JJNY : 5in1 เตือนทุบก้าวไกล│กมธ.มั่นคงเรียกแจง│‘Sex Worker’ ทวง│หอค้า แนะหาแหล่งเงินทุน│ปากีสถานเอาคืน “ยิงมิสไซล์ถล่ม”

“อ.ธเนศวร์” เตือน ทุบก้าวไกล ม็อบลงถนน อย่าทำลายความฝันคนรุ่นใหม่ จนเกินเลย
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4382189
 
อาจารย์ ธเนศวร์ เจริญเมือง คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ในรายการ The Politics ข่าวบ้านการเมือง ถึงโอกาสการยุบพรรคก้าวไกล เล่นกันแรงต้องยุบถึง 3 ครั้ง เตือนหากทุบก้าวไกล ม็อบลงถนนกลับมาแน่ อย่าทำลายความฝันคนรุ่นใหม่จนเกินเลย ฝากถึงผู้มีอำนาจอย่าใช้กฎหมายเล่นงานกัน ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


กมธ.มั่นคง เรียกหน่วยงานแจงปมลักลอบขนน้ำมันเถื่อน 24 ม.ค.
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4381953

‘กมธ.ความมั่นคง‘ จ่อเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจงปมลักลอบขนน้ำมันเถื่อน 24 ม.ค. เผย จ่อชงแก้กม.กำชับหน่วยงานให้ความร่วมมือกมธ. รอถกพรรคการเมืองต่อ
 
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 18 มกราคม ที่รัฐสภา นายปิยรัฐ จงเทพ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ แถลงผลการประชุม กมธ. ความมั่นคงฯ เรื่องการพิจารณารับเรื่องร้องเรียน ว่า คณะกมธ. ได้พิจารณาเรื่องร้องเรียน จำนวน 2 เรื่องได้แก่ 
 
1. กรณีการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนและตีนไก่ สวมสิทธิเข้ามาในประเทศไทย และส่งออกไปยังประเทศจีน โดยสำแดงเอกสารอันเป็นเท็จ ซึ่งเป็นปัญหาที่กระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ
 
2. กรณีการขายและนำเข้าน้ำมันเถื่อน ที่มีความเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินของขบวนการยาเสพติด และพนันออนไลน์ หลังจากการซักถามและพิจารณา ได้ทราบว่าปัญหาข้างต้นนั้น มีความเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ในกระบวนการนำเข้าและส่งออกของประเทศ ตั้งแต่กรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ กรมประมง ถึงแม้เวลานี้เรื่องจะอยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แต่ยังคงมีข้อครหาจากทางผู้ร้องเรียน ทำให้ กมธ.ความมั่นคงฯ เล็งเห็นว่า ประเด็นของผู้ร้องเรียน เป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน อีกทั้งยังมีรายละเอียดจำนวนมาก ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ รวมถึงความเชื่อมั่นของประชาชน ต่อกระบวนการตรวจสอบ และเอาผิดนายทุนเจ้าหรือหน้าที่ของรัฐ ที่อยู่เบื้องหลังขบวนการดังกล่าว จึงได้มีมตินัดประชุมเพิ่มเติม ในวันที่ 24 มกราคม 2567 เพื่อเร่งพิจารณาในรายละเอียด ของประเด็นข้างต้นต่อไป
 
นายปิยรัฐกล่าวต่อว่า เรื่องที่ 2 เรื่องผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ…. ทั้งหมดจำนวน 3 ร่าง ดังนี้

1. ร่างที่เสนอโดยประธานกรรมาธิการ นายรังสิมันต์ โรม
2. ร่างที่เสนอโดยโฆษกกรรมาธิการ นายปิยรัฐ จงเทพ
3. ร่างที่เสนอโดยที่ปรึกษาประจำกรรมาธิการ พ.ต.อ. วิรุฒม์ ศิริสวัสดิบุตร
 
เนื่องจากสภาพปัญหาการขนาดสภาพบังคับของ พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ.2554 ทำให้การทำงาน กมธ. ทุกคณะ ประสบปัญหาด้านการได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่ลดลง ส่งผลให้การดำเนินงาน ตามอำนาจหน้าที่ของ กมธ. เป็นไปโดยยากลำบากมากขึ้น นำมาสู่การพิจารณาหารือในร่างแก้ไขข้างต้น ทั้งนี้ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ได้มีมติรับหลักการในเบื้องต้น โดยจะนำไปศึกษาและรับฟังความเห็น จากแต่ละพรรคการเมืองเพื่อหารือในลำดับต่อไป
 


‘Sex Worker’ ทวงถาม ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองการให้บริการทางเพศ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4382046

‘Sex Worker’ ทวงถาม ร่าง ‘พ.ร.บ.คุ้มครองการให้บริการทางเพศ’ หลังหยุดรับฟังความเห็นตั้งแต่ปีที่แล้ว ลั่น แช่แข็งกฎหมายแช่ได้ แต่ชีวิตคนไม่ได้หยุดเดือดร้อนตาม ด้าน ’เพื่อไทย‘ รับปาก จะนำร่างกม.จากโต๊ะพม.เข้าสภาฯ โดยเร็ว ด้าน ’ก้าวไกล‘ จ่อยื่นร่าง ‘พ.ร.บ.บริการทางเพศและคุ้มครองผู้ให้บริการ’
 
เมื่อวันที่ 18 มกราคม ที่รัฐสภา มูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ และตัวแทนพนักงานบริการทางเพศ (sex worker) เข้ายื่นหนังสือต่อพรรคการเมือง เพื่อติดตามร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองการให้บริการทางเพศ โดยมีนายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) อาทิ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.ชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคาย เป็นตัวแทนรับหนังสือ
 
โดย น.ส.ชัชลาวัณย์ เมืองจันทร์ ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน มูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ กล่าวว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ ผ่านการจัดทำและรับฟังความคิดเห็นมากว่า 5 ปีแล้ว จากทุกภาคส่วนทั่วประเทศ ทั้งภาครัฐ พนักงานบริการทางเพศ สถานบริการทางเพศ ที่มีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นเจ้าภาพ หากยึดตามกรอบเวลาเดิมร่างกฎหมายฉบับนี้ควรตั้งอยู่บนโต๊ะรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. แล้ว และจะต้องนำยื่นสู่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในลำดับถัดไป แต่ปรากฏว่า อยู่ดีๆ ก็มีการหยุดรับฟังความคิดเห็นครั้งสุดท้ายไปเมื่อเดือน พ.ย. 2566 โดยไม่ทราบสาเหตุ พวกเราจึงรู้สึกกังวล เพราะร่างกฎหมายหลายฉบับที่พยายามจะจัดทำ และยื่นกับรัฐบาลชุดนี้ หายเงียบ หายสาบสูญไป

เราจึงรวมตัวกันเพื่อติดตามไม่ให้ร่างนี้ถูกแช่แข็ง แช่แข็งกฎหมายแช่ได้ แต่ชีวิตของคนที่เป็น sex worker มันไม่ได้หยุดเดือดร้อนตามกฎหมาย เราจึงมาถามหาว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ไปถึงไหนแล้ว พร้อมเรียกร้องให้ทั้งพรรคการเมือง และกระทรวง พม. จัดทำร่างกฎหมายนี้ตามกรอบเวลาเดิม เพื่อให้ร่างนี้เกิดการศึกษา และพิจารณาในลำดับถัดไป พนักงานบริการทางเพศ จะได้เป็นแรงงานที่ได้รับการคุ้มครองเหมือนแรงงานอื่นๆ ร่างนี้สำคัญกับชีวิตเราจริงๆ เพราะร่างนี้ มุ่งเน้นการคุ้มครอง ไม่ได้มุ่งเน้นควบคุม หรือจำกัดชีวิตของพวกเรา และร่างนี้จะไปฉีก พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 ทำให้พวกเราไม่ผิดกฎหมายอีกต่อไป“ น.ส.ชัชลาวัณย์ กล่าว
 
