Spirit ... ความหวัง และ กำลังใจ
มีนิทานเก่าแก่เรื่องหนึ่งที่คิดว่าทุกคนคงเคยได้อ่านได้ยินมาบ้างแล้ว ขอทบทวนสรุปสำหรับหลานๆที่ยังไม่เคยได้ยินนิทานเรื่องนี้ ก่อนจะคุยต่อ
มีนักโทษคนหนึ่งถูกส่งไปเรือนจำแห่งหนึ่งอย่างสิ้นหวังในชีวิต คิดแต่จะจบชีวิตลงไปให้ไวๆ ห้องขังของเขาไม่มีหน้าต่าง มีแต่ประตูลูกกรงที่เห็นแต่ทางเดิน ที่นานๆทีจะมีเพื่อนนักโทษเข็นรถขนหนังสือต่างๆมาให้เลือกอ่าน
หลังจากพูดคุยปรับทุกข์ คุ้นเคยกับเพื่อนห้องขังข้างๆ แต่ก็ไม่มีโอกาสได้มองเห็นกันเพราะมีผนังห้องกั้น ก็ทราบว่าห้องเพื่อนข้างๆมีหน้าต่าง ถ้าอากาศเป็นใจก็มองออกไปเห็นข้างนอกได้บ้าง
เพื่อห้องข้างๆมักจะเล่าให้เขาฟังว่านอกหน้าต่างนั้น อิสระภาพเป็นอย่างไร มีดวงอาทิตย์ มีดวงจันทร์ ทุ่งหญ้า มีฟาร์มที่อยู่ไกลไปลิบๆ มีครอบครัว พ่อ แม่ลูก ที่อยู่กันอย่างเป็นสุข ไปจ่ายตลาด ขี่ม้า เล่นกับสัตว์เลี้ยง วันนี้วันนั้น ทำอะไรกัน ...
นั่นทำให้เขาคลายความเครียด มีความหวัง และ กำลังใจที่จะอยู่ต่อไปรอวันพ้นโทษ
เขาพอมีฝีมือในการวาดจึงได้วาดสเก็ตภาพเล่านั้นที่ได้ฟังจากเพื่อนข้างห้องที่บรรยายให้ฟังอย่างงดงาม
วันแล้ววันเล่า เดือน ปี ผ่านไป ... จนวันพ้นโทษ
เขาจึงอยากตอบแทนเพื่อนผู้จิตใจดี จึงคัดเลือกภาพวาดที่เขาคิดว่าสวยงาม หลายสิบภาพ ฝากผู้คุมไว้ให้เพื่อนข้างห้อง
พอเรื่องเดินมาถึงตรงนี้ ... ตอนจบมี 2 แบบ
แบบแรก
เขารู้จากผู้คุมว่า ... เพื่อนข้างห้องคนนี้ตาบอด และ เคยเป็นเจ้าของฟาร์ม
แบบที่สอง
ระหว่างทางกลับบ้าน เขาอยากรู้ว่าเรื่องราวต่างๆที่เพื่อนข้างห้องเล่านั้นสวยงามแค่ไหน เขาให้คนขับรถขับอ้อมไปทางหน้าต่างของเพื่อนข้างห้องจากทางด้านนอกเรือนจำ ซึ่งเขาพบว่า ... ห้องนั้นก็ไม่มีหน้าต่างเหมือนห้องเขา
เรื่องนี้มีคนนำมาเป็นตัวอย่างชวนคุยในหลายๆแง่หลายๆมุม
สิ่งที่ผมอยากชวนคุยวันนี้ คือ คนเราไม่ได้อยู่ได้ด้วยปัจจัย 4 ทางกายภาพเพียงอย่างเดียว ... คนเราต้องการอาหารใจ
บางคนปรุงอาหารใจขึ้นมากิน(หล่อเลี้ยงใจ)เองได้ แถมยังเผื่อแผ่ออกไปให้คนที่ใจหิวโหยได้อีก
บางคนก็ปรุงขึ้นมาเองไม่ได้ ต้องได้มีคนอื่นเอามาให้
ไม่มีใครที่เป็นคนแบบใดแบบหนึ่งได้ทุกเวลา บางที่ผมเองก็ไม่ไหว เหนื่อยท้อ หรือ ขี้เกียจปรุงกินเอง ก็อยากให้ใครมาป้อนเหมือนกัน แต่บางทีก็มีลูกฮึดปรุงกินเองก็มี เมื่อเหลือก็แบ่งปันคนรอบข้าง
ส่วนใหญ่นักเขียนสร้างแรงบันดาลใจมักจะคุยถึงนักโทษสองคนแล้วจบ
แต่ผมกลับคิดว่า มีอีก 1 (กลุ่ม)คน ควรพูดถึง แม้จะอยู่ในจิตนาการ
ครอบครัวเจ้าของฟาร์ม ...
