล้ว ถือว่าพอไปได้หรือไม่ นาย
พิธา กล่าวว่า ไปได้ดีแน่นอน เพราะตนรู้จักนาย
ณัฐพงษ์มานานมาก ตั้งแต่เริ่มทำการเมืองด้วยกัน
ดังนั้น ไม่มีอะไรต้องห่วงหรือต้องฝาก เชื่อว่าเขาจะทำได้ดีแน่นอนอยู่แล้ว ซึ่งวันนี้ตนมาช่วยผู้สมัครนายก อบจ.ราชบุรี ในนามผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน คงต้องปราศรัยถึงนาย
ณัฐพงษ์ และนาย
ศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชนด้วย เพื่อให้ประชาชนมั่นใจถึงการทำงานแบบไร้รอยต่อ ทั้งในสภาและในพื้นที่
ผู้สื่อข่าวถามว่าคนยังติดภาพนาย
พิธาเป็นคนนำทัพพรรคอยู่ นายพิธา กล่าวว่า “
โอ๊ย ผมว่าไม่จริงเลยครับ จากตัวเลข สถิติ หรือการตอบรับจากประชาชน ก็สะท้อนอยู่แล้วว่าไม่ได้ยึดติดกับผม”
เมื่อถามว่ามีอะไรที่เป็นเทคนิคอยากจะแนะนำนายณัฐพงษ์หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่มีอะไรต้องแนะนำ เพราะปกติเขาจะเป็นคนแนะนำตน ตอนสมัยตนเป็นหัวหน้า แล้วตนฝากคำถามว่าตนต้องการทำแบบนี้ คุณช่วยไปหาคำตอบมาให้หน่อย เดี๋ยวตนจะเล่าให้ฟังว่านายณัฐพงษ์ทำให้ตนประทับใจอย่างไร ทั้งนายณัฐพงษ์และนายศรายุทธิ์ มีความคล้ายกันอยู่ แต่ก็มีความต่างที่ลงตัว
เมื่อถามว่าทั้งนาย
ณัฐพงษ์ และนาย
ศรายุทธิ์ สนิทสนมกับนาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ทำให้นาย
ธนาธรอาจมีบทบาทมากขึ้นในพรรคประชาชน นาย
พิธา กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะทุกคนสนิทกันหมด 3 ท.ทหาร ด้วยการทำงานอย่างหนัก การแลกเปลี่ยนกันจนกลายเป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงาน ครอบครัวของนาย
ณัฐพงษ์กับครอบครัวของตนก็สนิทกัน จนกลายเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ไปแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกว่าใครจะมาเพิ่มบทบาท เพราะพรรคนี้ทำงานเป็นทีม
เมื่อถามย้ำว่า หากพูดถึง 3 ท. กังวลหรือไม่ว่า ท.ที่ 3 จะโดนทุบทำลาย นายพิธา กล่าวว่า ไม่กังวล แต่ไม่ประมาท ตอนแรกก็คิดในลักษณะสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็ยังมีความรู้สึกว่า ยังมีความพยายามที่จะทำลายล้างกันอยู่
ดาบสองก็ยังมีโอกาสตัดสิทธิ์ตน จากกรณี สส. 44 คน ร่วมลงชื่อเสนอร่างกฎหมายแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีโทษตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต
ฉะนั้น จึงเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องทำความเข้าใจ และต่อสู้ให้เห็นว่าในฐานะผู้เสนอกฎหมายในฐานะสส. เป็นเรื่องปกติ และแน่นอนว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาด แต่เราก็เตรียมตัวให้หนักกว่าเดิม
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่า กรณี 44 สส. จะทำให้พรรคประชาชนไปได้ไม่ถึงปี นายพิธา กล่าวว่า ไม่กังวล ซึ่งกระบวนการเตรียมการเข้าไต่สวน ก็เป็นไป
ตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ตนคิดว่าก่อนที่ลงรายละเอียดไปถึงภาพย่อย เราต้องดูภาพใหญ่ก่อนว่า เวลาเราลงโทษใคร ต้องดูที่ความผิดกับสัดส่วนของโทษ
“
ถ้าฐานความผิดหมิ่นประมาท ลักขโมย ยาเสพติด แล้วโทษที่ได้รับเป็นประหารชีวิต ผมว่าตรงนี้มันไม่ได้สัดส่วนกัน ถ้าเกิดจะบอกว่าผิดที่จริยธรรม คราวนี้จริยธรรมของผม จริยธรรมของเขา หรือจริยธรรมของคนที่อยู่ในที่นี้ มันไม่เหมือนกัน
ฉะนั้น แทนที่จะตัดสิทธิ์กันผมก็เห็นว่ามันไม่ยุติธรรมกับเพื่อน สส.ในอดีตหลายคนที่ผ่านมา ทั้งที่เป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล เขาผิดแค่นี้ แล้วเล่นแบบนี้ ไม่มีกฎหมายเอาผิดพวกเขาได้ด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้ใครจะเป็นตำรวจจริยธรรม มันทำให้สังคมอันตราย” นาย
พิธา กล่าว
เมื่อถามว่าคำตัดสินคดียุบพรรคจะทำให้เป็นเชื้อเพลิง คดี 44 สส. ที่ให้ ป.ป.ช.ฟันได้เร็วขึ้นนั้น นาย
พิธา กล่าวว่า ต้องไปดูคำวินิจฉัยของตุลาการทั้ง 9 ท่าน ตอนนี้ยังไม่สามารถตอบได้
เมื่อถามว่ากรณีที่พรรคประชาชนประกาศไม่ลดเพดานแก้ไข ม.112 จะทำให้พรรคเดินไปยากหรือไม่ นาย
พิธา กล่าวว่า ตนตอบแทนพวกเขาไม่ได้ แต่เชื่อว่าเขามีคำตอบ
สาวๆราชบุรีกรี๊ดเจอ “พิธา” แห่ขอกอด บอก “ฉันรักเขา” พิธาแซวตัวเอง รับของเกิน 3 พันได้แล้ว
https://ch3plus.com/news/political/morning/412226
วันนี้ (11 ส.ค. 2567) เวลา 14.45 น. ที่ตลาดนัดคลองหมาเน่า ภายในตลาดเกษตรกร ต.บ้านสิงห์ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ เพื่อช่วยนาย
ชัยรัตน์ ศักดิ์อิสระพงศ์ ผู้สมัครนายก อบจ.ราชบุรี หาเสียงเลือกตั้ง โดยมีนาย
ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคประชาชน และนาง
อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ร่วมลงพื้นที่ด้วย
ทันทีที่นาย
พิธามาถึงได้แวะทักทายพี่น้องกรรมกรที่กำลังเดินทางกลับบ้าน พร้อมแซวตัวเองว่า ตอนนี้ผมโดนตัดสิทธิ์แล้ว ตอนนี้ของที่ทุกคนนำมามอบให้ เกิน 3,000 บาท ผมเอากลับบ้านได้แล้ว เพราะโดนตัดสิทธิ์แล้ว ก่อนที่จะข้ามมาฝั่งตลาด ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าในตลาดได้แห่กันออกมาต้อนรับ ให้กำลังใจและขอถ่ายรูป ซึ่งส่วนใหญ่ออกปากชมว่า ตัวจริงนาย
พิธาหล่อมาก
ทั้งนี้ ระหว่างการเดินภายในตลาดเพื่อขอคะแนนเสียง แม่ค้าร้านขายผลไม้ ได้นำส้ม 2 ลูก ซึ่งสื่อแทนสัญลักษณ์ของพรรคก้าวไกลและพรรคประชาชน มามอบให้ รวมถึงมีประชาชนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มาขอถ่ายรูปตลอดที่เดินตลาด ซึ่งนาย
พิธา ได้บอกกับประชาชนว่า ให้ถ่ายรูปชู 1 นิ้ว เพื่อเลือกหมายเลข 1 แทนการชู 2 นิ้ว
ช่วงหนึ่ง ได้มีเด็กผู้หญิง 2 คน เดินเข้ามาขอกอด ซึ่งนาย
พิธาออกอาการตกใจ พร้อมยกมือขึ้น ระบุว่า “
