เรื่อง : ก๊อบ
โดย : ละเว้
(ตอนที่๑๘ สงกรานต์)
“ก็ทั้งเหนื่อยทั้งหิวกันนั่นแหละ” ลุงเธียบอกกับลุงชัยขณะที่ทุกฅนนั่งล้อมวงกินข้าวเย็นกัน ก๊อบและฅนอื่น ๆ นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ
“ไอ้หยับมันก็เหนื่อยนั่นแหละ” ลุงเธียพูดถึงเด็กฅนนั้น
“มันรอกินมะพร้าวที่ไอ้ธนฟันให้ ก๊อบไม่รู้ว่าธนฟันให้ไอ้หยับเลยจะไปเอามากิน ก็เลยกลายเป็นว่าไปแย่งมัน มันก็โมโหว่าก๊อบไม่ได้ทำอะไรเลยยังจะมาแย่งมันอีก” ลุงเธียหยุดพูดพลางหันมองก๊อบ ยิ้มให้ก่อนพูดต่อ “มันโกรธไม่นานหรอกเดี๋ยวมันก็ดี”
แม้ลุงเธียจะบอกเช่นนั้น แต่นั่นไม่ได้ช่วยให้ก๊อบรู้สึกดีขึ้นได้เลย เขายิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ รับรู้ถึงความไม่เอาไหนของตัวเอง เขามันเด็กไม่ได้เรื่อง ทั้งอ่อนแอและทำอะไรไม่เป็น ทำไมเขาจึงสู้เด็กที่นี่ไม่ได้เลย ถ้าเขาเก่งกว่านี้หยับคงจะไม่หมั่นไส้รำคาญเขาแบบนี้ ก๊อบเพิ่งรู้ตัวว่าการตามเพื่อน ๆ ออกไปทำงานนั้น ทำให้เขากลายเป็นภาระทั้งทำให้เกิดความหมั่นไส้รำคาญของฅนอื่น ๆ มากกว่า
.
วันสงกรานต์ของที่นี่จะมาถึงพรุ่งนี้แล้ว ตอนนี้ก๊อบไม่รู้สึกยินดีอะไรกับมันเลย เขายังคงคิดถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เวลานี้ทุกฅนในบ้านลุงเธียต้องทำงานกันชุลมุน เพราะนอกจากหาของมาขายตามปกติแล้ว ยังต้องเตรียมของไว้ขายในงานสงกรานต์อีกด้วย ขณะที่ทุกฅนกำลังวุ่นวาย ก๊อบกลับชอบมาอยู่ที่บ้านยายตู๊จมากกว่า ที่นี่ทำให้เขาสบายใจได้ทุกครั้งที่มา
วันนี้บ้านยายตู๊จมีการตั้งหิ้งบูชาเซ่นไหว้เหมือนบ้านอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน แต่หิ้งของแกจะมีขนาดเล็กสักหน่อย ผิดกับบ้านอื่น ๆ โดยเฉพาะบางแห่งที่ใช้โต๊ะตั้งบูชาโชว์หน้าบ้านกันตั้งแต่หลายวันก่อน
เริ่มมีเสียงเพลงจากเครื่องขยายแว่วดังจากสวนละมุด ความจริงบรรยากาศวันก่อนสงกรานต์อาจดูคึกคัก ถ้าก๊อบจะไม่มีบางสิ่งค้างคาความรู้สึกอย่างนี้
มีรถโดยสารวิ่งมาจอดหน้าบ้านยายตู๊จ ชายหญิงคู่หนึ่งพร้อมเด็กชายหญิงสองฅนต่างสะพายกระเป๋าหิ้วข้าวของพะรุงพะรัง พวกเขาทักทายยายตู๊จก่อนเดินต่อไปยังกระท่อมหลังเล็กของยั้น ยั้นร้องเสียงดังเมื่อเห็นทั้งสี่ฅน ก๊อบจึงรู้ว่าทั้งหมดเป็นพ่อแม่และพี่ ๆ ของเด็กตัวน้อย ภาพยั้นวิ่งไปกอดพ่อและแม่ที่เพิ่งกลับจากเมืองไทยด้วยรอยยิ้มทำให้ก๊อบอดดีใจด้วยไม่ได้ แม้ภายในใจของเขาจะยังคงมีสิ่งค้างคาอยู่ก็ตาม
เภียได้รถเครื่องคันใหม่ทันวันสงกรานต์พอดี แม้จะดีใจกับเภีย แต่ก๊อบยังไม่อยากซ้อนท้ายเมื่อถูกชวน เขายังทำใจไม่ได้กับเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
และยิ่งใกล้ถึงวันสงกรานต์ทุกฅนดูจะยิ่งมีแต่ความสุขกันจนก๊อบอดนึกอิจฉาไม่ได้
.
วันนี้ทุกฅนในบ้านลุงเธียรวมทั้งก๊อบ ต่างช่วยกันขนของไปจัดตั้งร้านบริเวณงานกัน แต่ไม่มีลุงชัย หลังกลับจากไปหาข้าวต้มกินในตลาด แกก็บอกให้ก๊อบช่วยลุงเธียขนของก่อนแล้วหายไปเลย
สวนละมุดนี้มีรั้วลวดหนามกั้นอยู่โดยรอบ และวันนี้มีการเก็บค่าผ่านประตูกับฅนที่มาร่วมสนุกด้วย บ้านลุงเธียอยู่ใกล้บริเวณงานจึงขนของลัดเข้าไปทางด้านข้างได้
ลานใต้ต้นละมุดถูกจัดเตรียมจนโล่งเตียน มีร้านขายของตั้งอยู่โดยรอบ ร้านเล็ก ๆ ไม่ต่างกัน บางร้านมีแค่โต๊ะตัวเดียวกับของที่วางไว้ไม่กี่อย่างบนนั้น แต่ละร้านจะขายพวกน้ำแข็งไส ลูกชิ้น และขนมต่าง ๆ มีร้านถ่ายรูปมาตั้งซุ้มบริการด้วย
ร้านลุงเธียขายส้มตำกับโครงไก่ย่าง และพวกขนมน้ำอัดลมกระป๋อง จึงมีโต๊ะให้ลูกค้าได้นั่งรับประทานกัน ก๊อบยังนึกถึงลุงชัยว่าแกหายไปไหน กระทั่งเมื่อเขามองไปยังอีกฟาก ตรงร้านค้าเล็ก ๆ ฝั่ง ตรงข้ามนั้นลุงชัยกำลังทำงานง่วนอยู่ เด็กผมกระเซิงฅนนั้นก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน
“จะมีป้าแล้วนะ” ลุงเธียมองตามสายตาก๊อบพลางบอกกับเขา หมายความว่า ที่เขาเห็นลุงชอบไปที่ร้านนั้น ที่แท้ลุง ชอบแม่ค้าร้านนั้นดอกเหรอ แล้วเด็กหัวฟูฅนนั้น
“มีเมียก็มีลูกสาวเลยลุงเอ็ง” ลุงชัยพูดเหมือนรู้ว่าก๊อบคิดอะไรอยู่ นี่หมายความว่ายายเด็กผมฟูนั่นก็จะกลายเป็นลูกลุงชัยไปด้วย ก๊อบไม่อยากจะเชื่อเลย
ทั้งที่วันนี้เป็นวันสงกรานต์แต่กลับไม่มีใครสาดน้ำกันเลย ก๊อบเพิ่งรู้สึกได้ว่ามันแปลก ทั้งที่ตามข้างทางจะมีฅนดักสาดมาตั้งแต่สองสามวันก่อนแล้ว แต่ในงานสงกรานต์นี้กลับไม่มีเลย หรือว่าสงกรานต์ที่นี่ไม่มีการสาดน้ำกัน
“ปีนี้ผู้นำสั่งห้ามเล่นน้ำเด็ดขาด ที่เห็นมีสาดข้างทางนั่นก็แอบเล่นเพราะอดไม่ได้กันเท่านั้นเอง” ลุงเธียตอบเมื่อก๊อบอดถามด้วยความสงสัยไม่ได้
“ปีที่แล้วมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเยอะ ปีนี้เขาเลยห้ามสาดน้ำ ให้ประแป้งกันได้อย่างเดียว”
มิน่าเล่า ก๊อบจึงเห็นแป้งมีขายแทบทุกร้านเลย แม้แต่ร้านของลุงเธียก็มีแป้งขายเช่นกัน
เมื่อบนเวทีเริ่มมีการบรรเลงดนตรี ก๊อบก็ได้เห็นชาวบ้านออกมาเต้นรำกลางลานกัน เมื่อเพลงรำวงดัง พวกเขาก็จะรำเป็นวงล้อมต้นละมุดที่ยืนต้นอยู่ตรงกลาง ถ้าเป็นเพลงเต้นรำสมัยใหม่ ทุกฅนก็จะเปลี่ยนมาเต้นกันแทน ผู้ฅนส่วนหนึ่งบ้างประแป้งให้กัน บ้างเดินหาของกิน บ้างยืนดูกลุ่มที่เต้นรำ
เด็กจำนวนหนึ่งปีนอยู่บนต้นละมุดที่มีลักษณะเอนต้นไม่ถึงกับล้มนอน พวกเขากำลังสนุกกับการได้ปีนป่ายขึ้นไปบนนั้น ธนเดินตรงมาจากกลุ่มเด็ก ฉุดข้อมือพยักหน้าชวนก๊อบไปด้วยกัน ถึงอยากนั่งอยู่กับร้านช่วยป้าเซร็ยและจันธูขายของมากกว่า แต่ก๊อบก็ต้องตามธนออกไปในที่สุด เด็กที่อยู่บนต้นไม้ส่งเสียงเรียก ธนยื่นมีอให้พวกที่อยู่ข้างบนฉุดดึงเขาขึ้นไป ถึงจะทุลักทุเลหน่อยแต่ธนก็ขึ้นไปจนได้ ธนกลับหลังหันมายื่นมือให้ก๊อบ แต่จู่ ๆ ก็มีมือคู่หนึ่งจับก๊อบชูสูงขึ้นไป ก๊อบจับต้นละมุดขึ้นไปโดยง่าย เมื่อหันหลังกลับมาจึงได้เห็นว่าผู้ที่จับเขาชูส่งขึ้นไปก็คือหยับนั่นเอง หยับยิ้มพยักหน้าให้ก๊อบ อาจแทนคำขอโทษที่ไม่สามารถพูดได้ เขายังรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น.
(โปรดติดตามต่อไป ตอนหน้าอวสาน)
ก๊อบ (ตอนที่๑๘ สงกรานต์)
โดย : ละเว้
(ตอนที่๑๘ สงกรานต์)
“ก็ทั้งเหนื่อยทั้งหิวกันนั่นแหละ” ลุงเธียบอกกับลุงชัยขณะที่ทุกฅนนั่งล้อมวงกินข้าวเย็นกัน ก๊อบและฅนอื่น ๆ นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ
“ไอ้หยับมันก็เหนื่อยนั่นแหละ” ลุงเธียพูดถึงเด็กฅนนั้น
“มันรอกินมะพร้าวที่ไอ้ธนฟันให้ ก๊อบไม่รู้ว่าธนฟันให้ไอ้หยับเลยจะไปเอามากิน ก็เลยกลายเป็นว่าไปแย่งมัน มันก็โมโหว่าก๊อบไม่ได้ทำอะไรเลยยังจะมาแย่งมันอีก” ลุงเธียหยุดพูดพลางหันมองก๊อบ ยิ้มให้ก่อนพูดต่อ “มันโกรธไม่นานหรอกเดี๋ยวมันก็ดี”
แม้ลุงเธียจะบอกเช่นนั้น แต่นั่นไม่ได้ช่วยให้ก๊อบรู้สึกดีขึ้นได้เลย เขายิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ รับรู้ถึงความไม่เอาไหนของตัวเอง เขามันเด็กไม่ได้เรื่อง ทั้งอ่อนแอและทำอะไรไม่เป็น ทำไมเขาจึงสู้เด็กที่นี่ไม่ได้เลย ถ้าเขาเก่งกว่านี้หยับคงจะไม่หมั่นไส้รำคาญเขาแบบนี้ ก๊อบเพิ่งรู้ตัวว่าการตามเพื่อน ๆ ออกไปทำงานนั้น ทำให้เขากลายเป็นภาระทั้งทำให้เกิดความหมั่นไส้รำคาญของฅนอื่น ๆ มากกว่า
.
วันสงกรานต์ของที่นี่จะมาถึงพรุ่งนี้แล้ว ตอนนี้ก๊อบไม่รู้สึกยินดีอะไรกับมันเลย เขายังคงคิดถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เวลานี้ทุกฅนในบ้านลุงเธียต้องทำงานกันชุลมุน เพราะนอกจากหาของมาขายตามปกติแล้ว ยังต้องเตรียมของไว้ขายในงานสงกรานต์อีกด้วย ขณะที่ทุกฅนกำลังวุ่นวาย ก๊อบกลับชอบมาอยู่ที่บ้านยายตู๊จมากกว่า ที่นี่ทำให้เขาสบายใจได้ทุกครั้งที่มา
วันนี้บ้านยายตู๊จมีการตั้งหิ้งบูชาเซ่นไหว้เหมือนบ้านอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน แต่หิ้งของแกจะมีขนาดเล็กสักหน่อย ผิดกับบ้านอื่น ๆ โดยเฉพาะบางแห่งที่ใช้โต๊ะตั้งบูชาโชว์หน้าบ้านกันตั้งแต่หลายวันก่อน
เริ่มมีเสียงเพลงจากเครื่องขยายแว่วดังจากสวนละมุด ความจริงบรรยากาศวันก่อนสงกรานต์อาจดูคึกคัก ถ้าก๊อบจะไม่มีบางสิ่งค้างคาความรู้สึกอย่างนี้
มีรถโดยสารวิ่งมาจอดหน้าบ้านยายตู๊จ ชายหญิงคู่หนึ่งพร้อมเด็กชายหญิงสองฅนต่างสะพายกระเป๋าหิ้วข้าวของพะรุงพะรัง พวกเขาทักทายยายตู๊จก่อนเดินต่อไปยังกระท่อมหลังเล็กของยั้น ยั้นร้องเสียงดังเมื่อเห็นทั้งสี่ฅน ก๊อบจึงรู้ว่าทั้งหมดเป็นพ่อแม่และพี่ ๆ ของเด็กตัวน้อย ภาพยั้นวิ่งไปกอดพ่อและแม่ที่เพิ่งกลับจากเมืองไทยด้วยรอยยิ้มทำให้ก๊อบอดดีใจด้วยไม่ได้ แม้ภายในใจของเขาจะยังคงมีสิ่งค้างคาอยู่ก็ตาม
เภียได้รถเครื่องคันใหม่ทันวันสงกรานต์พอดี แม้จะดีใจกับเภีย แต่ก๊อบยังไม่อยากซ้อนท้ายเมื่อถูกชวน เขายังทำใจไม่ได้กับเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
และยิ่งใกล้ถึงวันสงกรานต์ทุกฅนดูจะยิ่งมีแต่ความสุขกันจนก๊อบอดนึกอิจฉาไม่ได้
.
วันนี้ทุกฅนในบ้านลุงเธียรวมทั้งก๊อบ ต่างช่วยกันขนของไปจัดตั้งร้านบริเวณงานกัน แต่ไม่มีลุงชัย หลังกลับจากไปหาข้าวต้มกินในตลาด แกก็บอกให้ก๊อบช่วยลุงเธียขนของก่อนแล้วหายไปเลย
สวนละมุดนี้มีรั้วลวดหนามกั้นอยู่โดยรอบ และวันนี้มีการเก็บค่าผ่านประตูกับฅนที่มาร่วมสนุกด้วย บ้านลุงเธียอยู่ใกล้บริเวณงานจึงขนของลัดเข้าไปทางด้านข้างได้
ลานใต้ต้นละมุดถูกจัดเตรียมจนโล่งเตียน มีร้านขายของตั้งอยู่โดยรอบ ร้านเล็ก ๆ ไม่ต่างกัน บางร้านมีแค่โต๊ะตัวเดียวกับของที่วางไว้ไม่กี่อย่างบนนั้น แต่ละร้านจะขายพวกน้ำแข็งไส ลูกชิ้น และขนมต่าง ๆ มีร้านถ่ายรูปมาตั้งซุ้มบริการด้วย
ร้านลุงเธียขายส้มตำกับโครงไก่ย่าง และพวกขนมน้ำอัดลมกระป๋อง จึงมีโต๊ะให้ลูกค้าได้นั่งรับประทานกัน ก๊อบยังนึกถึงลุงชัยว่าแกหายไปไหน กระทั่งเมื่อเขามองไปยังอีกฟาก ตรงร้านค้าเล็ก ๆ ฝั่ง ตรงข้ามนั้นลุงชัยกำลังทำงานง่วนอยู่ เด็กผมกระเซิงฅนนั้นก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน
“จะมีป้าแล้วนะ” ลุงเธียมองตามสายตาก๊อบพลางบอกกับเขา หมายความว่า ที่เขาเห็นลุงชอบไปที่ร้านนั้น ที่แท้ลุง ชอบแม่ค้าร้านนั้นดอกเหรอ แล้วเด็กหัวฟูฅนนั้น
“มีเมียก็มีลูกสาวเลยลุงเอ็ง” ลุงชัยพูดเหมือนรู้ว่าก๊อบคิดอะไรอยู่ นี่หมายความว่ายายเด็กผมฟูนั่นก็จะกลายเป็นลูกลุงชัยไปด้วย ก๊อบไม่อยากจะเชื่อเลย
ทั้งที่วันนี้เป็นวันสงกรานต์แต่กลับไม่มีใครสาดน้ำกันเลย ก๊อบเพิ่งรู้สึกได้ว่ามันแปลก ทั้งที่ตามข้างทางจะมีฅนดักสาดมาตั้งแต่สองสามวันก่อนแล้ว แต่ในงานสงกรานต์นี้กลับไม่มีเลย หรือว่าสงกรานต์ที่นี่ไม่มีการสาดน้ำกัน
“ปีนี้ผู้นำสั่งห้ามเล่นน้ำเด็ดขาด ที่เห็นมีสาดข้างทางนั่นก็แอบเล่นเพราะอดไม่ได้กันเท่านั้นเอง” ลุงเธียตอบเมื่อก๊อบอดถามด้วยความสงสัยไม่ได้
“ปีที่แล้วมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเยอะ ปีนี้เขาเลยห้ามสาดน้ำ ให้ประแป้งกันได้อย่างเดียว”
มิน่าเล่า ก๊อบจึงเห็นแป้งมีขายแทบทุกร้านเลย แม้แต่ร้านของลุงเธียก็มีแป้งขายเช่นกัน
เมื่อบนเวทีเริ่มมีการบรรเลงดนตรี ก๊อบก็ได้เห็นชาวบ้านออกมาเต้นรำกลางลานกัน เมื่อเพลงรำวงดัง พวกเขาก็จะรำเป็นวงล้อมต้นละมุดที่ยืนต้นอยู่ตรงกลาง ถ้าเป็นเพลงเต้นรำสมัยใหม่ ทุกฅนก็จะเปลี่ยนมาเต้นกันแทน ผู้ฅนส่วนหนึ่งบ้างประแป้งให้กัน บ้างเดินหาของกิน บ้างยืนดูกลุ่มที่เต้นรำ
เด็กจำนวนหนึ่งปีนอยู่บนต้นละมุดที่มีลักษณะเอนต้นไม่ถึงกับล้มนอน พวกเขากำลังสนุกกับการได้ปีนป่ายขึ้นไปบนนั้น ธนเดินตรงมาจากกลุ่มเด็ก ฉุดข้อมือพยักหน้าชวนก๊อบไปด้วยกัน ถึงอยากนั่งอยู่กับร้านช่วยป้าเซร็ยและจันธูขายของมากกว่า แต่ก๊อบก็ต้องตามธนออกไปในที่สุด เด็กที่อยู่บนต้นไม้ส่งเสียงเรียก ธนยื่นมีอให้พวกที่อยู่ข้างบนฉุดดึงเขาขึ้นไป ถึงจะทุลักทุเลหน่อยแต่ธนก็ขึ้นไปจนได้ ธนกลับหลังหันมายื่นมือให้ก๊อบ แต่จู่ ๆ ก็มีมือคู่หนึ่งจับก๊อบชูสูงขึ้นไป ก๊อบจับต้นละมุดขึ้นไปโดยง่าย เมื่อหันหลังกลับมาจึงได้เห็นว่าผู้ที่จับเขาชูส่งขึ้นไปก็คือหยับนั่นเอง หยับยิ้มพยักหน้าให้ก๊อบ อาจแทนคำขอโทษที่ไม่สามารถพูดได้ เขายังรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น.
(โปรดติดตามต่อไป ตอนหน้าอวสาน)