JJNY : 5in1 “พิธา”นำทีม“ก้าวไกล”│“ลิซ่า”ทำเยาวราชคึกคัก│ศาลฎีกายกคำร้อง│อสังหา‘อีอีซี’สต๊อกท่วม│ศก.เวียดนามครึ่งปีแรกโต

พิธา นำทีม ก้าวไกล ร่วมขบวน Thailand Pride ปชช.รอถ่ายรูป ตะโกนเรียก ‘นายกฯพิธา’
https://www.matichon.co.th/local/news_4655350
 
 
พิธา นำทีมก้าวไกล ร่วมขบวน Thailand Pride มอง ยังมีหลายเรื่องที่ต้องทำในเชิงกฎหมาย ด้าน ปชช.แห่รอขอถ่ายรูปตะโกนเรียก นายกพิธา

เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ที่ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ พรรคก้าวไกลนำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ,น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค ,นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ,นายปารมี ไวจงเจริญ  ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมส.ส.ของพรรค ร่วมเดินขบวน ในกิจกรรม Thailand Pride @ Bangkapi โดยเดินจากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ไปสิ้นสุดที่เดอะมอลล์บางกะปิ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักตลอดข้างทางมีประชาชนมารอถ่ายรูป พร้อมตะโกนให้กำลังใจพร้อมเรียก “นายกพิธา” เป็นระยะๆ

โดยนายพิธากล่าวว่า ยังมีเรื่องที่ต้องทำอีกเยอะในเรื่องเชิงกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการอ้ปเดตเรื่องที่เกี่ยวข้อง เช่นการเทรนรัฐบาล ข้าราชการที่มีความเปลี่ยนแปลงในหลายๆเรื่อง รวมถึงการรณรงค์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดความเข้าใจ เพราะถือเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เป็นเรื่องชีวิตของผู้คนทั้งความเป็น และความตาย

ถ้าเรามัวแต่ฉลองความสำเร็จเพียงอย่างเดียว แต่ไม่ได้มีการทำงานต่อเนื่องทั้งการเทรนข้าราชการให้เข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นการจดทะเบียน ประกันภัย สิทธิคู่ชีวิต จะต้องมีการเทรนเพื่อให้ไปต่อได้ ในการเฉลิมฉลองก็เข้าใจว่า ประเทศเรามีฉันทามติว่าต้องการเป็น world Pride แรกๆในเอเชีย เมื่อเราผ่านกฎหมายก็จะทำให้น้ำหนักของความน่าเชื่อถือสมกับโอกาสที่จะได้รับ เราจะเป็นประเทศเทศแรกๆที่ ได้เฉลิมฉลองระดับโลก ด้วยคุณค่าจริงๆ ไม่ใช่ทำเพื่อจัดพาเลซหรือแค่กระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องความเท่าเทียมไม่ใช้สินค้า



“ลิซ่า” ทำเยาวราชคึกคัก ชาวไทย-ต่างชาติ มายืนถ่ายรูปตามMV
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_739354/

เยาวราชคึกคัก นักท่องเที่ยว ชาวไทย-ต่างชาติ มายืนถ่ายรูปอยู่ตรงโลเคชั่นที่มีการถ่ายทำเอ็มวี”ลิซ่า” เนืองแน่น
 
บรรยากาศที่เยาวราชหลังจากลิซ่า BLACKPINK หรือ ลลิษา มโนบาล สมาชิกวง BLACKPINK ปล่อยเพลงออกมาเมื่อวานนี้ (28 มิ.ย.) ทำให้เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนเพลงทั่วโลกได้เป็นอย่าง 
 
ซึ่ง MV เพลงนี้ ได้มีการมาถ่ายทำที่ เยาวราช หรือไชน่า ทาวน์ ทำให้แฟนเพลงหลายคนมาตามรอยเอ็มวีกันอย่างคึกคัก ตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้โดยบรรยากาศช่วง 13:30 น.ของวันนี้ ก็คึกคักไม่ต่างกัน มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมายืนถ่ายรูปอยู่ตรงโลเคชั่นที่มีการถ่ายทำเอ็มวี และมีการพูดถึงเป็นอย่างมาก
 
