การรักษาอาการปวด คอ บ่า ไหล่ หลัง แขนชายกไม่ขึ้น นิ้วล็อค ด้วยตนเอง

ขอแบ่งปันประสบการณ์ การรักษา อาการปวดคอ บ่า ไหล่ ด้วยตนเองหน่อยน่ะค่ะ ด้วยอาชีพนักวิจัยและนักพัฒนาที่ทำมาทั้งชีวิต ทำให้นั่งทำงานหน้าคอมฯ และใช้โทรศัพท์มือถือทั้งบันเทิงทั้งงานต่อเนื่องยาวนาน แบกเป้หนักๆ เดินทางลงพื้นที่ขึ้นเหนือล่องใต้ รู้ตัวอีกทีก็ตึงทั้งคอ บ่า ไหล่ หลัง ยกทีมกันปวดเลยทีเดียว ร้านนวดคือสวรรค์คนตัวตึงโดยแท้ นวดเสร็จตัวเบาคลายเมื่อยไปได้โข ก็กลับไปนั่งทำงาน เดินทางต่อวนไป ถ้ามีโอกาสก็จะพักร่างด้วยการ ว่ายน้ำ เดินป่าเดินเขา ปั่นจักรยาน เข้าร้านนวด วนไปตามวาระของชีวิต โดยไม่ได้เฉลียวใจเลยสักนิดว่าจะมีผลอย่างไรบ้างในระยะยาว ในวัย 48 ปีอาการที่เคยเป็นๆ หายๆ รุกรามถึงขึ้นเรื้อรัง มีอาการปวดเมื่อย ตึงไปทั่วร่างบิดไปข้างไหนก็ได้ยินเสียง “กร๊อก แกร๊ก” ปวดคอ บ่า ไหล่ ร้าวลงแขน แขนชาบางครั้งไม่มีแรงยกแขน มือชาขยับมือไม่ได้ นิ้วล็อค บางวันปวดจนน้ำตาไหล นอนไม่หลับเพราะอาการปวด อาการปวดหลังเริ่มร้าวไปที่บันท้าย เริ่มคิดที่จะแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง  
ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่าเป็นอะไรกันแน่เพื่อจะได้รักษาให้ตรงจุด หาข้อมูลทั้งจากอินเตอร์เน็ตให้หมดตรวจวินิจฉันโรค ได้ข้อสรุปว่า “อาการปวดคอ บ่า ไหล่ หลัง เนื่องจาก Office syndrome” ซึ่งก็คือ การที่เราใช้กล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำๆ ต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบและปวดเมื่อยตามอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณ คอ หลัง ไหล่ บ่า แขน หรือข้อมือ ซึ่งอาการปวดดังกล่าวอาจลุกลามจนกลายเป็นอาการปวดเรื้อรัง อาการของเราเดินทางมาถึงขั้นเรื้อรังแล้ว ส่วนการรักษามีหลายวิธีเลือกเอาตามชอบ จะใช้ยา ทำกายภาพบำบัด ออกกำลังกายเพื่อรักษาอาการปวด ฝังเข็ม นวดแผนไทย เมื่อรู้สาเหตุแน่ชัดก็เริ่มรักษาตัว 
  

