ผู้จัด Tomorrowland ปฏิเสธข่าว จัดเทศกาลดนตรีในประเทศไทย
https://www.matichon.co.th/entertainment/interstars/news_4498832
 
 
ผู้จัด Tomorrowland ปฏิเสธข่าว จัดเทศกาลดนตรีในประเทศไทย
 
เมื่อวันที่ 29 มีนาคม เว็บไซต์ EDM.com รายงานว่า เทศกาลดนตรีระดับโลก Tomorrowland ปฏิเสธข่าวที่จะขยายการจัดงานมายังประเทศไทย โดยว่า
 
จากการรายงานของสื่อท้องถิ่นในประเทศไทย ที่ระบุว่า ทูมอร์โรว์แลนด์ เทศกาลดนตรีชื่อดัง จากเบลเยียม จะเดินทางมาจัดคอนเสิร์ตที่ไทยในปี 2569 นั้น เด็บบี้ วิล์มเซน โฆษกของทูมอร์โรว์แลนด์ กล่าวว่า ยังไม่ยืนยันว่าจะจัดขึ้นที่ไทย
 
อย่างไรก็ตาม ข่าวที่ว่า ทูมอร์โรว์แลนด์ กำลังขยายธุรกิจไปยังประเทศไทยในขณะนี้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบสถานะ และยังไม่ได้ยืนยันเทศกาลใหม่

โฆษกทูมอร์โรว์แลนด์ กล่าวว่า ในเดือนธันวาคม ทีมงาน ทูมอร์โรว์ ได้รับสิทธิพิเศษในการมีส่วนร่วมในการหารือกับฝ่ายต่างๆ และสำรวจสถานที่ที่มีศักยภาพสำหรับเทศกาลทูมอร์โรว์แลนด์ในไทย

“ด้วยการสนับสนุนอันอบอุ่น เราต้องชี้แจงการเก็งกำไรล่าสุด ยังไม่มีการยืนยันหรือลงนามอย่างเป็นทางการ ในขณะนี้ ทีมงานทูมอร์โรว์แลนด์ กำลังดำเนินการศึกษาและสำรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อประเมินความเป็นไปได้ในการเป็นเจ้าภาพทูมอร์โรว์แลนด์ในไทย ยังมีอะไรต้องเสาะหาอีกมาก”

---

“อ.พนัส ทัศนียานนท์” พร้อมเครือข่ายรณรงค์รัฐธรรมนูญ เปิดตัวลงสมัคร สว.ของประชาชน
https://www.matichon.co.th/clips/news_4497230

อ.พนัส ทัศนียานนท์ อดีตอัยการ และอดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ พร้อมเครือข่ายรณรงค์รัฐธรรมนูญ เปิดตัวลงสมัคร ส.ว.ของประชาชน เพื่อร่วมกันแก้ไขเรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน โดยในกลุ่มมีนักวิชาการหลายคนด้วยกัน เช่น ศ.ดร.ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ อดีตคณบดีคณะศิลปศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์, ศาสตราภิชาน แล ดิลกวิทยรัตน์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ อดีตอาจารย์เศรษฐศาสตร์การเมือง
 
ขณะที่ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ ซึ่งเดินทางมาร่วมให้กำลังใจด้วย กล่าวว่า “ดีใจมากๆ คาดไม่ถึงว่า อาจารย์แล กับอาจารย์ธเนศจะลงด้วย ตกใจเลย นึกว่าเขามาในฐานะเดียวกับผม คือเป็นกองเชียร์ ผมเองก็เลยต้องกลับไปคิดใหม่ ว่าเอ๊ะ เราลงบ้างดีเปล่า” ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้

---

อสังหาต่ำ 3 ล้านยังวิกฤต แนะรัฐจัดซอฟต์โลนกระตุ้น ก่อนซึมยาว คาดปี’67 สต๊อกพุ่ง 1.29 ล.ล้าน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4498799

อสังหาต่ำ 3 ล้านยังวิกฤต แนะรัฐจัดซอฟต์โลนกระตุ้น ก่อนตลาดซึมยาว คาดปี’67 สต๊อกพุ่ง 1.29 ล้านล้าน
 
