เอื้องอั่วหรือไอ้อั่ว เป็นแมวสีขาวลายแปะนิดหน่อย ส่วนที่แปะของมันเป็นลายสลิด เป็นแมวหางขอด ตัวโต เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน ใจดี ขี้อ้อน มีคุณสมบัติครบถ้วนในแบบที่แมวน่ารักๆตัวนึงควรจะเป็น
แม่ของไอ้อั่วชื่อเอื้องคำ พ่อมันชื่อละไม เอื้องคำมีพี่น้องอีกตัวนึงเป็นคู่กัน ภรรยาผมไปรับมันมาดูแลจากตลาด ตั้งชื่อให้ว่าเอื้องคำ-มอนไข่ เอื้องคำและมอนไข่เป็นชื่อของกล้วยไม้พื้นเมืองของทางเหนือ ที่บ้านผมก็มีทั้งสองชนิดในตอนนั้น
พ่อของมันที่ชื่อละไม ก็รับมาจากตลาดเหมือนกัน สามตัวเทครัวมาเลย สามพี่น้องชื่อว่าละเมียด - ละมุน - ละไม
และละไมกับเอื้องคำก็ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน สร้างครอบครัวเล็กๆของมัน มีลูกมาหนึ่งครอกเป็นตัวผู้ทั้งสามตัว ชื่อว่าเอื้องทอง - เอื้องเงิน - เอื้องอั่ว
และมอนไข่ออกไปคบค้ากับผู้ชายต่างถิ่นไม่ปรากฎหน้าตาและสีสัน เธอกลับมาบ้านและคลอดลูกออกมาสี่ตัว คือ หมอนข้าง - ใบหม่อน - ข้าวมอลต์ และเลมอน ครอบครัวของเธอเรียกขานแบบง่ายๆได้ว่า มอน - หม่อน - ม่อน - ม้อน - หมอน ลูกของเธอก็เป็นผู้ชายหรือตัวผู้ทั้งสี่ตัว เป็นอันว่าในตอนนั้นผมมีแมวเด็กที่เป็นผู้ชายทั้งสิ้นถึงเจ็ดตัว
เอาละ เล่าไปมันก็จะยาว เราไม่อาจขีดเขียนความหลังไว้ได้ในกระดาษแผ่นเดียว สรุปง่ายๆให้ช้ำใจอย่างบอบบางที่สุดคือไอ้อั่วอายุได้ปีกว่าๆและมันหายไป
วันนี้ก็เป็นวันเสาร์อีกเหมือนเคยคือภรรยาผมและลูกๆจะไปถวายอาหารครูบาอาจารย์ที่วัดและเราคิดกันว่าจะทำ " ไส้อั่ว " อาหารพื้นเมืองของชาวเชียงใหม่หรือชาวล้านนา ทำจากเนื้อหมูยัดเข้าไปในไส้เหมือนๆไส้รกอกหรือฮอทดอก ซอสเซจนี่แหละ เป็นซอสเซจในแบบคนเมือง
ส่วนผสมจริงๆก็ไม่มีอะไรมากครับ ที่เราควรจะมีคือเวลาประมาณครึ่งวัน ถ้ามีไม่ถึงครึ่งวันอย่าเพิ่งคิดทำไส้อั่ว
ไส้ - ไส้หมู ถ้าตลาดของเมืองเหนือบอกไปเลยว่าเอาไส้อั่ว แม่ค้าจะจัดการให้แต่ส่วนใหญ่จะต้องสั่งล่วงหน้า
จิ๊นหมู - เนื้อหมู ถ้าขยันหน่อยก็สับด้วยมีด ถ้าประหยัดเวลาก็เลือกส่วนเนื้อแล้วให้แม่ค้าบดให้ ใช้เนื้อผสมกับส่วนที่เป็นมันหมูจะทำให้รสชาติหวานมันและรสสัมผัสนุ่มนวล
พืชผักที่ต้องหามา ส่วนใหญ่เก็บจากหลังบ้าน
