JJNY : 5in1 ธนาธรปลุกลงสมัคร│กมธ.ความมั่นคงชงร่างกม.│ก้าวไกลห่วง 5 ประเด็น│หวั่นราคาดีเซลพุ่งแรง│พบภูเขาไฟยังไม่ดับ

ธนาธร ปลุกชาวสุราษฎร์ ลงสมัครเพื่อโหวตส.ว.ระบบแบ่งกลุ่มอาชีพ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4531495
  
 
ธนาธร ปลุกชาวสุราษฎร์ ลงสมัครเพื่อโหวต ส.ว.ระบบแบ่งกลุ่มอาชีพ 
 
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 เมษายน ที่ร้านอาหารเรือนไทย ต.บางใบไม้ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานที่ปรึกษาคณะก้าวหน้า เดินทางมาร่วมเสวนารณรงค์ เชิญชวนชาวประชาชนสมัคร เพื่อโหวต ส.ว.ในระบบแบ่งกลุ่มอาชีพ และขั้นตอนวิธีการ ในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ว. พร้อมทั้งได้นำเอกสาร ให้ผู้สนใจตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเอง เพื่อลงสมัครผ่านเว็บไซต์ senate67.com โดยมีประชาชนและผู้สนใจเข้าร่วมประมาณ 100 คน
 
โดยนายธนาธรได้กล่าวเชิญชวนผู้เข้าร่วมเสวนา โดยเฉพาะผู้ที่มีศักยภาพในการจ่ายค่าสมัครจำนวน 2,500 บาท ให้เข้าร่วมลงสมัคร โดยมีภารกิจหลักเพื่อโหวตลงคะแนนเสียงให้ในกลุ่มอาชีพเดียวกัน เพื่อให้ได้สมาชิกวุฒิสภาที่มีคุณภาพและอีกผลพลอยได้ก็คือการที่ลงสมัคร จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการเข้าไปจับผิดและเป็นหูเป็นตาแทนประชาชนทั่วไป
 


กมธ.ความมั่นคง ชงร่างกม.คำสั่งเรียก เอาผิด รมต.-จนท.รัฐ เบี้ยวแจง ยันไม่ใช้พร่ำเพรื่อ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8191928

“กมธ.ความมั่นคง” เสนอร่างกม.คำสั่งเรียก แก้เผ็ด รมต.-จนท.รัฐ เบี้ยวชี้แจง มีความผิดทางวินัย-จริยธรรม ย้ำไม่ใช้พร่ำเพรื่อ มั่นใจไม่ใช่ร่างกฎหมายการเงิน
 
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 18 เม.ย. 2567 ที่รัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 รับหนังสือจาก นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย สส.ที่เข้าชื่อกันเสนอ ร่างพ.ร.บ.การเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ. ….
 
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คณะกรรมาธิการได้ศึกษาร่างดังกล่าว ต้องเน้นย้ำว่าเรามีกฎหมายที่เกี่ยวข้องในทำนองเดียวกันอยู่แล้ว แต่ปรากฏว่าในสภาฯ ชุดที่แล้วได้มีการยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ และมีการวินิจฉัย กำหนดความผิดอาญาในบางมาตราว่าเป็นกฎหมายที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ยังไม่มีปัญหาในการบังคับใช้
 
ทำให้คณะกรรมาธิการประสบปัญหาและอุปสรรคในการรวบรวมข้อมูลมาศึกษา และจัดทำข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลได้ยาก ด้วยปัญหาดังกล่าว ตนจึงนำเรื่องนี้หารือต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ รวมถึงที่ประชุมประธาคณะกรรมาธิการสามัญทั้ง 35 คณะ พบว่า หลายท่านก็เจอปัญหาลักษณะเดียวกัน เราจึงได้จัดทำร่างกฎหมายเพื่อปรับปรุงหลักการในการเรียกของคณะกรรมาธิการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
 
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า โดยหลักการจากเดิมการเรียก หากผู้ชี้แจงไม่มาตามเรียกจะมีความผิดตามกฎหมายอาญา เราจึงมีการเปลี่ยนแปลงใน 2 ลักษณะ  ในเชิงของรัฐมนตรีจะมีความผิดเรื่องประมวลจริยธรรม ซึ่งเห็นว่าน่าจะชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เพราะการทำหน้าที่ของคณะกรรมาธิการต้องได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลอยู่แล้ว ภายใต้มาตรา 129
 
