เรื่องสั้น ชุด "ฝัน STory" ตอน สามวิฬาร์สาบสูญ (โดย จ๊ะ เสือไบ)

ข้าพเจ้าฝันเมื่อคืนวันจันทร์ที่ ๒๗ พ.ค. ๒๕๖๗ ในช่วงที่ข้าพเจ้าป่วยเป็น “ไข้หวัด”นอนซมอยู่ในห้องเช่าเท่ารูหนู ณ ชานกรุง ฝันของเรื่องนี้หาไม่อันใดมาก ชั่วแต่แมวที่บ้านนอกอันตรธานไป
 
...
      ข้าพเจ้าเกิดที่จังหวัดนครศรีธรรมราช แม้นโรงพยาบาลที่ข้าพเจ้าถือกำเนิดจักเป็นเขตอำเภอเมือง หากแต่ข้าพเจ้าเติบโตที่บ้านของมารดาในอำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช อันเป็นพื้นที่กันดาร การคมนาคม-รถประจำทางไม่สะดวกทั่วถึง ผู้คนจึงมักออกรถมอเตอร์ไซค์กันมาก เพื่อจักได้ขับไปไหนต่อไหนสะดวกสบาย
      สังคมของที่นี่เป็นสังคมเกษตรกรรมจำนวนมาก ริมถนนสองข้างทางเต็มไปด้วยแมกไม้เขียวชอุ่มนานาพรรณ มักเป็นผลิตผลทางการเกษตรเสียส่วนใหญ่ ทั้งทุเรียน กระท้อน มังคุด สะตอ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน กล้วยน้ำว้า ละมุดฝรั่ง ส้มมุด ชะอม มะไฟ มะม่วง   หิมพานต์ ฯลฯ 
      ข้าพเจ้าอาศัยอยู่ในบ้านของมารดา บ้านซึ่งปลูกในที่ดินของคุณยาย ปลูกมาร่วม ๒๕ ปีแล้ว ลักษณะเป็นบ้านชั้นเดียวมีใต้ถุนสูง หน้าบ้านมีบันไดสีอิฐพาดผ่านจากพื้นขึ้นสู่ตัวบ้าน บ้านเป็นบ้านอิฐมอญอันฉาบด้วยปูนคอนกรีตทาสีขาวทับทั่วทั้งภายนอกแลภายใน มีหลังคาสีนาวี ประตูทำด้วยไม้ยกเว้นประตูหน้าบ้านซึ่งทำด้วยกระจกแลอะลูมิเนียม หน้าต่างทำด้วยไม้ทั้งหมด บ้านปูด้วยไม้ปาร์เกต์เกือบทุกห้อง ยกเว้นห้องน้ำกับห้องครัว
ไม้คานด้านบนทำด้วยไม้ตะเคียน พื้นปาร์เกต์ทำด้วยไม้มะค่าแลไม้แดง ส่วนอื่นๆจักเป็นไม้สักทั้งหมด เพดานใช้ฝ้าไม้อัด ส่วนพื้นห้องน้ำใช้กระเบื้องหินแกรนิตอย่างดี ห้องครัวใช้กระเบื้องธรรมดา 
      บ้านมีสามห้องนอนสามห้องน้ำ ด้านขวาของบ้านติดกับบ้านหลังเก่าแลหลังใหม่ของคุณยาย อนึ่งบ้านหลังเก่าของคุณยายนั้น ข้าพเจ้าได้กล่าวไปแล้วในเรื่อง “ผียายทวด”
 