เขากอดผมได้ แต่ผมกอดเขาไม่ได้”
นอกจากนี้ยังมีบางช่วงที่นาย
พิธา เดินผ่านเด็กๆ กลุ่มหนึ่ง อายุ 5-6 ปี เด็กๆ ได้ถ่ายรูป โดยนาย
พิธาได้ฝากโบชัวร์ไปให้พ่อแม่ พร้อมกล่าวว่า มีนโยบายการศึกษาด้วยนะครับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในวันนี้ค่อนข้าง เป็นไปด้วยความชื่นมื่น เนื่องจากบรรดาแม่ค้าส่วนใหญ่เป็นแฟนคลับนาย
พิธาอยู่แล้ว เมื่อมาถึงหลายคนจึงออกอาการกรี๊ด ส่งเสียงเชียร์ พร้อมหันไปพูดคุยกันว่า “
ฉันรักเขา”
ภคมน อัดวรงค์ จ้องยุบพรรคคือวิถีคนขี้แพ้ ท้าลงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.พิษณุโลก วัดเสียงหนุน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4731157
‘ภคมน’ จวกกลับ ‘หมอวรงค์’ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นบ้าง อย่าจ้องหาเรื่องยุบพรรคคนอื่น ย้ำ ปชช.ตั้งสาขาครบถ้วนตาม กม.
เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม น.ส.
ภคมน หนุนอนันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชช.) กล่าวถึงกรณีทีj นพ.
วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กโดยระบุว่า พรรคไทยภักดีเตรียมยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบพรรค ปชช. เพราะมีสาขาพรรคไม่ครบ 4 ภาคเป็นระยะเวลาต่อกันเกิน 1 ปี อันเป็นเหตุให้พรรค ปชช.ต้องสิ้นสภาพหรือยุบพรรคไปว่า พรรค ปชช.มีสาขาพรรคครบทั้ง 4 ภาค ได้แก่ ภาคใต้ จ.นครศรีธรรมราช, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.สกลนคร, ภาคกลาง จ.ราชบุรี, และภาคเหนือ จ.นครสวรรค์ ดังนั้น เรื่องการตั้งสาขาพรรคเรามีครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดแน่นอน แต่ข้อมูลบนหน้าเว็บไซต์ของ กกต.อาจจะอัพเดตฐานข้อมูลในช่วงรอยต่อของการยกเลิกสาขา ครบวาระ หรือตั้งสาขาใหม่ จึงทำให้ระบุสาขาพรรคไม่ครบถ้วน
น.ส.
ภคมนกล่าวต่อว่า จึงขอฝากถึง นพ.
วรงค์ว่า ได้รับข้อมูลอะไรมา อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุปและตีฟูเป็นประเด็น ต้องตรวจสอบข้อมูลให้ครบถ้วนก่อน มิเช่นนั้นจะเกิดสถานการณ์หน้าแตกดังที่เห็น ทั้งนี้ เข้าใจว่าการแพ้เลือกตั้งซ้ำซากหลายสมัยอาจทำให้ นพ.
วรงค์รู้สึกหงุดหงิด ดังนั้น ในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 ที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ จึงขอเชิญชวนให้ นพ.
วรงค์มาลงสมัครด้วย จะได้รู้ชัดว่าประชาชนยังคงสนับสนุน นพ.
วรงค์อยู่ หรือชีวิตทางการเมืองของ นพ.
วรงค์อวสานไปนานแล้ว
“
พรรคประชาชนขอเตือนด้วยความหวังดีว่า การจ้องแต่จะร้องยุบพรรคคนอื่นคือวิถีของคนขี้แพ้ ที่ไม่สามารถชนะเลือกตั้งด้วยตัวเองได้ ขอให้คุณหมอเอาเวลาไปทำอย่างอื่นและใช้เวลาในการพัฒนาพรรคของตัวเองบ้าง น่าจะเกิดประโยชน์กับประชาชนมากกว่า” น.ส.