แต่อาจจะไม่ค่อยคึกคักเท่าช่วงเย็น เนื่องจากสภาพอากาศเหมือนฝนจะตกเลยทำให้ประชาชากรที่มาเดินค่อนข้างน้อยกว่าปกติทั้งนี้ยังมีบทสัมภาษณ์ที่ออกมาจากคนระแวกนั้นว่า ตนไม่รู้ว่าศิลปินที่จะมาถ่ายทำเป็นใครรู้แค่ว่าเป็นคนดังเพียงเท่านั้น และได้มีการมาพูดคุยขอให้ปิดร้านเร็วกว่าเวลาปกติ อย่างไรก็ตามตอนนี้เพลง Rockstar ยอดวิวพุ่งทะลุไป 36 ล้านวิว เพียงข้ามคืน



ศาลฎีกายกคำร้อง 3 ข้อ สู่การเลือกสว.เป็นโมฆะ ขอให้ร้องตรงต่อกกต.
https://www.dailynews.co.th/news/3588383/
 
ผู้สมัคร สว. งง ศาลฎีกายกคำร้อง 3 ข้อ สู่การเลือก สว. เป็นโมฆะ ระบุขอให้ร้องตรงต่อ กกต. ผู้ร้องประหลาดใจรอดูคำตัดสิน กกต. อีกครั้ง ก่อนนำร้องศาลฎีกา รอบใหม่

เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. นายวิชชุกร คำจันทร์ ผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังยื่นเรื่องร้องต่อศาลฎีกา ต่อกรณีการจัดเลือก สว. ว่า ตนและผู้สมัคร สว. คนอื่น ได้เดินทางมายื่นร้องต่อศาลฎีกาใน 3 ประเด็น ประเด็นที่ 1 เกี่ยวกับคุณสมบัติผู้สมัคร สว. เป็นคุณสมบัติต้องห้ามตามมาตรา 14 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 กำหนดข้อห้ามไว้ว่าบุคคลซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ห้ามเข้ามาสมัครรับเลือก สว. แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า มีกำนันผู้ใหญ่บ้านหลายคนเข้ามาสมัครในครั้งนี้ ที่ผ่านทั้งระดับอำเภอ จังหวัด มาจนถึงรอบระดับประเทศ ผลของมัน คือ สว. ที่ได้รับเลือกจากบุคคลเหล่านี้ ก็จะเป็น สว. ที่มาจากบุคคลที่สมัครรับเลือก สว. โดยไม่ถูกต้อง ก็เหมือนกับคะแนนผี ซึ่ง กกต. เคยให้สัมภาษณ์ว่า จะเป็นความผิดรายบุคคล แต่เป็นเห็นว่าไม่ถูกต้องเพราะมีจำนวนไม่น้อย น่าจะทำให้การเลือก สว. ครั้งนี้เป็นโมฆะ เพราะไม่ใช่ความผิดบุคคล แต่เป็นความผิดที่เกิดจาก กกต. ไม่ตรวจสอบ แล้วปล่อยให้มีการนับคะแนนผีเหล่านี้ได้อย่างไร 

ประเด็นที่ 2 คือ ตามมาตรา 107 ของรัฐธรรมนูญ เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญต้องการให้การเลือก สว. ต้องเป็นการเลือกโดยไม่มีการสมยอมกัน แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏก็เห็นชัดเลยว่า การลงคะแนนเลือกในแต่ละกลุ่ม มีลักษณะการลงคะแนนในชุดตัวเลขเดียวกันเป็นจำนวนมาก เช่นกลุ่ม 19 มีตัวเลขเรียงกันและตรงกันทุกตำแหน่งถึง 27 คน เป็นไปได้อย่างไรที่จะเหมือนกันขนาดนี้ หากไม่ใช่การสมยอมกัน ถือว่าขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 107 

และประเด็นที่ 3 การเลือก สว. ครั้งนี้ เป็นการลงคะแนนแบบไม่ปิดลับ ทุกคนสามารถรับรู้กันหมดตั้งแต่ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด มาจนถึงระดับประเทศ ว่าผู้สมัครแต่ละคนเลือกเบอร์อะไร ขัดมาตรา 33 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. แต่ กกต. ไม่ได้มีการเปลี่ยนวิธีการเลย ยังคงใช้วิธีดังกล่าวมาจนถึงการเลือกในระดับประเทศ 

ทั้งนี้ หากข้อเท็จจริงเป็นไปตาม 1 ใน 3 ข้อที่ตนกล่าวมานี้ คิดว่าน่าจะมีคำวินิจฉัยให้การเลือก สว. ครั้งนี้ เป็นโมฆะ เพราะขัดทั้งรัฐธรรมนูญ ขัดทั้งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. แต่ปรากฏว่าศาลฎีกายกคำร้องโดยระบุว่า ให้ไปดำเนินการใช้สิทธิตามมาตรา 64 ร้องต่อ กกต. ซึ่งตนก็ค่อนข้างประหลาดใจ เนื่องจากตนได้ดำเนินการใช้สิทธิตามมติที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาข้อ 32 ระบุไว้ ว่าผู้สมัคร สว. ระดับประเทศ สามารถร้องได้ภายใน 3 วัน นับจาก กกต. มีคำสั่งเกี่ยวกับการเลือก อย่างไรก็ตาม เมื่อศาลแทงมาอย่างนี้ ตนก็ต้องรอดูว่า กกต. จะมีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ ซึ่งก่อนหน้านี้มีเพื่อนๆ ผู้สมัคร สว. ไปร้องเรียนเอาไว้ ดูว่าจะออกมาอย่างไร หลังจากนั้นตนจึงจะนำเรื่องกลับมาร้องที่ศาลฎีกาอีกครั้งหนึ่ง โดยใช้ประเด็นเดิมนี้ ซึ่งตนเห็นว่ามันมีน้ำหนักมาก เป็นประเด็นที่ชี้ให้เห็นว่าการเลือก สว. ครั้งนี้ ขัดรัฐธรรมนูญ



อสังหา ‘อีอีซี’ สต๊อกท่วมแสนล้าน พิษปิดโรงงานทุบกำลังซื้อดิ่ง คนแห่ขายบ้านหันเช่า ‘อพาร์ตเมนต์’ คึก
https://www.matichon.co.th/economy/news_4655277

อสังหา ‘อีอีซี’ สต๊อกท่วมแสนล้าน พิษปิดโรงงานทุบกำลังซื้อดิ่ง คนแห่ขายบ้านหันเช่า ‘อพาร์ตเมนต์’ คึก

เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์(REIC) เปิดเผยว่า ผลสำรวจที่อยู่อาศัยอยู่ระหว่างการขายไตรมาส 1 ปี 2567 ของพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(EEC)ใน 3 จังหวัด มีหน่วยเสนอขาย 50,401 หน่วย เพิ่มขึ้น 0.2% เป็นอาคารชุด 22,657 หน่วย เพิ่มขึ้น 25.1% มูลค่า 80,972 ล้านบาท บ้านจัดสรร 27,744 หน่วย ลดลง 13.8% มูลค่า 92,448 ล้านบาท

นายวิชัยกล่าวว่า เมื่อแยกรายจังหวัดพบว่าจังหวัดชลบุรีเหลือขาย 29,224 หน่วย เพิ่มขึ้น 10.8% มูลค่า 110,161 ล้านบาท เป็นอาคารชุด 17,300 หน่วย เพิ่มขึ้น 26.2% มูลค่า 66,383 ล้านบาท บ้านจัดสรร 11,924 หน่วย ลดลง 5.9% มูลค่า 43,778 ล้านบาท ทำเลเหลือขายมากสุดทั้งอาคารชุดและบ้านจัดสรร ได้แก่ ทำเลจอมเทียน พัทยา-เขาพระตำหนัก นิคมอมตะนคร-บายพาส นิคมพานทอง-พนัสนิคม และบางแสน-หนองมน-บางพระ

