พิธา คุยผู้นำสหภาพแรงงานเกาหลี ฝากช่วยดูแลสิทธิแรงงานไทย นำบทเรียนพัฒนานโยบาย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4593282
“พิธา” พบผู้นำสหภาพแรงงานเกาหลีใต้ ถกความสำคัญสิทธิแรงงานต่อการพัฒนาประเทศ พร้อมฝากช่วยดูแลสิทธิแรงงานไทย-นำบทเรียนของเกาหลีใต้พัฒนานโยบายแรงงานก้าวไกล เยี่ยมชม Cobots ของ Hanwha Robotics ที่เกาหลีใต้ เชื่อมนุษย์ทำงานร่วมกับใช้หุ่นยนต์อย่างสมดุล จะเกิดผลประโยชน์ร่วมต่อทั้งภาคแรงงานและภาคอุตสาหกรรม
เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางเข้าพบสหพันธ์สหภาพแรงงานเกาหลี (Korean Confederation of Trade Unions) ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนการเรียกร้องสิทธิและสวัสดิการของแรงงานที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ โดยมี
Yang Kyeung-soo ประธานของ KCTU และเป็นอดีตประธานของสหพันธ์แรงงานของบริษัท KIA Motors ให้การต้อนรับ
นาย
พิธาได้แลกเปลี่ยนกับ KCTU ว่าสิทธิแรงงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของพรรคก้าวไกล ที่ผ่านมาพรรคได้ผลักดันกฎหมายเกี่ยวกับแรงงานที่ครอบคลุมมิติต่าง ๆ เข้าสู่สภาฯ ถึง 6 ฉบับ และพรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่มี ส.ส. มาจากปีกแรงงานอยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับต้น ๆ สะท้อนว่าเป็นพรรคที่ให้ความสำคัญและให้บทบาทปีกแรงงานอย่างแท้จริง
โดยนาย
พิธาได้สอบถามสถานการณ์และพัฒนาการของสิทธิแรงงานในเกาหลีใต้ เพื่อนำมาเป็นบทเรียนในการพัฒนานโยบายของพรรคก้าวไกล พร้อมกับฝากให้ประธาน
Yang Kyeung-soo ช่วยดูแลสิทธิของแรงงานไทยในเกาหลีใต้อีกด้วย
ด้าน
Yang Kyeung-soo ได้เล่าถึงความสำคัญและบทบาทของแรงงานในการสร้างชาติเกาหลี รวมถึงพัฒนาการด้านประชาธิปไตยของเกาหลีใต้ โดยชี้ให้เห็นว่ามี 3 สิ่งที่สำคัญมากต่อความสำเร็จของกลุ่มแรงงานในเกาหลีใต้ในการเรียกร้องสิทธิต่าง ๆ นั่นคือ 1) การสั่งสมพลังของประชาชนในการเปลี่ยนแปลง 2) การมีผู้นำทางการเมืองที่เข้าใจสิทธิของกลุ่มแรงงาน และมีความมุ่งมั่นทางการเมืองที่จะสร้างการพัฒนาร่วมกันของกลุ่มทุนกับกลุ่มผู้ใช้แรงงาน และ 3) การจัดการและความเป็นระบบในการเรียกร้อง
นาย
พิธายังได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับ KTCU เรื่องการเข้ามามีบทบาทของหุ่นยนต์ (Robotics) และ Generative AI ในภาคอุตสาหกรรม และการหาจุดร่วมกันระหว่างเทคโนโลยีกับแรงงาน ซึ่งหากรัฐมีการจัดการที่ดี Robotics และ Generative AI เหล่านี้จะทำให้เวลาทำงาน (working hours) ของมนุษย์ลดลง และความปลอดภัย (safety) ในโรงงานมีมากขึ้น จึงมีโอกาสที่จะทำให้สวัสดิภาพ (well-being) และผลิตภาพ (productivity) ของแรงงานเพิ่มขึ้น และทำให้ GDP เติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นต้องมีแนวทางพัฒนาศักยภาพแรงงาน เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้ดีที่สุด