...
      บ้านของมารดาข้าพเจ้าตั้งอยู่ริมถนนลาดยาง ๒ เลน ที่มุ่งหน้าจากบ้านสามร้อยกล้าไปยังสถานีรถไฟบ้านทุ่งหล่อ ตรงข้ามกับบ้านของมารดาข้าพเจ้า มีบ้านอยู่สองหลัง-บ้านหลังแรกเป็นบ้านปูนชั้นเดียวของน้าหมู-บ้านหลังที่สองเป็นบ้านกึ่งปูนกึ่งไม้สองชั้น เป็นของตาสงบ
      เดิมทีบ้านสองหลังนี้เป็นของตาสงบทั้งหมด แต่แกได้ยายสำมะโนครัวไปปลูกบ้านใหม่อีกหลังหนึ่งห่างไปราว ๔ กิโลเมตร แลยกบ้านปูนชั้นเดียวให้น้าหมูบุตรชาย เป็นผู้ดูแล ส่วนบ้านกึ่งปูนกึ่งไม้ของแกนั้น แกก็ปล่อยทิ้งร้างให้ปลวกแทะไป
      น้าหมูมีศักดิ์เป็นน้าของข้าพเจ้า มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของมารดาข้าพเจ้า ส่วนตาสงบนั้นมีศักดิ์เป็นน้าชายของมารดา และเป็นน้องชายของคุณยายข้าพเจ้า อนึ่ง ทวดวุ่นในเรื่อง “ผียายทวด” นั้น ท่านคือมารดาของคุณยายแลตาสงบนั่นเอง 
      น้าหมูเป็นชายตัวเตี้ย ร่างผอมติดกระดูก ส่วนสูงประมาณ ๑๖๐ เซนติเมตร น้ำหนัก ๓๘ กิโลกรัม มีใบหน้ารูปหัวใจ ตัดผมสั้นทรงทหาร ผิวคล้ำหน้าตาคมเข้มแบบคนใต้ หูกาง โครงสร้างหูไม่สั้นไม่ยาว แต่ติ่งหูอวบแลยาว ดั้งหัก รูปจมูกไม่เท่ากัน แลดูเหมือนชมพู่ที่ผิดรูปทรง ฟันเหยิน ริมฝีปากบาง ทั้งฟันแลปากดำคล้ำเนื่องจากสูบบุหรี่จัด น้าหมูเคยเล่าให้ข้าพเจ้าฟังขำๆเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของตนเองว่า ครั้นเมื่อแกเดินทางไป “จับใบดำใบแดง” ณ ที่ว่าการอำเภอนั้น เมื่อทหารเห็นเรือนร่างของแกก็ไล่แกกลับบ้านทันที เพราะหน่วยก้านไม่ผ่าน
      ตามปกติวิสัยน้าหมูจักอาศัยอยู่กับเมียแลลูกชาย น้าอรคือเมียของน้าหมู อายุของน้าอร ๓๙ ซึ่งอ่อนกว่าน้าหมู ๒ ปี-โดยน้าหมูกับน้าอรมีลูกชื่อแม็กโคร อายุ ๑๗ ปี อนิจจาที่แม็กโครป่วยเป็น ออทิสติก แลไม่สามารถพูดได้ ส่วนน้าอรพิการขาขวาเนื่องจากอุบัติเหตุจากการเหยียบเศษกระเบื้อง แลน้าหมูก็เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง ยังผลให้ครอบครัวนี้ไม่มีความสุขเท่าที่ควร จนมีหลายคราที่น้าอร “รำคาญ” คนเมาอย่างน้าหมู แกจึงหอบเอาสัมภาระพร้อมลูกชายหนีกลับบ้านเกิดที่อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา เพื่อไปพักอาศัยอยู่กับพี่สาว แลนานๆทีถึงจะแวะกลับมาหาน้าหมูบ้างเป็นครั้งราว 
 
...
      มารดาของข้าพเจ้ามีแมวอยู่ ๓ ตัว เป็นมรดกตกทอดมาจากคุณตาก่อนที่ท่านจักจากไปไกลแสนไกล ท่านได้ทิ้งแมวตัวผู้ไว้ ๓ ตัว ตัวแรกเป็นแมวลายวัวชื่ออ้ายขาว ตัวที่สองเป็นแมวลายสลิดสีเทาชื่ออ้ายเทา ส่วนตัวสุดท้ายเป็นแมวสีขาวสลับเทาชื่ออ้ายตัวเอียด โดยแมวทั้ง ๓ ตัวนั้นอยู่ในการอุปการะของมารดาข้าพเจ้า แลข้าพเจ้ารักแมวทั้ง ๓ ตัวนี้มาก ชั่วไม่นานที่โศกนาฏกรรมคืบคลานเข้ามาหาครอบครัวของข้าพเจ้าอย่างมิทันตั้งตัว
แมวจากเดิมที่มี ๓ บัดนี้เหลือแค่ ๒ เพราะอ้ายตัวเอียดมันหายไป ข้าพเจ้ารอคอยอ้ายตัวเอียดนานนับเดือนก็ไม่เจอ จนต้องร้องขอมารดาให้ช่วยถามคนรู้จักละแวกใกล้เคียงว่าเห็นอ้ายตัวเอียดหรือไม่ ก็มิอาจปรากฏข่าวคราวของอ้ายตัวเอียดเลย ข้าพเจ้าจึงอนุมานว่าตัวเอียดเกิดอาการ “ติดสัด” จึงไปเที่ยวหาแมวตัวเมียเพื่อผสมพันธุ์ แล้วไม่กลับมาอีกเลย ฉันนั้นมารดาของข้าพเจ้าจึงเหลือแมวเพียง  ๒ ตัวคืออ้ายขาว-อ้ายเทา เท่านั้น
 
