นี่จะเป็นเพียงกระทู้เดียวที่ผมจะตั้ง จากอดีต id ยุคแรก รหัส 3 ดิจิต
ผมทำงาน รับใช้ คนจีนอยู่ 3 บริษัท ณ เวลานี้ แม้จะเป็น กึ่ง ฟรีแลนซ์ แต่ก็จำเป็นต้องไปนั่งแท่น บริหารให้เขาเช่นกัน
ระดับโรงงาน ลงทุนเกินกว่า 1000 ล้านบาท ทั้งหมด (ถ้านับโรงงานคนจีนที่เกี่ยวพันกัน ก็อีกมี 12 บริษัท)
วิธีคิดและทำงานของคนจีน คือ เอาคนนักศึกษาจีน ที่เรียนภาควิชาภาษาไทย มาทำงานในไทย โดยไม่สนใจว่า จะเรียนเฉพาะด้านหรือเปล่า
คนจีนคิดเพียงว่า ทุกงาน ใครๆก็ทำได้ ขอแค่คุยกันรู้เรื่อง ส่วนงานที่สำคัญ เช่น บัญชี ก็เอาคนไทยที่มี license มาเป็นลูกน้องถ้าเรื่องมากก็ outsource
คนจีนเรียนรู้ไว และ "ขโมย ไอเดีย" เก่งมากต้องยอมรับ
ส่วนงานเชิงช่าง ทั้งหมด คนจีนจะทำเอง ขนาดงานซ่อมท่อประปาเขาก็ทำเอง เขาคิดว่า ใครๆก็ทำได้ เขาอยากทำ พอทำผิดก็ค่อยจ้างคนไทยทำ
แต่ถ้าทำสำเร็จก็แปลว่าลดต้นทุนไปได้ ยิ่งในส่วนงานผลิต ควบคุมเครื่องจักร เขาจะทำเองทุกส่วน
ส่วนงานเฉพาะกิจบางอย่าง ที่เป็นงาน ทักษะเฉพาะ (งานที่ผมทำอยู่) เขาก็จ้างผม และ ยินดีจ้างแพงมาก และแน่นอนว่า
เขาขโมยองค์ความรู้ผมหมดแน่นอน และพอเขาทำงานเป็น เขาก็เตรียมเอาผมออก ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ส่วนแรงงานระดับ ล่าง เขาใช้พวกพม่า เข้ามาทำงาน (คนจีน ให้เครดิตคนพม่า มากกว่า ลาวและเขมร)
ส่วนกฏหมายว่าด้วยเรื่องการจ้างแรงงาน จีนใช้วิธี จ้างบริษัท sub-contact เป็น 1 นิติบุคคลควบคุมคน และ เป็นส่วนหลักที่ควบคุม แรงงานพม่า
ส่วนแรงงานจีน ก็ใช้วิธี นำเข้าคนจีน 30 60 90 วัน ด้วย Visa ต่างๆที่ไม่ใช่ work permit
ส่วนแรงงานไทย จ้างเฉพาะ แม่บ้านคนขับรถ เพื่อให้ได้สัดส่วนอัตราจ้างคน แค่นั้น
แปลว่า บรํษัทจีนมาลงทุนที่ไทย แทบจะไม่ได้เสียภาษีให้ไทย นอกจาก ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายนั่นนี่ นิดหน่อย
ค่าจ้างแรงงาน ค่าวัสดุ วัตถุดิบ การผลิต นำเข้าจากจีนทั้งหมด
บริษัท จีนหลายๆที่ ที่คนไทย กระโดดโลดเต้น ดีใจได้งานทำ เขาจะบีบให้ทำงาน จ-ส ไม่จ่าย OT บางครั้ง ก็ฟรีวันอาทิตย์
และถ้ามีเรื่อง สหภาพ เข้ามา เขาก็บีบด้วยการเร่งให้ทำงานช่วงพักเบรค และถ้าเรื่องมาก เขาก็เอาออก ทั้งหมด แล้ว ฟีดคนเข้าไปทำงานใหม่
เขาไม่แคร์ เขามองว่า คนงานเข้าวันนี้ พรุ่งนี้ก็หาได้ ถ้าหาไม่ได้ เขาก็นำเข้า เครื่องจักรอัตโนม้ัติมาแทน และ ลดการใช้คนในที่สุด
นโยบายของรัฐ ไม่ค่อยมีผลอะไร การลงทุน คนจีนที่ตัดสินใจลงทุน เขามองตลาด เอเชียใต้ อเมริกา และ แอฟริกา เป็นเป้าหมาย
เอเชียใต้ กับ อเมริกา พอเข้าใจ แต่ แอฟริกา คือ ณ วันนี้ จีนไปลงทุนที่ แอฟริกา เพราะต้องการให้ แอฟริกา มีความสามารถใช้การใช้จ่าย
เมื่อแอฟริกา มีปัญญาดูแลตัวเองได้ มีความสามารถในการใช้จ่าย แอฟริกา ก็จะซื้อสินค้า ของจีนเท่านั้น คนเขาเยอะ จีนก็โตและแข็งแกร่ง
มีรัฐมนตรี หลายคนที่ดังๆ มารับเงินสด จากเจ้าของคนจีน (laophan) เพื่อเลี่ยงกฎกติกาบางอย่าง
แต่บอกตรงๆ ผมถ่ายรูปหาหลักฐาน ได้นะ แต่ทำไปก็เท่านั้น เข้าตัวอีกต่างหาก ไม่มีประโยชน์อะไรที่ผมจะต้องทำ
จีนพยายาให้คนพูดภาษาจีนให้ได้มากที่สุด เขามองว่า เศรษฐกิจจะไปพร้อมๆกับวัฒนธรรม ถ้าอยากครองโลก ก็ต้องให้คนพูดกันรู้เรื่องและยอมจำนน
จีนใช้วิธีเดียวกับ เกาหลีและญี่ปุ่น copy & paste to be develope and estrablish (สำเนาและวางเพื่อพัฒนาและสร้างสรร) นี่คือ จีน ณ วันนี้
บริษัท ญี่ปุ่น (ผมผ่านงาน บ.ญี่ปุ่น เยอรมัน เกาหลี และ อเมริกัน) ชาติที่ งี่เง่าพร้อมๆกับรักคนไทยที่สุดคือ ญี่ปุ่น
ทุกๆที่ ที่ผมผ่านมา มองว่า คนไทย เก่ง แต่ไร้ระเบียบ และ ไม่เชื่อใจกันเอง ยกตัวอย่าง
คนไทย ถ้าปกติ ต่อแถวเข้าคิวซื้ออาหาร จะเป็นระเบียบอย่างน่าทึ่งดีมาก แต่ถ้ามี 1 คนแตกแถว คนอื่นๆจะรวน และ เละ และด่า ตำหนิทักท้วง
ก็จะทะเลาะกัน และสุดท้าย ก็เละ คนไทยเป็นแบบนี้ คนจีน ก็เห็นคนไทย เป็นแบบนี้ จงยอมรับ และ จำนน เราเปลี่ยนไม่ได้
จากการสรุป เศรษฐกิจไทย ณ วันที่ 24 ธค 67 เป็นการประชุม ระดับ บริหารของภูมิภาคของโรงงาน
สรุปว่า ประเทศไทย จะไม่ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจอย่างน้อย 2 ปี 2568 2569 ภาคแรงงาน จะทะยอยตกงาน และ ไม่มีกำลังซื้อ
สัดส่วน รายได้ต่อหัวของประชากร จะลดลง แต่อัตราคนมีเงิน (เดิม) จะมีจำนวนทรัพย์สินเพิ่มขึ้น
ดังนั้น ภาคธุรกิจ จะมองไปที่ กลุ่มคนมีเงินเป็นหลัก และ จะหันไปใช้แรงงาน พม่า ส่วนภาคบริโภค จะไม่มองประเทศไทยเป็นหลัก
แต่จะมองทั้งภูมิภาคอาเชี่ยน เป็นก้อนเดียว โดยจำเป็นจะต้องเร่ง เผยแพร่ ภาษาจีน ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ภูมิภาค สื่อสารกันได้
one asian อาจเกิดขึ้นเร็วๆนี้ก็ได้นะ (อันนี้เดา) เพราะ จีนจะช่วยทั้งหมด เงิน กำลังทรัพยากร แต่ก็เพื่อพวกเขาเอง
ไม่ได้มาตั้งกระทู้ เพื่อบั่นทอนกำลังใจ หรือ เตือนสติ แต่เป็นกระทู้ให้ทำใจ ยอมรับ และ จำนน เพราะ เราทำอะไรไม่ได้แล้ว
เราได้ฆ่า ห่านทองคำของเราไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เศรษฐกิจและชีวิตคนไทย ตั้งแต่ 2568 เป็นต้นไป
ผมทำงาน รับใช้ คนจีนอยู่ 3 บริษัท ณ เวลานี้ แม้จะเป็น กึ่ง ฟรีแลนซ์ แต่ก็จำเป็นต้องไปนั่งแท่น บริหารให้เขาเช่นกัน
ระดับโรงงาน ลงทุนเกินกว่า 1000 ล้านบาท ทั้งหมด (ถ้านับโรงงานคนจีนที่เกี่ยวพันกัน ก็อีกมี 12 บริษัท)
วิธีคิดและทำงานของคนจีน คือ เอาคนนักศึกษาจีน ที่เรียนภาควิชาภาษาไทย มาทำงานในไทย โดยไม่สนใจว่า จะเรียนเฉพาะด้านหรือเปล่า
คนจีนคิดเพียงว่า ทุกงาน ใครๆก็ทำได้ ขอแค่คุยกันรู้เรื่อง ส่วนงานที่สำคัญ เช่น บัญชี ก็เอาคนไทยที่มี license มาเป็นลูกน้องถ้าเรื่องมากก็ outsource
คนจีนเรียนรู้ไว และ "ขโมย ไอเดีย" เก่งมากต้องยอมรับ
ส่วนงานเชิงช่าง ทั้งหมด คนจีนจะทำเอง ขนาดงานซ่อมท่อประปาเขาก็ทำเอง เขาคิดว่า ใครๆก็ทำได้ เขาอยากทำ พอทำผิดก็ค่อยจ้างคนไทยทำ
แต่ถ้าทำสำเร็จก็แปลว่าลดต้นทุนไปได้ ยิ่งในส่วนงานผลิต ควบคุมเครื่องจักร เขาจะทำเองทุกส่วน
ส่วนงานเฉพาะกิจบางอย่าง ที่เป็นงาน ทักษะเฉพาะ (งานที่ผมทำอยู่) เขาก็จ้างผม และ ยินดีจ้างแพงมาก และแน่นอนว่า
เขาขโมยองค์ความรู้ผมหมดแน่นอน และพอเขาทำงานเป็น เขาก็เตรียมเอาผมออก ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ส่วนแรงงานระดับ ล่าง เขาใช้พวกพม่า เข้ามาทำงาน (คนจีน ให้เครดิตคนพม่า มากกว่า ลาวและเขมร)
ส่วนกฏหมายว่าด้วยเรื่องการจ้างแรงงาน จีนใช้วิธี จ้างบริษัท sub-contact เป็น 1 นิติบุคคลควบคุมคน และ เป็นส่วนหลักที่ควบคุม แรงงานพม่า
ส่วนแรงงานจีน ก็ใช้วิธี นำเข้าคนจีน 30 60 90 วัน ด้วย Visa ต่างๆที่ไม่ใช่ work permit
ส่วนแรงงานไทย จ้างเฉพาะ แม่บ้านคนขับรถ เพื่อให้ได้สัดส่วนอัตราจ้างคน แค่นั้น
แปลว่า บรํษัทจีนมาลงทุนที่ไทย แทบจะไม่ได้เสียภาษีให้ไทย นอกจาก ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายนั่นนี่ นิดหน่อย
ค่าจ้างแรงงาน ค่าวัสดุ วัตถุดิบ การผลิต นำเข้าจากจีนทั้งหมด
บริษัท จีนหลายๆที่ ที่คนไทย กระโดดโลดเต้น ดีใจได้งานทำ เขาจะบีบให้ทำงาน จ-ส ไม่จ่าย OT บางครั้ง ก็ฟรีวันอาทิตย์
และถ้ามีเรื่อง สหภาพ เข้ามา เขาก็บีบด้วยการเร่งให้ทำงานช่วงพักเบรค และถ้าเรื่องมาก เขาก็เอาออก ทั้งหมด แล้ว ฟีดคนเข้าไปทำงานใหม่
เขาไม่แคร์ เขามองว่า คนงานเข้าวันนี้ พรุ่งนี้ก็หาได้ ถ้าหาไม่ได้ เขาก็นำเข้า เครื่องจักรอัตโนม้ัติมาแทน และ ลดการใช้คนในที่สุด
นโยบายของรัฐ ไม่ค่อยมีผลอะไร การลงทุน คนจีนที่ตัดสินใจลงทุน เขามองตลาด เอเชียใต้ อเมริกา และ แอฟริกา เป็นเป้าหมาย
เอเชียใต้ กับ อเมริกา พอเข้าใจ แต่ แอฟริกา คือ ณ วันนี้ จีนไปลงทุนที่ แอฟริกา เพราะต้องการให้ แอฟริกา มีความสามารถใช้การใช้จ่าย
เมื่อแอฟริกา มีปัญญาดูแลตัวเองได้ มีความสามารถในการใช้จ่าย แอฟริกา ก็จะซื้อสินค้า ของจีนเท่านั้น คนเขาเยอะ จีนก็โตและแข็งแกร่ง
มีรัฐมนตรี หลายคนที่ดังๆ มารับเงินสด จากเจ้าของคนจีน (laophan) เพื่อเลี่ยงกฎกติกาบางอย่าง
แต่บอกตรงๆ ผมถ่ายรูปหาหลักฐาน ได้นะ แต่ทำไปก็เท่านั้น เข้าตัวอีกต่างหาก ไม่มีประโยชน์อะไรที่ผมจะต้องทำ
จีนพยายาให้คนพูดภาษาจีนให้ได้มากที่สุด เขามองว่า เศรษฐกิจจะไปพร้อมๆกับวัฒนธรรม ถ้าอยากครองโลก ก็ต้องให้คนพูดกันรู้เรื่องและยอมจำนน
จีนใช้วิธีเดียวกับ เกาหลีและญี่ปุ่น copy & paste to be develope and estrablish (สำเนาและวางเพื่อพัฒนาและสร้างสรร) นี่คือ จีน ณ วันนี้
บริษัท ญี่ปุ่น (ผมผ่านงาน บ.ญี่ปุ่น เยอรมัน เกาหลี และ อเมริกัน) ชาติที่ งี่เง่าพร้อมๆกับรักคนไทยที่สุดคือ ญี่ปุ่น
ทุกๆที่ ที่ผมผ่านมา มองว่า คนไทย เก่ง แต่ไร้ระเบียบ และ ไม่เชื่อใจกันเอง ยกตัวอย่าง
คนไทย ถ้าปกติ ต่อแถวเข้าคิวซื้ออาหาร จะเป็นระเบียบอย่างน่าทึ่งดีมาก แต่ถ้ามี 1 คนแตกแถว คนอื่นๆจะรวน และ เละ และด่า ตำหนิทักท้วง
ก็จะทะเลาะกัน และสุดท้าย ก็เละ คนไทยเป็นแบบนี้ คนจีน ก็เห็นคนไทย เป็นแบบนี้ จงยอมรับ และ จำนน เราเปลี่ยนไม่ได้
จากการสรุป เศรษฐกิจไทย ณ วันที่ 24 ธค 67 เป็นการประชุม ระดับ บริหารของภูมิภาคของโรงงาน
สรุปว่า ประเทศไทย จะไม่ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจอย่างน้อย 2 ปี 2568 2569 ภาคแรงงาน จะทะยอยตกงาน และ ไม่มีกำลังซื้อ
สัดส่วน รายได้ต่อหัวของประชากร จะลดลง แต่อัตราคนมีเงิน (เดิม) จะมีจำนวนทรัพย์สินเพิ่มขึ้น
ดังนั้น ภาคธุรกิจ จะมองไปที่ กลุ่มคนมีเงินเป็นหลัก และ จะหันไปใช้แรงงาน พม่า ส่วนภาคบริโภค จะไม่มองประเทศไทยเป็นหลัก
แต่จะมองทั้งภูมิภาคอาเชี่ยน เป็นก้อนเดียว โดยจำเป็นจะต้องเร่ง เผยแพร่ ภาษาจีน ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ภูมิภาค สื่อสารกันได้
one asian อาจเกิดขึ้นเร็วๆนี้ก็ได้นะ (อันนี้เดา) เพราะ จีนจะช่วยทั้งหมด เงิน กำลังทรัพยากร แต่ก็เพื่อพวกเขาเอง
ไม่ได้มาตั้งกระทู้ เพื่อบั่นทอนกำลังใจ หรือ เตือนสติ แต่เป็นกระทู้ให้ทำใจ ยอมรับ และ จำนน เพราะ เราทำอะไรไม่ได้แล้ว
เราได้ฆ่า ห่านทองคำของเราไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว