เมียอธิบดีกรมข้าว ท้าชน 4 คน เปิดข้อมูลออกสื่อ ปมรีดเงิน 1.5 ล้าน ลั่นพร้อมทุกที่ทุกเวลา
https://www.matichon.co.th/politics/news_4398331
เมียอธิบดีกรมข้าว ท้าชน 4 คน เปิดข้อมูลออกสื่อ ปมรีดเงิน 1.5 ล้าน ลั่นพร้อมทุกที่ทุกเวลา ระบุถ้าออกคนเดียวไม่เป็นธรรมกับอีกฝ่าย
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) เข้าจับกุม นาย
ศรีสุวรรณ จรรยา กรณีข่มขู่เรียกรับเงินเจ้าหน้าที่รัฐแลกกับการไม่ร้องเรียนหรือกลั่นแกล้งไม่ถูกตรวจสอบ ตามข้อร้องเรียนของ นาย
ณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว รวมถึงฝ่ายการเมือง โดยมีรายงานว่ามีชื่อ นาย
ยศวริศ ชูกล่อม หรือ
เจ๋ง ดอกจิก สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ และ น.ส.
พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 มกราคม เฟซบุ๊ก ‘
ธัญญรัตน์ ไชย์ศิริคุณากร’ นาย
ณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ ภรรยาอธิบดีกรมข้าว ได้โพสต์ภาพธนบัตรฉบับละพันหลายใบและเจ้าหน้าที่ถือกล่องดำ โดยระบุข้อความว่า
“
ขอบคุณนักข่าวรายการต่างๆขอสัมภาษณ์ออกสื่อมาเยอะมากค่ะ แต่ก็ขออภัยในความไม่สะดวก หากพวกท่านๆนัดเขาทั้ง 4 คน มาเจอกันกับหนูพร้อมกัน 5 คน หนูสะดวกทุกที่ทุกเวลาค่ะเอาโทรศัพท์มาแท็กข้อมูลใส่กันทั้ง 5 คนเลยจ้าถ้าออกสื่อคนเดียวไม่เป็นธรรมกับอีกฝ่ายคะ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ได้มีการแฉคลิปเสียง นาย จ. คุยกับ นางธัญญรัตน์ ภรรยาของ นายณัฏฐกิตติ์ โดยโน้มน้าวให้จ่ายเงิน ซึ่งอ้างว่า ตนเองจะเคลียร์ให้ได้ ไม่ต้องมาสอบในชั้นกรรมาธิการได้ และยังบอกว่าให้จ่ายเงินให้ ศ.
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid0F2Fs7huTrWV3t8NqjSsaiKQq9tqg1YNKZPbJHTUtZsQuHskXN5J4TmQ8cDAMwDJcl&id=100027674141603
“พี่ศรี”รอดยาก! “ทนายเดชา”ฟันธง แฉมีอีกเพียบเข้าข่าย “นักรีด”ตบทรัพย์
https://siamrath.co.th/n/510135
เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2567 นาย
เดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ “
ทนายเดชา” ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “
ทนายคลายทุกข์” ถึงกรณีนาย
ศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน นักร้องเรียนชื่อดัง ถูกเจ้าหน้าที่รวบตัวจากกรณีข่มขู่เรียกเงิน 3 ล้านบาท จากนาย
ณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เพื่อแลกกับการยุติเรื่องร้องเรียน โดยอ้างว่าพบข้อพิรุธที่ส่อไปในทางทุจริตนั้น ดังนี้
#สวัสดียามเช้าวันอาทิตย์
ผมได้คุยกับทนายความของท่านอธิบดีที่โดนตบทรัพย์
ยืนยันชัดเจนว่ามีพยานหลักฐานชัดเจนว่า กลุ่มพี่ศรีได้มีการเรียกเงินจริง ผมว่าพี่ศรีรอดยากครับระยะหลักฐานมันค่อนข้างมัดแน่น ทั้งเส้นทางเงิน คลิปเสียงคลิปวีดีโอประจักษ์พยานพยานเอกสารมัดแน่นครับ
#ในชั้นนี้ยังถือว่าพี่ศรีเป็นผู้บริสุทธิ์ตามรัฐธรรมนูญแต่พยานหลักฐานมัดแน่นดิ้นหลุดยากครับ
#นักร้องหรือนักตบทรัพย์ติดตามกันต่อไป
https://www.facebook.com/dechalaw/posts/pfbid0t2ZbwW57G4748wa2iXd4EZfp6sRwCAFHf3vSqJ8HSuCSEVr2M4AHPhAKSh5GvULgl
พริษฐ์ ยันแก้112 ไม่เข้าข่ายล้มล้างปกครอง แจงศาลไปหมดแล้ว 29ม.ค.รู้ ใครไปฟังคำวินิจฉัย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4398047
‘พริษฐ์’ มั่นใจ แจงได้ทุกข้อกล่าวหา ปม หาเสียงนโยบายยกเลิก ม.112 ย้ำ ทุกการกระทำของก้าวไกล-ส.ส.พรรคไม่เข้าข่าย ‘ล้มล้างการปกครอง’ รอหารือภายใน 29 ม.ค.นี้ จะส่งใครเข้าฟังคำวินิจฉัยศาล รธน.