...
      กาลเวลาผ่านไป ๓ เดือน อ้ายเทาก็อันตรธานไปอีกตัว มารดาข้าพเจ้าถามคนละแวกใกล้เคียงว่ามีใครเห็นอ้ายเทาบ้างหรือไม่ ในที่สุดก็ไม่ทราบข่าวคราวของอ้ายเทาแม้แต่น้อย ข้าพเจ้าจึงอนุมานว่าอ้ายเทาคงมีอาการ “ติดสัด” เฉกเช่นเดียวกันกับอ้ายตัวเอียด ฉันนั้นมารดาของข้าพเจ้าจึงเหลือแมวเพียงตัวเดียวคืออ้ายขาวเท่านั้น
 
...
      เมื่อกาลเวลาผ่านไป ๒ เดือน โศกนาฏกรรมของเราเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่ออ้ายขาว แมวตัวสุดท้ายสาบสูญไป แม้มารดาจักสอบถามคนละแวกบ้าน ก็ไม่พบเบาะแสของอ้ายขาวแต่ประการใด ข้าพเจ้าอนุมานว่าอ้ายขาวคงติดสัดเหมือนกับแมว ๒ ตัวที่หายไปก่อนหน้า แลบัดนี้มารดาข้าพเจ้าไม่มีแมวเหลือเพียงตัวเดียว
 
...
      ณ อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา น้าอรต้องเผชิญกับเรื่องปวดเศียรเวียนเกล้า เมื่อลูกชายของพี่สาวซึ่งติดยาเสพติด เกิดอาการ “ลงแดง” จนทำลายข้าวของในบ้าน น้าอรจึงตัดสินใจจักกลับมาหาน้าหมูอีกครั้ง
๒ วันถัดมาน้าอรกลับมาพร้อมแม็กโครบุตรชายโดยจับรถไฟท้องถิ่นจากสถานีนาม่วงลงรถที่สถานีบ้านทุ่งหล่อ คราเมื่อรถไฟมาถึง น้าอรหยิบสมาร์ตโฟนโทรหาผัวสุดที่รักของแก แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก เนื่องจากน้าหมูเมาเหล้าขาวแล้วผล็อยหลับไป ด้วยเหตุนี้น้าอรจึงโทรหา “พี่เพ็ญ” คนละแวกนั้นให้ขับมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างมารับตนแลลูกชาย
เมื่อรถถึงบ้านน้าหมู น้าอรรีบเข้าบ้านทันที แต่แล้วแกก็ต้องพบกับเรื่องราวอันน่าตกใจสุดขีด!!! จากนั้นน้าอรจึงโทรศัพท์หาข้าพเจ้า เพื่อให้รีบมาดูสิ่งที่เกิดขึ้น

“โหล” ข้าพเจ้ารับโทรศัพท์
“น้องจ๊ะ มาแลไอ้ไหรโฉ้เร็ว น้าหมูก่อเรื่องแล้วเด้”[1]
“ที่ไหนหลาว”[2]
“บ้านน้าหมูนิ มาตะๆ”[3]
 
      ข้าพเจ้าข้ามถนนลาดยาง ๒เลนไปยังบ้านของน้าหมูในบัดดล แล้วข้าพเจ้าก็พบกับเรื่องราวสุดช็อกอย่างมหันต์ น้ำตาของข้าพเจ้าคลอที่เบ้า ทำเอาข้าพเจ้าเสียขวัญไปหลายวันเลยเทียว
ภาพที่เห็นนั้นมันช่างสยดสยองเสียนี่กระไร
      ข้าพเจ้าเห็นน้าหมูอยู่ในสภาพมึนเมา นั่งพื้นแลมีขวดเหล้าขาวเกลื่อนกลาด ไม่ใกล้ไม่ไกลจากขวดเหล่านั้นข้าพเจ้าพบซากแมว ๓ ตัวตั้งอยู่ มันคือแมวของมารดาข้าพเจ้านั่นเอง
      ข้าพเจ้าถามน้าหมู เรื่องความเป็นมาเกี่ยวกับซากแมวสามตัว ถามไปก็มิได้ความ เนื่องจากเจ้าตัวกำลังเมามายไร้สติ น้าอรจึงเป็นผู้เล่าเรื่องทั้งหมดเอง แต่คงเป็นการยากหากข้าพเจ้าจักจาระไนถ้อยคำของน้าอรเป็นถ้อยคำภาษาใต้ยาวๆ แล้วมาแปลเป็นภาษากลางอีกที คงเสียเพลาแลเปลืองหน้ากระดาษพอสมควร ฉันนั้นข้าพเจ้าใคร่ขอสรุปเรื่องราวอันเป็นโศกนาฏกรรม ดังนี้
 
