พิธา บุก ‘หนองวัวซอ’ ฟังปัญหาที่ดิน ซัด รบ.ให้สิทธิเช่า 3 ปี ไม่มั่นคง ทาสีไม่ทันแห้งก็เอาคืน
https://www.matichon.co.th/politics/news_445157
“พิธา” ขนทีม “ก้าวไกล” บุก “หนองวัวซอ” รับฟังปัญหาที่ดินทำกิน มองปัญหา “กรรมสิทธิ์” เป็นต้นตอหนี้สิน-ความเหลื่อมล้ำ ย้ำพื้นที่ประเทศไทย ประชาชนมีสิทธิ์แค่กำมือ แต่ภาครัฐถือครองเพียบ ลั่น เขาให้สิทธิเช่า 3 ปี จะทำร้านก๋วยเตี๋ยว ทาสีไม่แห้งเขาก็เอาคืนแล้ว ถามความมั่นคงอยู่ตรงไหน
เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่ตลาดบิ๊กซัน ต.หนองวัวซอ อ.หนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี พรรคก้าวไกล นำโดย นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล , นาย
อภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร , นาย
กรุณพล เทียนสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองโฆษกพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ส.ส. และ ทีมก้าวไกลจังหวัดอุดรธานี เปิดเวทีรับฟังปัญหาที่ดินจากชาวบ้านหนองวัวซอ เพื่อนำไปเป็นแนวทางแก้ไขและผลักดันในสภาฯ โดยมีชาวบ้านกว่า 500 คน เข้าร่วมงาน
โดยนาย
พิธา กล่าวว่า วันนี้มาลงพื้นที่เพื่อ ดูเรื่องความเหลื่อมล้ำในสิทธิที่ดินของประชาชน จากสภาฯถึงหนองวัวซอ สัปดาห์ที่แล้วก็เห็นว่ามีปัญหาของพ่อแม่พี่น้องเข้ามาอยู่ในสภาฯ วันนี้ก็เลยลงมาพื้นที่ เพื่อที่จะได้เห็นปัญหาของพ่อแม่พี่น้องอย่างแท้จริง เพราะพวกเราไม่ใช่นักรบห้องแอร์ ต้องการลงพื้นที่ให้เห็นจริงๆ
ตนต้องขอพูดถึงการที่พี่น้องประชาชนชาวอุดรธานีที่ให้ความไว้วางใจพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งที่ผ่านมาอย่างถล่มทลาย กว่า 300,000 คะแนน ถือถือว่าเป็นการเติบโตที่ไม่ธรรมดา ตนจึงต้องลงมาด้วยตนเอง เพื่อมาขอบพระคุณพ่อแม่พี่น้อง เพื่อให้ความไว้วางใจพวกเราพรรคก้าวไกล ถึงจะไม่ได้มาเป็นอันดับหนึ่ง แต่ก็สู้ขาดใจแน่นอน
นาย
พิธา กล่าวว่า ปีหน้าจะมีการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่มีความสำคัญ เราเป็นผู้บริหารท้องถิ่นที่มีความยึดโยงกับประชาชน ต้องมาจากการเลือกตั้ง เป็นคนที่บริการสาธารณะให้กับพ่อแม่พี่น้องชาวอุดรธานี เหมือนเป็นจิ๊กซอว์สุดท้าย ตามวิสัยทัศน์ของพรรคก้าวไกล ที่ต้องการเห็นจังหวัดอุดรธานีเท่าเทียมกันและเท่าทันโลก
ตนอยากเห็นพี่น้องชาวอุดรธานีหากินได้ในจังหวัดอุดรธานี ไม่ต้องไปเมืองนอกเมืองนา คราวนี้ ว่าที่ผู้สมัคร อบจ. พรรคก้าวไกล ยอมรับว่าเราเป็นมวยรองที่มีโอกาสชนะแน่นอน เพราะเลือกตั้งที่ผ่านมาบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลได้มาอยู่ 300,000 คะแนน ในขณะเดียวกันการเจริญเติบโตของพวกเราก็มีมากเรื่อยๆ
ประการต่อมา เป็นเรื่องสิทธิในที่ดินทำกิน ตนต้องแจ้งให้กับพี่น้องให้ฟังว่า ในประเทศไทยเป็นที่ดินของรัฐบาลเยอะ เป็นที่ดินของราชการเยอะ ในประเทศไทยมี 320 ล้านไร่ 60 % เป็นของรัฐบาล 40% เป็นที่ของประชาชน ซึ่งมีแค่กำมือเดียวเท่านั้น ถ้าอยากเห็นประเทศพัฒนาเจริญขึ้น ไม่ต้องเป็นหนี้สิน เข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องเป็นหนี้นอกระบบ จะต้องมีที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ เพราะคำว่าสิทธิ์ที่ดินแปลได้หลายอย่าง เป็นสิทธิในการทำกิน ให้เป็นสิทธิในการเช่า เป็นสิทธิในการบริหารจัดการก็ได้