ขะมิ่น - ขมิ้น เอาหัวสดๆดีกว่าแบบผง สีอาจจะไม่เข้มเท่าแต่กลิ่นหอมกว่ากันมาก
พริกแห้ง - พริกแห้ง เอาทั้งเม็ดใหญ่และเม็ดเล็ก
หอมแดง -หอมแดง
หอมขาว - กระเทียม
จั๊กไค - ตะไคร้
ใบหม่ากูด-ใบมะกรูด
โขลกให้เข้ากันแบบหยาบๆก็ได้ เติมกะปิลงไปนิดหน่อย เอาส่วนผสมคลุกเคล้าให้เข้ากับเนื้อหมู ใส่เครื่องปรุงสามอย่าง
น้ำป๋า - น้ำปลา
ซอสเขียว - ซอสปรุงรส
น้ำมันหอย - ซอสหอยนางรม
คลุกเคล้าให้เข้ากันดี ยัดเข้าไปในไส้ มัดหัวมัดท้ายแล้วเอาขึ้นย่างไฟอ่อนๆ ค่อยๆหมุนให้ได้ความร้อนทั่วกัน อย่าใช้ไฟแรง อย่าให้ไฟลุก ปิ้งปลาหมองอแล้วให้กลับ ปิ้งปลาดุกไฟลุกให้ดับ ปิ้งไส้อั่วก็คงจะอย่างนั้นละมังครับ เอิ้ก เอิ้ก
ดูสี ดมกลิ่น ก็ตัดสินได้ว่ามันสุกหรือยัง ตัดสินมันด้วยหัวใจไม่ใช่นาฬิกา หาข้าวเหนียวมาซักปั้น นั่งกินอย่างเงียบๆ อบอุ่นๆ
แล้วความหิวก็ผ่านไป ข้าวเหนียวหายไป ไส้อั่วหายไป เอื้องอั่วหายไป ตอนนี้เหลือเพียงจานเปล่าๆกับชายสูงวัยที่ละห้อยความหลัง
บางสิ่งบางอย่างสูญสลายไปตามกาลเวลาในแบบที่มันจะต้องเป็น แต่บางสิ่งบางอย่างยังคงมีชีวิตและตัวตนอยู่ที่ไหนซักที่ ในซอกหลืบของความคิดคำนึง
พ่อคิดถึงแกนะไอ้อั่ว
พ่อกับแม่คิดถึงแกเสมอแหละ
...
ผมเคยมีแมวชื่อเอื้องอั่ว แต่ตอนนี้เหลือแต่ไส้อั่ว
แม่ของไอ้อั่วชื่อเอื้องคำ พ่อมันชื่อละไม เอื้องคำมีพี่น้องอีกตัวนึงเป็นคู่กัน ภรรยาผมไปรับมันมาดูแลจากตลาด ตั้งชื่อให้ว่าเอื้องคำ-มอนไข่ เอื้องคำและมอนไข่เป็นชื่อของกล้วยไม้พื้นเมืองของทางเหนือ ที่บ้านผมก็มีทั้งสองชนิดในตอนนั้น
พ่อของมันที่ชื่อละไม ก็รับมาจากตลาดเหมือนกัน สามตัวเทครัวมาเลย สามพี่น้องชื่อว่าละเมียด - ละมุน - ละไม
และละไมกับเอื้องคำก็ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน สร้างครอบครัวเล็กๆของมัน มีลูกมาหนึ่งครอกเป็นตัวผู้ทั้งสามตัว ชื่อว่าเอื้องทอง - เอื้องเงิน - เอื้องอั่ว
และมอนไข่ออกไปคบค้ากับผู้ชายต่างถิ่นไม่ปรากฎหน้าตาและสีสัน เธอกลับมาบ้านและคลอดลูกออกมาสี่ตัว คือ หมอนข้าง - ใบหม่อน - ข้าวมอลต์ และเลมอน ครอบครัวของเธอเรียกขานแบบง่ายๆได้ว่า มอน - หม่อน - ม่อน - ม้อน - หมอน ลูกของเธอก็เป็นผู้ชายหรือตัวผู้ทั้งสี่ตัว เป็นอันว่าในตอนนั้นผมมีแมวเด็กที่เป็นผู้ชายทั้งสิ้นถึงเจ็ดตัว