ภคมนกล่าว
ส.เอสเอ็มอี เดินสายรับฟัง ‘วิกฤตธุรกิจ’ ทั่วทิศ จี้รัฐเร่งแก้ไข 5 เรื่องร้อน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4731250
สมาพันธ์เอสเอ็มอี เดินสายรับฟัง ‘วิกฤตธุรกิจ’ ทั่วทิศ จี้รัฐเร่งแก้ไข 5 เรื่องร้อน
เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม นาย
แสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้สมาพันธ์อยู่ในช่วงสัญจรพบปะสมาคมและผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อมทั่วประเทศ เพื่อพบปะพูดคุย รับฟังปัญหาที่กำลังเผชิญ และข้อเสนอแนะ รวมถึงแนวทางที่ผู้ประกอบการอย่างให้ภาครัฐและนายกรัฐมนตรีอยากให้ผลักดันและขับเคลื่อนได้จริงในทางปฏิบัติ คาดว่าจะได้ข้อสรุปทุกภาคภายในเดือนสิงหาคมนี้ จากนั้นจัดทำเอกสารข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อส่งถึงภาครัฐให้เร็วที่สุด ไม่เกินเดือนกันยายนนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนงานรัฐบาล ผ่านงบประมาณปี 2568
“
ในการช่วงสัญจรทั่วประเทศ เมื่อเราได้เก็บข้อมูล ดูว่าผู้ประกอบการต้องการอะไรต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างที่รัฐบาลก็กำลังดำเนินการ โดยที่ได้ลงพื้นที่จะคล้ายคลึงกัน ใน 5 เรื่องสำคัญ” นาง
แสงชัยระบุ
นาย
แสงชัยกล่าวว่า สำหรับ 5 เรื่องที่ผู้ประกอบต้องการให้รัฐบาลเร่งดำเนินการคือ เรื่องแรก ต้องการเร่งรัดให้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เรื่องสอง ทุกคนเจอปัญหากำลังซื้อหดตัว สวนทางกับต้นทุนประกอบการสูงขึ้น เรื่องสาม การเข้าถึงสินเชื่อได้น้อย ทั้งๆ ที่รัฐมีการออกมาตรการซอฟต์โลนแสนล้าน และค้ำประกันสินเชื่อ 5 หมื่นล้าน แต่ยังเจอปัญหาเข้มงวดและยึดหลักการพิจารณาเหมือนเดิม ซึ่งหากผู้ประกอบการไม่เจอปัญหารายได้ตก ใช้เงินกับค่าใช้จ่ายมากขึ้น อาจมีผลต่อการชำระเงินไม่ตรงเวลาหรือขาดส่งจนถูกขึ้นบัญชี แต่ยังเป็นผู้ประกอบการที่มีตั้งใจต่อการทำธุรกิจและมีอนาคตหลังเศรษฐกิจฟื้นตัวเต็มที่ แต่ในตอนนี้ขาดสภาพคล่องในการประคองธุรกิจ ที่ผ่านมาความเชื่อเหลือผ่านมาตรการการเงินของภาครัฐต่อเอสเอ็มอีมักไม่ตรงปก และมีการลักไก่ให้สิทธิกับลูกค้าเก่า ทั้งที่ไม่ได้เจอปัญหาขาดสภาพคล่องแต่อยู่ในเกณฑ์ของแบงก์ที่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
JJNY : 5in1 พิธาเชื่อ‘ณัฐพงษ์’นำพรรคได้ดี│สาวๆราชบุรีกรี๊ดเจอพิธา│ภคมนอัดวรงค์│จี้รัฐเร่งแก้ไข│ยกเลิกห้ามขายอาวุธให้ซาอุ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9357191
“พิธา” เชื่อ “เท้ง ณัฐพงษ์” นำพรรคประชาชนได้ดี ไม่แปลก “ธนาธร” มีบทบาทมากขึ้น ไม่หวั่นดาบสองคดี 44 สส. ชี้โทษตัดสิทธิ์ไม่ยุติธรรม