“
รัฐบาลให้สิทธิในการเช่าแค่ 3 ปี อย่างนี้ไม่ถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ ผมจะทำร้านก๋วยเตี๋ยว ทาสียังไม่แห้ง เขาจะเอาคืนก็ได้ พ่อแม่พี่น้องจะปลูกมะม่วง สักปีสองปี ถ้าเขาอยากเอาคืน ภายใน 3 ปีเอาคืนได้ ความมั่นคงในชีวิตมันไม่มี แม่นบ่แม่น” นาย
พิธา กล่าว
นาย
พิธา ย้ำว่า เรื่องการได้เป็นกรรมสิทธิ์ที่ดิน ถือเป็นการลดความเหลื่อมล้ำ เป็นการแก้ไขหนี้สินนอกระบบอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้น วิธีคิดของตน ไม่ใช่บอกว่าให้ประชาชน เป็นที่อยู่อาศัย คอยจ่ายค่าเช่าให้กับรัฐบาล ไม่ใช่แบบนั้น ไม่ใช่แค่ขอให้มีที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัย แต่ต้องเป็นสิทธิในการบริหารอนาคตของตัวเอง สิทธิในการมอบที่ดินให้กับลูกหลาน การมีกรรมสิทธิ์ในการจะเอาที่ดินเข้าธนาคาร นำเงินออกมาแก้ปัญหา ช่วยทำให้อุดรธานีน่าอยู่
“แรงงานเก่งๆ ไม่ต้องไปอยู่ไต้หวัน อิสราเอล ไปอยู่เกาหลีใต้ ให้เขาสามารถลืมตาอ้าปากได้ในอุดรฯ เพราะฉะนั้น เวลาที่มีนักการเมืองมาบอกพี่น้องว่าเราจะให้ถึงสิทธิที่ดิน พี่น้องถามเขากลับไปเลยว่าสิทธิที่ดินที่ท่านพูดถึงหมายความจังได๋” นายพิธา กล่าว
นาย
พิธา กล่าวว่า ทั้งหมดทั้งมวลอยู่ที่หลักคิด อยู่ในวิสัยทัศน์ เรื่องของการจัดการที่ดิน ประเทศที่ร่ำรวยแล้ว ส่วนใหญ่ที่ดินเป็นของราษฎรทั้งนั้น ที่ดินของรัฐบาลจะมีทำไมเยอะแยะ รัฐบาลจะต้องไปสำรวจ จะปลูกป่ากี่ไร่ก็ว่าไป ขอยืนยันกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนว่าความไว้วางใจที่พี่น้องให้กับพวกเรามาด้วยกันเลือกตั้งที่ผ่านมา จะไม่สูญเปล่าแน่นอน
ด้านนาย
อภิชาติ กล่าวแซวชาวบ้านเป็นภาษาอีสานว่า มีปัญหาทำไมไม่บอกรัฐบาล มาหาทำไม กรรมาธิการที่ดินฯ พร้อมย้ำว่าพรรคก้าวไกลอยากเปลี่ยนชนบทให้เข้มแข็ง เป็นรากฐานให้ประเทศ แต่จะเปลี่ยนได้ต้องติดกระดุมเม็ดแรก คือเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดิน การซื้อขายที่ดินที่ทับซ้อนระหว่างประชาชนกับหน่วยงานรัฐ ต้องมีการยกระดับสิทธิ์ให้กับพี่น้อง ถ้าแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้กระดุมเม็ดต่อไปก็ติดไม่ได้ ถ้าติดอยู่ที่หน่วยงานรัฐกับหน่วยงานรัฐ ก็จะใช้กลไกกรรมาธิการ ถ้าพี่น้องประชาชนอยู่มาก่อน ทางราชการต้องน้อมรับ โมเดลที่ดีต้องให้สิททธิ์ประชาชนก่อน ดังนั้นกรรมาธิการที่ดินจะรวบรวมข้อมูล และนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร
นอกจากนี้ในเรื่องที่ดินต้องมีการจัดระบบน้ำใหม่เพื่อป้องกันปัญหาภัยแล้ง เรื่องราคาข้าวตกต่ำ เรื่องหนี้สิน ถึงแม้เราเป็นฝ่ายค้าน แต่เราจะใช้กลไกของสภาผู้แทนราษฎร ไม่ว่าจะเป็นตั้งกระทู้ถาม กรรมาธิการฯ ช่วยพี่น้องขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาและการแก้ไขปัญหา โดยการรวบรวมข้อมูล จัดระบบข้อมูลนำไปนำเสนอ
ขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ สะท้อนปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน ปัญหาการที่เอกเอกสารสิทธิ์ทับซ้อน เพื่อเบิกจ่ายงบในการอพยพ จึงอยากขอให้พรรคก้าวไกล ผลักดันในสภาว่าชาวบ้านจะได้รับความเป็นธรรมอย่างไร นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องการจ่ายเงินเยียวยาเกษตรกรที่ชื่อไม่ตรงกัน โดยคนที่ทำอาชีพเกษตรกรจริงๆ ไม่ได้รับเงิน ส่วนคนที่ได้รับเงินกลับเป็นคนที่สวมสิทธิ์ ไม่ได้ทำกินจริงๆ
พิธา เมินคำวิจารณ์ฝ่ายค้าน เน้นคุณภาพมากว่าความเร็ว ย้ำ1ปี อภิปรายได้ครั้งเดียว ต้องออกอาวุธ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_8120882
“พิธา” เมินคำวิจารณ์ฝ่ายค้าน ยันทำหน้าที่ไม่แผ่ว เน้นคุณภาพมากว่าความเร็ว ย้ำ1ปีอภิปรายครั้งเดียว ต้องออกอาวุธ งง รัฐบาล แจ้งพฤติกรรม หมออ๋อง ไม่เหมาะสม ถามกลับตรงไหนขอคำอธิบาย
2 มี.ค. 67 – ที่ตลาดบิ๊กซัน ต.หนองวัวซอ อ.หนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงคำวิจารณ์ว่าฝ่ายค้านทำหน้าที่แผ่วลง ว่า
“
ไม่แผ่ว” แต่เรามองเป็นยุทธศาสตร์ การที่ทำอะไรเร็วๆ ลวกๆ จะเป็นเรื่องดีเสมอไป ขอเน้นคุณภาพมากกว่าความเร็ว ไม่ได้หมายความว่า วุฒิสภาอภิปรายแล้ว เราต้องอภิปรายบ้าง ต้องดูข้อมูล และฐานความสำคัญของประชาชน ที่ต้องอธิบายให้ประชาชนฟังว่า ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรืออภิปรายทั่วไป 1 ปีมีแค่อย่างละ 1 ครั้ง
โดยเฉพาะการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องออกอาวุธเมื่อมีประโยชน์มากที่สุด ไม่ใช่ตอนที่โดนเร่งเร้าให้ใช้ หากมีเรื่องอภิปรายที่สำคัญก็กลับมาใช้สิทธิ์นั้นไม่ได้แล้ว พร้อมย้ำ 1 ปีต้องมียุทธศาสตร์
สำหรับแนวโน้มที่จะเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ นายพิธา กล่าวว่า ก็เป็นไปได้ ทั้งการอภิปรายทั่วไปและอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากตอบตรงๆ เขาก็รู้
ขณะเดียวกัน นาย
พิธา ยังประเมินการทำงานของรัฐบาลในช่วงเวลา 6 เดือน ว่า ในใจตนอยากให้รัฐบาลลงมาแก้ไขปัญหาประเทศให้มากขึ้น ข้อดีที่เห็นอยู่ คือ เรื่องการต่างประเทศที่ช่วยวิกฤตสงครามใน อิสราเอล แต่เข้าใจว่า ขณะนี้ยังมีคนอุดรธานีติดอยู่ที่นั่น ประมาณ 7-8 คน จึงขอฝากนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ติดตามเรื่องนี้ให้กับพี่น้องชาวอุดรธานีด้วย
ส่วนเรื่องภายในประเทศ ปัญหาความเหลื่อมล้ำ มีสิ่งที่จะต้องแก้ และแตะโครงสร้างให้มากกว่านี้ รวมถึงร่างกฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ นาย
ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ที่เดินทางไปทำเนียบรัฐบาล เพื่อทวงถามเรื่องร่างกฎหมาย ซึ่งเป็นประโยชน์กับรัฐบาล ไม่ได้มีกฎหมายเฉพาะฝ่ายค้าน แต่มีของรัฐบาลด้วย หากรัฐบาลอยากแก้ไขปัญหาอะไร แต่กฎหมายไม่เอื้อ มันก็แก้ไม่ได้ เพราะติดโครงสร้างกฎหมายอยู่
จึงเชื่อว่า นาย