เมื่อวันที่ 28 มกราคม นาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัย คดีของ นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรรค ก.ก. ใช้นโยบายยกเลิกแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 หาเสียง ในวันที่ 31 มกราคมที่จะถึงนี้ ว่าจะมีบุคลากรของพรรคคนใดเดินทางไปฟังคำวินิจฉัยบ้าง ว่า เรื่องนี้จะต้องมีการหารือกันภายในพรรคก่อน ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันที่ 29 มกราคมนี้ แล้วจะมีการแจ้งต่อสาธารณะอีกครั้ง แต่ในวันที่ 31 มกราคมนั้น ก็มีการประชุมสภา จึงคิดว่าหน้าที่ที่สำคัญของ ส.ส.พรรค ก.ก. คือการทำหน้าที่ในสภา เนื่องจากคาดว่าจะมีการพิจารณารายงานเกี่ยวกับระบบเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) รวมถึงญัตติที่มีความสัมพันธ์อีกหลายด้านด้วย
ส่วนข้อกังวลนั้น พรรค ก.ก. ยังยืนยันคำเดิม คือพยายามทำอย่างเต็มที่ภายใต้ขอบเขตที่สามารถทำได้ ในการยืนยันความบริสุทธิ์ ว่าการกระทำที่ผ่านมา ไม่ว่าจะพรรคก้าวไกล หรือ ส.ส.ของพรรค ไม่มีการกระทำใดที่เข้าข่ายการล้มล้างการปกครอง โดยเฉพาะกรณีที่ ส.ส.ชุดที่แล้วของพรรค ก.ก. ยื่นร่างแก้ไข ม.112 เราต้องยืนยันเช่นกัน ว่า การยื่นร่างกฎหมายดังกล่าว ไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ทั้งในส่วนกระบวนการ ที่เรามองว่าการยื่นกฎหมายใดๆ ก็ตาม ไม่สามารถนำไปสู่การล้มล้างการปกครองได้อยู่แล้ว เพราะเมื่อยื่นกฎหมายเข้าไป ยังมีอีกหลายขั้นตอนพิจารณา
นาย
พริษฐ์กล่าวว่า ในเชิงเนื้อหา เราก็ยืนยันเช่นกันว่า เนื้อหาสาระในการปรับปรุงแก้ไข ม.112 นั้น แม้จะมีเนื้อหาบางส่วน ที่บางฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ไม่ได้มีเนื้อหาส่วนไหนที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการปรับอัตราโทษ หรือเหตุยกเว้นความผิดและโทษ
สำหรับความมั่นใจในหลักฐานที่จะชี้แจงต่อศาล นาย
พริษฐ์กล่าวว่า เราทำเต็มที่แล้ว ในการตอบคำถาม และชี้แจงทุกข้อกล่าวหาผ่านกระบวนการของศาล เหลือเพียงการรอคำวินิจฉัยของศาลว่าจะเป็นเช่นไร
ทั้งนี้ นาย
พริษฐ์ยังได้กล่าวเชิญชวนให้ประชาชนร่วมกันจับตาคำวินิจฉัยครั้งนี้ด้วย เพราะคำวินิจฉัยนี้ ไม่ได้ส่งผลแค่พรรค ก.ก.อย่างเดียว แต่จะเป็นการวางบรรทัดฐานสำคัญสำหรับการเมืองไทยในอนาคต หวังว่าคำวินิจฉัยจะออกมายืนยันในสิ่งที่เราได้สื่อสารมาโดยตลอด
เมื่อถามว่า ได้มีการคาดการณ์ฉากทัศน์ต่อไป ทั้งที่เป็นคุณและเป็นโทษไว้อยู่แล้วใช่หรือไม่ นาย
พริษฐ์กล่าวว่า ทุกกรณีหรือเหตุการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมของพรรค พรรคได้มีการประเมินทุกฉากทัศน์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และมีการวางแผน และออกแบบการบริหารจัดการทุกฉากทัศน์ไว้อยู่แล้ว เราทำเป็นพื้นฐานในทุกกรณี
เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือน จับตา 4 ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
https://www.prachachat.net/finance/news-1489293
เงินบาทยังคงอ่อนค่า แตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือนที่ 35.88 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่หุ้นไทยยังร่วงลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า สัญญาณเงินทุนต่างชาติ ผลประชุมเฟด (30-31 ม.ค.) รายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือน ธ.ค. 2566 ของธปท. รวมถึงผลประกอบการงวดไตรมาส 4/66 ของบจ. ไทย
วันที่ 28 มกราคม 2567
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่า เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือนที่ 35.88 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์
เงินบาทอ่อนค่าลงตามเงินเยนและสกุลเงินเอเชียบางส่วนช่วงต้นสัปดาห์ก่อนการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งตลาดคาดว่า BOJ น่าจะคงนโยบายการเงิน และอาจจะยังไม่ส่งสัญญาณมากนักเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน อย่างไรก็ดี เงินบาทแกว่งตัวในกรอบอ่อนค่าในช่วงต่อมาท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์และแนวโน้มเศรษฐกิจไทย แม้เงินเยนจะเริ่มฟื้นตัวกลับ
หลังถ้อยแถลงของผู้ว่าการ BOJ ถูกตลาดตีความว่าเป็นสัญญาณเชิงคุมเข้ม และ BOJ ใกล้ที่จะถอนตัวออกจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินแบบพิเศษแล้ว
