เรื่อง : ก๊อบ
โดย : ละเว้
(ตอนที่๘ บ้านยายตู๊จ)
ฝนหลงฤดูตกลงมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ก๊อบได้ยินเสียงมันหล่นใส่หลังคาสังกะสีก่อนป้าเซร็ยจะตื่นขึ้นมาเตรียมของออกไปขายเช่นทุกวัน วันนี้ดูฉุกละหุกไปหมด เสียงเอะอะของแต่ละฅนบ่งบอกว่าเป็นเช่นนั้น ไฟฟ้าดับ ต้องจุดตะเกียงจัดเตรียมข้าวของกันทั้งที่ฝนตก และวันนี้ลุงไม่ได้ปลุกก๊อบไปตลาดเขาจึงได้นอนตื่นสาย
กระทั่งฝนหยุดตก เหลือเพียงความเฉอะแฉะบนพื้นดินดำที่ดูดำสนิทได้อีกเมื่อชุ่มน้ำแบบนี้ ก๊อบเพิ่งรู้ว่าเวลาเปียก ดินดำ ๆ ที่เห็นจะมีความเหนียวเป็นพิเศษอีกด้วย ติดรองเท้าติดขาหนึบหนับไปหมด แค่ออกไปล้างหน้าแปรงฟันที่บ่อก๊อบยังต้องเดินด้วยความ ทุลักทุเลเต็มทน
ล้างหน้าเสร็จแล้วก็ไม่มีอะไรทำ ได้แต่นอนขดบนเตียงต่อ ไฟฟ้าดับตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่มา โทรศัพท์จึงหมดความหมาย นอนนิ่งอยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้าไปก่อนชั่วคราว ตอนนี้ก๊อบทั้งเบื่อและหิวจนปวดท้อง เลยเวลาอาหารเช้าของเขานานพอดูแล้ว
“ไปบ้านยายตู๊จกัน” ในที่สุดลุงก็เอ่ยชวน
“หึ” ก๊อบทำเสียงปฏิเสธในทันที ความรู้สึกแรกที่เจอกันยังฝังใจ ลุงหันมองหน้า
“แล้วหิวไหมล่ะ” ย้อนถามหลาน
“หิวตั้งนานแล้ว” ก๊อบตอบ
“ถ้าหิวก็ต้องไปบ้านยายตู๊จ อยู่นี่ไม่ได้กินแน่นอน”
ก๊อบหันมองยายของธนที่อยู่ในครัว แกยังคงง่วนอยู่ในนั้น แต่ยังไม่ถึงเวลาจัดเตรียมอาหารของแก
ดินที่เหนียวหนึบทั้งเฉอะแฉะทำให้ก๊อบและลุงไม่สามารถเดินไปตลาดได้ ความจริงแล้วก๊อบไม่อยากออกไปไหนเลย แต่ไม่มีทางเลือกอื่น ทั้งหิวและเบื่อเต็มทีแล้ว
ที่นึ่ไม่ว่าจะดินน้ำหรืออะไรล้วนดูแปลกไปหมด ดินดำแบบนี้ก๊อบไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน รวมถึงความเหนียวลื่นเฉอะแฉะเมื่อเจอฝนของมันด้วย แม้ในเวลาปกติมันจะไม่จับตัวแข็งแบบดินเหนียว แต่พอได้เปียกน้ำขึ้นมาแล้วมันเหนียวได้ดีกว่าดินเหนียวเสียอีก ก๊อบเดินไปนึกรำคาญมันไป ตอนนี้พื้นรองเท้าของเขาหนาเตอะจากดินซึ่งจับติดในทุกครั้งที่เหยียบลงไปและยกขึ้นมา เขาจึงต้องลากรองเท้าที่ทั้งหนักและลื่นในเวลาเดียวกัน