ในส่วนเจ้าหน้าที่ของรัฐและส่วนอื่นๆ ก็จะมีความผิดทางวินัย ในกรณีไม่มาตามคำสั่งเรียก แต่คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการคงไม่สามารถใช้พร่ำเพรื่อได้ เพราะในกรณีหากเป็นการสั่งเรียกเพื่อกลั่นแกล้ง ผู้ใช้คำสั่งเรียกก็จะมีความผิดเช่นเดียวกัน
 
ดังนั้น ร่างกฎหมายนี้เป็นไปเพื่ออำนวยความสะดวกให้การทำหน้าที่ของคณะกรรมาธิการออกมาดีที่สุด และเราคงจะไม่ใช้ทันที เพราะมาตรการของเราคือ ต้องเชิญเป็นหลักก่อน หากไม่ได้รับความร่วมมือถึงจะใช้คำสั่งเรียกต่อไป” นายรังสิมันต์ กล่าว
 
เมื่อถามว่าจะมีโอกาสถูกตีความว่าร่างกฎหมายนี้เป็นร่างเกี่ยวกับการเงินหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า โดยกระบวนการเมื่อยื่นร่างกฎหมายไป ทางสภาฯ ต้องมีการวินิจฉัย หากตีความว่าเป็นร่างการเงินก็จะเข้าสู่ที่ประชุมของประธานกมธ. ทั้ง 35 คณะ ซึ่งจะต้องพูดคุยกันว่าจะลงมติอย่างไร แต่เราพยายามทำให้ร่างกฎหมายนี้สามารถเข้าสู่การบรรจุวาระโดยเร็ว
 
อย่างไรก็ตาม ไม่เชื่อว่าจะถูกตีความเป็นร่างการเงิน เนื่องจากนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย เคยเสนอร่างกฎหมายในทำนองเดียวกันไปก่อนหน้าแล้ว และไม่ถูกวินิจฉัยว่า เป็นร่างการเงิน เราจึงหวังว่ากระบวนการนี้จะเดินหน้าไปพร้อมกันได้
 
ทั้งนี้ การเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมายครั้งนี้ ไม่ได้แบ่งว่าเป็น สส.ฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ตนถึงบอกว่าจะเป็นนิมิตหมายที่ดีในการทำงานของสภาฯ ซึ่งเห็นพ้องต้องกันทุกฝ่าย และหากร่างกฎหมายบรรจุแล้วก็จะนำไปหารือกับวิปทุกฝ่ายต่อไป
 
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า จากประสบการณ์ที่เจอปัญหาในการทำงานของกมธ.ความมั่นคง หลายเรื่องที่เราพิจารณาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นเรื่องความมั่นคง ชายแดน บางครั้งเรายังมีช่องว่างระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายรัฐบาล เป็นช่องว่างที่เราพยายามแก้ไขอยู่ ซึ่งการจะเชิญหน่วยงานต่างๆ มาให้ข้อมูล บางทีก็มีการมอบต่อๆ กัน
 
บางทีเราเชิญรัฐมนตรี ก็มอบต่อๆ กันไป สุดท้ายไม่ได้เจ้าหน้าที่ที่ตัดสินใจในเชิงนโยบาย ซึ่งเสียประโยชน์ และต้องยอมรับว่ามีต้นทุนในการประชุม ถ้าเราไม่สามารถได้ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ สุดท้ายก็ไม่สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบายได้” นายรังสิมันต์ กล่าว
 
ด้านนายปดิพัทธ์ กล่าวว่า การบังคับใช้คำสั่งเรียก ไม่ได้ใช้พร่ำเพรื่อ แต่เมื่อถึงจังหวะที่เราต้องการคำตอบ เช่น เรื่องการใช้อำนาจหน้าที่เกินของเจ้าหน้าที่รัฐ รัฐมนตรีจะรับผิดชอบอย่างไร ปรากฏว่าไม่มา ทำให้กมธ.ประชุมฟรี เสียเวลา ทำให้ความเดือดร้อนของประชาชนไม่ได้รับการแก้ไข
 
เมื่อกมธ.เจอปัญหาเชิงโครงสร้างที่ไม่สามารถแก้ได้ด้วยการประชุมไปเรื่อยๆ ก็เกิดปัญหาตามมา ทั้งนี้ ร่างพ.ร.บ. ที่เสนอโดยนายสฤษฏ์พงษ์ มีหลักการเหมือนกัน แต่รายละเอียดต่างกันเล็กน้อยในเรื่องตำแหน่งของรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่รัฐ
 