นอกจากนี้ เงินบาทยังอ่อนค่าลงตามแรงขายสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่องของต่างชาติ สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่มีแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดี อาทิ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนม.ค. และจีดีพีไตรมาส 4/66 ซึ่งหนุนโอกาสความเป็นไปได้ที่จะเห็นเฟดจะยืนอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงเป็นเวลานาน
อย่างไรก็ดี เงินบาทฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ตามแรงขายเงินดอลลาร์ฯ เพื่อปรับโพสิชั่นก่อนตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์ (26 ม.ค.) และก่อนการประชุมของธนาคารกลางสหรับ(เฟด)ในวันที่ 30-31 ม.ค. นี้
ในวันศุกร์ที่ 26 ม.ค. 2567 (ก่อนช่วงตลาดนิวยอร์ก) เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 35.58 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 35.52 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (19 ม.ค. 2567) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 22-26 ม.ค. 2567 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทย 11,413 ล้านบาท และ 1,619 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (29 ม.ค.-2 ก.พ.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 35.30-36.15 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณเงินทุนต่างชาติ ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(30-31 ม.ค.) และรายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนธ.ค. 2566 ของธปท.
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย. ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนธ.ค. ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิต ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือนม.ค. นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุม BOE จีดีพีไตรมาส 4/2566 ของยูโรโซน และดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค. ของจีน ญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษด้วยเช่นกัน
ส่วนความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวน แต่ยังคงปรับตัวลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน
ทั้งนี้หุ้นไทยร่วงลงแรงช่วงต้นสัปดาห์ และแตะจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี 3 เดือนที่ 1,352.48 จุด โดยเผชิญแรงขายต่อเนื่องจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มแบงก์หลังผลประกอบการไตรมาส 4/66 ออกมาต่ำกว่าคาด
ประกอบกับมีปัจจัยลบจากข่าวสศค. ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566 และ 2567 ลง หุ้นไทยดีดตัวขึ้นช่วงสั้นๆ กลางสัปดาห์ โดยมีแรงหนุนจากการเตรียมตั้งกองทุนพยุงหุ้นและออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีน และจากปัจจัยทางการเมืองในประเทศ
อย่างไรก็ดีหุ้นไทยย่อตัวลงอีกครั้งในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ท่ามกลางแรงขายหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากความกังวลเรื่องผลประกอบการ และแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงก่อนการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า (30-31 ม.ค.)
ในวันศุกร์ที่ 26 ม.ค. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,368.15 จุด ลดลง 1.04% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 48,684.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.22% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.89% มาปิดที่ระดับ 408.82 จุด
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (29 ม.ค.-2 ก.พ.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,360 และ 1,350 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,380 และ 1,390 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (30-31 ม.ค.) ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และผลประกอบการงวดไตรมาส 4/66 ของบจ. ไทย
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน และดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2566 และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนม.ค. ของยูโรโซน และดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค. ของจีน ญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษเดือน ม.ค.
