ข้าวโพด 🌽
ข้าวโพดเป็นธัญพืชเต็มเมล็ด โดยที่สารอาหารส่วนใหญ่คือ คาร์โบไฮเดรต ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เมื่อกินจะอิ่มนาน เนื่องจากร่างกายต้องใช้เวลาในการย่อย
ข้าวโพดต้ม 100 กรัม จะมีคาร์โบไฮเดรต 19 กรัม และน้ำตาล 4.5 กรัม โปรตีน 3.2 กรัม
ข้าวโพดเพียงครึ่งฝักก็มีคาร์โบไฮเดรตเท่ากับข้าวสวย 1 ทัพพี ดังนั้น ถ้าจะจำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรต จึงไม่ควรกินทั้งข้าวและข้าวโพด ในมื้อเดียวกัน
เส้นใยอาหาร ข้าวโพดมีเส้นใยอาหารสูงข้าวโพดหวานที่ต้มแล้ว 1 ฝัก จะมีเส้นใยอาหารประมาณ 2.4 กรัม
ข้าวโพดคั่ว 1 ถุง ประมาณ 112 กรัม จะมีเส้นใยอาหารประมาน 16 กรัม
โดยเส้นใยอาหารจะกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ช่วยระบบขับถ่ายและยังมีส่วนช่วยลดระดับไขมันไม่ดี (LDL)ในเลือดอีกด้วย
วิตามินและแร่ธาตุ
ข้าวโพดอุดมไปด้วยวิตามินบี ซึ่งช่วยให้ร่างกายนำไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีนไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
กรดแพนโทเทนิกที่ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ
วิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตา
วิตามินซี
กรดโฟลิก
ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม แมงกานีส ซิลีเนียม สังกะสี แคลเซียมและธาตุเหล็กในปริมาณเล็กน้อย
สารต้านอนุมูลอิสระ
ซึ่งมีอยู่หลายชนิดในข้าวโพด
กรดเฟอรูลิก (Ferulic Acid) เพิ่มระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
กลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) เช่น ซีแซนทิน (Zeaxanthin) ลูทีน (Lutein) ป้องกันดวงตาจากแสงแดด
คริปโตแซนทิน (Cryptoxanthin) และเบต้าแคโรทีน (Beta Carotene) ซึ่งล้วนมีประโยชน์ต่อร่างกาย
แม้ว่าข้าวโพดการจะมีประโยขน์มากมาย แต่ก็มีข้อควรระวัง การกินข้าวโพดร่วมกับน้ำตาล เนย หรือเกลือเป็นประจำอาจทำให้เกิดโรคต่างๆได้
ในข้าวโพดมีคาร์โบไฮเดรตสูงซึ่งจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาล หากกินมากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงของหลอดเลือดอักเสบและ
ข้าวโพดมีกรดไฟติก (Phytic Acid) ซึ่งอาจทำให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กและสังกะสีในอาหารได้ลดลง
ไม่ควรกินข้าวโพดข้าวโพดดิบปริมาณมาก เพราะจะมีแป้งที่ร่างกายย่อยไม่ได้อยู่ ทำให้ท้องอืดได้
ดังนั้น ควรกินในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากเกินไปจนเป็นโทษ ต่อร่างกาย
และอย่าลืมกินอาหารหลากหลายประเภท หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไปเพื่อสุขภาพที่ดีของร่างกาย
ข้าวโพด 🌽
ข้าวโพดเป็นธัญพืชเต็มเมล็ด โดยที่สารอาหารส่วนใหญ่คือ คาร์โบไฮเดรต ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เมื่อกินจะอิ่มนาน เนื่องจากร่างกายต้องใช้เวลาในการย่อย
ข้าวโพดต้ม 100 กรัม จะมีคาร์โบไฮเดรต 19 กรัม และน้ำตาล 4.5 กรัม โปรตีน 3.2 กรัม
ข้าวโพดเพียงครึ่งฝักก็มีคาร์โบไฮเดรตเท่ากับข้าวสวย 1 ทัพพี ดังนั้น ถ้าจะจำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรต จึงไม่ควรกินทั้งข้าวและข้าวโพด ในมื้อเดียวกัน
เส้นใยอาหาร ข้าวโพดมีเส้นใยอาหารสูงข้าวโพดหวานที่ต้มแล้ว 1 ฝัก จะมีเส้นใยอาหารประมาณ 2.4 กรัม
ข้าวโพดคั่ว 1 ถุง ประมาณ 112 กรัม จะมีเส้นใยอาหารประมาน 16 กรัม
โดยเส้นใยอาหารจะกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ช่วยระบบขับถ่ายและยังมีส่วนช่วยลดระดับไขมันไม่ดี (LDL)ในเลือดอีกด้วย
วิตามินและแร่ธาตุ
ข้าวโพดอุดมไปด้วยวิตามินบี ซึ่งช่วยให้ร่างกายนำไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีนไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
กรดแพนโทเทนิกที่ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ
วิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตา
วิตามินซี
กรดโฟลิก
ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม แมงกานีส ซิลีเนียม สังกะสี แคลเซียมและธาตุเหล็กในปริมาณเล็กน้อย
สารต้านอนุมูลอิสระ
ซึ่งมีอยู่หลายชนิดในข้าวโพด
กรดเฟอรูลิก (Ferulic Acid) เพิ่มระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
กลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) เช่น ซีแซนทิน (Zeaxanthin) ลูทีน (Lutein) ป้องกันดวงตาจากแสงแดด
คริปโตแซนทิน (Cryptoxanthin) และเบต้าแคโรทีน (Beta Carotene) ซึ่งล้วนมีประโยชน์ต่อร่างกาย
แม้ว่าข้าวโพดการจะมีประโยขน์มากมาย แต่ก็มีข้อควรระวัง การกินข้าวโพดร่วมกับน้ำตาล เนย หรือเกลือเป็นประจำอาจทำให้เกิดโรคต่างๆได้
ในข้าวโพดมีคาร์โบไฮเดรตสูงซึ่งจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาล หากกินมากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงของหลอดเลือดอักเสบและ
ข้าวโพดมีกรดไฟติก (Phytic Acid) ซึ่งอาจทำให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กและสังกะสีในอาหารได้ลดลง
ไม่ควรกินข้าวโพดข้าวโพดดิบปริมาณมาก เพราะจะมีแป้งที่ร่างกายย่อยไม่ได้อยู่ ทำให้ท้องอืดได้
ดังนั้น ควรกินในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากเกินไปจนเป็นโทษ ต่อร่างกาย
และอย่าลืมกินอาหารหลากหลายประเภท หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไปเพื่อสุขภาพที่ดีของร่างกาย