...
      ก่อนที่อ้านตัวเอียดจักหายไปตลอดกาล วันหนึ่งขณะน้าหมูกำลังดื่มเหล้าขาวอย่างเมามายนั้น พิษสุราจึงยังความคิดยิ้มแก่ชายวัย ๔๑ ยิ่งนัก 
เมื่อน้าหมูเห็นอ้ายตัวเอียดซึ่งกำลังเที่ยวเตร่หาแมวตัวเมียเพื่อผสมพันธุ์นั้น น้าหมูจึงจัดการโดยใช้จอบ “สังหาร”แมวผู้น่าสงสาร แล้วจับมาทำเมนู “คั่วกลิ้งแมว” อันน่ารับประทานสำหรับแก
      กรณีของอ้ายเทาก็เฉกเช่นเดียวกันกับอ้ายตัวเอียด น้าหมูใช้ไขควงอันใหญ่แทงเจ้าเหมียวจนท้องทะลุ! แล้วจับทำเมนู “แมวบ้านต้มขมิ้น” ซดคล่องคอพร้อมกับเหล้าขาวจนอร่อยเหลือเชื่อสำหรับแก
      กรณีอ้ายขาวอาจผิดแผกไปจากสองตัวก่อนหน้าบ้าง กล่าวคือเมื่อน้าหมูดื่มเหล้าเมามายได้ที่ ก็นึกอยากกินเมนูแมวเหมียวอีกสักหน เผอิญว่าอ้ายขาวซึ่งนอนอยู่หน้าบ้านของมารดาข้าพเจ้า และเผอิญว่ามันเป็นเพลา ๖ โมงเช้า ยังไม่ถึงเวลาตื่นดี น้าหมูจึงแอบเข้ามาในอาณาเขตบ้านของมารดาข้าพเจ้า แล้วใช้มืออันดำขลับบีบคออ้ายขาว แมวผู้น่าสังเวชจนสิ้นลมหายใจ จากนั้นจึงนำซากอ้ายขาวไปทำเมนู "แมวเหมียวผัดพริกไทยดำ" อันโอชาลิ้นชายวัย ๔๑
      สองวันต่อมาน้าอรกับแม็กโครจับรถไฟจากอำเภอนาหม่อมมาพอดี จึงได้มาเห็นซากแมวทั้งหมด สองสามีภรรยาถึงขั้นทะเลาะกันจนมีปากมีเสียง เมื่อน้าหมูสร่างเมาก็เล่าความจริงให้น้าอรฟัง แต่แล้วน้าหมูก็กลับมาดื่มจนเมามายอีก น้าอรจึงโทรศัพท์เรียกข้าพเจ้าเข้าไปดูเหตุการณ์

...
บทสุดท้ายของเรื่องลงเอยที่ข้าพเจ้าโวยวายใส่น้าหมู ในขณะที่ใบหน้าแลเบ้าตาของข้าพเจ้าแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้า

“น้าหมู!!! เติ้นฆ่าแมวผมไซร”[4]

      น้าหมูผู้เมาได้ที่ก็นั่งหน้ามึนพูดจางึมงำมิได้ศัพท์อยู่อย่างนั้น ข้าพเจ้าจึงถามด้วยคำถามเดิม ก็มิได้คำตอบอันใดนอกจากเสียงงึมงำ แล้วไม่นานเสียงนาฬิกาปลุกก็ดังขึ้น ข้าพเจ้าจึงตื่นขึ้นมาด้วยความเสียขวัญ ในเช้าวันอังคารที่ ๒๘ พ.ค. ๒๕๖๗
 
จ๊ะ เสือไบ
๑๕ มิ.ย. ๒๕๖๗
                               
[1] แปล น้องจ๊ะมาดูอะไรหน่อยเร็ว น้าหมูของก่อเรื่องแล้วล่ะ
[2] แปล ที่ไหนอีก
[3] แปล บ้านน้าหมูนี่ มาสิมาสิ
[4] แปล น้าหมูฆ่าแมวผมทำไม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่