ด้านนายธัญวัจน์ กล่าวว่า ในปัจจุบันสถานะของพนักงานบริการทางเพศของประเทศไทย ยังเป็นสถานะที่ผิดกฎหมาย สวนทางกับความเป็นจริง เป็นช่องว่างทำให้เกิดการรีดไถจากเจ้าหน้าที่รัฐ พรรค ก.ก. ตั้งใจจะยื่นร่าง พ.ร.บ.บริการทางเพศและคุ้มครองผู้ให้บริการ โดยมีสาระสำคัญต้องเกิดจากความสมัครใจ ซึ่งจากการศึกษาอย่างรอบด้าน พรรคก้าวไกลพบว่า การยกเลิก พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี ไม่สามารถทำให้อาชีพบริการทางเพศปลอดภัย เพราะเรายังมีการค้าประเวณีที่ผิดกฎหมายอาญา
 
อีกทั้งยังมี พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์อยู่ เพราะฉะนั้น สิ่งที่พรรคก้าวไกลต้องการคือ จะทำอย่างไรให้การค้าประเวณีตามคำสั่งของกฎหมาย ไม่เข้าข่ายการค้ามนุษย์ สิ่งที่เราให้ความสำคัญคือ พนักงานบริการทางเพศต้องเกิดจากคงามสมัครใจเท่านั้น และพนักงานบริการทางเพศต้องมีอำนาจต่อรองกับสถานประกอบการที่มีแนวคิดเป็นระบบธุรกิจ เพื่อให้มั่นใจว่า การค้าบริการทางเพศไม่เข้าข่ายการค้ามนุษย์ และไม่มีการกักขังเพื่อการค้าประเวณี
 
ส่วนน.ส.ขัตติยา กล่าวว่า พรรค พท. ทราบถึงปัญหานี้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด ไม่ว่าใครจะทำอาชีพอะไร ทึกคนควรได้รับสิทธิและสวัสดิการขั้นพื้นฐานจากรัฐ เราพูดถึงการแก้ไข พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี กันอยู่แล้ว และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เอง ก็มีความสนใจ และพูดถึงการทบทวนกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งพรรค พท. จะไปติดตามความคืบหน้า ของร่างกฎหมายฉบับนี้ว่าติดอะไรอยู่ และถ้าเป็นไปได้ เราจะนำร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้จากบนโต๊ะรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. มาอยู่ในสภาฯ เพื่อรับการพิจารณาให้เร็วที่สุด



หอค้า แนะหาแหล่งเงินทุน อุ้มเอสเอ็มอีชั้นดี พ้นวิกฤตดอกเบี้ยสูง ทำต้นทุนพุ่ง
https://www.matichon.co.th/economy/news_4382512

หอค้า แนะหาแหล่งเงินทุน อุ้มผู้ประกอบการชั้นดี พ้นวิกฤตดอกเบี้ยสูง ทำต้นทุนพุ่ง
 
เมื่อวันที่ 18 มกราคม นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจในภาพรวมขณะนี้ยังไม่ได้ฟื้นตัวดีมากนัก เป็นผลจากสถานการณ์การเมืองโลก ในประเทศที่มีข้อพิพาทกัน แม้ผ่านช่วงวิกฤตหนักอย่างโควิด-19 ที่กินระยะเวลายาวนานมาได้แล้ว แต่ก็ยังมีความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนปะทุขึ้น จนส่งผลกระทบการขาดแคลนอาหาร และพลังงาน ทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นอย่างร้อนแรง ซึ่งไทยก็ได้รับผลกระทบในแง่พลังงานเช่นกัน แม้ในแง่อาหารยังถือว่าเป็นประเทศผลิตอาหาร ไม่ได้ขาดแคลนด้านนี้ แต่ภาพผลกระทบที่เกิดขึ้นยังส่งผลมาถึงปัจจุบัน เมื่อภาคการผลิตยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ จากการส่งออกที่ไม่กลับคืนมาเท่าเดิม ประกอบกับต้นทุนทางการเงินที่ยังสูงอยู่ กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงเพราะภาระค่าครองชีพ ทำให้ผู้ผลิตไม่ได้ผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น จึงหลีกเลี่ยงการลดกำลังการผลิตไม่ได้ ส่งผลต่อด้านแรงงาน ที่เป็นผู้บริโภคเช่นกัน ยิ่งทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจช้าลงอีก
 
นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า หากธุรกิจเดิมทีมีหนี้สินติดมาตั้งแต่ช่วงโควิดแล้ว พยายามรักษาสภาพหนี้ไว้ เมื่อมาเจอภาวะดอกเบี้ยสูง อาจไปต่อไม่ไหว เพราะการเดินหน้าต่อยังต้องกู้เงินเพิ่ม ขณะที่เงินกู้เดิมที่มีอยู่ก็มีหนี้สินพอกพูนขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ไม่ใช่จากการประกอบกิจการอย่างเดียว พอจะมากู้สินเชื่อเพิ่มรอบใหม่ก็เริ่มติดขัดแล้ว เพราะมีมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ส่งผ่านไปยังธนาคารต่างๆ ที่ดูเรื่องความมั่นคงในการปล่อยสินเชื่อเพิ่มเติม จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีกิจการบางส่วน ส่งสัญญาณถึงปัญหาต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะเอสเอ็มอี หรือผู้ประกอบการที่ยังไม่พ้นวิกฤตเดิม เมื่อมาเจอรอบนี้อีกก็อาจส่งผลให้ไปต่อไม่ไหวได้
 
นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ได้ฟื้นตัวดีมากนัก และอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงนั้น หากไม่สามารถลดดอกเบี้ยลงได้ สิ่งที่จะต้องช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สำคัญคือ การหาแหล่งสินเชื่อเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเดินหน้าต่อไปได้ เป็นอัตราดอกเบี้ยพิเศษ เพื่อประคองธุรกิจที่อยู่ระหว่างการฟื้นฟูตัวเองกลับมา ไม่ให้กลายเป็นหนี้เสียในระบบเพิ่มขึ้นอีก โดยหากไม่มีการช่วยเรื่องต้นทุนเหล่านี้เลย เอสเอ็มอีจะยิ่งไปต่อได้ยาก เพราะดอกเบี้ยในระดับสูง ความเหลื่อมล้ำระหว่างธุรกิจรายใหญ่กับเล็กจะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ การเข้าถึงสินเชื่อจะแตกต่างกันแบบสุดๆ
 
มาตรการช่วยเหลือ ส่วนที่เกี่ยวข้องหรือรัฐบาลจะต้องเตรียมไว้แล้ว เพราะกิจการเหล่านี้ ไม่ได้ผิดนัดชำระหนี้ด้วยความสามารถในการผลิตของตัวเอง แต่มาจากสถานการณ์การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่ต่อเนื่องยาวนาน และยังไม่เห็นแนวโน้มใกล้ๆ ว่าจะกลับมาปกติได้ในช่วงใด แต่อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์นิ่งขึ้น แม้ยังยืดเยื้ออยู่ แต่ถ้าทุกอย่างนิ่งลงแล้ว กำลังซื้อก็มีโอกาสกลับมาเพิ่มขึ้น เพราะสุดท้ายคนก็ต้องกินต้องใช้ แม้บรรยากาศยังไม่ให้ แต่ถึงจุดหนึ่งก็ต้องใช้จ่ายอยู่ดี เมื่อของหมด หรือถึงเวลาแล้ว” นายวิศิษฐ์ กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่