ลุงพาก๊อบเดินลัดเลี้ยวตามกลุ่มบ้านเรือนที่ปลูกชิดกัน ยังคงต้องตอบคำถามตลอดทาง
ก๊อบเพิ่งรู้ว่าบ้านของเด็กตัวเล็กที่เล่นน้ำด้วยกันอยู่ตรงนี้เอง เด็กฅนนั้นเรียกชื่อเมื่อก๊อบเดินผ่าน เขาได้แต่ยิ้มให้เพราะยังพูดหรือฟังไม่ได้เลย บ้านของเด็กฅนนี้เล็กจนไม่น่าเป็นบ้าน มีห้องเดียวโล่ง ๆ หลังคามุงด้วยสังกะสีเก่า ๆ ฝากั้นด้วยใบตาลพื้นเป็นซี่ไม้ไผ่
“ไอ้ยั้น” ลุงทำเสียงขึ้นจมูกตอบเมื่อก๊อบถามถึงชื่อของเด็กฅนนั้น (สำเนียงคล้ายเวลาคนอีสานออกเสียง ยอ )
ก๊อบคิดว่าถ้าอยู่เมืองไทย ยั้น คงถูกแม่ของเขาจับตั้งชื่อใหม่ เพราะเขาคงไม่สามารถเรียกชื่อนี้ได้ แค่ฟังก็ยากที่จะสะกดให้ถูกต้องได้แล้ว
“ยั้นอยู่กับยายสองฅน เพราะพ่อแม่และพี่ของเขาไปทำงานที่เมืองไทยกันหมด” ลุงบอกกับก๊อบเมื่อเดินออกมาจากที่นั่น
และในที่สุดก็ถึงบ้านของยายตู๊จซึ่งอยู่ริมทางที่เข้ามาจากตลาดได้เสียที
บ้านของยายตู๊จเป็นบ้านไม้ยกพื้น แม้จะไม่เล็กเหมือนบ้านของเด็กที่ก๊อบเรียกชื่อไม่ถูก แต่มันก็ดูซอมซ่อไม่ต่างกัน หลังคาที่มุงด้วยหญ้าคานั้นเก่าจนเห็นเป็นสีดำหมดแล้ว ฝาบางส่วนกั้นด้วยฟากสับ ตรงส่วนที่เป็นครัวใช้ใบตาลแปะเป็นแผงเหมือนบ้านเด็กฅนนั้น บางแห่งกั้นด้วยทางหรือก้านของใบตาลก็มี
ยายตู๊จอยู่ในครัว เมื่อเห็นลุงพาก๊อบขึ้นบ้านก็ส่งเสียงดีใจ พูดคุยทักทายทำอย่างกับก๊อบฟังออกอีกแล้ว
เมื่อขึ้นเรือนก๊อบจึงได้เห็นว่าพื้นบ้านทั้งหมดปูด้วยซี่ไม้ไผ่ที่ตีห่างกันจนมองทะลุใต้ถุนได้ไม่ยาก และแต่ละซี่นั้นเก่าจนบางแห่งแทบไม่มีความแข็งแรง นี่อาจเป็นเหตุผลที่ลุงพาก๊อบไปนอนบ้านลุงเธีย แทนที่จะนอนบ้านยายตู๊จก็ได้
ลูกสาวยายตู๊จอยู่บนบ้านด้วย เธอทักทายกับลุง ก๊อบคิดว่าเขาเคยเห็นผู้หญิงฅนนี้มาก่อนแต่ไม่ได้สนใจเพราะไม่รู้ว่าเป็นใคร รวมถึงเด็กสี่ฅนที่นั่งมองเขาด้วย ก๊อบคุ้นหน้าว่าเคยเห็นเช่นกัน แต่เด็กเหล่านี้ไม่เคยรวมกลุ่มเล่นน้ำกับพวกของธนเท่านั้น
“เคยเจอไทยหรือยัง” ลุงถามพลางชี้มือไปยังเด็กผู้ชายตัวโตสุดซึ่งอยู่วัยเดียวกับก๊อบ