ต่อมา นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้หารือกับผู้บริหารบริษัท Hanwha Robotics ในงานประชุม Asian Leadership Conference ที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการอยู่ร่วมกันระหว่างเทคโนโลยีและมนุษย์ว่า ก่อนเดินทางไปที่เกาหลีใต้ ตนได้เห็นบทความเกี่ยวกับ K-Robot หรือหุ่นยนต์ที่ผลิตโดยบริษัทต่างๆ ในประเทศเกาหลีใต้ โดยมีการพูดถึงบริษัท Hanwha Robotics รวมถึงเคยเห็นข่าวนักศึกษาไทยคว้ารางวัลการแข่งขันหุ่นยนต์ในหลายเวทีทั่วโลก คิดว่าเทคโนโลยีนี้จะเป็นอีกเทคโนโลยีสำคัญในการเปลี่ยนโลก จึงได้มีโอกาสมาเยี่ยมชมเทคโนโลยี K-Robot ของบริษัท Hanwha Robotics ในวันนี้
Hanwha เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุด 10 อันดับแรกของประเทศเกาหลีใต้ และอยู่ในรายชื่อ 500 บริษัทขนาดใหญ่ที่สุดของโลก (Fortune Global 500) ในส่วนของภาคการผลิตหุ่นยนต์ ผู้บริหาร Hanwha กล่าวกับตนว่าแนวคิดของบริษัทในการพัฒนาหุ่นยนต์ที่ใช้ในโรงงานคือการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์ หรือที่เรียกว่า Collaborative Robots (Cobots) ไม่ใช่การที่หุ่นยนต์ทดแทนแรงงานอย่างสิ้นเชิง
ในอดีตการใช้หุ่นยนต์มีความอันตรายในตัวมันเอง จึงไม่สามารถทำงานกับคนได้อย่างไร้รอยต่อ แต่ Cobots ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับมนุษย์ ทำให้แรงงานมีผลิตผลเพิ่มขึ้น และเพิ่มความปลอดภัยในระหว่างการทำงาน ปัจจุบัน Cobots ของ Hanwha ได้ถูกใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องมีการเชื่อมโลหะ (welding) และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอาหาร (food tech) เป็นหลัก แต่กำลังขยายไปสู่ภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น semi conductor, ยาและเวชภัณฑ์, ภาคเกษตรกรรม ฯลฯ
นาย
พิธายังพูดคุยถึงแนวโน้มที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติ (Automation) จะมาทดแทนแรงงาน ซึ่งเป็นเรื่องน่ากังวล แต่ทาง Hanwha มองเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการเคารพสิทธิมนุษยชน เป็นการปลดปล่อยแรงงานคนจากการทำงานที่จำเจเหมือนกันทุกวันและบางงานเป็นงานอันตราย ทาง Hanwha เชื่อว่าโจทย์ของมนุษยชาติเรื่องนี้สามารถแก้ได้โดยการใช้ Cobots อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อปลดล็อกศักยภาพของมนุษย์ที่ควรได้ใช้ความสามารถทำเรื่องที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และใช้ทักษะที่หุ่นยนต์ทำไม่ได้ การเพิ่มผลิตผลผ่านการใช้ทั้งหุ่นยนต์และมนุษย์ร่วมกันอย่างสมดุล จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย
นาย
พิธากล่าวว่า การได้ไปเยี่ยมชม Hanwha Robotics ซึ่งเป็นอนาคตของภาคอุตสาหกรรม และการได้พบปะสหพันธ์สหภาพแรงงานเกาหลี
(Korean Confederation of Trade Unions) เมื่อช่วงเช้า ทำให้เข้าใจถึงโอกาสและข้อกังวลใจจากทั้งสองฝั่ง ที่ดูเผินๆ แล้วสังคมมนุษย์อาจต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง (trade off) แต่จากการพูดคุยทำให้ทราบว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเกมที่ต้องมีผู้แพ้-ผู้ชนะ (zero sum) แต่หากมีการวางแผนและมองในภาพกว้าง จะสามารถทำให้เกิดผลประโยชน์ร่วมต่อทั้งภาคแรงงานและภาคอุตสาหกรรม กลายเป็นสถานการณ์ win-win สำหรับทุกฝ่าย ชัยชนะจะตกเป็นของเศรษฐกิจประเทศโดยรวม