นายวิชัยกล่าวว่า ส่วนจังหวัดระยองมีที่อยู่อาศัยเหลือขาย 9,235 หน่วย ลดลง 19.8% มูลค่า 25,619 ล้านบาท เป็นอาคารชุด 920 หน่วย ลดลง 14.2% มูลค่า 3,239 ล้านบาท บ้านจัดสรร 8,315 หน่วย ลดลง 20.3% มูลค่า 22,381 ล้านบาท ทำเลมีหน่วยเหลือขายมากสุดทั้งอาคารชุดและบ้านจัดสรร ได้แก่ ทำเลนิคมมาบตาพุด เมืองระยอง นิคมอมตะซิตี้-อีสเทิร์น นิคมเหมราช และนิคมมาบตาพุด

นายวิชัยกล่าวว่า สำหรับจังหวัดฉะเชิงเทรามีที่อยู่อาศัยหลือขาย 5,385 หน่วย ลดลง 19.1% มูลค่า 15,894 ล้านบาท เป็นอาคารชุด 1,325 หน่วย ลดลง 25.6% มูลค่า 1,601 ล้านบาท บ้านจัดสรร 4,060 หน่วย ลดลง 16.8% มูลค่า 14,293 ล้านบาท โดยทำเลมีอาคารชุดและบ้านจัดสรรเหลือขายมากสุด ได้แก่ ทำเลบางปะกง เมืองฉะเชิงเทรา และบ้านโพธิ์

ตลาดที่อยู่อาศัยชลบุรียังมีโอกาสขยายตัว แต่ต้องระวังอุปทานส่วนเกินของอาคารชุด และทาวน์เฮ้าส์ที่ยอดขายปรับตัวลดลงติดต่อกัน 5 ไตรมาส ส่วนบ้านเดี่ยวยังขยายตัวดี บ้านแฝดทรงตัว ส่วนระยองเป็นตลาดที่ยอดขายบ้านจัดสรรปรับตัวลง แต่ไม่เกิดอุปทานส่วนเกิน เพราะผู้ประกอบการปรับตัวลดการเติมอุปทานใหม่ รวมถึงอาคารชุดที่ควรเว้นช่วงเติมอุปทาน ด้านฉะเชิงเทราเป็นตลาดเล็กและเป็นบ้านจัดสรร ยอดขายลดลงค่อนข้างแรง ขณะที่อาคารชุดก็ชะลอตัว” นายวิชัยกล่าว

นายวัฒนพล ผลชีวิน นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชลบุรีโดยภาพรวมยังพอไปได้ในบางเซ็กเมนต์ที่ราคาเกิน 5 ล้านบาทขึ้นไป แต่ที่ต่ำกว่า 3-5 ล้านบาท ยังมีปัญหากู้แบงก์ไม่ผ่านสูงถึง 50% มีผลให้ทั้งตลาดชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัดทั้งยอดขาย ยอดโอนกรรมสิทธิ์ การเข้าชมโครงการที่ลดลงไปมากกว่า 30% โดยเฉพาะกำลังซื้อโซนนิคมอุตสาหกรรมที่หายไปมาก เช่น นิคมอมตะ บ่อวิน

จากภาวะเศรษฐกิจและการปิดตัวของโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ทำให้คนไม่มั่นใจเศรษฐกิจและหน้าที่การงาน จึงชะลอการซื้อที่อยู่อาศัยและเปลี่ยนเป็นการเช่าแทน ทำให้ตั้งแต่ปลายปี 2566 ตลาดอพาร์ตเมนต์และหอพักกลับมาคึกคักขึ้นจากช่วงโควิดถึง 100% อยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดดอกเบี้ยลงและเลิกมาตรการ LTV ชั่วคราว เพื่อกระตุ้นตลาด เพราะตอนนี้กำลังซื้อใหม่ในตลาดก็ไม่มี ขณะที่ลูกค้าเก่าที่ผ่อนอยู่ก็ประกาศขายบ้านกันจำนวนมาก เพราะผ่อนต่อไม่ไหว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่