วันที่ 29 มีนาคม นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและปริมณฑลในปี 2567 มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นเล็กน้อย แต่ยังต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน ได้แก่ เศรษฐกิจไทยและโลกที่ชะลอตัวลง ,การยกเลิกมาตรการผ่อนปรน LTV ,ค่าครองชีพที่สูงขึ้น และภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังคงมีอัตราส่วนที่สูงกว่า90% ของจีดีพี ที่ส่งผลต่อความสามารถซื้อที่อยู่อาศัยและขอสินเชื่อ ทำให้มีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อได้น้อยลงเนื่องจากสถาบันการเงินมีเกณฑ์ในการพิจารณาสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น คาดว่าอาจส่งผลกระทบต่อยอดการโอนกรรมสิทธิ์ได้
 
นายวิชัยกล่าวว่า แต่หากภาครัฐออกมาตรการกระตุ้น เช่น อัตราดอกเบี้ยต่ำหรือซอฟต์โลนไม่เกิน 3% ผ่านแบงก์รัฐ หรือให้นำรายได้พิเศษมาประกอบการขออนุมัติสินเชื่อได้ หรือผ่อนเกณฑ์LTV ได้ จะเพิ่มความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยได้ เนื่องจากปัจจุบันมีปัญหาเรื่องกำลังซื้อและกู้แบงก์ไม่ผ่านสูง โดยเฉพาะกลุ่มราคาต่ำ 3 ล้านบาท ซึ่งในปี 2566 มีหน่วยเหลือขายถึง 50% ของหน่วยเหลือขายรวม 209,894 หน่วย ขณะที่กลุ่มราคาเกิน 10 ล้านบาท ยังต้องจับตาหลังผู้ประกอบการหันมาพัฒนามากขึ้น ทำให้ซัพพลายเริ่มมีมากขึ้นในตลาด
 
“ช่วง 2 ไตรมาสแรกของปี 2567 ยังไม่มีปัจจัยใหม่มาเป็นกระตุ้น ทำให้ตลาดยังซึมต่อเนื่องจากปี 2566 จึงดูไม่สดใส รอดูครึ่งปีหลัง แต่ถ้ารัฐไม่มีมาตรการมาช่วยจะทำให้ตลาดยิ่งซึมไปเรื่อยๆ ดังนั้นรัฐควรต้องมีมาตรการออกมาไม่เกินไตรมาส2 นี้ ถ้าออกมาได้จะทำให้ตลาดฟื้นตัวได้เร็วในไตรมาส3เป็นต้นไป ถ้าช้าไปจากนี้ จะฉุดให้ตลาดอาจจะไม่กลับมาฟื้นตัวได้ ”นายวิชัยกล่าว
 
นายวิชัยกล่าวว่า ทั้งนี้คาดว่าในปี 2567 มีที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่จะเข้ามาในตลาด 103,019 หน่วย เพิ่มขึ้น7% มูลค่ารวม 651,377 ล้านบาทแบ่งเป็น บ้านจัดสรร 50,882  หน่วย มูลค่า 425,415 ล้านบาท อาคารชุด 52,137 หน่วย มูลค่า 225,965 ล้านบาท และคาดมีหน่วยขายได้ใหม่ 91,869 หน่วย เพิ่มขึ้น 24.6% มูลค่า 486,084 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 52,647 หน่วย มูลค่า 333,868 ล้านบาท อาคารชุด 39,222 หน่วย มูลค่า 152,216 ล้านบาท
 
“การที่ยอดขายของอาคารชุดอาจจะต่ำกว่ายอดเปิดตัวใหม่ คาดอาจส่งผลให้ภาพรวมโครงการที่อยู่อาศัยเหลือขาย 232,216 หน่วย มูลค่ากว่า 1.29 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% เทียบกับปี 2566 เป็นบ้านจัดสรร 135,654 หน่วย มูลค่า 866,755 ล้านบาท และอาคารชุด 96,562 หน่วย มูลค่า 429,621 ล้านบาท โดยอัตราดูดซับลดลงอยู่ที่ 2.4% เพราะอุปทานที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอัตราดูดซับการขายขออาคารชุดที่อาจมีการปรับลดลงมากกว่าบ้านจัดสรร” นายวิชัยกล่าว