ศาลสั่งรื้อกฎแนะนำตัวส.ว. ชี้จำกัดสิทธิผู้สมัคร-ขัดรธน. ‘เลขา กกต.’น้อมรับ
https://www.matichon.co.th/politics/thai-senate-2024/news_4593444
ศาลสั่งรื้อกฎแนะนำตัวสว. ชี้จำกัดสิทธิผู้สมัคร-ขัดรธน. ‘เลขา กกต.’น้อมรับ
เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนระเบียบ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 2567 ในส่วนข้อ 3 ข้อ 7 ทั้งฉบับแรกและฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 8 เฉพาะฉบับแรกที่บังคับใช้ในช่วง 27 เมษายน-15 พฤษภาคม 2567 และข้อ 11 (2) และ (3)
โดยให้ผลย้อนหลังนับตั้งแต่ระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ทั้งสองฉบับ ในคดีที่นาย
เทวฤทธิ์ มณีฉาย บรรณาธิการสำนักข่าวประชาไท ยื่นฟ้อง กกต. และคดีที่นาย
พนัส ทัศนียานนท์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และพวก รวม 6 ราย ยื่นฟ้อง กกต. และประธาน กกต.ร้องขอให้เพิกถอนระเบียบ กกต.ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือก ส.ว. 2567 เนื่องจากเห็นว่าระเบียบดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ ทำให้ขาดการมีส่วนร่วมประชาชนตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้
โดยศาลให้เหตุผลว่า รัฐธรรมนูญมีเจตนารมณ์ให้ ส.ว.เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย มีหน้าที่สำคัญหลายประการ และมีหน้าที่ให้ความเห็นชอบกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ และมีผลบังคับใช้กับทุกคนในราชอาณาจักรไทย ดังนั้น การทำหน้าที่ของ ส.ว.ย่อมมีผลกระทบต่อประชาชนชาวไทย จึงควรให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ แม้ว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.2561 กำหนดให้ผู้สมัครคัดเลือกกันเอง ไม่ได้ให้ประชาชนมีสิทธิเลือก ส.ว. แต่รัฐธรรมนูญได้มีการรับรองเสรีภาพของบุคคลในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเห็น การคิด การเขียน การโฆษณา การสื่อความหมายอื่นๆ การที่ระเบียบ กกต. การที่ กกต.ออกระเบียบดังกล่าวด้วยการจำกัดข้อมูลประวัติและประสบการณ์ของผู้สมัคร
รวมถึงกำหนดหลักเกณฑ์ให้ผู้สมัคร ส.ว.สามารถแนะนำตัวเฉพาะกับผู้สมัคร ส.ว.ด้วยกันเท่านั้น และการห้ามผู้สมัครในสายอาชีพสื่อมวลชนและศิลปิน นักแสดง ใช้ความสามารถในวิชาชีพของตัวเองเพื่อประโยชน์ในการแนะนำนั้น จึงเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของผู้สมัคร ส.ว.เกินกว่าเหตุ และถือว่าไม่เป็นการรักษาความมั่นคงของรัฐ หรือความคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของบุคคล หรือเพื่อรักษาศีลธรรมอันดีของประชาชน ระเบียบพิพาทนี้จึงไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
ส่วนระเบียบข้อ 11 (5) ที่กำหนดห้ามผู้สมัครแนะนำตัวทางวิทยุโทรทัศน์ วิทยุกระจายเสียง เคเบิลทีวี หรือสื่อสิ่งพิมพ์ รวมถึงการให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนนั้น ศาลเห็นว่าระเบียบข้อนี้เป็นการห้ามเฉพาะผู้สมัคร ส.ว. ไม่ได้เป็นการห้ามสื่อมวลชน จึงไม่อาจมองว่าเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของสื่อในการนำเสนอข่าวสารแต่อย่างใด จึงพิพากษาให้เพิกถอนระเบียบ กกต.ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกส.ว. 2567 ในส่วนข้อ 3 ข้อ 7 ทั้งฉบับแรกและฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 8 เฉพาะฉบับแรกที่บังคับใช้ในช่วง 27 เมษายน-15 พฤษภาคม 2567 และข้อ 11 (2) และ (3) โดยให้ผลย้อนหลังนับตั้งแต่ระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ทั้งสองฉบับ
ด้าน นาย
แสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนระเบียบการรับสมัครส.ว.ข้อ 7, 8 และ 11 (2) ว่า คงพูดแทน กกต.ไม่ได้ แต่ในชั้นสำนักงานอะไรที่ศาลตัดสินแล้วเป็นประโยชน์กับประชาชนเราจะดำเนินการไปตามนั้น เพราะเป็นการให้สิทธิกับประชาชนมากขึ้น สำนักงานจะยึดถือตรงนี้เป็นหลัก และสำนักงานจะเสนอให้กับ กกต.ได้รับทราบ ส่วนจะมีโอกาสยื่นอุทธรณ์ต่อศาลหรือไม่ นายแสวงกล่าวว่า เป็นเรื่องของ กกต.แต่โดยหลักการถ้าเป็นประโยชน์กับส่วนรวม ประเทศชาติสามารถเดินต่อไปได้และเป็นไปตามโรดแมปน่าจะเกิดประโยชน์ที่สุด
ราคาทองวันนี้ (25 พ.ค.67) เปิดการซื้อขายลง 100 บาท เป็นการลดลง 3 วันติด
https://www.pptvhd36.com/news/หุ้น-การลงทุน/224648
ราคาทองวันนี้ (25 พ.ค.67) ยังลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 เปิดการซื้อขายลงต่ออีก 100 บาท รวมแล้วสัปดาห์นี้ลดลง 28 รอบ รวมราคาปรับลดลง 650 บาท เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว
สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองวันที่ 25 พ.ค.2567 เปิดการซื้อขายวันเสาร์ประกาศ 1 รอบ ลงต่ออีก 100 บาท ซึ่งเป็นการลดลง 3 วันติด
• ทองคำแท่ง รับซื้อคืน 40,450.00 บาท/บาททองคำ และขายออก 40,550.00 บาท/บาททองคำ
• ทองรูปพรรณ รับซื้อคืน 39,719.20 บาท/บาททองคำ และขายออก 41,050.00 บาท/บาททองคำ
• ทอง 1 สลึง ราคารวมค่ากำเหน็จ อยู่ที่ 10,638 บาท
• ทอง 2 สลึง ราคารวมค่ากำเหน็จ อยู่ที่ 20,775 บาท
• ทองครึ่งสลึง ราคารวมค่ากำเหน็จ อยู่ที่ 5,569 บาท
ทองคำในประเทศ อ้างอิงตลาดสปอตที่ 2,334.50ดอลลาร์/ออนซ์ และอิงค่าเงินบาท 36.66 บาท/ดอลลาร์
ราคาทองคํา Spot ยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานหลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงที่ผ่านมาบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่ง ด้านทองคำในประเทศประกาศครั้งเดียววันเสาร์ลดลง 100 บาท
ภาพรวมทองคำในสัปดาห์นี้พบว่าร่วงลงแรงกว่า 3% โดยเมื่อวันจันทร์ทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่บริเวณแถวๆ 2,449.89 ดอลลาร์ และหลังจากนั้นก็ปรับตัวลดลงมากกว่า 100 ดอลลาร์ เนื่องมาจากได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และความกังวลที่ว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ หลังการเปิดเผยรายงานการประชุมเฟดครั้งล่าสุดบ่งชี้ว่า เฟดอาจใช้เวลานานกว่าคาดในการปรับลดอัตราเงินเฟ้อลงสู่ระดับ 2%
JJNY : พิธาคุยผู้นำสหภาพแรงงานเกาหลี│ศาลสั่งรื้อกฎแนะนำตัวส.ว.│ราคาทองลดลง 3 วันติด│โรฮีนจาเกือบครึ่งแสนลี้ภัยการสู้รบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4593282
“พิธา” พบผู้นำสหภาพแรงงานเกาหลีใต้ ถกความสำคัญสิทธิแรงงานต่อการพัฒนาประเทศ พร้อมฝากช่วยดูแลสิทธิแรงงานไทย-นำบทเรียนของเกาหลีใต้พัฒนานโยบายแรงงานก้าวไกล เยี่ยมชม Cobots ของ Hanwha Robotics ที่เกาหลีใต้ เชื่อมนุษย์ทำงานร่วมกับใช้หุ่นยนต์อย่างสมดุล จะเกิดผลประโยชน์ร่วมต่อทั้งภาคแรงงานและภาคอุตสาหกรรม
เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางเข้าพบสหพันธ์สหภาพแรงงานเกาหลี (Korean Confederation of Trade Unions) ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนการเรียกร้องสิทธิและสวัสดิการของแรงงานที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ โดยมี Yang Kyeung-soo ประธานของ KCTU และเป็นอดีตประธานของสหพันธ์แรงงานของบริษัท KIA Motors ให้การต้อนรับ
นายพิธาได้แลกเปลี่ยนกับ KCTU ว่าสิทธิแรงงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของพรรคก้าวไกล ที่ผ่านมาพรรคได้ผลักดันกฎหมายเกี่ยวกับแรงงานที่ครอบคลุมมิติต่าง ๆ เข้าสู่สภาฯ ถึง 6 ฉบับ และพรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่มี ส.ส. มาจากปีกแรงงานอยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับต้น ๆ สะท้อนว่าเป็นพรรคที่ให้ความสำคัญและให้บทบาทปีกแรงงานอย่างแท้จริง
โดยนายพิธาได้สอบถามสถานการณ์และพัฒนาการของสิทธิแรงงานในเกาหลีใต้ เพื่อนำมาเป็นบทเรียนในการพัฒนานโยบายของพรรคก้าวไกล พร้อมกับฝากให้ประธาน Yang Kyeung-soo ช่วยดูแลสิทธิของแรงงานไทยในเกาหลีใต้อีกด้วย
ด้าน Yang Kyeung-soo ได้เล่าถึงความสำคัญและบทบาทของแรงงานในการสร้างชาติเกาหลี รวมถึงพัฒนาการด้านประชาธิปไตยของเกาหลีใต้ โดยชี้ให้เห็นว่ามี 3 สิ่งที่สำคัญมากต่อความสำเร็จของกลุ่มแรงงานในเกาหลีใต้ในการเรียกร้องสิทธิต่าง ๆ นั่นคือ 1) การสั่งสมพลังของประชาชนในการเปลี่ยนแปลง 2) การมีผู้นำทางการเมืองที่เข้าใจสิทธิของกลุ่มแรงงาน และมีความมุ่งมั่นทางการเมืองที่จะสร้างการพัฒนาร่วมกันของกลุ่มทุนกับกลุ่มผู้ใช้แรงงาน และ 3) การจัดการและความเป็นระบบในการเรียกร้อง
นายพิธายังได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับ KTCU เรื่องการเข้ามามีบทบาทของหุ่นยนต์ (Robotics) และ Generative AI ในภาคอุตสาหกรรม และการหาจุดร่วมกันระหว่างเทคโนโลยีกับแรงงาน ซึ่งหากรัฐมีการจัดการที่ดี Robotics และ Generative AI เหล่านี้จะทำให้เวลาทำงาน (working hours) ของมนุษย์ลดลง และความปลอดภัย (safety) ในโรงงานมีมากขึ้น จึงมีโอกาสที่จะทำให้สวัสดิภาพ (well-being) และผลิตภาพ (productivity) ของแรงงานเพิ่มขึ้น และทำให้ GDP เติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นต้องมีแนวทางพัฒนาศักยภาพแรงงาน เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้ดีที่สุด
ต่อมา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้หารือกับผู้บริหารบริษัท Hanwha Robotics ในงานประชุม Asian Leadership Conference ที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการอยู่ร่วมกันระหว่างเทคโนโลยีและมนุษย์ว่า ก่อนเดินทางไปที่เกาหลีใต้ ตนได้เห็นบทความเกี่ยวกับ K-Robot หรือหุ่นยนต์ที่ผลิตโดยบริษัทต่างๆ ในประเทศเกาหลีใต้ โดยมีการพูดถึงบริษัท Hanwha Robotics รวมถึงเคยเห็นข่าวนักศึกษาไทยคว้ารางวัลการแข่งขันหุ่นยนต์ในหลายเวทีทั่วโลก คิดว่าเทคโนโลยีนี้จะเป็นอีกเทคโนโลยีสำคัญในการเปลี่ยนโลก จึงได้มีโอกาสมาเยี่ยมชมเทคโนโลยี K-Robot ของบริษัท Hanwha Robotics ในวันนี้
Hanwha เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุด 10 อันดับแรกของประเทศเกาหลีใต้ และอยู่ในรายชื่อ 500 บริษัทขนาดใหญ่ที่สุดของโลก (Fortune Global 500) ในส่วนของภาคการผลิตหุ่นยนต์ ผู้บริหาร Hanwha กล่าวกับตนว่าแนวคิดของบริษัทในการพัฒนาหุ่นยนต์ที่ใช้ในโรงงานคือการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์ หรือที่เรียกว่า Collaborative Robots (Cobots) ไม่ใช่การที่หุ่นยนต์ทดแทนแรงงานอย่างสิ้นเชิง
ในอดีตการใช้หุ่นยนต์มีความอันตรายในตัวมันเอง จึงไม่สามารถทำงานกับคนได้อย่างไร้รอยต่อ แต่ Cobots ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับมนุษย์ ทำให้แรงงานมีผลิตผลเพิ่มขึ้น และเพิ่มความปลอดภัยในระหว่างการทำงาน ปัจจุบัน Cobots ของ Hanwha ได้ถูกใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องมีการเชื่อมโลหะ (welding) และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอาหาร (food tech) เป็นหลัก แต่กำลังขยายไปสู่ภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น semi conductor, ยาและเวชภัณฑ์, ภาคเกษตรกรรม ฯลฯ
นายพิธายังพูดคุยถึงแนวโน้มที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติ (Automation) จะมาทดแทนแรงงาน ซึ่งเป็นเรื่องน่ากังวล แต่ทาง Hanwha มองเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการเคารพสิทธิมนุษยชน เป็นการปลดปล่อยแรงงานคนจากการทำงานที่จำเจเหมือนกันทุกวันและบางงานเป็นงานอันตราย ทาง Hanwha เชื่อว่าโจทย์ของมนุษยชาติเรื่องนี้สามารถแก้ได้โดยการใช้ Cobots อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อปลดล็อกศักยภาพของมนุษย์ที่ควรได้ใช้ความสามารถทำเรื่องที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และใช้ทักษะที่หุ่นยนต์ทำไม่ได้ การเพิ่มผลิตผลผ่านการใช้ทั้งหุ่นยนต์และมนุษย์ร่วมกันอย่างสมดุล จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย
นายพิธากล่าวว่า การได้ไปเยี่ยมชม Hanwha Robotics ซึ่งเป็นอนาคตของภาคอุตสาหกรรม และการได้พบปะสหพันธ์สหภาพแรงงานเกาหลี
(Korean Confederation of Trade Unions) เมื่อช่วงเช้า ทำให้เข้าใจถึงโอกาสและข้อกังวลใจจากทั้งสองฝั่ง ที่ดูเผินๆ แล้วสังคมมนุษย์อาจต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง (trade off) แต่จากการพูดคุยทำให้ทราบว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเกมที่ต้องมีผู้แพ้-ผู้ชนะ (zero sum) แต่หากมีการวางแผนและมองในภาพกว้าง จะสามารถทำให้เกิดผลประโยชน์ร่วมต่อทั้งภาคแรงงานและภาคอุตสาหกรรม กลายเป็นสถานการณ์ win-win สำหรับทุกฝ่าย ชัยชนะจะตกเป็นของเศรษฐกิจประเทศโดยรวม
ศาลสั่งรื้อกฎแนะนำตัวส.ว. ชี้จำกัดสิทธิผู้สมัคร-ขัดรธน. ‘เลขา กกต.’น้อมรับ
https://www.matichon.co.th/politics/thai-senate-2024/news_4593444
ศาลสั่งรื้อกฎแนะนำตัวสว. ชี้จำกัดสิทธิผู้สมัคร-ขัดรธน. ‘เลขา กกต.’น้อมรับ
เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนระเบียบ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 2567 ในส่วนข้อ 3 ข้อ 7 ทั้งฉบับแรกและฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 8 เฉพาะฉบับแรกที่บังคับใช้ในช่วง 27 เมษายน-15 พฤษภาคม 2567 และข้อ 11 (2) และ (3)
โดยให้ผลย้อนหลังนับตั้งแต่ระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ทั้งสองฉบับ ในคดีที่นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย บรรณาธิการสำนักข่าวประชาไท ยื่นฟ้อง กกต. และคดีที่นายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และพวก รวม 6 ราย ยื่นฟ้อง กกต. และประธาน กกต.ร้องขอให้เพิกถอนระเบียบ กกต.ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือก ส.ว. 2567 เนื่องจากเห็นว่าระเบียบดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ ทำให้ขาดการมีส่วนร่วมประชาชนตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้
โดยศาลให้เหตุผลว่า รัฐธรรมนูญมีเจตนารมณ์ให้ ส.ว.เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย มีหน้าที่สำคัญหลายประการ และมีหน้าที่ให้ความเห็นชอบกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ และมีผลบังคับใช้กับทุกคนในราชอาณาจักรไทย ดังนั้น การทำหน้าที่ของ ส.ว.ย่อมมีผลกระทบต่อประชาชนชาวไทย จึงควรให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ แม้ว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.2561 กำหนดให้ผู้สมัครคัดเลือกกันเอง ไม่ได้ให้ประชาชนมีสิทธิเลือก ส.ว. แต่รัฐธรรมนูญได้มีการรับรองเสรีภาพของบุคคลในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเห็น การคิด การเขียน การโฆษณา การสื่อความหมายอื่นๆ การที่ระเบียบ กกต. การที่ กกต.ออกระเบียบดังกล่าวด้วยการจำกัดข้อมูลประวัติและประสบการณ์ของผู้สมัคร
รวมถึงกำหนดหลักเกณฑ์ให้ผู้สมัคร ส.ว.สามารถแนะนำตัวเฉพาะกับผู้สมัคร ส.ว.ด้วยกันเท่านั้น และการห้ามผู้สมัครในสายอาชีพสื่อมวลชนและศิลปิน นักแสดง ใช้ความสามารถในวิชาชีพของตัวเองเพื่อประโยชน์ในการแนะนำนั้น จึงเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของผู้สมัคร ส.ว.เกินกว่าเหตุ และถือว่าไม่เป็นการรักษาความมั่นคงของรัฐ หรือความคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของบุคคล หรือเพื่อรักษาศีลธรรมอันดีของประชาชน ระเบียบพิพาทนี้จึงไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
ส่วนระเบียบข้อ 11 (5) ที่กำหนดห้ามผู้สมัครแนะนำตัวทางวิทยุโทรทัศน์ วิทยุกระจายเสียง เคเบิลทีวี หรือสื่อสิ่งพิมพ์ รวมถึงการให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนนั้น ศาลเห็นว่าระเบียบข้อนี้เป็นการห้ามเฉพาะผู้สมัคร ส.ว. ไม่ได้เป็นการห้ามสื่อมวลชน จึงไม่อาจมองว่าเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของสื่อในการนำเสนอข่าวสารแต่อย่างใด จึงพิพากษาให้เพิกถอนระเบียบ กกต.ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกส.ว. 2567 ในส่วนข้อ 3 ข้อ 7 ทั้งฉบับแรกและฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 8 เฉพาะฉบับแรกที่บังคับใช้ในช่วง 27 เมษายน-15 พฤษภาคม 2567 และข้อ 11 (2) และ (3) โดยให้ผลย้อนหลังนับตั้งแต่ระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ทั้งสองฉบับ
ด้าน นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนระเบียบการรับสมัครส.ว.ข้อ 7, 8 และ 11 (2) ว่า คงพูดแทน กกต.ไม่ได้ แต่ในชั้นสำนักงานอะไรที่ศาลตัดสินแล้วเป็นประโยชน์กับประชาชนเราจะดำเนินการไปตามนั้น เพราะเป็นการให้สิทธิกับประชาชนมากขึ้น สำนักงานจะยึดถือตรงนี้เป็นหลัก และสำนักงานจะเสนอให้กับ กกต.ได้รับทราบ ส่วนจะมีโอกาสยื่นอุทธรณ์ต่อศาลหรือไม่ นายแสวงกล่าวว่า เป็นเรื่องของ กกต.แต่โดยหลักการถ้าเป็นประโยชน์กับส่วนรวม ประเทศชาติสามารถเดินต่อไปได้และเป็นไปตามโรดแมปน่าจะเกิดประโยชน์ที่สุด
ราคาทองวันนี้ (25 พ.ค.67) เปิดการซื้อขายลง 100 บาท เป็นการลดลง 3 วันติด
https://www.pptvhd36.com/news/หุ้น-การลงทุน/224648
ราคาทองวันนี้ (25 พ.ค.67) ยังลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 เปิดการซื้อขายลงต่ออีก 100 บาท รวมแล้วสัปดาห์นี้ลดลง 28 รอบ รวมราคาปรับลดลง 650 บาท เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว
สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองวันที่ 25 พ.ค.2567 เปิดการซื้อขายวันเสาร์ประกาศ 1 รอบ ลงต่ออีก 100 บาท ซึ่งเป็นการลดลง 3 วันติด
• ทองคำแท่ง รับซื้อคืน 40,450.00 บาท/บาททองคำ และขายออก 40,550.00 บาท/บาททองคำ
• ทองรูปพรรณ รับซื้อคืน 39,719.20 บาท/บาททองคำ และขายออก 41,050.00 บาท/บาททองคำ
• ทอง 1 สลึง ราคารวมค่ากำเหน็จ อยู่ที่ 10,638 บาท
• ทอง 2 สลึง ราคารวมค่ากำเหน็จ อยู่ที่ 20,775 บาท
• ทองครึ่งสลึง ราคารวมค่ากำเหน็จ อยู่ที่ 5,569 บาท
ทองคำในประเทศ อ้างอิงตลาดสปอตที่ 2,334.50ดอลลาร์/ออนซ์ และอิงค่าเงินบาท 36.66 บาท/ดอลลาร์
ราคาทองคํา Spot ยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานหลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงที่ผ่านมาบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่ง ด้านทองคำในประเทศประกาศครั้งเดียววันเสาร์ลดลง 100 บาท
ภาพรวมทองคำในสัปดาห์นี้พบว่าร่วงลงแรงกว่า 3% โดยเมื่อวันจันทร์ทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่บริเวณแถวๆ 2,449.89 ดอลลาร์ และหลังจากนั้นก็ปรับตัวลดลงมากกว่า 100 ดอลลาร์ เนื่องมาจากได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และความกังวลที่ว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ หลังการเปิดเผยรายงานการประชุมเฟดครั้งล่าสุดบ่งชี้ว่า เฟดอาจใช้เวลานานกว่าคาดในการปรับลดอัตราเงินเฟ้อลงสู่ระดับ 2%