ปีนี้ประเทศไทยโชคดีที่ได้รัฐบาลที่ถนัดในการจัด Event มาดูแลจัดงาน หลังจากที่ลุงตู่ทำแบบเงียบๆ เหงาๆ มานาน
แต่เอาเถอะผมมองว่าถนัดกันคนละบทบาท ไม่มีรัฐบาลที่แล้วปูทางทำเอาไว้ ชุดนี้จะเอาอะไรมาสานต่อ
(อย่ามาดราม่าการเมืองในกระทู้นี้นะครับขอเถอะ)
ตั้งแต่ยังเด็กผมโตที่บ้านอาม่าใน ตลาดหัวรอ จ.อยุธยา
ดังนั้นความทรงจำของเทศกาลสงกรานต์จึงเป็นอะไรที่สนุกมากและเต็มไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมและประเพณีไทย
ทุกปีพอใกล้จะถึงวันสงกรานต์ ชาวหัวรอจะมีงานประเพณีเรียกว่าวันสงกรานต์ตลาดหัวรอ
1 วันก่อนวันงาน คนงานและชาวตลาดจะร่วมกันทำความสะอาดพื้นตลาดเสียเรี่ยมเลย
พร้อมทั้งเตรียมตั้งถังน้ำขนาดใหญ่ ที่นั่งยกพื้นสำหรับพระสงฆ์และผู้เฒ่าในตลาด
พิธีจะเริ่มตั้งแต่เช้ามีการทำบุญตักบาตร ต่อด้วยการสรงน้ำพระ และ รดน้ำดำหัวผู้เฒ่าที่นั่งเรียงรายกันตั้งแต่ท้ายตลาด
พวกเราเด็กๆ จะเตรียมขันน้ำแบบไทยๆ ใส่น้ำอบไทยลอยดอกมะลิเดินรดน้ำดำหัวผู้เฒ่าในตลาด พร้อมทั้งรับศีลรับพร
ยังจำบรรยากาศได้ว่ามันสุดยอดมาก เดินจากหัวแถวถึงท้ายแถวเสร็จ ก็ถึงเวลาสนุกแล้วครับ
สมัยก่อนยังไม่มีปืนฉีดน้ำแต่ไม่มีปัญหาเลย เพราะเขาจัดเตรียมถังน้ำขนาดใหญ่ไว้ตรงกลางเรียงรายอยู่แล้ว
เราก็เดินสาดน้ำเล่นน้ำกันตรงนั้นเลย พระสงฆ์องค์เจ้าผู้เฒ่าผู้แก่นั่งรับน้ำไปเปียกกันหมดทั้งตลาด
สมัยนั้นแรกๆ ยังไม่มีการเล่นแป้งเล่นน้ำแข็งกันครับ ประมาณ พ.ศ.2515-2525
พอหลังจากนั้นก็เริ่มมีการเล่นแบบแปลกๆ เข้ามาแล้ว ทั้งแป้ง ดินสอพอง น้ำแข็ง ถุงน้ำ
แล้วหลังจากนั้นไม่นาน สงกรานต์ตลาดหัวรอก็เริ่มเสื่อมคลาย กลายพันธ์มาเป็นการเล่นแบบที่เราคุ้นเคยกันคือ เอารถกระบะออกตระเวณเล่นกันทั้งเมือง
ตัดกลับมาดูการเล่นสงกรานต์ในปีนี้กันบ้าง ผมคิดว่าคนไทยพัฒนาด้านความเจริญเติบโตทั้งบ้านเมืองและความคิด
เรียกได้ว่าใกล้จะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว (ในสายตาผมนะ) เพราะคนไทยรุ่นใหม่เล่นสงกรานต์ไม่ซี้ซั้ว ไม่มั่ว
ไม่สาดน้ำใส่คนที่ไม่อยากเล่น ถ้าเป็นสมัยหลายๆ ปีก่อน เดินออกจากบ้านจะไปธุระในวันสุกดิบนี่ต้องคิดหนักๆ เลย
ยุคหนึ่งถึงกับมีวลีเด็ดว่า
"ไม่อยากเปียกก็อยู่บ้านสิ นี่สงกรานต์นะ"
แต่ยุคใหม่เมืองไทยพัฒนาผู้คนเริ่มเข้าใจขนบธรรมเนียม คงได้ค่านิยมมาจากการเข้าคิวตามร้านสะดวกซื้อหรือขึ้นรถไฟฟ้ากัน
ปีนี้อีกอย่างที่ดีมากคือ ไม่มีข่าวพวกโชว์อุดจาดลามกจกเปรต การจัดการในแหล่งท่องเที่ยวก็ดูดีมีระเบียบ
มีการกั้นเลนรถฉุกเฉินใน ถ.สีลม นี่มันมิติใหม่เลยนะ ทำเอา สว.อย่างผมถึงกับคันมือคันไม้
นี่ก็นัดกันแล้วกับที่บ้านว่า ถ้ายังไงปีหน้าพวกเราไปลุยสีลมกันดีกว่า
ตบท้ายขอชื่นชมการจัดงานหลักที่สนามหลวงว่าทำได้ดีมาก มีครบทั้งโชว์งานวัฒนธรรมประเพณี เวทีแสงเสียง ซอฟท์พาวเวอร์ ซุ้มบู๊ธอาหาร ลานเล่นน้ำ
ของดีที่มีอยู่แล้วรู้จักเอามาใช้งานใช้ประโยชน์ ขอปรบมือให้ครับ
มหาสงกรานต์ในความทรงจำ
แต่เอาเถอะผมมองว่าถนัดกันคนละบทบาท ไม่มีรัฐบาลที่แล้วปูทางทำเอาไว้ ชุดนี้จะเอาอะไรมาสานต่อ
(อย่ามาดราม่าการเมืองในกระทู้นี้นะครับขอเถอะ)
ตั้งแต่ยังเด็กผมโตที่บ้านอาม่าใน ตลาดหัวรอ จ.อยุธยา
ดังนั้นความทรงจำของเทศกาลสงกรานต์จึงเป็นอะไรที่สนุกมากและเต็มไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมและประเพณีไทย
ทุกปีพอใกล้จะถึงวันสงกรานต์ ชาวหัวรอจะมีงานประเพณีเรียกว่าวันสงกรานต์ตลาดหัวรอ
1 วันก่อนวันงาน คนงานและชาวตลาดจะร่วมกันทำความสะอาดพื้นตลาดเสียเรี่ยมเลย
พร้อมทั้งเตรียมตั้งถังน้ำขนาดใหญ่ ที่นั่งยกพื้นสำหรับพระสงฆ์และผู้เฒ่าในตลาด
พิธีจะเริ่มตั้งแต่เช้ามีการทำบุญตักบาตร ต่อด้วยการสรงน้ำพระ และ รดน้ำดำหัวผู้เฒ่าที่นั่งเรียงรายกันตั้งแต่ท้ายตลาด
พวกเราเด็กๆ จะเตรียมขันน้ำแบบไทยๆ ใส่น้ำอบไทยลอยดอกมะลิเดินรดน้ำดำหัวผู้เฒ่าในตลาด พร้อมทั้งรับศีลรับพร
ยังจำบรรยากาศได้ว่ามันสุดยอดมาก เดินจากหัวแถวถึงท้ายแถวเสร็จ ก็ถึงเวลาสนุกแล้วครับ
สมัยก่อนยังไม่มีปืนฉีดน้ำแต่ไม่มีปัญหาเลย เพราะเขาจัดเตรียมถังน้ำขนาดใหญ่ไว้ตรงกลางเรียงรายอยู่แล้ว
เราก็เดินสาดน้ำเล่นน้ำกันตรงนั้นเลย พระสงฆ์องค์เจ้าผู้เฒ่าผู้แก่นั่งรับน้ำไปเปียกกันหมดทั้งตลาด
สมัยนั้นแรกๆ ยังไม่มีการเล่นแป้งเล่นน้ำแข็งกันครับ ประมาณ พ.ศ.2515-2525
พอหลังจากนั้นก็เริ่มมีการเล่นแบบแปลกๆ เข้ามาแล้ว ทั้งแป้ง ดินสอพอง น้ำแข็ง ถุงน้ำ
แล้วหลังจากนั้นไม่นาน สงกรานต์ตลาดหัวรอก็เริ่มเสื่อมคลาย กลายพันธ์มาเป็นการเล่นแบบที่เราคุ้นเคยกันคือ เอารถกระบะออกตระเวณเล่นกันทั้งเมือง
ตัดกลับมาดูการเล่นสงกรานต์ในปีนี้กันบ้าง ผมคิดว่าคนไทยพัฒนาด้านความเจริญเติบโตทั้งบ้านเมืองและความคิด
เรียกได้ว่าใกล้จะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว (ในสายตาผมนะ) เพราะคนไทยรุ่นใหม่เล่นสงกรานต์ไม่ซี้ซั้ว ไม่มั่ว
ไม่สาดน้ำใส่คนที่ไม่อยากเล่น ถ้าเป็นสมัยหลายๆ ปีก่อน เดินออกจากบ้านจะไปธุระในวันสุกดิบนี่ต้องคิดหนักๆ เลย
ยุคหนึ่งถึงกับมีวลีเด็ดว่า "ไม่อยากเปียกก็อยู่บ้านสิ นี่สงกรานต์นะ"
แต่ยุคใหม่เมืองไทยพัฒนาผู้คนเริ่มเข้าใจขนบธรรมเนียม คงได้ค่านิยมมาจากการเข้าคิวตามร้านสะดวกซื้อหรือขึ้นรถไฟฟ้ากัน
ปีนี้อีกอย่างที่ดีมากคือ ไม่มีข่าวพวกโชว์อุดจาดลามกจกเปรต การจัดการในแหล่งท่องเที่ยวก็ดูดีมีระเบียบ
มีการกั้นเลนรถฉุกเฉินใน ถ.สีลม นี่มันมิติใหม่เลยนะ ทำเอา สว.อย่างผมถึงกับคันมือคันไม้
นี่ก็นัดกันแล้วกับที่บ้านว่า ถ้ายังไงปีหน้าพวกเราไปลุยสีลมกันดีกว่า
ตบท้ายขอชื่นชมการจัดงานหลักที่สนามหลวงว่าทำได้ดีมาก มีครบทั้งโชว์งานวัฒนธรรมประเพณี เวทีแสงเสียง ซอฟท์พาวเวอร์ ซุ้มบู๊ธอาหาร ลานเล่นน้ำ
ของดีที่มีอยู่แล้วรู้จักเอามาใช้งานใช้ประโยชน์ ขอปรบมือให้ครับ