JJNY : 5in1 เมียอธิบดีกรมข้าวท้าชน│“พี่ศรี”รอดยาก!│พริษฐ์ยันแก้112ไม่เข้าข่าย│บาทอ่อนค่าสุด│“มาร์กอส-ดูเตร์เต”ส่อร้าว
https://www.matichon.co.th/politics/news_4398331
เมียอธิบดีกรมข้าว ท้าชน 4 คน เปิดข้อมูลออกสื่อ ปมรีดเงิน 1.5 ล้าน ลั่นพร้อมทุกที่ทุกเวลา ระบุถ้าออกคนเดียวไม่เป็นธรรมกับอีกฝ่าย
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) เข้าจับกุม นายศรีสุวรรณ จรรยา กรณีข่มขู่เรียกรับเงินเจ้าหน้าที่รัฐแลกกับการไม่ร้องเรียนหรือกลั่นแกล้งไม่ถูกตรวจสอบ ตามข้อร้องเรียนของ นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว รวมถึงฝ่ายการเมือง โดยมีรายงานว่ามีชื่อ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ และ น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 มกราคม เฟซบุ๊ก ‘ธัญญรัตน์ ไชย์ศิริคุณากร’ นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ ภรรยาอธิบดีกรมข้าว ได้โพสต์ภาพธนบัตรฉบับละพันหลายใบและเจ้าหน้าที่ถือกล่องดำ โดยระบุข้อความว่า
“ขอบคุณนักข่าวรายการต่างๆขอสัมภาษณ์ออกสื่อมาเยอะมากค่ะ แต่ก็ขออภัยในความไม่สะดวก หากพวกท่านๆนัดเขาทั้ง 4 คน มาเจอกันกับหนูพร้อมกัน 5 คน หนูสะดวกทุกที่ทุกเวลาค่ะเอาโทรศัพท์มาแท็กข้อมูลใส่กันทั้ง 5 คนเลยจ้าถ้าออกสื่อคนเดียวไม่เป็นธรรมกับอีกฝ่ายคะ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ได้มีการแฉคลิปเสียง นาย จ. คุยกับ นางธัญญรัตน์ ภรรยาของ นายณัฏฐกิตติ์ โดยโน้มน้าวให้จ่ายเงิน ซึ่งอ้างว่า ตนเองจะเคลียร์ให้ได้ ไม่ต้องมาสอบในชั้นกรรมาธิการได้ และยังบอกว่าให้จ่ายเงินให้ ศ.
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid0F2Fs7huTrWV3t8NqjSsaiKQq9tqg1YNKZPbJHTUtZsQuHskXN5J4TmQ8cDAMwDJcl&id=100027674141603
“พี่ศรี”รอดยาก! “ทนายเดชา”ฟันธง แฉมีอีกเพียบเข้าข่าย “นักรีด”ตบทรัพย์
https://siamrath.co.th/n/510135
เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2567 นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ “ทนายเดชา” ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ทนายคลายทุกข์” ถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน นักร้องเรียนชื่อดัง ถูกเจ้าหน้าที่รวบตัวจากกรณีข่มขู่เรียกเงิน 3 ล้านบาท จากนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เพื่อแลกกับการยุติเรื่องร้องเรียน โดยอ้างว่าพบข้อพิรุธที่ส่อไปในทางทุจริตนั้น ดังนี้
#สวัสดียามเช้าวันอาทิตย์
ผมได้คุยกับทนายความของท่านอธิบดีที่โดนตบทรัพย์
ยืนยันชัดเจนว่ามีพยานหลักฐานชัดเจนว่า กลุ่มพี่ศรีได้มีการเรียกเงินจริง ผมว่าพี่ศรีรอดยากครับระยะหลักฐานมันค่อนข้างมัดแน่น ทั้งเส้นทางเงิน คลิปเสียงคลิปวีดีโอประจักษ์พยานพยานเอกสารมัดแน่นครับ
#ในชั้นนี้ยังถือว่าพี่ศรีเป็นผู้บริสุทธิ์ตามรัฐธรรมนูญแต่พยานหลักฐานมัดแน่นดิ้นหลุดยากครับ
#นักร้องหรือนักตบทรัพย์ติดตามกันต่อไป
https://www.facebook.com/dechalaw/posts/pfbid0t2ZbwW57G4748wa2iXd4EZfp6sRwCAFHf3vSqJ8HSuCSEVr2M4AHPhAKSh5GvULgl
พริษฐ์ ยันแก้112 ไม่เข้าข่ายล้มล้างปกครอง แจงศาลไปหมดแล้ว 29ม.ค.รู้ ใครไปฟังคำวินิจฉัย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4398047
‘พริษฐ์’ มั่นใจ แจงได้ทุกข้อกล่าวหา ปม หาเสียงนโยบายยกเลิก ม.112 ย้ำ ทุกการกระทำของก้าวไกล-ส.ส.พรรคไม่เข้าข่าย ‘ล้มล้างการปกครอง’ รอหารือภายใน 29 ม.ค.นี้ จะส่งใครเข้าฟังคำวินิจฉัยศาล รธน.