วันที่ 11 ส.ค. 2567 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกภายหลังพรรคประชาชนเปิดตัว ว่า ในฐานะประชาชนและในฐานะผู้ร่วมงานก็ไม่ได้เกินความคาดหมาย มั่นใจว่าพรรคประชาชนจะสามารถที่จะบริหารจัดการได้ โดยวิถีทางของพรรค และรู้สึกไม่ได้เป็นเรื่องน่ากังวลใจตั้งแต่ต้น
เมื่อถามว่าจนถึงวันนี้หลังถูกยุบพรรครู้สึกอย่างไรบ้าง นายพิธา กล่าวว่า ส่วนตัวเบาใจ สบายใจ แต่หากให้พูดถึงส่วนรวมก็รู้สึกหนักใจกับระบบการเมือง ระบบสังคม และระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากมีปัญหาต้องแก้ไขเยอะ
“ส่วนตัวรู้สึกสบายใจดี เมื่อเช้าได้ออกกำลังกายเต็มที่ มันก็เลยเป็นความรู้สึกที่บอกยากนิดหนึ่ง ส่วนตัวก็อย่างหนึ่ง ส่วนรวมก็อีกความรู้สึกหนึ่ง” นายพิธา กล่าว
เมื่อถามว่าเห็นนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ออกสื่อแล้ว ถือว่าพอไปได้หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไปได้ดีแน่นอน เพราะตนรู้จักนายณัฐพงษ์มานานมาก ตั้งแต่เริ่มทำการเมืองด้วยกัน
ดังนั้น ไม่มีอะไรต้องห่วงหรือต้องฝาก เชื่อว่าเขาจะทำได้ดีแน่นอนอยู่แล้ว ซึ่งวันนี้ตนมาช่วยผู้สมัครนายก อบจ.ราชบุรี ในนามผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน คงต้องปราศรัยถึงนายณัฐพงษ์ และนายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชนด้วย เพื่อให้ประชาชนมั่นใจถึงการทำงานแบบไร้รอยต่อ ทั้งในสภาและในพื้นที่
ผู้สื่อข่าวถามว่าคนยังติดภาพนายพิธาเป็นคนนำทัพพรรคอยู่ นายพิธา กล่าวว่า “โอ๊ย ผมว่าไม่จริงเลยครับ จากตัวเลข สถิติ หรือการตอบรับจากประชาชน ก็สะท้อนอยู่แล้วว่าไม่ได้ยึดติดกับผม”
เมื่อถามว่ามีอะไรที่เป็นเทคนิคอยากจะแนะนำนายณัฐพงษ์หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่มีอะไรต้องแนะนำ เพราะปกติเขาจะเป็นคนแนะนำตน ตอนสมัยตนเป็นหัวหน้า แล้วตนฝากคำถามว่าตนต้องการทำแบบนี้ คุณช่วยไปหาคำตอบมาให้หน่อย เดี๋ยวตนจะเล่าให้ฟังว่านายณัฐพงษ์ทำให้ตนประทับใจอย่างไร ทั้งนายณัฐพงษ์และนายศรายุทธิ์ มีความคล้ายกันอยู่ แต่ก็มีความต่างที่ลงตัว
เมื่อถามว่าทั้งนายณัฐพงษ์ และนายศรายุทธิ์ สนิทสนมกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ทำให้นายธนาธรอาจมีบทบาทมากขึ้นในพรรคประชาชน นายพิธา กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะทุกคนสนิทกันหมด 3 ท.ทหาร ด้วยการทำงานอย่างหนัก การแลกเปลี่ยนกันจนกลายเป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงาน ครอบครัวของนายณัฐพงษ์กับครอบครัวของตนก็สนิทกัน จนกลายเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ไปแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกว่าใครจะมาเพิ่มบทบาท เพราะพรรคนี้ทำงานเป็นทีม
เมื่อถามย้ำว่า หากพูดถึง 3 ท. กังวลหรือไม่ว่า ท.ที่ 3 จะโดนทุบทำลาย นายพิธา กล่าวว่า ไม่กังวล แต่ไม่ประมาท ตอนแรกก็คิดในลักษณะสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็ยังมีความรู้สึกว่า ยังมีความพยายามที่จะทำลายล้างกันอยู่