              
เราเริ่มรักษาด้วยการ เปิด Youtube “แก้ปวดเมื่อยค่อ บ่า ไหล่ หลัง” มีวีดีโอขึ้นมาให้เลือกเป็นร้อยเลย เราก็เลือกการบริหารง่ายๆ ที่ช่วยแก้อาการปวด เมื่อย และที่ถูกจริตเราที่สุดคือ การยืดเหยียดด้วยโยคะ ปวดเมื่อยเมื่อไหร่ก็เปิดดูและทำตาม ก็ทุเลาไปได้แต่ก็ไม่หายขาด จึงตัดสินใจลงคอร์ทฝึกโยคะ  ทั้งโยคะบนเสื่อและโยคะฟลาย ในช่วงการฝึกแรกๆ บิดไปองศาไหนก็ปวด ตึง เจ็บ 3 เดือนแรกฝึกทั้งเช้าและเย็นสนุกมากแล้วก็ฟินกับความตึงพอฝึกเสร็จก็เบาสบาย มีเวลาก็เข้าร้านนวด ว่ายน้ำ เดินป่า ปั่นจักรยาน ถึงจะออกกำลังกายยืดเส้นยืดสาย แต่พฤติกรรมการยังเหมือนเดิม ช่วงไหนที่งานยุ่งไม่มีเวลายืดเหยียดอาการก็จะกำเริบ หนักจนขยับแขนไม่ได้และมือชา นิ้วล็อค จึงเข้าคอร์ทกายภาพบำบัด ซึ่งหมอน่ารักมากการรักษาประหนึ่งได้เข้าเรียนอนาโตมี่กันเลยทีเดียว การรักษาก็จะเน้นทำความเข้าใจความสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อกับอาการปวดที่เกิดขึ้น พร้อมมีท่าเฉพาะให้บริหารแก้อาการ และมีการนวดแก้อาการเฉพาะจุด พร้อมกับเราก็ฝึกโยคะควบคู่ไปด้วย แต่ก็ต้องระวังไม่ให้เกิดอาการ over stretching ซึ่งก็เกิดขึ้นบ่อยๆ เพราะความสนุกจนลืมตัว การฝึกโยคะก็นเน้นการยืดเหยียดให้ตรงจุด และก็ปรับพฤติกรรม เราหยุดทำงานไม่ได้ เราก็เปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ และพฤติกรรมการยกไหล่โดยไม่รู้ตัวเมื่อรู้ตัวก็ผ่อนคลายหัวไหล่ ปรับสิ่งแวดล้อมในการนั่งทำงานทั้งระดับความสูงโต๊ะ เก้าอี้ และปูเสื่อโยคะไว้ข้างโต๊ะทำงานเพื่อให้เสื่อโยคะช่วยเตือนว่าอย่างนั่งนานนะเธอ 1 เดือนผ่านไป บอกลา Office syndrome ไปเลย แต่นางพร้อมกลับมาทุกเมื่อหากคุณมีพฤติกรรมเสี่ยง


จากอาการปวด ตึงไปทั่วร่าง แขนไม่มีแรง มือชาจนขยับไม่ได้ หายไปเลย จนลืมว่าเคยเป็น “มนุษย์ตัวตึง” ลั้นลาหละซิทีนี้ เริ่มกลับมาทำงาน แต่ก็ฝึกต่อเนื่องอีก 3 เดือนเพื่อเสริมสร้างความยืดหยุดและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้ ตั้งแต่นั้นมาเราตกหลุมรักโยคะเข้าอย่างจัง โยคะกลายเป็นเพื่อนยามปวดเมื่อยและเพื่อนยามยากในเวลาที่ขาดสติ ซึ่งจุดประกายให้เราอยากเป็นครูโยคะ เพราะในวันที่อาการตึง ปวดรบกวนการใช้ชีวิตในแต่ละวัน เราต้องการใครสักคนที่เข้าใจและช่วยแก้ปัญหา และเราอยากเป็นคนนั้น เราไม่ใช่หมอที่จะวินิฉัยอาการปวดเมื่อยแล้วบอกว่าคุณเป็นโรคอะไร เราไม่ใช่ครูโยคะที่ผอมเพรียวหุ่นดี ตัวอ่อน ทำท่าโยคะได้อ่อนช้อยงดงามประหนึ่งไม่มีกระดูก เล่นท่ายากได้แทบทุกท่า แต่เราเป็น “ครูโยคะตัวตึง” ที่จะช่วยคนตัวตึงค้นหาสาเหตุความปวดเมื่อยของตัวเองและร่วมกันแก้ปัญหาได้ตรงจุด  
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ใครเป็นแบบเราแล้วรักษากันยังไงบ้างมาแบ่งปันกันน่ะค่ะ
#หม่าวโยคะตัวตึง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่