เมื่อวันที่ 28 มกราคม นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัย คดีของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรรค ก.ก. ใช้นโยบายยกเลิกแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 หาเสียง ในวันที่ 31 มกราคมที่จะถึงนี้ ว่าจะมีบุคลากรของพรรคคนใดเดินทางไปฟังคำวินิจฉัยบ้าง ว่า เรื่องนี้จะต้องมีการหารือกันภายในพรรคก่อน ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันที่ 29 มกราคมนี้ แล้วจะมีการแจ้งต่อสาธารณะอีกครั้ง แต่ในวันที่ 31 มกราคมนั้น ก็มีการประชุมสภา จึงคิดว่าหน้าที่ที่สำคัญของ ส.ส.พรรค ก.ก. คือการทำหน้าที่ในสภา เนื่องจากคาดว่าจะมีการพิจารณารายงานเกี่ยวกับระบบเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) รวมถึงญัตติที่มีความสัมพันธ์อีกหลายด้านด้วย
ส่วนข้อกังวลนั้น พรรค ก.ก. ยังยืนยันคำเดิม คือพยายามทำอย่างเต็มที่ภายใต้ขอบเขตที่สามารถทำได้ ในการยืนยันความบริสุทธิ์ ว่าการกระทำที่ผ่านมา ไม่ว่าจะพรรคก้าวไกล หรือ ส.ส.ของพรรค ไม่มีการกระทำใดที่เข้าข่ายการล้มล้างการปกครอง โดยเฉพาะกรณีที่ ส.ส.ชุดที่แล้วของพรรค ก.ก. ยื่นร่างแก้ไข ม.112 เราต้องยืนยันเช่นกัน ว่า การยื่นร่างกฎหมายดังกล่าว ไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ทั้งในส่วนกระบวนการ ที่เรามองว่าการยื่นกฎหมายใดๆ ก็ตาม ไม่สามารถนำไปสู่การล้มล้างการปกครองได้อยู่แล้ว เพราะเมื่อยื่นกฎหมายเข้าไป ยังมีอีกหลายขั้นตอนพิจารณา
นายพริษฐ์กล่าวว่า ในเชิงเนื้อหา เราก็ยืนยันเช่นกันว่า เนื้อหาสาระในการปรับปรุงแก้ไข ม.112 นั้น แม้จะมีเนื้อหาบางส่วน ที่บางฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ไม่ได้มีเนื้อหาส่วนไหนที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการปรับอัตราโทษ หรือเหตุยกเว้นความผิดและโทษ
สำหรับความมั่นใจในหลักฐานที่จะชี้แจงต่อศาล นายพริษฐ์กล่าวว่า เราทำเต็มที่แล้ว ในการตอบคำถาม และชี้แจงทุกข้อกล่าวหาผ่านกระบวนการของศาล เหลือเพียงการรอคำวินิจฉัยของศาลว่าจะเป็นเช่นไร
ทั้งนี้ นายพริษฐ์ยังได้กล่าวเชิญชวนให้ประชาชนร่วมกันจับตาคำวินิจฉัยครั้งนี้ด้วย เพราะคำวินิจฉัยนี้ ไม่ได้ส่งผลแค่พรรค ก.ก.อย่างเดียว แต่จะเป็นการวางบรรทัดฐานสำคัญสำหรับการเมืองไทยในอนาคต หวังว่าคำวินิจฉัยจะออกมายืนยันในสิ่งที่เราได้สื่อสารมาโดยตลอด
เมื่อถามว่า ได้มีการคาดการณ์ฉากทัศน์ต่อไป ทั้งที่เป็นคุณและเป็นโทษไว้อยู่แล้วใช่หรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า ทุกกรณีหรือเหตุการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมของพรรค พรรคได้มีการประเมินทุกฉากทัศน์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และมีการวางแผน และออกแบบการบริหารจัดการทุกฉากทัศน์ไว้อยู่แล้ว เราทำเป็นพื้นฐานในทุกกรณี
เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือน จับตา 4 ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
https://www.prachachat.net/finance/news-1489293
เงินบาทยังคงอ่อนค่า แตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือนที่ 35.88 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่หุ้นไทยยังร่วงลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า สัญญาณเงินทุนต่างชาติ ผลประชุมเฟด (30-31 ม.ค.) รายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือน ธ.ค. 2566 ของธปท. รวมถึงผลประกอบการงวดไตรมาส 4/66 ของบจ. ไทย
วันที่ 28 มกราคม 2567 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่า เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือนที่ 35.88 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์
เงินบาทอ่อนค่าลงตามเงินเยนและสกุลเงินเอเชียบางส่วนช่วงต้นสัปดาห์ก่อนการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งตลาดคาดว่า BOJ น่าจะคงนโยบายการเงิน และอาจจะยังไม่ส่งสัญญาณมากนักเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน อย่างไรก็ดี เงินบาทแกว่งตัวในกรอบอ่อนค่าในช่วงต่อมาท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์และแนวโน้มเศรษฐกิจไทย แม้เงินเยนจะเริ่มฟื้นตัวกลับ
หลังถ้อยแถลงของผู้ว่าการ BOJ ถูกตลาดตีความว่าเป็นสัญญาณเชิงคุมเข้ม และ BOJ ใกล้ที่จะถอนตัวออกจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินแบบพิเศษแล้ว
นอกจากนี้ เงินบาทยังอ่อนค่าลงตามแรงขายสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่องของต่างชาติ สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่มีแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดี อาทิ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนม.ค. และจีดีพีไตรมาส 4/66 ซึ่งหนุนโอกาสความเป็นไปได้ที่จะเห็นเฟดจะยืนอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงเป็นเวลานาน
อย่างไรก็ดี เงินบาทฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ตามแรงขายเงินดอลลาร์ฯ เพื่อปรับโพสิชั่นก่อนตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์ (26 ม.ค.) และก่อนการประชุมของธนาคารกลางสหรับ(เฟด)ในวันที่ 30-31 ม.ค. นี้
ในวันศุกร์ที่ 26 ม.ค. 2567 (ก่อนช่วงตลาดนิวยอร์ก) เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 35.58 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 35.52 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (19 ม.ค. 2567) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 22-26 ม.ค. 2567 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทย 11,413 ล้านบาท และ 1,619 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (29 ม.ค.-2 ก.พ.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 35.30-36.15 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณเงินทุนต่างชาติ ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(30-31 ม.ค.) และรายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนธ.ค. 2566 ของธปท.
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย. ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนธ.ค. ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิต ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือนม.ค. นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุม BOE จีดีพีไตรมาส 4/2566 ของยูโรโซน และดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค. ของจีน ญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษด้วยเช่นกัน
ส่วนความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวน แต่ยังคงปรับตัวลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน
ทั้งนี้หุ้นไทยร่วงลงแรงช่วงต้นสัปดาห์ และแตะจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี 3 เดือนที่ 1,352.48 จุด โดยเผชิญแรงขายต่อเนื่องจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มแบงก์หลังผลประกอบการไตรมาส 4/66 ออกมาต่ำกว่าคาด
ประกอบกับมีปัจจัยลบจากข่าวสศค. ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566 และ 2567 ลง หุ้นไทยดีดตัวขึ้นช่วงสั้นๆ กลางสัปดาห์ โดยมีแรงหนุนจากการเตรียมตั้งกองทุนพยุงหุ้นและออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีน และจากปัจจัยทางการเมืองในประเทศ
อย่างไรก็ดีหุ้นไทยย่อตัวลงอีกครั้งในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ท่ามกลางแรงขายหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากความกังวลเรื่องผลประกอบการ และแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงก่อนการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า (30-31 ม.ค.)
ในวันศุกร์ที่ 26 ม.ค. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,368.15 จุด ลดลง 1.04% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 48,684.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.22% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.89% มาปิดที่ระดับ 408.82 จุด
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (29 ม.ค.-2 ก.พ.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,360 และ 1,350 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,380 และ 1,390 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (30-31 ม.ค.) ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และผลประกอบการงวดไตรมาส 4/66 ของบจ. ไทย
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน และดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2566 และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนม.ค. ของยูโรโซน และดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค. ของจีน ญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษเดือน ม.ค.