ปดิพัทธ์ ตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนและช่วยรัฐบาลให้แก้ไขปัญหาได้ดีมากขึ้น พร้อมเห็นว่า เป็นการปฎิบัติตามมารยาททุกอย่าง ประสานงานไป 2 ครั้ง โดยส่งหนังสือถึงเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 และ 21 กุมภาพันธ์ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับมาเป็นรูปธรรม จึงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง เป็นเหตุให้เข้าไปพบที่ทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ เป็นเรื่องดี เพราะเป็นการประสานงานให้กับประชาชน ถือเป็นประโยชน์ให้กับรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลด้วยซ้ำ
ส่วนที่รัฐบาลออกมาติงว่า เป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมที่บุกไปทำเนียบรัฐบาล นาย
พิธา ถามกลับว่า “
ไม่เหมาะสมตรงไหน” เพราะเท่าที่ติดตามข่าว ท่านก็ถามว่า เหมาะสมหรือไม่ ถ้าประสานก็มีคนต้อนรับแล้ว คำตอบที่ได้ยินต่อมาคือประสานไป 2 ครั้ง โดยย้ำว่า ได้ทำหนังสือไปที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรีในวันที่ 7 และ 21 กุมภาพันธ์ ถูกหรือไม่ จึงไม่เข้าใจว่า ที่ไม่เหมาะสมคืออะไร
เพราะหากเอาประชาชนมาเป็นที่ตั้ง กฎหมายบางฉบับยื่นไปให้เซ็น ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งมีกฎหมายของพรรคภูมิใจไทย รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งวาระทางนิติบัญญัติ ถ้ารวดเร็ว ประโยชน์ไม่ได้อยู่ที่สภาอย่างเดียว แต่อยู่ที่รัฐบาลและพี่น้องข้าราชการ ที่กฎหมายเอื้อต่อการแก้ไขปัญหา ก็ไม่ทราบว่า ไม่เหมาะสมตรงไหน ขอคำอธิบายจากรัฐบาลด้วย
พิธา ลั่นทำเลย ถ้าอยากยุติชีวิตทางการเมืองผม ชี้ ไม่มีอะไรค้างคา มีคนเก่งอีกรออยู่
https://www.matichon.co.th/politics/news_4451670
พิธา ลั่นทำเลย ถ้าอยากยุติชีวิตทางการเมืองผม ชี้ ไม่มีอะไรค้าคาใจ มีคนเก่งอีก 20 คนรออยู่
เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่ตลาดบิ๊กซัน ต.หนองวัวซอ อ.หนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี พรรคก้าวไกล นำโดย นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ส.ส. และ ทีมก้าวไกลจังหวัดอุดรธานี เปิดเวทีรับฟังปัญหาที่ดินจากชาวบ้านหนองวัวซอ เพื่อนำไปเป็นแนวทางแก้ไขและผลักดันในสภาฯ โดยมีชาวบ้านกว่า 500 คน เข้าร่วมงาน
ช่วงตอนหนึ่ง นาย
พิธา กล่าวว่า สุดท้ายมีพี่น้องถามว่าก้าวไกลจะเป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้เป็นกระสุนตกเลยหรือไม่ ตนก็บอกว่าวิกฤตของพรรคก้าวไกลไม่ยิ่งใหญ่เท่าวิกฤตประชาชน และตนไม่ได้พูดเล่น ตนไม่ได้พูดเอาคะแนนเสียงอย่างเดียว ตนศึกษามาแล้วว่าครั้งที่แล้ว คนอุดรธานีไปเลือกตั้งน้อยมาก เพราะแรงงานส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศ เลยไม่ได้เลือก ซึ่งเป็นปัญหามาจากปัญหาหนี้สิน ปัญหาความแห้งแล้ง ดังนั้น วิกฤตของประชาชนยิ่งใหญ่กว่าวิธีของพรรคก้าวไกล
“
ถ้าเขาอยากจะยุติชีวิตทางการเมืองของผม ทำเลย ผมไม่มีอะไรค้างคาใจอีกแล้ว เราคือพรรคที่เอาชนะเพราะการทำงานเพื่อประชาชน แล้วผมก็วางแผนในการบริหารองค์กรไว้เยอะแยะ ยังมีคนเก่งอีก 20 คน ข้างหลังยังมีคนเก่งอีกรออยู่ข้างหลัง” นาย
พิธา กล่าว
JJNY : 5in1 พิธาบุก‘หนองวัวซอ’│พิธาเมินคำวิจารณ์│พิธาลั่นทำเลย│ยูเครนฟ้อง รัสเซียส่งโดรนโจมตีชุมชน│ร้อนจัดเล่นงานอินเดีย
https://www.matichon.co.th/politics/news_445157
“พิธา” ขนทีม “ก้าวไกล” บุก “หนองวัวซอ” รับฟังปัญหาที่ดินทำกิน มองปัญหา “กรรมสิทธิ์” เป็นต้นตอหนี้สิน-ความเหลื่อมล้ำ ย้ำพื้นที่ประเทศไทย ประชาชนมีสิทธิ์แค่กำมือ แต่ภาครัฐถือครองเพียบ ลั่น เขาให้สิทธิเช่า 3 ปี จะทำร้านก๋วยเตี๋ยว ทาสีไม่แห้งเขาก็เอาคืนแล้ว ถามความมั่นคงอยู่ตรงไหน
เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่ตลาดบิ๊กซัน ต.หนองวัวซอ อ.หนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี พรรคก้าวไกล นำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล , นายอภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร , นายกรุณพล เทียนสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองโฆษกพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ส.ส. และ ทีมก้าวไกลจังหวัดอุดรธานี เปิดเวทีรับฟังปัญหาที่ดินจากชาวบ้านหนองวัวซอ เพื่อนำไปเป็นแนวทางแก้ไขและผลักดันในสภาฯ โดยมีชาวบ้านกว่า 500 คน เข้าร่วมงาน
โดยนายพิธา กล่าวว่า วันนี้มาลงพื้นที่เพื่อ ดูเรื่องความเหลื่อมล้ำในสิทธิที่ดินของประชาชน จากสภาฯถึงหนองวัวซอ สัปดาห์ที่แล้วก็เห็นว่ามีปัญหาของพ่อแม่พี่น้องเข้ามาอยู่ในสภาฯ วันนี้ก็เลยลงมาพื้นที่ เพื่อที่จะได้เห็นปัญหาของพ่อแม่พี่น้องอย่างแท้จริง เพราะพวกเราไม่ใช่นักรบห้องแอร์ ต้องการลงพื้นที่ให้เห็นจริงๆ
ตนต้องขอพูดถึงการที่พี่น้องประชาชนชาวอุดรธานีที่ให้ความไว้วางใจพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งที่ผ่านมาอย่างถล่มทลาย กว่า 300,000 คะแนน ถือถือว่าเป็นการเติบโตที่ไม่ธรรมดา ตนจึงต้องลงมาด้วยตนเอง เพื่อมาขอบพระคุณพ่อแม่พี่น้อง เพื่อให้ความไว้วางใจพวกเราพรรคก้าวไกล ถึงจะไม่ได้มาเป็นอันดับหนึ่ง แต่ก็สู้ขาดใจแน่นอน
นายพิธา กล่าวว่า ปีหน้าจะมีการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่มีความสำคัญ เราเป็นผู้บริหารท้องถิ่นที่มีความยึดโยงกับประชาชน ต้องมาจากการเลือกตั้ง เป็นคนที่บริการสาธารณะให้กับพ่อแม่พี่น้องชาวอุดรธานี เหมือนเป็นจิ๊กซอว์สุดท้าย ตามวิสัยทัศน์ของพรรคก้าวไกล ที่ต้องการเห็นจังหวัดอุดรธานีเท่าเทียมกันและเท่าทันโลก
ตนอยากเห็นพี่น้องชาวอุดรธานีหากินได้ในจังหวัดอุดรธานี ไม่ต้องไปเมืองนอกเมืองนา คราวนี้ ว่าที่ผู้สมัคร อบจ. พรรคก้าวไกล ยอมรับว่าเราเป็นมวยรองที่มีโอกาสชนะแน่นอน เพราะเลือกตั้งที่ผ่านมาบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลได้มาอยู่ 300,000 คะแนน ในขณะเดียวกันการเจริญเติบโตของพวกเราก็มีมากเรื่อยๆ
ประการต่อมา เป็นเรื่องสิทธิในที่ดินทำกิน ตนต้องแจ้งให้กับพี่น้องให้ฟังว่า ในประเทศไทยเป็นที่ดินของรัฐบาลเยอะ เป็นที่ดินของราชการเยอะ ในประเทศไทยมี 320 ล้านไร่ 60 % เป็นของรัฐบาล 40% เป็นที่ของประชาชน ซึ่งมีแค่กำมือเดียวเท่านั้น ถ้าอยากเห็นประเทศพัฒนาเจริญขึ้น ไม่ต้องเป็นหนี้สิน เข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องเป็นหนี้นอกระบบ จะต้องมีที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ เพราะคำว่าสิทธิ์ที่ดินแปลได้หลายอย่าง เป็นสิทธิในการทำกิน ให้เป็นสิทธิในการเช่า เป็นสิทธิในการบริหารจัดการก็ได้
“รัฐบาลให้สิทธิในการเช่าแค่ 3 ปี อย่างนี้ไม่ถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ ผมจะทำร้านก๋วยเตี๋ยว ทาสียังไม่แห้ง เขาจะเอาคืนก็ได้ พ่อแม่พี่น้องจะปลูกมะม่วง สักปีสองปี ถ้าเขาอยากเอาคืน ภายใน 3 ปีเอาคืนได้ ความมั่นคงในชีวิตมันไม่มี แม่นบ่แม่น” นายพิธา กล่าว
นายพิธา ย้ำว่า เรื่องการได้เป็นกรรมสิทธิ์ที่ดิน ถือเป็นการลดความเหลื่อมล้ำ เป็นการแก้ไขหนี้สินนอกระบบอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้น วิธีคิดของตน ไม่ใช่บอกว่าให้ประชาชน เป็นที่อยู่อาศัย คอยจ่ายค่าเช่าให้กับรัฐบาล ไม่ใช่แบบนั้น ไม่ใช่แค่ขอให้มีที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัย แต่ต้องเป็นสิทธิในการบริหารอนาคตของตัวเอง สิทธิในการมอบที่ดินให้กับลูกหลาน การมีกรรมสิทธิ์ในการจะเอาที่ดินเข้าธนาคาร นำเงินออกมาแก้ปัญหา ช่วยทำให้อุดรธานีน่าอยู่
“แรงงานเก่งๆ ไม่ต้องไปอยู่ไต้หวัน อิสราเอล ไปอยู่เกาหลีใต้ ให้เขาสามารถลืมตาอ้าปากได้ในอุดรฯ เพราะฉะนั้น เวลาที่มีนักการเมืองมาบอกพี่น้องว่าเราจะให้ถึงสิทธิที่ดิน พี่น้องถามเขากลับไปเลยว่าสิทธิที่ดินที่ท่านพูดถึงหมายความจังได๋” นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวว่า ทั้งหมดทั้งมวลอยู่ที่หลักคิด อยู่ในวิสัยทัศน์ เรื่องของการจัดการที่ดิน ประเทศที่ร่ำรวยแล้ว ส่วนใหญ่ที่ดินเป็นของราษฎรทั้งนั้น ที่ดินของรัฐบาลจะมีทำไมเยอะแยะ รัฐบาลจะต้องไปสำรวจ จะปลูกป่ากี่ไร่ก็ว่าไป ขอยืนยันกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนว่าความไว้วางใจที่พี่น้องให้กับพวกเรามาด้วยกันเลือกตั้งที่ผ่านมา จะไม่สูญเปล่าแน่นอน
ด้านนายอภิชาติ กล่าวแซวชาวบ้านเป็นภาษาอีสานว่า มีปัญหาทำไมไม่บอกรัฐบาล มาหาทำไม กรรมาธิการที่ดินฯ พร้อมย้ำว่าพรรคก้าวไกลอยากเปลี่ยนชนบทให้เข้มแข็ง เป็นรากฐานให้ประเทศ แต่จะเปลี่ยนได้ต้องติดกระดุมเม็ดแรก คือเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดิน การซื้อขายที่ดินที่ทับซ้อนระหว่างประชาชนกับหน่วยงานรัฐ ต้องมีการยกระดับสิทธิ์ให้กับพี่น้อง ถ้าแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้กระดุมเม็ดต่อไปก็ติดไม่ได้ ถ้าติดอยู่ที่หน่วยงานรัฐกับหน่วยงานรัฐ ก็จะใช้กลไกกรรมาธิการ ถ้าพี่น้องประชาชนอยู่มาก่อน ทางราชการต้องน้อมรับ โมเดลที่ดีต้องให้สิททธิ์ประชาชนก่อน ดังนั้นกรรมาธิการที่ดินจะรวบรวมข้อมูล และนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร
นอกจากนี้ในเรื่องที่ดินต้องมีการจัดระบบน้ำใหม่เพื่อป้องกันปัญหาภัยแล้ง เรื่องราคาข้าวตกต่ำ เรื่องหนี้สิน ถึงแม้เราเป็นฝ่ายค้าน แต่เราจะใช้กลไกของสภาผู้แทนราษฎร ไม่ว่าจะเป็นตั้งกระทู้ถาม กรรมาธิการฯ ช่วยพี่น้องขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาและการแก้ไขปัญหา โดยการรวบรวมข้อมูล จัดระบบข้อมูลนำไปนำเสนอ
ขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ สะท้อนปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน ปัญหาการที่เอกเอกสารสิทธิ์ทับซ้อน เพื่อเบิกจ่ายงบในการอพยพ จึงอยากขอให้พรรคก้าวไกล ผลักดันในสภาว่าชาวบ้านจะได้รับความเป็นธรรมอย่างไร นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องการจ่ายเงินเยียวยาเกษตรกรที่ชื่อไม่ตรงกัน โดยคนที่ทำอาชีพเกษตรกรจริงๆ ไม่ได้รับเงิน ส่วนคนที่ได้รับเงินกลับเป็นคนที่สวมสิทธิ์ ไม่ได้ทำกินจริงๆ
พิธา เมินคำวิจารณ์ฝ่ายค้าน เน้นคุณภาพมากว่าความเร็ว ย้ำ1ปี อภิปรายได้ครั้งเดียว ต้องออกอาวุธ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_8120882
“พิธา” เมินคำวิจารณ์ฝ่ายค้าน ยันทำหน้าที่ไม่แผ่ว เน้นคุณภาพมากว่าความเร็ว ย้ำ1ปีอภิปรายครั้งเดียว ต้องออกอาวุธ งง รัฐบาล แจ้งพฤติกรรม หมออ๋อง ไม่เหมาะสม ถามกลับตรงไหนขอคำอธิบาย
2 มี.ค. 67 – ที่ตลาดบิ๊กซัน ต.หนองวัวซอ อ.หนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงคำวิจารณ์ว่าฝ่ายค้านทำหน้าที่แผ่วลง ว่า
“ไม่แผ่ว” แต่เรามองเป็นยุทธศาสตร์ การที่ทำอะไรเร็วๆ ลวกๆ จะเป็นเรื่องดีเสมอไป ขอเน้นคุณภาพมากกว่าความเร็ว ไม่ได้หมายความว่า วุฒิสภาอภิปรายแล้ว เราต้องอภิปรายบ้าง ต้องดูข้อมูล และฐานความสำคัญของประชาชน ที่ต้องอธิบายให้ประชาชนฟังว่า ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรืออภิปรายทั่วไป 1 ปีมีแค่อย่างละ 1 ครั้ง
โดยเฉพาะการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องออกอาวุธเมื่อมีประโยชน์มากที่สุด ไม่ใช่ตอนที่โดนเร่งเร้าให้ใช้ หากมีเรื่องอภิปรายที่สำคัญก็กลับมาใช้สิทธิ์นั้นไม่ได้แล้ว พร้อมย้ำ 1 ปีต้องมียุทธศาสตร์
สำหรับแนวโน้มที่จะเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ นายพิธา กล่าวว่า ก็เป็นไปได้ ทั้งการอภิปรายทั่วไปและอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากตอบตรงๆ เขาก็รู้
ขณะเดียวกัน นายพิธา ยังประเมินการทำงานของรัฐบาลในช่วงเวลา 6 เดือน ว่า ในใจตนอยากให้รัฐบาลลงมาแก้ไขปัญหาประเทศให้มากขึ้น ข้อดีที่เห็นอยู่ คือ เรื่องการต่างประเทศที่ช่วยวิกฤตสงครามใน อิสราเอล แต่เข้าใจว่า ขณะนี้ยังมีคนอุดรธานีติดอยู่ที่นั่น ประมาณ 7-8 คน จึงขอฝากนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ติดตามเรื่องนี้ให้กับพี่น้องชาวอุดรธานีด้วย
ส่วนเรื่องภายในประเทศ ปัญหาความเหลื่อมล้ำ มีสิ่งที่จะต้องแก้ และแตะโครงสร้างให้มากกว่านี้ รวมถึงร่างกฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ที่เดินทางไปทำเนียบรัฐบาล เพื่อทวงถามเรื่องร่างกฎหมาย ซึ่งเป็นประโยชน์กับรัฐบาล ไม่ได้มีกฎหมายเฉพาะฝ่ายค้าน แต่มีของรัฐบาลด้วย หากรัฐบาลอยากแก้ไขปัญหาอะไร แต่กฎหมายไม่เอื้อ มันก็แก้ไม่ได้ เพราะติดโครงสร้างกฎหมายอยู่
จึงเชื่อว่า นายปดิพัทธ์ ตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนและช่วยรัฐบาลให้แก้ไขปัญหาได้ดีมากขึ้น พร้อมเห็นว่า เป็นการปฎิบัติตามมารยาททุกอย่าง ประสานงานไป 2 ครั้ง โดยส่งหนังสือถึงเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 และ 21 กุมภาพันธ์ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับมาเป็นรูปธรรม จึงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง เป็นเหตุให้เข้าไปพบที่ทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ เป็นเรื่องดี เพราะเป็นการประสานงานให้กับประชาชน ถือเป็นประโยชน์ให้กับรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลด้วยซ้ำ
ส่วนที่รัฐบาลออกมาติงว่า เป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมที่บุกไปทำเนียบรัฐบาล นายพิธา ถามกลับว่า “ไม่เหมาะสมตรงไหน” เพราะเท่าที่ติดตามข่าว ท่านก็ถามว่า เหมาะสมหรือไม่ ถ้าประสานก็มีคนต้อนรับแล้ว คำตอบที่ได้ยินต่อมาคือประสานไป 2 ครั้ง โดยย้ำว่า ได้ทำหนังสือไปที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรีในวันที่ 7 และ 21 กุมภาพันธ์ ถูกหรือไม่ จึงไม่เข้าใจว่า ที่ไม่เหมาะสมคืออะไร
เพราะหากเอาประชาชนมาเป็นที่ตั้ง กฎหมายบางฉบับยื่นไปให้เซ็น ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งมีกฎหมายของพรรคภูมิใจไทย รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งวาระทางนิติบัญญัติ ถ้ารวดเร็ว ประโยชน์ไม่ได้อยู่ที่สภาอย่างเดียว แต่อยู่ที่รัฐบาลและพี่น้องข้าราชการ ที่กฎหมายเอื้อต่อการแก้ไขปัญหา ก็ไม่ทราบว่า ไม่เหมาะสมตรงไหน ขอคำอธิบายจากรัฐบาลด้วย
พิธา ลั่นทำเลย ถ้าอยากยุติชีวิตทางการเมืองผม ชี้ ไม่มีอะไรค้างคา มีคนเก่งอีกรออยู่
https://www.matichon.co.th/politics/news_4451670
พิธา ลั่นทำเลย ถ้าอยากยุติชีวิตทางการเมืองผม ชี้ ไม่มีอะไรค้าคาใจ มีคนเก่งอีก 20 คนรออยู่
เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่ตลาดบิ๊กซัน ต.หนองวัวซอ อ.หนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี พรรคก้าวไกล นำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ส.ส. และ ทีมก้าวไกลจังหวัดอุดรธานี เปิดเวทีรับฟังปัญหาที่ดินจากชาวบ้านหนองวัวซอ เพื่อนำไปเป็นแนวทางแก้ไขและผลักดันในสภาฯ โดยมีชาวบ้านกว่า 500 คน เข้าร่วมงาน
ช่วงตอนหนึ่ง นายพิธา กล่าวว่า สุดท้ายมีพี่น้องถามว่าก้าวไกลจะเป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้เป็นกระสุนตกเลยหรือไม่ ตนก็บอกว่าวิกฤตของพรรคก้าวไกลไม่ยิ่งใหญ่เท่าวิกฤตประชาชน และตนไม่ได้พูดเล่น ตนไม่ได้พูดเอาคะแนนเสียงอย่างเดียว ตนศึกษามาแล้วว่าครั้งที่แล้ว คนอุดรธานีไปเลือกตั้งน้อยมาก เพราะแรงงานส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศ เลยไม่ได้เลือก ซึ่งเป็นปัญหามาจากปัญหาหนี้สิน ปัญหาความแห้งแล้ง ดังนั้น วิกฤตของประชาชนยิ่งใหญ่กว่าวิธีของพรรคก้าวไกล
“ถ้าเขาอยากจะยุติชีวิตทางการเมืองของผม ทำเลย ผมไม่มีอะไรค้างคาใจอีกแล้ว เราคือพรรคที่เอาชนะเพราะการทำงานเพื่อประชาชน แล้วผมก็วางแผนในการบริหารองค์กรไว้เยอะแยะ ยังมีคนเก่งอีก 20 คน ข้างหลังยังมีคนเก่งอีกรออยู่ข้างหลัง” นายพิธา กล่าว