นายปดิพัทธ์ กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าคงไม่มีการปัญหากับการเสนอประกบกัน ส่วนการวินิจฉัยว่าเป็นร่างการเงินหรือไม่ ก็จะดำเนินการอย่างรวดเร็ว โดยส่วนตัวคิดว่าไม่ใช่ร่างการเงินแน่ๆ เพราะไม่ได้กระทบกับการจัดสรรงบประมาณแผ่นดิน


 
ก้าวไกล ห่วง 5 ประเด็นขนย้ายกากแคดเมียมกลับตาก รับชัดเจนรง.เก็บเป็นญาติ ‘ส.ก.เนอส’ ขอให้เป็นไปตามกม.
https://www.matichon.co.th/politics

ก้าวไกล ห่วง 5 ประเด็นขนย้ายกากแคดเมียมกลับตาก รับชัดเจน รง.เก็บเป็นญาติ ‘ส.ก.เนอส’ ขอให้เป็นไปตาม กม. จี้กระทรวงทรัพย์ฯ กล้าใช้กฎหมายฟันบริษัทต้นกำเนิดมลพิษ-ฝืนอีไอเอ

เมื่อวันที่ 18 เมษายน ที่รัฐสภา ส.ส.พรรคก้าวไกล ในนามกลุ่ม ‘ก้าวกรีน’ นำโดยนายเดชรัต สุขกำเนิด ผอ.สถาบันวิจัยนโยบายเพื่ออนาคต  (Think Forward Center) นายคริษฐ์ ปานเนียม ส.ส.ตาก นายณัฐพงษ์ สุมโนธรรม ส.ส.สมุทรสาคร เขต 1 และ น.ส.ภัสริน รามวงศ์ ส.ส.กทม. เขตบางซื่อ ร่วมกันแถลงข้อห่วงใยกรณีการขนย้ายกากแคดเมียมกลับไปยัง จ.ตาก ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาขนย้ายประมาณ 480 กว่าเที่ยวคันรถ และใช้เวลา 1-2 เดือน

โดยนายเดชรัตกล่าวว่า ทางพรรคจึงมีความกังวลต่อการปฏิบัติและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมตั้งข้อสังเกต 5 ประเด็น คือ 1.กากแคดเมียมที่พบทั้งหมดในปัจจุบันและกำลังจะขนกลับไป ยังไม่ครบจำนวน 13,800 ตัน เพราะปัจจุบันยังค้นไม่พบ ขาดอยู่จำนวน 1,265 ตัน คาดการณ์ว่าอาจจะเกิดจากความชื้นที่ลดลง หรือการคำนวณน้ำหนักที่ไม่แน่ชัด ซึ่งพรรคก้าวไกลกังวลว่าอาจจะมีการกักเก็บในพื้นที่อื่นๆ ที่ยังไม่ทราบในบางพื้นที่ เช่น กรณีที่พบที่เขตบางซื่อ มีแคดเมียม 150 ตัน ดังนั้นอีก 1,265 ตันอาจจะกระจายอยู่ในพื้นที่อื่นได้ หรืออาจเป็นไปได้ว่ามีการหลอมแคดเมียมไปแล้วบางส่วน โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.สมุทรสาครและชลบุรี จึงอยากให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนทราบอย่างโปร่งใส 2.ขอให้รัฐบาลตรวจสอบสารปนเปื้อนทั้งในร่างกายและสิ่งแวดล้อมให้ครอบคลุมพร้อมกับกำหนดมาตรการฟื้นฟูเยียวยาโดยไม่อ้างข้อติดขัดใดๆ ทั้งสิ้น และขอให้ประกาศพื้นที่ควบคุมมลพิษ

นายเดชรัตกล่าวต่อว่า 3.การขนส่งกากแคดเมียมไปยังจังหวัดตากนั้น จะต้องมีบุคคลที่สามหรือมีส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบความพร้อมพื้นที่จัดเก็บ  เนื่องจากก่อนหน้านี้การลักลอบขุดกากแคดเมียมส่งผลให้คอนกรีดฝังกลบ ได้รับความเสียหายจากการขุดของรถแบ๊กโฮ ส่งผลให้ประชาชนในจังหวัดตาก กังวลเรื่องความปลอดภัย จนต้องออกมาเรียกร้อง 4.หลังประเมิน เที่ยวรถในการขนส่งและปริมาณรถที่ขนได้ พบว่า ต้องขนมากกว่า 480 เที่ยว ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลานาน 1-2 เดือน และกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูฝน อาจทำให้มีการปนเปื้อนระหว่างขนส่งได้ ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเข้มงวดโดยใช้รถที่ได้รับอนุญาตให้ขนส่งวัตถุอันตราย และมีมาตรการป้องกันกรณีเกิดอุบัติเหตุด้วย และ 5.สรุปบทเรียนจากเหตุการณ์นี้ เพื่อหาข้อผิดพลาดนำไปสู่มาตรการการแก้ไข โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมตรวจสอบ ที่ต้องควบคุมอย่างชัดเจนและเปิดเผยต่อสาธารณะ
 
เมื่อถามว่าการนำกากแคดเมียมกลับไปยัง จ.ตาก จะมีชาวบ้านในพื้นที่มาประท้วง สถานการณ์ในพื้นที่เป็นอย่างไรบ้าง โดยนายคริษฐ์กล่าวว่า จากการที่ตนลงพื้นที่กับรองอธิบดีกระทรวงอุตสาหกรรม จู่ๆ ชาวบ้านในพื้นที่ก็พูดขึ้นมาว่าถ้าสภาพของบ่อกลบยังไม่เรียบร้อย ไม่มีความปลอดภัย ชาวบ้านก็อาจจะออกมาคัดค้าน แต่ถ้ากระบวนการทุกอย่างถูกต้อง มีความเชื่อมั่นก็พอจะเจรจากันได้ ตนมองว่า จ.ตากมีทรัพยากรมาก ที่ผ่านมามีผู้คนมาตักตวงผลประโยชน์ออกไป เราเข้าใจดีว่ามาจาก จ.ตากและต้องนำกลับไป คนจังหวัดตากก็กังวลเช่นเดียวกับคนพื้นที่อื่น ซึ่งพอจะขนกลับมาก็ยอมรับได้ แต่กระบวนการต้องกระทบประชาชนน้อยที่สุด เพราะสิ่งเหล่านี้จะต้องอยู่กับพวกเขาไปจนตาย

เมื่อถามว่ากระบวนการในการเอาผิด จะมีใครได้รับโทษบ้าง นายเดชรัตกล่าวว่า มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ใบอนุญาต ต้องไปตรวจสอบว่าใครผิดบ้าง ยืนยันว่าในพื้นที่มีกากโลหะหนักจากการทำเหมืองแร่สังกะสีที่ได้กากแคดเมียม ตอนทำอีไอเอระบุว่า จะฝังเก็บถาวร แต่พอตอนย้ายออกไป ทำไมไม่แจ้งให้ทราบ ส่วนจะมีการยื่นเอาผิดเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหรือไม่ นายเดชรัตยืนยันว่า ใช้ช่องทางสภาแน่นอน แต่ช่วงนี้ยังปิดสมัยประชุม เมื่อมีโอกาสก็จะเร่งดำเนินการในทุกช่องทาง

ส่วนประเด็นที่เจ้าของโรงงานที่เก็บกากแคดเมียมเป็นของญาติ น.ส.ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย หรือ ส.ก.เนอส พรรคก้าวไกล ได้มีการสอบถามไปที่ตัว ส.ก.หรือไม่ นายเดชรัตกล่าวว่า เราได้สอบถามแล้วตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุ ทุกอย่างเป็นไปตามข้อกฎหมาย หลักฐานชัดเจน ไม่มีเรื่องอะไรต้องสงสัย
เมื่อถามว่าสามารถใช้กฎหมายอีไอเอหรือกฎหมายของกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการเอาผิดบริษัทต้นทางได้เลยหรือไม่ นายเดชรัตกล่าวว่า ทำได้เลย และขอย้ำว่า เรื่องนี้มีหน่วยงานในกระทรวงอุตสาหกรรมให้การอนุญาตด้วย

ด้านนายพูนศักดิ์กล่าวเสริมว่า กระทรวงทรัพยากรฯ สามารถดำเนินการเอาผิดบริษัทต้นกำเนิดมลพิษ ได้ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม 2535 โดยกรมควบคุมมลพิษ ต้องดำเนินการเอาผิดกับบริษัทเอกชนที่เป็นต้นกำเนิดของกากแคดเมียม ขณะที่สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) สามารถดำเนินการเอาผิดในเรื่องการฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามอีไอเอ ซึ่งมีโทษทั้งจำทั้งปรับ แต่ตนยังไม่เห็นแอ๊กชั่นจากกระทรวงทรัพยากรฯในเรื่องนี้ เหมือนกรณีที่ผ่านๆ มา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่