เราทุกคนเป็นครอบครัวเจ้าของฟาร์ม ที่มีคนหลายมองเราอยู่เสมอแม้จะไม่ได้ตั้งใจ
เราสามารถสร้างแรงบันดาลใจ สร้างความสุข โดยการเป็นตัวอย่างที่ดี มีความหวัง ให้เป็นกำลังใจ เป็นแบบอย่างที่สร้างความหวังให้คนที่กำลังสิ้นหวังหมดกำลังใจที่อาจจะกำลังมองเราอยู่ และ เราอยากจะไม่รู้จักเขาเหล่านั้นเลยก็ตาม
พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร
https://nongferndaddy.com/
Spirit
มีนิทานเก่าแก่เรื่องหนึ่งที่คิดว่าทุกคนคงเคยได้อ่านได้ยินมาบ้างแล้ว ขอทบทวนสรุปสำหรับหลานๆที่ยังไม่เคยได้ยินนิทานเรื่องนี้ ก่อนจะคุยต่อ
มีนักโทษคนหนึ่งถูกส่งไปเรือนจำแห่งหนึ่งอย่างสิ้นหวังในชีวิต คิดแต่จะจบชีวิตลงไปให้ไวๆ ห้องขังของเขาไม่มีหน้าต่าง มีแต่ประตูลูกกรงที่เห็นแต่ทางเดิน ที่นานๆทีจะมีเพื่อนนักโทษเข็นรถขนหนังสือต่างๆมาให้เลือกอ่าน
หลังจากพูดคุยปรับทุกข์ คุ้นเคยกับเพื่อนห้องขังข้างๆ แต่ก็ไม่มีโอกาสได้มองเห็นกันเพราะมีผนังห้องกั้น ก็ทราบว่าห้องเพื่อนข้างๆมีหน้าต่าง ถ้าอากาศเป็นใจก็มองออกไปเห็นข้างนอกได้บ้าง
เพื่อห้องข้างๆมักจะเล่าให้เขาฟังว่านอกหน้าต่างนั้น อิสระภาพเป็นอย่างไร มีดวงอาทิตย์ มีดวงจันทร์ ทุ่งหญ้า มีฟาร์มที่อยู่ไกลไปลิบๆ มีครอบครัว พ่อ แม่ลูก ที่อยู่กันอย่างเป็นสุข ไปจ่ายตลาด ขี่ม้า เล่นกับสัตว์เลี้ยง วันนี้วันนั้น ทำอะไรกัน ...
นั่นทำให้เขาคลายความเครียด มีความหวัง และ กำลังใจที่จะอยู่ต่อไปรอวันพ้นโทษ
เขาพอมีฝีมือในการวาดจึงได้วาดสเก็ตภาพเล่านั้นที่ได้ฟังจากเพื่อนข้างห้องที่บรรยายให้ฟังอย่างงดงาม
วันแล้ววันเล่า เดือน ปี ผ่านไป ... จนวันพ้นโทษ
เขาจึงอยากตอบแทนเพื่อนผู้จิตใจดี จึงคัดเลือกภาพวาดที่เขาคิดว่าสวยงาม หลายสิบภาพ ฝากผู้คุมไว้ให้เพื่อนข้างห้อง
พอเรื่องเดินมาถึงตรงนี้ ... ตอนจบมี 2 แบบ
แบบแรก
เขารู้จากผู้คุมว่า ... เพื่อนข้างห้องคนนี้ตาบอด และ เคยเป็นเจ้าของฟาร์ม
แบบที่สอง
ระหว่างทางกลับบ้าน เขาอยากรู้ว่าเรื่องราวต่างๆที่เพื่อนข้างห้องเล่านั้นสวยงามแค่ไหน เขาให้คนขับรถขับอ้อมไปทางหน้าต่างของเพื่อนข้างห้องจากทางด้านนอกเรือนจำ ซึ่งเขาพบว่า ... ห้องนั้นก็ไม่มีหน้าต่างเหมือนห้องเขา
เรื่องนี้มีคนนำมาเป็นตัวอย่างชวนคุยในหลายๆแง่หลายๆมุม
สิ่งที่ผมอยากชวนคุยวันนี้ คือ คนเราไม่ได้อยู่ได้ด้วยปัจจัย 4 ทางกายภาพเพียงอย่างเดียว ... คนเราต้องการอาหารใจ
บางคนปรุงอาหารใจขึ้นมากิน(หล่อเลี้ยงใจ)เองได้ แถมยังเผื่อแผ่ออกไปให้คนที่ใจหิวโหยได้อีก
บางคนก็ปรุงขึ้นมาเองไม่ได้ ต้องได้มีคนอื่นเอามาให้
ไม่มีใครที่เป็นคนแบบใดแบบหนึ่งได้ทุกเวลา บางที่ผมเองก็ไม่ไหว เหนื่อยท้อ หรือ ขี้เกียจปรุงกินเอง ก็อยากให้ใครมาป้อนเหมือนกัน แต่บางทีก็มีลูกฮึดปรุงกินเองก็มี เมื่อเหลือก็แบ่งปันคนรอบข้าง
ส่วนใหญ่นักเขียนสร้างแรงบันดาลใจมักจะคุยถึงนักโทษสองคนแล้วจบ
แต่ผมกลับคิดว่า มีอีก 1 (กลุ่ม)คน ควรพูดถึง แม้จะอยู่ในจิตนาการ
ครอบครัวเจ้าของฟาร์ม ...
เราทุกคนเป็นครอบครัวเจ้าของฟาร์ม ที่มีคนหลายมองเราอยู่เสมอแม้จะไม่ได้ตั้งใจ
เราสามารถสร้างแรงบันดาลใจ สร้างความสุข โดยการเป็นตัวอย่างที่ดี มีความหวัง ให้เป็นกำลังใจ เป็นแบบอย่างที่สร้างความหวังให้คนที่กำลังสิ้นหวังหมดกำลังใจที่อาจจะกำลังมองเราอยู่ และ เราอยากจะไม่รู้จักเขาเหล่านั้นเลยก็ตาม
พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร
https://nongferndaddy.com/