เอาละ เล่าไปมันก็จะยาว เราไม่อาจขีดเขียนความหลังไว้ได้ในกระดาษแผ่นเดียว สรุปง่ายๆให้ช้ำใจอย่างบอบบางที่สุดคือไอ้อั่วอายุได้ปีกว่าๆและมันหายไป
วันนี้ก็เป็นวันเสาร์อีกเหมือนเคยคือภรรยาผมและลูกๆจะไปถวายอาหารครูบาอาจารย์ที่วัดและเราคิดกันว่าจะทำ " ไส้อั่ว " อาหารพื้นเมืองของชาวเชียงใหม่หรือชาวล้านนา ทำจากเนื้อหมูยัดเข้าไปในไส้เหมือนๆไส้รกอกหรือฮอทดอก ซอสเซจนี่แหละ เป็นซอสเซจในแบบคนเมือง
ส่วนผสมจริงๆก็ไม่มีอะไรมากครับ ที่เราควรจะมีคือเวลาประมาณครึ่งวัน ถ้ามีไม่ถึงครึ่งวันอย่าเพิ่งคิดทำไส้อั่ว
ไส้ - ไส้หมู ถ้าตลาดของเมืองเหนือบอกไปเลยว่าเอาไส้อั่ว แม่ค้าจะจัดการให้แต่ส่วนใหญ่จะต้องสั่งล่วงหน้า
จิ๊นหมู - เนื้อหมู ถ้าขยันหน่อยก็สับด้วยมีด ถ้าประหยัดเวลาก็เลือกส่วนเนื้อแล้วให้แม่ค้าบดให้ ใช้เนื้อผสมกับส่วนที่เป็นมันหมูจะทำให้รสชาติหวานมันและรสสัมผัสนุ่มนวล
พืชผักที่ต้องหามา ส่วนใหญ่เก็บจากหลังบ้าน
ขะมิ่น - ขมิ้น เอาหัวสดๆดีกว่าแบบผง สีอาจจะไม่เข้มเท่าแต่กลิ่นหอมกว่ากันมาก
พริกแห้ง - พริกแห้ง เอาทั้งเม็ดใหญ่และเม็ดเล็ก
หอมแดง -หอมแดง
หอมขาว - กระเทียม
จั๊กไค - ตะไคร้
ใบหม่ากูด-ใบมะกรูด
โขลกให้เข้ากันแบบหยาบๆก็ได้ เติมกะปิลงไปนิดหน่อย เอาส่วนผสมคลุกเคล้าให้เข้ากับเนื้อหมู ใส่เครื่องปรุงสามอย่าง
น้ำป๋า - น้ำปลา
ซอสเขียว - ซอสปรุงรส
น้ำมันหอย - ซอสหอยนางรม
คลุกเคล้าให้เข้ากันดี ยัดเข้าไปในไส้ มัดหัวมัดท้ายแล้วเอาขึ้นย่างไฟอ่อนๆ ค่อยๆหมุนให้ได้ความร้อนทั่วกัน อย่าใช้ไฟแรง อย่าให้ไฟลุก ปิ้งปลาหมองอแล้วให้กลับ ปิ้งปลาดุกไฟลุกให้ดับ ปิ้งไส้อั่วก็คงจะอย่างนั้นละมังครับ เอิ้ก เอิ้ก
ดูสี ดมกลิ่น ก็ตัดสินได้ว่ามันสุกหรือยัง ตัดสินมันด้วยหัวใจไม่ใช่นาฬิกา หาข้าวเหนียวมาซักปั้น นั่งกินอย่างเงียบๆ อบอุ่นๆ
แล้วความหิวก็ผ่านไป ข้าวเหนียวหายไป ไส้อั่วหายไป เอื้องอั่วหายไป ตอนนี้เหลือเพียงจานเปล่าๆกับชายสูงวัยที่ละห้อยความหลัง
บางสิ่งบางอย่างสูญสลายไปตามกาลเวลาในแบบที่มันจะต้องเป็น แต่บางสิ่งบางอย่างยังคงมีชีวิตและตัวตนอยู่ที่ไหนซักที่ ในซอกหลืบของความคิดคำนึง
พ่อคิดถึงแกนะไอ้อั่ว
พ่อกับแม่คิดถึงแกเสมอแหละ
...