ดาบสองก็ยังมีโอกาสตัดสิทธิ์ตน จากกรณี สส. 44 คน ร่วมลงชื่อเสนอร่างกฎหมายแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีโทษตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต
ฉะนั้น จึงเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องทำความเข้าใจ และต่อสู้ให้เห็นว่าในฐานะผู้เสนอกฎหมายในฐานะสส. เป็นเรื่องปกติ และแน่นอนว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาด แต่เราก็เตรียมตัวให้หนักกว่าเดิม
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่า กรณี 44 สส. จะทำให้พรรคประชาชนไปได้ไม่ถึงปี นายพิธา กล่าวว่า ไม่กังวล ซึ่งกระบวนการเตรียมการเข้าไต่สวน ก็เป็นไป
ตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ตนคิดว่าก่อนที่ลงรายละเอียดไปถึงภาพย่อย เราต้องดูภาพใหญ่ก่อนว่า เวลาเราลงโทษใคร ต้องดูที่ความผิดกับสัดส่วนของโทษ
“ถ้าฐานความผิดหมิ่นประมาท ลักขโมย ยาเสพติด แล้วโทษที่ได้รับเป็นประหารชีวิต ผมว่าตรงนี้มันไม่ได้สัดส่วนกัน ถ้าเกิดจะบอกว่าผิดที่จริยธรรม คราวนี้จริยธรรมของผม จริยธรรมของเขา หรือจริยธรรมของคนที่อยู่ในที่นี้ มันไม่เหมือนกัน
ฉะนั้น แทนที่จะตัดสิทธิ์กันผมก็เห็นว่ามันไม่ยุติธรรมกับเพื่อน สส.ในอดีตหลายคนที่ผ่านมา ทั้งที่เป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล เขาผิดแค่นี้ แล้วเล่นแบบนี้ ไม่มีกฎหมายเอาผิดพวกเขาได้ด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้ใครจะเป็นตำรวจจริยธรรม มันทำให้สังคมอันตราย” นายพิธา กล่าว
เมื่อถามว่าคำตัดสินคดียุบพรรคจะทำให้เป็นเชื้อเพลิง คดี 44 สส. ที่ให้ ป.ป.ช.ฟันได้เร็วขึ้นนั้น นายพิธา กล่าวว่า ต้องไปดูคำวินิจฉัยของตุลาการทั้ง 9 ท่าน ตอนนี้ยังไม่สามารถตอบได้
เมื่อถามว่ากรณีที่พรรคประชาชนประกาศไม่ลดเพดานแก้ไข ม.112 จะทำให้พรรคเดินไปยากหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตนตอบแทนพวกเขาไม่ได้ แต่เชื่อว่าเขามีคำตอบ
สาวๆราชบุรีกรี๊ดเจอ “พิธา” แห่ขอกอด บอก “ฉันรักเขา” พิธาแซวตัวเอง รับของเกิน 3 พันได้แล้ว
https://ch3plus.com/news/political/morning/412226
วันนี้ (11 ส.ค. 2567) เวลา 14.45 น. ที่ตลาดนัดคลองหมาเน่า ภายในตลาดเกษตรกร ต.บ้านสิงห์ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ เพื่อช่วยนายชัยรัตน์ ศักดิ์อิสระพงศ์ ผู้สมัครนายก อบจ.ราชบุรี หาเสียงเลือกตั้ง โดยมีนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคประชาชน และนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ร่วมลงพื้นที่ด้วย
ทันทีที่นายพิธามาถึงได้แวะทักทายพี่น้องกรรมกรที่กำลังเดินทางกลับบ้าน พร้อมแซวตัวเองว่า ตอนนี้ผมโดนตัดสิทธิ์แล้ว ตอนนี้ของที่ทุกคนนำมามอบให้ เกิน 3,000 บาท ผมเอากลับบ้านได้แล้ว เพราะโดนตัดสิทธิ์แล้ว ก่อนที่จะข้ามมาฝั่งตลาด ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าในตลาดได้แห่กันออกมาต้อนรับ ให้กำลังใจและขอถ่ายรูป ซึ่งส่วนใหญ่ออกปากชมว่า ตัวจริงนายพิธาหล่อมาก
ทั้งนี้ ระหว่างการเดินภายในตลาดเพื่อขอคะแนนเสียง แม่ค้าร้านขายผลไม้ ได้นำส้ม 2 ลูก ซึ่งสื่อแทนสัญลักษณ์ของพรรคก้าวไกลและพรรคประชาชน มามอบให้ รวมถึงมีประชาชนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มาขอถ่ายรูปตลอดที่เดินตลาด ซึ่งนายพิธา ได้บอกกับประชาชนว่า ให้ถ่ายรูปชู 1 นิ้ว เพื่อเลือกหมายเลข 1 แทนการชู 2 นิ้ว
ช่วงหนึ่ง ได้มีเด็กผู้หญิง 2 คน เดินเข้ามาขอกอด ซึ่งนายพิธาออกอาการตกใจ พร้อมยกมือขึ้น ระบุว่า “เขากอดผมได้ แต่ผมกอดเขาไม่ได้”
นอกจากนี้ยังมีบางช่วงที่นายพิธา เดินผ่านเด็กๆ กลุ่มหนึ่ง อายุ 5-6 ปี เด็กๆ ได้ถ่ายรูป โดยนายพิธาได้ฝากโบชัวร์ไปให้พ่อแม่ พร้อมกล่าวว่า มีนโยบายการศึกษาด้วยนะครับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในวันนี้ค่อนข้าง เป็นไปด้วยความชื่นมื่น เนื่องจากบรรดาแม่ค้าส่วนใหญ่เป็นแฟนคลับนายพิธาอยู่แล้ว เมื่อมาถึงหลายคนจึงออกอาการกรี๊ด ส่งเสียงเชียร์ พร้อมหันไปพูดคุยกันว่า “ฉันรักเขา”
ภคมน อัดวรงค์ จ้องยุบพรรคคือวิถีคนขี้แพ้ ท้าลงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.พิษณุโลก วัดเสียงหนุน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4731157
‘ภคมน’ จวกกลับ ‘หมอวรงค์’ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นบ้าง อย่าจ้องหาเรื่องยุบพรรคคนอื่น ย้ำ ปชช.ตั้งสาขาครบถ้วนตาม กม.
เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชช.) กล่าวถึงกรณีทีj นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กโดยระบุว่า พรรคไทยภักดีเตรียมยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบพรรค ปชช. เพราะมีสาขาพรรคไม่ครบ 4 ภาคเป็นระยะเวลาต่อกันเกิน 1 ปี อันเป็นเหตุให้พรรค ปชช.ต้องสิ้นสภาพหรือยุบพรรคไปว่า พรรค ปชช.มีสาขาพรรคครบทั้ง 4 ภาค ได้แก่ ภาคใต้ จ.นครศรีธรรมราช, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.สกลนคร, ภาคกลาง จ.ราชบุรี, และภาคเหนือ จ.นครสวรรค์ ดังนั้น เรื่องการตั้งสาขาพรรคเรามีครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดแน่นอน แต่ข้อมูลบนหน้าเว็บไซต์ของ กกต.อาจจะอัพเดตฐานข้อมูลในช่วงรอยต่อของการยกเลิกสาขา ครบวาระ หรือตั้งสาขาใหม่ จึงทำให้ระบุสาขาพรรคไม่ครบถ้วน
น.ส.ภคมนกล่าวต่อว่า จึงขอฝากถึง นพ.วรงค์ว่า ได้รับข้อมูลอะไรมา อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุปและตีฟูเป็นประเด็น ต้องตรวจสอบข้อมูลให้ครบถ้วนก่อน มิเช่นนั้นจะเกิดสถานการณ์หน้าแตกดังที่เห็น ทั้งนี้ เข้าใจว่าการแพ้เลือกตั้งซ้ำซากหลายสมัยอาจทำให้ นพ.วรงค์รู้สึกหงุดหงิด ดังนั้น ในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 ที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ จึงขอเชิญชวนให้ นพ.วรงค์มาลงสมัครด้วย จะได้รู้ชัดว่าประชาชนยังคงสนับสนุน นพ.วรงค์อยู่ หรือชีวิตทางการเมืองของ นพ.วรงค์อวสานไปนานแล้ว
“พรรคประชาชนขอเตือนด้วยความหวังดีว่า การจ้องแต่จะร้องยุบพรรคคนอื่นคือวิถีของคนขี้แพ้ ที่ไม่สามารถชนะเลือกตั้งด้วยตัวเองได้ ขอให้คุณหมอเอาเวลาไปทำอย่างอื่นและใช้เวลาในการพัฒนาพรรคของตัวเองบ้าง น่าจะเกิดประโยชน์กับประชาชนมากกว่า” น.ส.ภคมนกล่าว
ส.เอสเอ็มอี เดินสายรับฟัง ‘วิกฤตธุรกิจ’ ทั่วทิศ จี้รัฐเร่งแก้ไข 5 เรื่องร้อน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4731250
สมาพันธ์เอสเอ็มอี เดินสายรับฟัง ‘วิกฤตธุรกิจ’ ทั่วทิศ จี้รัฐเร่งแก้ไข 5 เรื่องร้อน
เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้สมาพันธ์อยู่ในช่วงสัญจรพบปะสมาคมและผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อมทั่วประเทศ เพื่อพบปะพูดคุย รับฟังปัญหาที่กำลังเผชิญ และข้อเสนอแนะ รวมถึงแนวทางที่ผู้ประกอบการอย่างให้ภาครัฐและนายกรัฐมนตรีอยากให้ผลักดันและขับเคลื่อนได้จริงในทางปฏิบัติ คาดว่าจะได้ข้อสรุปทุกภาคภายในเดือนสิงหาคมนี้ จากนั้นจัดทำเอกสารข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อส่งถึงภาครัฐให้เร็วที่สุด ไม่เกินเดือนกันยายนนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนงานรัฐบาล ผ่านงบประมาณปี 2568
“ในการช่วงสัญจรทั่วประเทศ เมื่อเราได้เก็บข้อมูล ดูว่าผู้ประกอบการต้องการอะไรต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างที่รัฐบาลก็กำลังดำเนินการ โดยที่ได้ลงพื้นที่จะคล้ายคลึงกัน ใน 5 เรื่องสำคัญ” นางแสงชัยระบุ
นายแสงชัยกล่าวว่า สำหรับ 5 เรื่องที่ผู้ประกอบต้องการให้รัฐบาลเร่งดำเนินการคือ เรื่องแรก ต้องการเร่งรัดให้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เรื่องสอง ทุกคนเจอปัญหากำลังซื้อหดตัว สวนทางกับต้นทุนประกอบการสูงขึ้น เรื่องสาม การเข้าถึงสินเชื่อได้น้อย ทั้งๆ ที่รัฐมีการออกมาตรการซอฟต์โลนแสนล้าน และค้ำประกันสินเชื่อ 5 หมื่นล้าน แต่ยังเจอปัญหาเข้มงวดและยึดหลักการพิจารณาเหมือนเดิม ซึ่งหากผู้ประกอบการไม่เจอปัญหารายได้ตก ใช้เงินกับค่าใช้จ่ายมากขึ้น อาจมีผลต่อการชำระเงินไม่ตรงเวลาหรือขาดส่งจนถูกขึ้นบัญชี แต่ยังเป็นผู้ประกอบการที่มีตั้งใจต่อการทำธุรกิจและมีอนาคตหลังเศรษฐกิจฟื้นตัวเต็มที่ แต่ในตอนนี้ขาดสภาพคล่องในการประคองธุรกิจ ที่ผ่านมาความเชื่อเหลือผ่านมาตรการการเงินของภาครัฐต่อเอสเอ็มอีมักไม่ตรงปก และมีการลักไก่ให้สิทธิกับลูกค้าเก่า ทั้งที่ไม่ได้เจอปัญหาขาดสภาพคล่องแต่อยู่ในเกณฑ์ของแบงก์ที่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี