หนึ่งในปัญหาของคนทำงาน ก็คือการมีเพื่อนร่วมในที่ทำงานไม่ถูกกันจนบางครั้งก็อาจส่งผลกระทบกับการทำงานด้วย ซึ่งความขัดแย้งในที่ทำงานเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่เรื่องงานไปจนถึงเรื่องส่วนตัว อย่างเช่น การส่งมอบงานระหว่างแผนกที่ล่าช้า การถกเถียงกันในที่ประชุม หรือแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ ที่ดูไม่เล็กอย่างการพูดคุยเสียงดังที่อาจรบกวนการทำงานของคนอื่น ไปจนถึงเรื่องส่วนตัว ก็อาจกลายเป็นประเด็นที่ทำให้ไม่กินเส้นกันได้เหมือนกัน ยิ่งถ้าเราต้องเป็นคนกลางในการประสานด้วย ยิ่งทำให้รู้สึกอึดอัด แต่ก็ไม่ได้มีหน้าที่ในการไปเรียกคุยส่วนตัวเพื่อแก้ไขปัญหา ใครที่กำลังเผชิญกับเหตุการณ์แบบนี้อยู่ หรือเคยผ่านเหตุการณ์ที่คล้ายกันทำนองนี้มาแล้ว JobThai Tips กระทู้นี้ เอาวิธีการรับมือเพื่อนร่วมงานไม่ถูกกันมาฝาก จะได้รับมือกันถูกแบบไม่เสียสุขภาพจิต
แนวทางการรับมือเมื่อต้องเป็นคนกลางในที่ทำงาน
เมื่อเพื่อนร่วมงานในที่ทำงานไม่ถูกกันขึ้นมา คนกลางอย่างเราควรจะวางตัวอย่างไรให้ไม่อึดอัด หรือไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน เรามีแนวทางในการรับมือเรื่องนี้มาฝาก โดยเฉพาะกับคนที่เจอเพื่อนร่วมงานในแผนกเดียวกันทะเลาะกันเอง
โฟกัสที่เรื่องงานเป็นหลัก
อย่างแรกที่เราต้องทำเลยก็คือ โฟกัสงานที่เราต้องทำเป็นหลัก อย่าไปเอาเรื่องส่วนตัวของคนอื่นมาคิดให้ปวดหัว เพราะไม่ใช่แค่จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานเราด้อยลง แต่ยังอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของเรา จนไม่อยากตื่นเช้าไปทำงานอีกด้วย ดังนั้นให้ความสำคัญกับการทำงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของเราให้ออกมาดีก็พอ
ฟังหูไว้หู ไม่เอาเรื่องส่วนตัวไปเล่าต่อ
หากเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องรับฟัง เพราะคนกลางอย่างเราดันรู้จักกับคนที่ไม่ถูกกันทั้งสองฝ่าย ก็ให้รับฟังแบบไม่ใส่ความคิดเห็นผสมโรงลงไปด้วย เพราะเราอาจจะกลายไปเป็นตัวละครในเรื่องที่เขาทะเลาะกันแทน หรืออาจจะกลายเป็นการเลือกข้างจากการโดนเอาชื่อไปอ้างอิงได้
พูดคุยกับทุกคนอย่างเสมอภาค
ความเป็นมืออาชีพ คือสิ่งสำคัญที่สุดในสังคมการทำงาน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนร่วมงานในองค์กร ในฐานะที่เราเป็นคนกลาง เราควรพูดคุยกับทุกคนให้ดูเป็นปกติ ไม่แสดงท่าทีที่แปลกไปในการคุยงาน เพราะอาจจะทำให้บรรยากาศการทำงานนั้นแย่ลง และส่งผลให้งานที่ต้องจัดการให้เสร็จนั้นล่าช้าลงไปอีก
ไม่เลือกข้างในการทำงาน
วุฒิภาวะ เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่คนกลางอย่างเราควรท่องเอาไว้ เรื่องที่เพื่อนร่วมงานบาดหมางกัน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรา จึงไม่ควรรับฟังมาเป็นอารมณ์ และเลือกเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจนตัวเราเองเกลียดอีกฝ่ายไปด้วย เพราะจะยิ่งทำให้องค์กรมีแต่จะเกิดความแตกแยกมากขึ้นไปอีก และสุดท้ายเราอาจจะโดนหางเลขไปด้วย
หลีกเลี่ยงการตักเตือนด้วยตัวเอง
ต่อให้เราจะรู้สึกอึดอัดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฐานะคนกลางแค่ไหน หากเราไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ในตำแหน่งงานที่สูงกว่าคนที่ทะเลาะกัน ก็ไม่ควรที่จะไปตักเตือนทั้งคู่โดยตรง หากปัญหาหนักข้อมากขึ้นจริง ๆ ควรแจ้งฝ่ายบุคคลที่มีหน้าที่ในการดูแลจัดการปัญหาตรงส่วนนี้แทน หรือปรึกษากับหัวหน้าแผนกให้เขาได้รับรู้ถึงปัญหาและผลกระทบต่อการทำงานที่เกิดขึ้น เพราะเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่โดยตรงในการจัดการปัญหาของคนในทีม
บางครั้งคนทำงานอย่างเรา ๆ ก็ไม่สามารถเลือกสังคมการทำงานที่ถูกใจ 100% ได้ เราเองจะต้องเรียนรู้ในการปรับตัว เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นประสบการณ์ที่ช่วยเราเติบโตขึ้น แม้จะไม่ใช่เรื่องงานโดยตรง แต่ก็เป็นเรื่องของการเรียนรู้คนซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้กัน อีกทั้งยังช่วยให้เราเข้าใจถึงแนวทางการรับมือขององค์กรที่เรากำลังร่วมงานอยู่ได้ว่าเวลาพนักงานมีปัญหา เขามีวิธีการจัดการยังไง ซึ่งสามารถช่วยให้เราเลือกสถานที่ทำงานในอนาคตได้ตรงความต้องการมากยิ่งขึ้น
เพื่อนร่วมงานไม่ถูกกัน เราควรวางตัวยังไงดี
แนวทางการรับมือเมื่อต้องเป็นคนกลางในที่ทำงาน
เมื่อเพื่อนร่วมงานในที่ทำงานไม่ถูกกันขึ้นมา คนกลางอย่างเราควรจะวางตัวอย่างไรให้ไม่อึดอัด หรือไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน เรามีแนวทางในการรับมือเรื่องนี้มาฝาก โดยเฉพาะกับคนที่เจอเพื่อนร่วมงานในแผนกเดียวกันทะเลาะกันเอง
โฟกัสที่เรื่องงานเป็นหลัก
อย่างแรกที่เราต้องทำเลยก็คือ โฟกัสงานที่เราต้องทำเป็นหลัก อย่าไปเอาเรื่องส่วนตัวของคนอื่นมาคิดให้ปวดหัว เพราะไม่ใช่แค่จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานเราด้อยลง แต่ยังอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของเรา จนไม่อยากตื่นเช้าไปทำงานอีกด้วย ดังนั้นให้ความสำคัญกับการทำงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของเราให้ออกมาดีก็พอ
ฟังหูไว้หู ไม่เอาเรื่องส่วนตัวไปเล่าต่อ
หากเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องรับฟัง เพราะคนกลางอย่างเราดันรู้จักกับคนที่ไม่ถูกกันทั้งสองฝ่าย ก็ให้รับฟังแบบไม่ใส่ความคิดเห็นผสมโรงลงไปด้วย เพราะเราอาจจะกลายไปเป็นตัวละครในเรื่องที่เขาทะเลาะกันแทน หรืออาจจะกลายเป็นการเลือกข้างจากการโดนเอาชื่อไปอ้างอิงได้
พูดคุยกับทุกคนอย่างเสมอภาค
ความเป็นมืออาชีพ คือสิ่งสำคัญที่สุดในสังคมการทำงาน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนร่วมงานในองค์กร ในฐานะที่เราเป็นคนกลาง เราควรพูดคุยกับทุกคนให้ดูเป็นปกติ ไม่แสดงท่าทีที่แปลกไปในการคุยงาน เพราะอาจจะทำให้บรรยากาศการทำงานนั้นแย่ลง และส่งผลให้งานที่ต้องจัดการให้เสร็จนั้นล่าช้าลงไปอีก
ไม่เลือกข้างในการทำงาน
วุฒิภาวะ เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่คนกลางอย่างเราควรท่องเอาไว้ เรื่องที่เพื่อนร่วมงานบาดหมางกัน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรา จึงไม่ควรรับฟังมาเป็นอารมณ์ และเลือกเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจนตัวเราเองเกลียดอีกฝ่ายไปด้วย เพราะจะยิ่งทำให้องค์กรมีแต่จะเกิดความแตกแยกมากขึ้นไปอีก และสุดท้ายเราอาจจะโดนหางเลขไปด้วย
หลีกเลี่ยงการตักเตือนด้วยตัวเอง
ต่อให้เราจะรู้สึกอึดอัดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฐานะคนกลางแค่ไหน หากเราไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ในตำแหน่งงานที่สูงกว่าคนที่ทะเลาะกัน ก็ไม่ควรที่จะไปตักเตือนทั้งคู่โดยตรง หากปัญหาหนักข้อมากขึ้นจริง ๆ ควรแจ้งฝ่ายบุคคลที่มีหน้าที่ในการดูแลจัดการปัญหาตรงส่วนนี้แทน หรือปรึกษากับหัวหน้าแผนกให้เขาได้รับรู้ถึงปัญหาและผลกระทบต่อการทำงานที่เกิดขึ้น เพราะเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่โดยตรงในการจัดการปัญหาของคนในทีม
บางครั้งคนทำงานอย่างเรา ๆ ก็ไม่สามารถเลือกสังคมการทำงานที่ถูกใจ 100% ได้ เราเองจะต้องเรียนรู้ในการปรับตัว เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นประสบการณ์ที่ช่วยเราเติบโตขึ้น แม้จะไม่ใช่เรื่องงานโดยตรง แต่ก็เป็นเรื่องของการเรียนรู้คนซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้กัน อีกทั้งยังช่วยให้เราเข้าใจถึงแนวทางการรับมือขององค์กรที่เรากำลังร่วมงานอยู่ได้ว่าเวลาพนักงานมีปัญหา เขามีวิธีการจัดการยังไง ซึ่งสามารถช่วยให้เราเลือกสถานที่ทำงานในอนาคตได้ตรงความต้องการมากยิ่งขึ้น