“เคย แต่ไม่รู้จัก” ก๊อบตอบ เด็กสี่ฅนมองเขากับลุงแล้วยิ้มขำ พากันหัวเราะคิกคัก ขณะที่ก๊อบยังวางตัวไม่ถูก
“พี่น้องเอ็งทั้งหมดเลยนั่นแหละ”
พี่น้องเหรอ จริงสิ ถ้ามียายที่นี่ เราก็ต้องมีพี่น้องที่นี่ด้วย ก๊อบคิดขณะมองเด็กมอมแมมตรงหน้า แต่ละฅนยังคงสนใจจ้องมอง เขาอยู่เช่นกัน
“รู้จักกันไว้ ฅนโตนี่ชื่อไทยเพราะเกิดที่เมืองไทย” ลุงเริ่มแนะนำ ก๊อบคิดอยู่ว่าทำไมถึงชื่อไทย
ไทยมีน้องเป็นหญิงสองกับชายอีกหนึ่งฅน ผู้หญิงรองจากไทยชื่อ จันเตรีย น้องชายอีกฅนมีชื่อเป็นภาษาไทยว่า ทอง น้องผู้หญิงฅนเล็กลุงให้ ก๊อบเรียกว่า ตู๊จ หรือ โอนตู๊จ ตู๊จแปลว่าเล็ก โอนตู๊จแปลว่าน้องเล็ก เพราะเป็นลูกฅนเล็กเช่นกันกับยายตู๊จ
บ้านยายตู๊จไม่กินข้าวเช้าเช่นกัน แต่แกรู้ดีว่าต้องรีบจัดการให้ก๊อบกับลุง ยายตู๊จพูดอะไรสักอย่างกับลุงชัย ก่อนหันไปสนใจเตาไฟซึ่งเป็นหินก้นเส้า หรือหินสามก้อนที่วางอยู่บนฐานดิน ฐานนี้ใช้ไม้กั้นทั้งสี่ด้านก่อนใส่ดินลงไป
ในก้นเส้ามีก้นฟืนที่ยังติดไฟอยู่ ยายตู๊จจับมันสุมกันก่อนหาหม้อมาหุงข้าว ยังต้องนั่งรออีกเหรอนี่ ก๊อบคิดขณะยายตู๊จซาวข้าวเตรียมตั้งไฟ ลูกสาวของแกมาช่วยทำกับข้าวด้วยเช่นกัน
สักพักลูกเขยยายตู๊จก็ขับรถเครื่องเข้ามาจอดที่ใต้ถุน เมื่อขึ้นบ้านลุงชัยแนะนำให้ก๊อบเรียกว่าลุงเลือง บอกว่าเรียกลุงเหลืองก็ได้เช่นกัน เพราะเลืองก็คือเหลืองในภาษาไทย ลุงเลืองเป็นฅนตัวดำผมหยิก ท่าทางยิ้มง่ายหัวเราะง่าย
“โตไวนะ เคยเห็นตั้งแต่ยังเด็ก” ลุงเลืองทักทายก๊อบด้วยภาษาไทย แกเป็นอีกฅนที่พูดไทยได้คล่องเหมือนลุงเธีย แต่ที่สำคัญ แกเคยเห็นเขาตอนเด็กด้วยนี่สิ
“ไม่ไวได้ไง เจ้าไทยนี่ก็เป็นหนุ่มแล้วเหมือนกัน” ลุงชัยตอบแทน ลุงเลืองหัวเราะขำก่อนเอ่ยขึ้นอีก
“จำไทยได้หรือเปล่า ตอนเด็กเคยเล่นด้วยกัน” ถามก๊อบที่ยังได้แต่มองหน้า
“จำไม่ได้ทั้งคู่นั่นแหละ ยังเล็กกันขนาดนั้น” ลุงชัยตอบแทนก๊อบอีกครั้ง
“นั่นสิ" กล่าวทั้งหัวเราะ "จะจำกันได้อย่างไร” พูดจบก็หัวเราะอีก ลุงเลืองหัวเราะได้ตลอดเวลาในแทบทุกคำพูดเลย.
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ก๊อบ (ตอนที่๘ บ้านยายตู๊จ)
โดย : ละเว้
(ตอนที่๘ บ้านยายตู๊จ)
ฝนหลงฤดูตกลงมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ก๊อบได้ยินเสียงมันหล่นใส่หลังคาสังกะสีก่อนป้าเซร็ยจะตื่นขึ้นมาเตรียมของออกไปขายเช่นทุกวัน วันนี้ดูฉุกละหุกไปหมด เสียงเอะอะของแต่ละฅนบ่งบอกว่าเป็นเช่นนั้น ไฟฟ้าดับ ต้องจุดตะเกียงจัดเตรียมข้าวของกันทั้งที่ฝนตก และวันนี้ลุงไม่ได้ปลุกก๊อบไปตลาดเขาจึงได้นอนตื่นสาย
กระทั่งฝนหยุดตก เหลือเพียงความเฉอะแฉะบนพื้นดินดำที่ดูดำสนิทได้อีกเมื่อชุ่มน้ำแบบนี้ ก๊อบเพิ่งรู้ว่าเวลาเปียก ดินดำ ๆ ที่เห็นจะมีความเหนียวเป็นพิเศษอีกด้วย ติดรองเท้าติดขาหนึบหนับไปหมด แค่ออกไปล้างหน้าแปรงฟันที่บ่อก๊อบยังต้องเดินด้วยความ ทุลักทุเลเต็มทน
ล้างหน้าเสร็จแล้วก็ไม่มีอะไรทำ ได้แต่นอนขดบนเตียงต่อ ไฟฟ้าดับตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่มา โทรศัพท์จึงหมดความหมาย นอนนิ่งอยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้าไปก่อนชั่วคราว ตอนนี้ก๊อบทั้งเบื่อและหิวจนปวดท้อง เลยเวลาอาหารเช้าของเขานานพอดูแล้ว
“ไปบ้านยายตู๊จกัน” ในที่สุดลุงก็เอ่ยชวน
“หึ” ก๊อบทำเสียงปฏิเสธในทันที ความรู้สึกแรกที่เจอกันยังฝังใจ ลุงหันมองหน้า
“แล้วหิวไหมล่ะ” ย้อนถามหลาน
“หิวตั้งนานแล้ว” ก๊อบตอบ
“ถ้าหิวก็ต้องไปบ้านยายตู๊จ อยู่นี่ไม่ได้กินแน่นอน”
ก๊อบหันมองยายของธนที่อยู่ในครัว แกยังคงง่วนอยู่ในนั้น แต่ยังไม่ถึงเวลาจัดเตรียมอาหารของแก
ดินที่เหนียวหนึบทั้งเฉอะแฉะทำให้ก๊อบและลุงไม่สามารถเดินไปตลาดได้ ความจริงแล้วก๊อบไม่อยากออกไปไหนเลย แต่ไม่มีทางเลือกอื่น ทั้งหิวและเบื่อเต็มทีแล้ว
ที่นึ่ไม่ว่าจะดินน้ำหรืออะไรล้วนดูแปลกไปหมด ดินดำแบบนี้ก๊อบไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน รวมถึงความเหนียวลื่นเฉอะแฉะเมื่อเจอฝนของมันด้วย แม้ในเวลาปกติมันจะไม่จับตัวแข็งแบบดินเหนียว แต่พอได้เปียกน้ำขึ้นมาแล้วมันเหนียวได้ดีกว่าดินเหนียวเสียอีก ก๊อบเดินไปนึกรำคาญมันไป ตอนนี้พื้นรองเท้าของเขาหนาเตอะจากดินซึ่งจับติดในทุกครั้งที่เหยียบลงไปและยกขึ้นมา เขาจึงต้องลากรองเท้าที่ทั้งหนักและลื่นในเวลาเดียวกัน
ลุงพาก๊อบเดินลัดเลี้ยวตามกลุ่มบ้านเรือนที่ปลูกชิดกัน ยังคงต้องตอบคำถามตลอดทาง
ก๊อบเพิ่งรู้ว่าบ้านของเด็กตัวเล็กที่เล่นน้ำด้วยกันอยู่ตรงนี้เอง เด็กฅนนั้นเรียกชื่อเมื่อก๊อบเดินผ่าน เขาได้แต่ยิ้มให้เพราะยังพูดหรือฟังไม่ได้เลย บ้านของเด็กฅนนี้เล็กจนไม่น่าเป็นบ้าน มีห้องเดียวโล่ง ๆ หลังคามุงด้วยสังกะสีเก่า ๆ ฝากั้นด้วยใบตาลพื้นเป็นซี่ไม้ไผ่
“ไอ้ยั้น” ลุงทำเสียงขึ้นจมูกตอบเมื่อก๊อบถามถึงชื่อของเด็กฅนนั้น (สำเนียงคล้ายเวลาคนอีสานออกเสียง ยอ )
ก๊อบคิดว่าถ้าอยู่เมืองไทย ยั้น คงถูกแม่ของเขาจับตั้งชื่อใหม่ เพราะเขาคงไม่สามารถเรียกชื่อนี้ได้ แค่ฟังก็ยากที่จะสะกดให้ถูกต้องได้แล้ว
“ยั้นอยู่กับยายสองฅน เพราะพ่อแม่และพี่ของเขาไปทำงานที่เมืองไทยกันหมด” ลุงบอกกับก๊อบเมื่อเดินออกมาจากที่นั่น
และในที่สุดก็ถึงบ้านของยายตู๊จซึ่งอยู่ริมทางที่เข้ามาจากตลาดได้เสียที
บ้านของยายตู๊จเป็นบ้านไม้ยกพื้น แม้จะไม่เล็กเหมือนบ้านของเด็กที่ก๊อบเรียกชื่อไม่ถูก แต่มันก็ดูซอมซ่อไม่ต่างกัน หลังคาที่มุงด้วยหญ้าคานั้นเก่าจนเห็นเป็นสีดำหมดแล้ว ฝาบางส่วนกั้นด้วยฟากสับ ตรงส่วนที่เป็นครัวใช้ใบตาลแปะเป็นแผงเหมือนบ้านเด็กฅนนั้น บางแห่งกั้นด้วยทางหรือก้านของใบตาลก็มี
ยายตู๊จอยู่ในครัว เมื่อเห็นลุงพาก๊อบขึ้นบ้านก็ส่งเสียงดีใจ พูดคุยทักทายทำอย่างกับก๊อบฟังออกอีกแล้ว
เมื่อขึ้นเรือนก๊อบจึงได้เห็นว่าพื้นบ้านทั้งหมดปูด้วยซี่ไม้ไผ่ที่ตีห่างกันจนมองทะลุใต้ถุนได้ไม่ยาก และแต่ละซี่นั้นเก่าจนบางแห่งแทบไม่มีความแข็งแรง นี่อาจเป็นเหตุผลที่ลุงพาก๊อบไปนอนบ้านลุงเธีย แทนที่จะนอนบ้านยายตู๊จก็ได้
ลูกสาวยายตู๊จอยู่บนบ้านด้วย เธอทักทายกับลุง ก๊อบคิดว่าเขาเคยเห็นผู้หญิงฅนนี้มาก่อนแต่ไม่ได้สนใจเพราะไม่รู้ว่าเป็นใคร รวมถึงเด็กสี่ฅนที่นั่งมองเขาด้วย ก๊อบคุ้นหน้าว่าเคยเห็นเช่นกัน แต่เด็กเหล่านี้ไม่เคยรวมกลุ่มเล่นน้ำกับพวกของธนเท่านั้น
“เคยเจอไทยหรือยัง” ลุงถามพลางชี้มือไปยังเด็กผู้ชายตัวโตสุดซึ่งอยู่วัยเดียวกับก๊อบ
“เคย แต่ไม่รู้จัก” ก๊อบตอบ เด็กสี่ฅนมองเขากับลุงแล้วยิ้มขำ พากันหัวเราะคิกคัก ขณะที่ก๊อบยังวางตัวไม่ถูก
“พี่น้องเอ็งทั้งหมดเลยนั่นแหละ”
พี่น้องเหรอ จริงสิ ถ้ามียายที่นี่ เราก็ต้องมีพี่น้องที่นี่ด้วย ก๊อบคิดขณะมองเด็กมอมแมมตรงหน้า แต่ละฅนยังคงสนใจจ้องมอง เขาอยู่เช่นกัน
“รู้จักกันไว้ ฅนโตนี่ชื่อไทยเพราะเกิดที่เมืองไทย” ลุงเริ่มแนะนำ ก๊อบคิดอยู่ว่าทำไมถึงชื่อไทย
ไทยมีน้องเป็นหญิงสองกับชายอีกหนึ่งฅน ผู้หญิงรองจากไทยชื่อ จันเตรีย น้องชายอีกฅนมีชื่อเป็นภาษาไทยว่า ทอง น้องผู้หญิงฅนเล็กลุงให้ ก๊อบเรียกว่า ตู๊จ หรือ โอนตู๊จ ตู๊จแปลว่าเล็ก โอนตู๊จแปลว่าน้องเล็ก เพราะเป็นลูกฅนเล็กเช่นกันกับยายตู๊จ
บ้านยายตู๊จไม่กินข้าวเช้าเช่นกัน แต่แกรู้ดีว่าต้องรีบจัดการให้ก๊อบกับลุง ยายตู๊จพูดอะไรสักอย่างกับลุงชัย ก่อนหันไปสนใจเตาไฟซึ่งเป็นหินก้นเส้า หรือหินสามก้อนที่วางอยู่บนฐานดิน ฐานนี้ใช้ไม้กั้นทั้งสี่ด้านก่อนใส่ดินลงไป
ในก้นเส้ามีก้นฟืนที่ยังติดไฟอยู่ ยายตู๊จจับมันสุมกันก่อนหาหม้อมาหุงข้าว ยังต้องนั่งรออีกเหรอนี่ ก๊อบคิดขณะยายตู๊จซาวข้าวเตรียมตั้งไฟ ลูกสาวของแกมาช่วยทำกับข้าวด้วยเช่นกัน
สักพักลูกเขยยายตู๊จก็ขับรถเครื่องเข้ามาจอดที่ใต้ถุน เมื่อขึ้นบ้านลุงชัยแนะนำให้ก๊อบเรียกว่าลุงเลือง บอกว่าเรียกลุงเหลืองก็ได้เช่นกัน เพราะเลืองก็คือเหลืองในภาษาไทย ลุงเลืองเป็นฅนตัวดำผมหยิก ท่าทางยิ้มง่ายหัวเราะง่าย
“โตไวนะ เคยเห็นตั้งแต่ยังเด็ก” ลุงเลืองทักทายก๊อบด้วยภาษาไทย แกเป็นอีกฅนที่พูดไทยได้คล่องเหมือนลุงเธีย แต่ที่สำคัญ แกเคยเห็นเขาตอนเด็กด้วยนี่สิ
“ไม่ไวได้ไง เจ้าไทยนี่ก็เป็นหนุ่มแล้วเหมือนกัน” ลุงชัยตอบแทน ลุงเลืองหัวเราะขำก่อนเอ่ยขึ้นอีก
“จำไทยได้หรือเปล่า ตอนเด็กเคยเล่นด้วยกัน” ถามก๊อบที่ยังได้แต่มองหน้า
“จำไม่ได้ทั้งคู่นั่นแหละ ยังเล็กกันขนาดนั้น” ลุงชัยตอบแทนก๊อบอีกครั้ง
“นั่นสิ" กล่าวทั้งหัวเราะ "จะจำกันได้อย่างไร” พูดจบก็หัวเราะอีก ลุงเลืองหัวเราะได้ตลอดเวลาในแทบทุกคำพูดเลย.
(โปรดติดตามตอนต่อไป)